พฤศจิกายน 2552

1
2
3
4
5
6
7
8
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
 
 
ลอยกระทง :: กับวันคืนที่ผ่านไป

วันเพ็ญเดือนสิบสอง น้ำนองเต็มตลิ่ง
เชิญท่านพ่อแม่พี่น้อง จูงลูกจูงหลานมาร่วมงานลอยกระทงประจำปีกัน
ณ ท่าน้ำวัดยานนาวา เขตสาทร ไม่เสียค่าบัตรเข้างานแต่ประการใด
ลอยกระทงกันแล้ว อย่าลืมนมัสการพระสารีริกธาตุที่เจดีย์เรือใบกัน น นนน นนนน


แว่วเสียงโทรโข่งจากรถกระบะที่วิ่งผ่านไปอย่างช้า ๆ
เสียงดังอย่างพอจะจับใจความได้ สะท้อนจากด้านในซอยผ่านท้องน้ำออกมา
ฉันยิ้มกับเสียงที่ได้ยิน ..
คนไทยนี่ช่างดีนักนะ มีเรื่องให้ได้กินได้เที่ยวตลอดเลย
เกิดเป็นคนไทยนี่ ไม่ต้องรีบตักตวงความสุขไว้ก็ได้
ในเมื่อความสุขวิ่งวนลอยอยู่ข้างหน้าตลอดทั้งปี

แล้วก็อดไม่ได้ ที่จะหวนคิดถึงวันคืนเก่า ๆ ที่ผ่านเลย



นับตั้งแต่วัยไม่เกิดประถมสี่ ฉันก็เลิกที่จะไปลอยกระทงที่ไหน ๆ อีก
รวมทั้งไม่เคยจะเกิดความสุขหวานชื่นกับมันเลยสักครั้ง
ทำไมนะเหรอ .. เพราะความทรงจำอันขมขื่นมันยังตรึงใจ
สมัยที่ยังเป็นกระทงโฟม นักเรียนตัวน้อยต้องทำงานฝีมือเป็นกระทงใบจิ๋ว
ความหวังของเด็กตัวเล็ก ๆ อย่างฉันในวัยนั้น ก็คงเหมือนกันกับคนอื่น ๆ
ที่อยากมีพร้อมทั้งพ่อและแม่ จูงมือพาไปคาราวะพระแม่คงคา ได้เห็นพลุสวย ๆ
แม้จะไม่รู้ว่า ตอนนั้น เราทำผิดอะไรกับแม่น้ำไว้บ้างถึงต้องมีประเพณีการขอขมา
แต่ฉันก็อยากไปดูกระทงสวย ๆ แลเห็นเทียนวิบ ๆ ไกล ตัดกับเงาของน้ำ ช่างน่าดู


ปีนั้น หลังจากหิ้วกระทงโฟมกลับมาบ้าน
รอคอยเวลาสองทุ่มที่พ่อจะกลับจากทำงาน เพื่อมาพาฉันกลับจากบ้านป้าเข้าบ้านตัวเอง
ตื่นลืมตามาอีกที รอบตัวมืดไปหมด ได้ยินเสียงกระซิบเบา ๆ ที่ข้างหู
ตื่น ลูก เข้าบ้านเราไปนอนดีกว่า งืมมม จำได้ว่ามือน้อยจับกระทงจนกลีบกระดาษเบี้ยว
หูตามันหนักจนลืมไม่ขึ้น ลากกระเป๋านักเรียนเดินหลับตามาตามทาง
พ่อจับอุ้มขึ้นบ่า .. แล้วปีนั้น กระทงของฉันก็ต้องลอยวันแรม


ปีถัดมา จากกระทงโฟม เริ่มกลายเป็นกระทงใบตอง
แม้จะไม่ใช่งานง่ายสำหรับฉัน แต่ก็ไม่ใช่เรื่องยากหนักหนาอะไร
แม่ฉันมีฝีมือทางงานช่าง การบ้านการเรือนอยู่พอตัว พรสวรรค์คงหล่นมาใส่ฉันอยู่บ้าง
หัดจับกลีบ พลิกมืออยู่สองสามที มันก้ได้รูปตามแบบของมันเอง
คราวนี้ล่ะ ที่ตั้งหน้าตั้งตาจะไปลอยกระทงใบสวยนี้ให้ได้
ก็ปีนี้อยู่ชั้นประถมสี่แล้วนี่ โตแล้วนะ ไม่หลับโงกเงกให้เสียท่าอีกหรอก
พ่อก็เกี่ยวก้อยสัญญากับฉันแล้วว่า ปีนี้จะพาไปแน่ ๆ แต่ดึกหน่อยนะ พ่อต้องอยู่เวร
เพราะพ่อทำงานสังกัดกทม. จึงมีหน้าที่ต้องคอยดูแลความสุขของชาวกทม.
ในวันนี้ที่ใคร ๆ ต่างมีความสุข ยิ้มระรื่น พ่อก็ต้องคอยประจำการที่ศูนย์วิทยุเพื่อมีเหตุอะไร
น้ำท่วม ท่อตัน อยู่ที่ไหนในเขตตัวเอง ก็ต้องเตรียมคนให้พร้อมไว้


