Group Blog
All Blog
|
หลอน # ๒ :: เรื่องเล่าจากความทรงจำ คำเตือน .. อย่าอ่านเรื่องนี้คนเดียวตอนดึก หุ หุ หุ (โปรดกรุณา ทำ เสียง ทุ้ม นุ่ม ต่ำ และให้มันอยู่ในลำคอ ขณะอ่าน) โอเค .. ดีมาก 55 ที่หายหัวไป ไม่ได้ไปหลอนใครหรอก นอกเสียจากว่า หลังจากวันหยุดที่ดูเหมือนจะน่ายินดีปรีดาทีไร ก็จะสาหัส กับ การหยุดยาว ๆ ของระบบราชการไทย ซะ ทุกที ม่ายย อาววว ม่ายยย บ่น .. เข้าเรื่องดีกว่า ........................ จริง ๆ แล้ว ตัวเองค่อนข้างจะมีเซนส์กับสิ่งที่มองไม่เห็นอยู่พอควร พอเริ่มโต มันก็ค่อย ๆ จางหายไป รับรู้ได้บ้างไม่ได้บ้าง แต่การรับเห็นนี่ น้อยจนแทบไม่มี แต่อาการวูบวาบเหมือนมีคนเดินผ่าน หรือการมาให้เราได้รู้โดยเสียงและกลิ่นยังมีนิดหน่อย คงจะเพราะ สมาธิไม่นิ่งพอสมองไม่ว่างพอ จิตก็เริ่มฝักใฝ่ไปทางอนาจารมากขึ้น บร้า เค้าล้อเล่น อาจจะอย่างที่เขาว่า ๆ กัน โตมากขึ้นจิตมันไม่ใสแล้ว การติดต่อระหว่างเขากับเรา จึง ติดต่อกันได้ยากมากขึ้น เรียกว่า จูนกันไม่ติด แบบนั้น สมัยเรียนมัธยมปลาย โรงเรียนอยู่ในถิ่นที่เรียกว่า ดุ อยู่พอสมควร ตกเย็นเลิกเรียนแล้วก็จะเอากระเป๋าลงมาทันที เพราะใครกล้ากลับขึ้นตึกหลังห้าโมงไปแล้ว ยกนิ้วให้เลยว่า สุดยอดมาก บรรยากาศมันเงียบและไร้ผู้คน จนเห็นแต่อย่างอื่นเดินนำ เคยมีอยู่ครั้งหนึ่ง ที่เพื่อนเดินนำหน้าอยู่ดี ๆ ก็หยุดชะงัก เราก็ถามว่า หยุดทำไมเกือบชนเลย เธอว่าจะเข้าห้องน้ำ รอเป็นเพื่อนหน่อย ก็โอเค ก็หยุดรอ แล้วก็ถามเพื่อนว่าทำไมไม่เข้าล่ะ เพื่อนว่า จะเข้าได้ไงมีคนอยู่ อ้าววว เอาแล้วไง ห้องน้ำที่เห็นตรงหน้าประตูเปิดอ้าซ่า ไม่ได้เปิดไฟสักดวงไม่ได้มีคนข้างในสักคน แล้ว ยังไงล่ะ เพื่อนหันไปดู ... เอ้ยย เมื่อกี้เห็นคนเดินนำจริง ๆ นะ เดินเข้าห้องน้ำไปด้วย ต่อหน้าต่อตาเลย จ๊ากกก เผ่นสิ วิ่งสามก้าวถึงชั้นเรียนทันที ใครจะอยู่รอก็อยู่เหอะ ไปก่อนล่ะ แต่สำหรับฉันเอง สิ่งที่เจอในโรงเรียน รับรู้ได้เพียงว่า มีรุ่นพี่มาเรียนด้วยกันที่ห้อง เพราะตอนสอบเก็บคะแนน เพื่อนแอบเอาหนังสือมาเปิดดู เงาวูบดำใหญ่เดินผ่านหลังเรา ทั้งที่ฉันและเพื่อนนั่งหลังสุดไม่มีทางให้เดินผ่านแล้ว อาจารย์ที่เฝ้าคุมก็หลับอยู่ข้างหน้า แว่บเดียว กลิ่นธูปหอม ๆ ก็ลอยผ่าน เพื่อนคนนี้เซนส์ดีกว่า เพราะมองเห็นด้วย เธอชี้มาข้างหลัง ฉันบอกว่า เออ...