Love works in ways that are wondrous and strange. There's nothing in life that love cannot change.

<<
พฤษภาคม 2553
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
24 พฤษภาคม 2553
 

ระลึกความหลัง ก่อนจะถึง World Cup 2010

ก่อนอื่น ขอระลึกความหลังซักนิดนึง ด้วยอายุน้อยนิด(จริงๆ) ทำให้เราเพิ่งจะดูฟุตบอลโลก "เต็มๆตา" หมายความว่า ตามติดชิดขอบจอทุกแมทซ์เท่าที่จะสามารถดูได้เพียงแค่ 2 ครั้งเท่านั้นเอง มาม๊ะ...มาทบทวนกัน


ปี 2002 ฟุตบอลโลกครั้งแรก(รึเปล่า)ที่มาจัดการแข่งขันบนแผ่นดินเอเชีย ณ ดินแดนอาทิตย์อุทัยและโสมขาว ทำให้เด็กน้อยตาดำๆที่เรียนแค่ชั้น ม.6 ได้ติดตามดูฟุตบอลโลกวันละ 3 เวลาหลังอาหาร เอ้ยย ไม่ช่ายยย วันละ 3 คู่ในช่วงสุดสัปดาห์ และวันละ 2 คู่เป็นอย่างน้อยในวันธรรมดา ขอบอกว่า ดูจนตาแฉะเลยค่ะ และเป็นทัวนาเม้นท์ที่ทำให้เริ่มเชียร์ทีมอินทรีเหล็กซะด้วย จากที่เป็นกองเชียร์เร่ร่อนมานาน เดี๋ยวก็บราซิล เดี๋ยวก็อังกฤษ เดี๋ยวก็อิตาลี มาเป็นเยอรมันเท่านั้นในทัวนาเม้นนี้เอง


แล้วทำไมต้องเป็นเยอรมันด้วยน้า


ก็เพราะน้าโอลิเวอร์ คาห์นน่ะสิ มันแบบว่า ไม่เคยเห็นผู้รักษาประตูคนไหนที่เทพได้ขนาดนั้นมาก่อน และเชื่อเถอะ ถ้านี่จะผ่านพ้นยุคของน้าเค้ามาแล้ว เท่าที่ดูบอลเรื่อยมา เราก็ยังไม่รู้สึกว่าใครจะเทพได้เท่าแกตอนที่แกเจ๋งสุดๆในทัวนาเม้นบอลโลกปี 2002 นี้ได้เลย จริงๆนะ (ไม่ได้โม้) ขนาดปีเตอร์ เช็ก ว่าเจ๋งๆแล้ว ดูๆไป ก็ยังไม่รู้สึกตื่นตาตื่นใจเท่าน้าโอลิเวอร์ คาห์น ของเดี๊ยนจริงๆ


ต๊ายยย ไม่เตือนกันเล้ยยยย ปล่อยให้พล่ามเรื่องเยอรมันอยู่นั้นล่ะ พูดถึงอย่างอื่นๆกันบ้างดีกว่า เอาจากความทรงจำเลยนะ


อย่างแรกก็คือ ทีมชาติฝรั่งเศสจอดไม่ต้องแจวตั้งแต่รอบแบ่งกลุ่มเลย อันนี้ช๊อกกันไปหมด ไม่รู้ว่ามีปีนี้จะมีอีกมั้ย ประเภททีมใหญ่ที่เล่นได้ห่วยแตกจนต้องกระเด็นออกจากสังเวียนตั้งแต่ยังเร่งเครื่องไม่ถึงเกียร์ 2 ภาวนาให้อย่างเป็นทีมรักและทีมที่แอบรักทั้งหลายของเราก็แล้วกัน อิอิ