ฉันกลับบ้านด้วยรถโรงเรียนเหมือนเคย แต่คราวนี้เปลี่ยนจุดหมายปลายทาง
ไปอยู่ที่บ้านป้าอีกคนซึ่งไกลกว่าเดิม ระหว่างทางที่รถแล่นผ่าน ฉันมองเห็นเด็กตัวน้อยพร้อมกระทง
ฉันอยากอวดกระทงใบสวยนี้กับพ่อเหลือเกิน ครูชมด้วยนะว่าเก่ง แถมติดโบว์เลข 1 ให้ด้วย
นาฬิกาตีเก้าครั้งแล้ว พ่อยังไม่มาเลย ตาก็หนาหนัก ง่วงจังเลย
ป้าบอกว่าให้นอนก่อนเถอะ เดี๋ยวพ่อมาก็ค่อยไปลอยก็ได้ ยังไงซะกลับบ้านก็ผ่านอยู่แล้ว
ฉันพยักหน้าหงึกหงักก่อนหลับตาลงไปด้วยความอ่อนเพลีย


“เตร็ง .. เตร็ง ..” แว่วได้ยินเสียงนาฬิกาตีสองที ฉันยังไม่ได้กลับบ้านตัวเอง
ประตูเหล็กหน้าบ้านป้าถูกเปิดออก แม้จะพยายามให้เบา แต่เสียงดังในความมืดก็ปลุกฉัน
“พ่อ มาแล้วเหรอ ไปลอยกระทงกัน” คำพูดแรกที่รู้ตัวและลืมตา พุ่งตรงออกจากปาก
“ไม่ไปแล้วลูก ตีสองแล้ว วัดปิดหมดแล้ว” พ่อปลอบประโลมเบา ๆ
วินาทีนั้นฉันตื่นทันที แล้วคำพูดสุดแรงก็ถูกตะโกนออกไป “พ่อโกหก พ่อโกหก” น้ำตาปริ่ม
ฉันอาละวาดขว้างของในมือไปสู่พ่อ ทั้งหมอน ทั้งผ้าห่ม และขวดน้ำ “ปั่ก ... โอ๊ย ...”

น้ำตาปริ่มสาย ไหลพร่างพรู ความผิดหวังซ้ำแล้ว ซ้ำเล่า ซ้ำแล้ว ซ้ำเล่า
วนเวียนเหมือนกันทุกปี ทุกปี
ผิดแต่เพียงปีนี้ ที่ฉันออกฤทธิ์อาละวาดไป แล้วผลลัพธ์ของความดื้อก็ถูกตีกลับมา
รอยปื้นยาว ๆ ของไม้ไผ่ที่ใช้ขัดหม้อข้าว แนบแนวยาวกับน่องขาวอีกสามรอย
ฉันเกลียดวันลอยกระทง ฉันเกลียดกระทง ฉันเกลียด เกลียด เกลียด
เสียงร้องก้องสะท้อนอยู่ในหัว ด้วยความคิดอย่างแสนเด็ก เพราะมันทำให้ฉันถูกตี