รู้แล้ว เพราะลมหายใจอ่อน ๆ อยู่ที่คอใครบางจะไม่รู้ จบการสอบ เราสองคนมาคุยกันเงียบ ๆ แต่ขนลุกทั้งหัว แล้วเล่าให้อาจารย์ที่สนิทฟัง อาจารย์ว่า ตอนเย็นจะเห็นพี่คนนี้นั่งอยู่ที่หน้าระเบียงห้องประจำ ดูเหงา ๆ น่าสงสาร ใช่ ก็เข้าใจแหละว่า พี่เค้าเสียตอนที่วิ่งขึ้นบันไดบ้านเพื่อไปหยิบสมุดการบ้านที่ลืมไว้ แต่ปรากฏว่า ลื่น ล้ม หงายหลัง ลงมา โดย หัวและท้ายทอยฟาดที่ขั้นบันได ไม่ได้สติ และหมดลมหายใจไปทั้ง ๆ เต็มเปี่ยมไปด้วยความตั้งใจจะมาโรงเรียน เราเห็นพี่ตลอดทั้งปี อะไร ๆ ก็เปลี่ยนไปตามอายุที่ว่า เติบโตมากขึ้น เนื้อที่สมองลดลง การรับรู้เรื่องก็น้อยลงจนแทบจะไม่รู้ ซึ่งก็ดี เพราะเรื่องแบบนี้ ไม่ค่อยมีใครอยากรู้กระมัง แล้วนี่ก็เป็นเรื่องต่อจากหลอน .. ที่เล่าไว้แล้ว ถ้าใครยังไม่อ่าน ย้อนไปเรื่องนั้นก่อนนะ //www.bloggang.com/mainblog.php?id=inmemoir .. กรี๊ด .................................. ด ด พี่ พาใคร มาทำงานด้วยน่ะ เสียงน้องที่ทำงานฉันร้องลั่นด้วยความตกใจ อ๋อ .. เจ้าแมวหง่าวหน้าตึกที่คนเฝ้าฝากขึ้นมาให้ช่วยดูแล และหาคนเลี้ยง มันถูกทิ้งไว้หลังจากคนที่อยู่บ้านข้าง ๆ ที่ทำงานย้ายออกไป แต่ลืมเจ้าลูกแมวตัวนี้ไว้ ความน่ารักน่าชังและขี้ประจบตามประสาแมว เคล้าคลออยู่ไม่ห่าง เย็นนั้นฉันเลยตัดสินใจเอากลับไปอยู่ด้วยกันที่บ้าน ก่อนที่จะหาคนอื่นเลี้ยงต่อไป ระหว่างทางที่กลับถึงบ้านฉันยังได้กลิ่นที่ไม่ปรารถนาอยู่จาง ๆ อาจจะอะไรบางอย่าง.. ได้แต่ติดอยู่ในใจ เพราะเป็นเรื่องที่ไม่อยากจะคิด ปล่อยให้มันไม่มีคำตอบดีกว่า ขี่มอเตอร์ไซด์ถึงบ้านแล้ว หยิบเจ้าเหมียวออกจากลังกระดาษที่ผูกไว้หลังรถ และหยิบเสื้อแจ็กเกตที่กองไว้ออกมาด้วย โหยย เจ้าเหมียวน้อย ฝากรักซะแล้ว มองเห็นรอยซึมตรงกระเป๋า เดี๋ยวต้องเอาไปซักซะแล้ว เฮ้อ กลิ่นหึ่งเชียว บ้านยังคงเรียบร้อยเหมือนทุกวัน เปิดประตูหลังบ้านเพื่อเอาลมเข้ามา อ้าวลืมเก็บผ้า เสื้อกันลมอีกตัวที่ใส่ไม้แขวนตากไว้ปลิวสะบัด ลืมไว้เมื่อไรกันนะ เจ้าแมวเดินสำรวจรอบ ๆ บ้าน พร้อม ๆ กับฉัน แล้วเจ้าเหมียวก็วิ่งจู๊ด ฉันปล่อยให้มันเดินดูอะไรต่อไป พร้อมกับจัดเตรียมเสื้อผ้าที่จะซัก กลิ่น .. ยังตามมาอีก เอาเหอะ ช่างมัน!!! ถ้าคิดจะรังควานก็ตามใจ ทางใคร