ข่าวที่น่าอ่าน

นานๆจะมีข่าวที่ผมอยากอ่านออกมาสักชิ้นหนึ่ง เลยอดไม่ได้ที่จะต้องนำมาเล่าไว้ ข่าวที่ว่าก็คือข่าว " KCE ปรับกลยุทธรับมือต้นทุนพุ่ง" และต้องขอขอบคุณหนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์ ที่นำข่าวชิ้นนี้มาเสนอ (วันที่ 3 มีนาคม 2554)

ก่อนอื่นต้องขอออกตัวก่อนว่า ผมไม่ได้ถือหุ้นตัวนี้อยู่

สำหรับมุมมองของผมสำหรับหุ้นตัวนี้ก็คือ อาจมีปัญหาเรื่องหนี้สินที่ต้องชำระภายในหนึ่งปี หรือ ที่เรามักเรียกกันว่า หนี้สินหมุนเวียน เพราะ อัตราส่วนสินทรัพย์หมุนเวียนต่อ หนี้สินหมุนเวียนน้อยกว่าหนึ่ง นั่นหมายถึง ผู้บริหารจำเป็นต้องให้ความสนใจในเรื่องนี้เป็นพิเศษ

เนื้อข่าวมีดังนี้ครับ

KCE ปรับกลยุทธ์รับมือต้นทุนขึ้นทุกทาง ตั้งแต่แปลงหนี้เป็นเหรียญสหรัฐ เจรจาแบงก์ปรับดอกเบี้ยคงที่ หวังดันอัตรากำไรสุทธิถึง 9 %

นายพิธาน องค์โฆษิต รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เคอีซี อีเลคโทรนิคส์ (KCE) เปิดเผยว่า ปัจจุบันบริษัทพยายามปรับกลยุทธ์เพื่อสู้กับต้นทุนที่เพิ่มขึ้นทุกทาง โดยมีเป้าหมายให้อัตรากำไรสุทธิเติบโตได้ถึง 9 % เทียบกับปีก่อนที่ 7.4 % ตั้งแต่การแปลงหนี้ระยะยาวในรูปสกุลเงินบาทให้เป็นสกุลเหรียญสหรัฐ เนื่องจากดอกเบี้ยรูปสกุลเหรียญสหรัฐมีต้นทุนดอกเบี้ยน้อยกว่า

นอกจากนี้ บริษัทได้รับการตอบรับที่ดีจากธนาคารพาณิชย์ต่อเนื่องที่ให้ปรับอัตราดอกเบี้ยจากลอยตัวที่ปีก่อนเฉลี่ยอยู่ที่3.5 % เป็นดอกเบี้ยคงที่ระดับ 4.8-5 % ซึ่งบริษัทยอมในอัตราดอกเบี้ยเฉลี่ยมากขึ้น เพราะถือเป็นการป้องกันความเสี่ยงในช่วงที่แนวโน้มดอกเบี้ยอยู่ในช่วงขาขึ้น

นายพิธาน กล่าวต่อว่า บริษัทยังมีการปรับกลยุทธ์เพื่อบริหารความเสี่ยงในภาคการผลิต เริ่มตั้งแต่ควบคุมความผันผวนราคาทองแดงที่ไปซื้อราคาล่วงหน้า พร้อมซื้อประกันความเสี่ยงทองแดงระยะสั้นทุก 6-9 เดือน ซึ่งทำให้บริษัทสามารถทยอยปรับราคาสินค้ากับลูกค้าได้ตามราคาทองแดงที่สูงขึ้น
ขณะเดียวกัน บริษัทพยายามหาลูกค้าใหม่ที่มีเป็นรายใหญ่มากขึ้น โดยปีนี้ตั้งเป้าที่ 5-8 ราย เทียบจากปีก่อนมีลูกค้ารายใหม่ 8-10 ราย พร้อมทั้งเพิ่มเทคโนโลยีผลิตสินค้าที่มีมูลค่ามากขึ้น เช่น สินค้าไฮเทคที่ใช้ในธุรกรรมการเงิน อย่างเครื่องรูดบัตรเครดิต เพราะจะมีอัตรากำไรขั้นต้นที่มากกว่าด้านรถยนต์ จากปัจจุบันบริษัทมีสัดส่วนรายได้จากการผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ 60 % และด้านอุปโภคบริโภค 40 %

นายพิธาน กล่าวทิ้งท้ายว่า บริษัทมีแผนสร้างโรงงานแห่งใหม่เพิ่มอีก 1 แห่ง มูลค่าลงทุน 2,000 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นการลงทุนในรอบ 10 ปี โดยคาดว่าจะใช้เวลาตัดสินใจ 1 ปี และในไตรมาส 1 ปี 2555 จะได้ข้อสรุปว่าจะก่อสร้างที่ไหนระหว่างโรรงานเดิมที่ลาดกระบังหรือที่อยุธยา โดยโรงงานแห่งใหม่จะทำให้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้นได้อีก 50 % จากปัจจุบัน 2.1 ล้านตารางฟุต

จากเนื้อข่าวจะพบว่า มีข้อมูลที่น่าสนใจดังนี้

เป้าหมายของการจัดการ
อัตรากำไรสุทธิเติบโตได้ถึง 9 % เทียบกับปีก่อนที่ 7.4 %

วิธีการให้บรรลุเป้าหมาย
1. การแปลงหนี้ระยะยาวในรูปสกุลเงินบาทให้เป็นสกุลเหรียญสหรัฐ
2. ปรับอัตราดอกเบี้ยจากลอยตัวที่ปีก่อนเฉลี่ยอยู่ที่3.5 % เป็นดอกเบี้ยคงที่ระดับ 4.8-5 %
3 ควบคุมความผันผวนราคาทองแดงที่ไปซื้อราคาล่วงหน้า พร้อมซื้อประกันความเสี่ยงทองแดงระยะสั้นทุก 6-9 เดือน
4. หาลูกค้าใหม่ที่มีเป็นรายใหญ่มากขึ้น โดยปีนี้ตั้งเป้าที่ 5-8 ราย
5. เพิ่มเทคโนโลยีผลิตสินค้าที่มีมูลค่ามากขึ้น

และสุดท้ายยังเล่าถึงโครงการในอนาคตอีกด้วย
มีแผนสร้างโรงงานแห่งใหม่เพิ่มอีก 1 แห่ง มูลค่าลงทุน 2,000 ล้านบาท ซึ่งจะผลสรุปในไตรมาส 1 ปี 2555

ผมว่าข่าวลักษณะอย่างนี้ดีกว่าอ่านบทวิเคราะห์ของโบรกเกอร์เยอะเลย

Create Date : 09 มีนาคม 2554 Last Update : 9 มีนาคม 2554 11:32:54 น. Counter : 566 Pageviews.		1 comments
Share Tweet