..
นับเวลาจวบวันนี้ ไม่รู้ล่วงเลยไปเท่าไหร่แล้วจากปีนั้น
ฉันไม่เคยไปลอยกระทงที่ไหนอีกเลย ไม่เคยแม้แต่จะเฉียดใกล้ หรือมีความคิดอยากไป
เพราะบ้านฉันอยู่ติดริมน้ำ แม้คลองจะเป็นแค่คลองเล็ก ๆ ที่ไหลผ่าน
แต่ทุกปีที่ผันผ่านวันนี้ไป ขยะสีสดสวย ใบตอง กาบกล้วยลอยติดแก่งอยู่หลังบ้าน
คลองตื้นเขินจนเห็นโคลนไปทั่ว แต่นั้นก็เห็นกระทงใบงามที่ใครต่อใครตั้งใจอธิษฐาน
ขอคาราวะ ลูกขออภัยต่อพระแม่คงคา ที่ทำให้ทำต้องขุ่นมัว ที่ทำความสกปรกอยู่ทั้งปี
วันนี้ที่พระจันทร์ลอยเด่นดวงสว่างเช่นนี้ ขอลอยความทุกข์โศก โรคภัยอันตราย จงอย่าได้แผ่วพาน
ขอความเจ็บช้ำขุ่นมัว และเรื่องราวร้าวร้าย จงลอยลับหายไปกับพระแม่คงคา
ฉันมองเห็นคำอธิษฐานที่เกาะเต็มขอบกระทง ทั้งเล็บ ทั้งผม ทั้งสิ่งเลวร้ายถูกใส่ลงมาในกระทง
นี่หรือ .. คือ การขออภัยต่อเจ้าแห่งสายน้ำอย่างที่ควรทำกัน



ฉันเพียงยกมือประนม
น้อมกราบขออภัยต่อพระแม่คงคา เจ้าแห่งสายน้ำผู้ให้ชีวิตและความสดชื่น
หากด้วยจิตอันคิดดีนี้จะส่งถึงพระแม่ได้ ลูกขออภัยที่เคยได้ทำร้ายท่านด้วยประการทั้งปวง
กรรมดีใดที่ได้เคยประกอบ กรรมดีใดที่ได้เคยทำไว้ ลูกขออุทิศผลบุญกุศลให้กับพระแม่ด้วยเทอญ


ถึงจะลดกระทงจากฉันไปหนึ่งใบ แล้วแม่น้ำจะไม่ได้ใสขึ้นเลยก็ตาม
แต่ฉันเชื่อว่า คนทำความสะอาดเก็บขยะจากแม่น้ำก็คงจะเหนื่อยน้อยลง
และหวังไว้ว่า พ่อของเขา คงจะได้กลับบ้านเร็วขึ้นอีกสักนาที



..
สวัสดีฮะ หายหน้าหายตาไปจากถนนนี้หลายเรื่องเลย
วันนี้ก็เกือบ ๆ จะหายไปอีกเหมือนกัน .. แต่ก็ กลับมาทันจนได้
เรื่องนี้ก็เป็นเรื่องเล่าจากความจริงเหมือนเช่นเคย ผิดข้อเดียว คือ พ่อไม่ใช่คนเก็บขยะเท่านั้นเอง
ก็หวังว่า จะเป็นส่วนหนึ่งของความคิดในการไปลอยกระทงในปีถัดไปของคุณ ๆ
ต่างคน ก็ ต่างมุมไป อย่ายึดถือความถูกผิดจากความคิดนะฮะ



คิดถึงทุกคนเลย (จริง ๆ นะ)




Create Date : 09 พฤศจิกายน 2552
Last Update : 9 พฤศจิกายน 2552 17:11:07 น.
Counter : 841 Pageviews.

10 comments
  
...

มีหาง.......ด้วยเหรอ......

คนอะไรมีหาง........

ขึ้นเหนือเมื่อไหร่ขอดูหน่อยเหอะ
โดย: เจ้าหญิงทีเจ้าชายตายจาก (timeofmylove ) วันที่: 9 พฤศจิกายน 2552 เวลา:18:52:09 น.
  
สวัสดีครับ

แวะมาทักทายเพื่อนร่วมทางครับ

ปีนี้ ก็ไม่ได้ลอยกระทงเช่นกันครับ..

ฮ่ะๆๆ

โดย: ชายผู้หล่อเหลา..กว่าแย้นิดนึง.. (อสัญแดหวา ) วันที่: 9 พฤศจิกายน 2552 เวลา:19:17:27 น.
  
ชอบอ่ะ
ที่กัดว่านี่หรือ คือการขอโทษพระแม่คงคา
ผมว่าความจริงแล้วมันไม่ใช่การขอโทษพระแม่คงคาสักนิดเดียวเลย
แต่มันเป็นการขอพรให้กับตัวเองทั้งนั้น



ปล. อย่าหายไปอีกนะครับพี่ รออ่านอยู่
โดย: ไอซ์คุง (ปีศาจความฝัน ) วันที่: 9 พฤศจิกายน 2552 เวลา:21:32:51 น.
  