ทางมัน แต่ในใจยังนึกถึงเจ้าที่เจ้าทาง บอกกล่าวกันด้วยจิตให้ไปถึง คุ้มครองลูกด้วย อย่าให้ใครอื่นเข้ามาบ้านได้ ใจไม่ได้วิตกกังวลกับมันแล้ว ทำนู่น นี่ นั้น ตามประสาไป เสื้อที่ถูกเจ้าเหมียวฝากรอย เป็นคราบที่ดูเหมือนจะเอาไม่ออก เอ๊ะ กลิ่นตุ ตุ จับเสื้อขึ้นมาดมกลิ่น เอ้ยยย ใช่แน่ ๆ กลิ่นเดียวกันเลย เสียงเจ้าเหมียวหง่าว ๆ อยู่ใต้ราวแขวนเสื้อ ฉันก้มลงไปคว้ามันขึ้นมา อะ ผงะ เวรกรรมเอ้ย หลงกลัวอยู่ซะตั้งนาน ที่ไหนได้ หนูตัวเล็กกระจิดริด ขึ้นอืด แหวะจริง ๆ มิน่าเล่า ทำไมมันถึงได้หลอก ได้หลอนไปทั่วเลย ก็ชายเสื้อแจ็กเก๊ตที่ใส่ไปทำงานเมื่อเช้า ก็หล่นลงไปพอดี คงจะซึมรอยอยู่บ้าง แถม เงาเสื้อโบกสะบัดที่หลอนจิตก็ เสื้อกันหนาวที่ตากไว้แต่ชาติไหนก็ไม่รู้ ดีนะ ไม่ได้บอกใคร อายเค้าแย่เลย คุณเองก็ ... จุ๊ ๆ ๆ เงียบไว้นะ อย่าบอกใคร เอ้ย ขำล่ะสิ .. โดย: Phannaploy วันที่: 10 กรกฎาคม 2552 เวลา:14:54:47 น.
55555555555555555+
มาบลอคนี้เล่นเอาสว่างกระจ่างแจ้งเลยล่ะค่ะ โธ่ หนูน้อยตัวเล็ก มานอนอืดอยู่นี่นี่เอง ดีนะคะ ที่เป็นคนใจแข็ง ไม่งั้นคงจะกลัวไปแล้ว แต่แอบเครียดนิดนึงตรงที่เผลอไปอ่านเรื่องด้านบน เล่นเอาคิดถึงเรื่องเล่าผี ๆ สมัยมัธยม มากมายเหลือเกิน ภาพตึกเรียน ห้องน้ำโรงเรียน บันไดโรงเรียนกลับมาเลย นึกว่าเรื่องเดิมจะหนีพ้นความหลอนไปแล้ว ดันมาเจอเรื่องใหม่เข้าให้ซะนี่...แงๆๆ กลัว โดย: นางสาวดุ่บดั่บ วันที่: 10 กรกฎาคม 2552 เวลา:17:07:43 น.
อืมม
ทำไปได้.. โดย: ขาประจำห้าทุ่มกว่า.. IP: 119.31.42.214 วันที่: 10 กรกฎาคม 2552 เวลา:23:21:06 น.
อืมมมม ... blog ที่แล้ว คนอ่านถูกหลอน
blog นี้คนอ่านถูกหลอกงิ โดย: Paulo วันที่: 11 กรกฎาคม 2552 เวลา:22:03:26 น.
โอ้ย ดันมีแถม โห
จุจุ อย่าบอกใคร แทบตกเก้าอี้ นับถือจริงๆ เล่นเอาในสั่น ไม่เป็นท่า โดย: แม่ภูมิ (Artagold ) วันที่: 22 กรกฎาคม 2552 เวลา:12:07:35 น.
|
inmemoir
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?] -in memoir- งานเขียนย่อมจัดเป็นงานวรรณกรรม ซึ่งงานอันมีลิขสิทธิ์ ตาม พ.ร.บ.ลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 มาตรา 6 ซึ่งให้ความคุ้มครองแก่ท่านเจ้าของลิขสิทธิ์ ในงานเขียนดังกล่าวโดยอัตโนมัติ ไม่จำต้องจดทะเบียน |