น่าเสียดายจังที่เหตุการณ์ในวันนั้นทำให้เกลียดการลอยกระทงไปเลย แต่ถ้าคิดกันจริงๆ แค่เราตั้งใจขอขมาพระแม่คงคาแค่ยกมือไหว้อย่างตั้งใจ แค่นี้พระแม่คงคาก็ให้อภัยแล้วล่ะ กระทงก็เป็นแค่สิ่งของที่ใช้ประกอบเท่านั้นเองนะคะ
โดย: ส้มแช่อิ่ม วันที่: 9 พฤศจิกายน 2552 เวลา:21:51:30 น.
  
อ่านแล้วเศร้านะ แต่ไม่ลอยเราก็คิดในแง่บวกได้ว่าไม่มีขยะเพิ่มขึ้น ลดโลกร้อนด้วยหละ ว่าแต่ถ้าไม่มีคนลอยเป็นเพื่อนปีหน้าโทรมานะ แบบว่าหาเพื่อนอยู่เหมือนกันอะ
โดย: Summer Flower วันที่: 10 พฤศจิกายน 2552 เวลา:10:04:20 น.
  
ขอบคุณที่ยังร่วมเขียนเล่าเรื่องราวสู่กันฟังค่ะ
โดย: nikanda วันที่: 11 พฤศจิกายน 2552 เวลา:3:55:05 น.
  
เป็นอีกมุมมองที่น่าคิดอะนะ
ก็มีหลายมุมนั่นแหละ
ทั้งผู้ได้ประโยชน์ก็ว่าดี
เสียประโยชน์ก็ไม่ดี
....
เหมือนงานศพ ญาติเสียใจ
คนขายโลงไชโย ร้านดอกไม้ยิ้มชื่นใจ
....
ชอบค่ะ แล้วจะแวะมาอ่านอีก


แอมอร
โดย: peeamp วันที่: 11 พฤศจิกายน 2552 เวลา:14:34:02 น.
  
สวัสดีเช่นกันขอรับ

เป็นคำง่ายๆที่เข้าใจยากนะครับ

ผมเองก็ยังงงๆ

ฮ่ะๆๆ
โดย: นายกสมาคมพ่อค้าจิ้งเหลน.เพื่อการส่งออก .แห่งประเทศไทย.. (อสัญแดหวา ) วันที่: 11 พฤศจิกายน 2552 เวลา:16:12:15 น.
  
ตัวเอง เป็นจิ้งจอกหรือปล่าวหล่ะ

ถึงแม้จะถูกตัดหางสักกี่ครั้งมันก็จะงอกกลับมาอยู่ดี...


555555555

เกาะติด เหนียวแน่น และเต็มไปด้วยหาง....

...
อะ แบมือมือมา......เก็บดาวมาฝาก แต่จะเห็นก็ต่อเมื่อพระอาทิตย์ลับขอบฟ้า......นะ

แต่เวลามองจะสวยหรือปล่าว ก็คงอยู่ที่ใจหล่ะ...คนไกล
โดย: เจ้าหญิงที่เจ้าชายตายจาก (timeofmylove ) วันที่: 12 พฤศจิกายน 2552 เวลา:13:31:13 น.
  
เรื่องจริงอีกแล้วใช่ไหมคะเนี่ยคุณ
งือๆ ทำเอาเราเกือบเสียน้ำตาไปซะด้วยสิ
นั่นสิคะ อ้อนก็เหมือนกัน ไม่ได้มีความสุขอะไรมาก
ในวันลอยกระทง ก็เพราะว่าเราไม่ได้มีประสบการณ์ดีๆ
กับเค้านั่นเอง

ชอบคุณเขียนเรื่องแนวนี้นะ
โดย: BeCoffee วันที่: 15 พฤศจิกายน 2552 เวลา:20:35:15 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

inmemoir
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]



-in memoir-

งานเขียนย่อมจัดเป็นงานวรรณกรรม
ซึ่งงานอันมีลิขสิทธิ์
ตาม พ.ร.บ.ลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 มาตรา 6

ซึ่งให้ความคุ้มครองแก่ท่านเจ้าของลิขสิทธิ์
ในงานเขียนดังกล่าวโดยอัตโนมัติ
ไม่จำต้องจดทะเบียน
  •  Bloggang.com