ถัดมา อันนี้เป็นความทรงจำส่วนตัว มันเกิดจากว่า ในรอบ 8 ทีมสุดท้าย 2 ทีมใหญ่ที่ถือได้ว่ามีแฟนบอลมากที่สุดในเมืองไทย 2 ทีมเกิดโคจรมาปะกันเอง นึกออกมั้ย ...ก็อังกฤษกับบราซิลไงล่ะ แต่บอลคู่ใหญคู่นี้ดันเกิดมีโปรแกรมแข่งตอนบ่าย 2 โมง เหอๆ เอาล่ะสิ...คนทำงานเลยพร้อมจะหยุดงาน ส่วนเด็กนักเรียนก็พร้อมจะหยุดเรียน ซึ่งโรงเรียนคงจะรู้แกวเด็กๆ และรู้ว่างานนี้ "ห้ามไม่ได้แน่ๆ" เลยประกาศว่าจะให้ดู ทำให้ไม่เกิดภาวะนักเรียนพร้อมใจกันหยุดเรียนเพื่อดูบอล จำได้ว่าวันนี้ บ่าย 2 โมงปุ๊บ อาจารย์ก็เกณฑ์ลงมาที่โรงอาหาร ซึ่งมีทีวีอยู่ 4 เครื่อง พอถึงที่นั่งเท่านั้นแหละ รู้ได้ทันทีว่า "กรูอด" เพราะมันไกลมากกกกกก ซึ่งยังไงก็ไม่รู้ แต่คงมีลางสังหรณ์ล่ะมั้งว่าคงไม่ได้ดูชัดๆ เลยพกซาวอะเบาซ์ (สมัยนี้คงไม่ใครใช้ล่ะ 555+) มาด้วย และเปิดฟังเสียงทางวิทยุเอา มันก็มันส์ไปอีกแบบ เสียแต่ไม่ได้เห็นภาพ แต่ความตื่นเต้นก็ยังคงอยุ่ตลอดเวลา ถามว่า เชียร์ทีมไหน ถ้าตอนนั้นเป็นสาวกลิเวอร์พูลก็คงจะเชียร์อังกฤษ แต่ด้วยความที่ยังไม่ได้เป็นไง เลยออกลูกเฉยๆ เชียร์เอาสนุกๆ แต่ยอมรับล่ะว่าเอียงไปทางอังกฤษ ไม่รู้ทำไม สงสัยมีฌาณพิเศษล่ะมั้งว่าอนาคตจะติดบอลอังกฤษงอมแงมขนาดนี้ แถมยังรักลิเวอร์พูลเป็นชีวิตจิตใจอีกต่างหาก เพราะงั้น พอโรนัลดิญโญ่ปั่นฟรีคิกลูกนัดเข้าประตูไปเลยเซ็งๆไปเล็กน้อย ถึงอย่างนั้น เราคงไม่มีวันลืมบรรยากาศวันนั้นเลย แม้จะมองจอทีวีไม่เห็น เซ็งๆไปบ้าง แต่บรรยากาศการเชียร์ร่วมกับเพื่อนๆมันก็สนุกดีไปอีกแบบ


เรื่องที่สามก็เป็นความทรงจำส่วนตัวอีกนั่นแหละ ขอบอกว่า ไม่มีวันลืมจนตายเลย เราพลาดอดดูรอบรองชนะเลิศคู่บราซิลกับตุรกี เพราะฝนตก น้ำท่วม และรถติดวินาศสันตโร มันเป้นวันธรรมดาที่ต้องไปโรงเรียนนั่นแหละ และบอลคู่นี้ก็มาตอน 6 โมงครึ่ง ยังไงๆก็ถึงบ้านทันดูแน่นอน แต่มันดันเกิดเหตุจนทำให้กลับไปดูไม่ทันซะได้ เริ่มจาก ฝนตกหนักมากกกกกก ตอนเลิกเรียนน่ะ ฝนหยุดไปแล้ว แต่น้ำเกิดมาท่วมซะได้ พอน้ำท่วม สิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ก็คือ รถติด ก็แบบว่า...เอาน่ะ จะติดยังไง ก็ได้ดู ออกจากโรงเรียน 4 โมง ให้ติดยังไงก็ทัน แต่มันไม่แค่น้ำท่วมน่ะสิ มันดันมีเหตุป้ายโฆษณาล้มใกล้ๆถนนซึ่งเป็นเส้นทางกลับบ้านพอดี มันเลยแหง็กอยู่ตรงนั้น ...6 โมง ยังไม่พ้นแยกบางนา พระเจ้า...สุดท้ายเลยตัดสินใจลงเดิน ไอ้เรื่องบอลน่ะ ทำใจแล้วว่าคงไม่ทัน แต่ก็หวังๆว่าอาจจะทันซักครึ่งหลังก็ยังดี และที่ตัดสินใจลงเดินเนี่ย มันก็ไม่ได้คิดว่าจะต้องเดินไปไกลมากขนาดไหน แต่พอเดินไปแล้ว ก็เลยต้องเดินไปเรื่อยๆ เพราะรถมันไม่ขยับจริงๆ


สรุปเลยกลายเป็นเดินจากแยกบางนาไปถึงสำโรง เออ...ไม่อยากจะเชื่อเหมือนกันว่าเดินไปได้ เพราะมันไม่ใช่ใกล้ๆเลย แล้วก็ต่อรถจากตรงนั้นไปถึงบ้าน เดินเข้าบ้าน ดูนาฬิกา อีก 15 นาทีจะ 2 ทุ่มครึ่ง ยังทันอีก 15 นาที ขอบคุณนะ แต่เซงว่ะ


และสุดท้าย ไม่พูดคงไม่ได้ นัดชิงที่เทใจเชียร์เยอรมันหมดหน้าตัก ที่ต้องบอกว่า เห็นใจโอลิเวอร์ คาห์นมากๆ เขาสมควรที่จะได้เป็นผู้ชูถ้วยแชมป์จริงๆ เสียดายที่ไม่สำเร็จ T T


คงเพราะเรื่องแปลกๆที่เกิดขึ้นกับชีวิตในช่วงที่มีการแข่งขัน ทำให้เราจดจำการแข่งขันฟุตบอลโลกครั้งนี้ได้ดีกว่าเมื่อ 4 ปีที่แล้ว ปี 2006 เสียอีก กับคราวก่อนที่จำได้ชัดๆคงเป็น ช๊อตซีดานเอาหัวโขกหน้าอกมาเตรัซซี่ในนัดชิงชนะเลิศที่ทำเอาเราถึงกับอ้าปากค้างอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง แต่ก็ยังไม่ลืมจุดโทษที่ซีดานยิงก่อนหน้านัดที่เป็นจุดโทษที่ตื่นตาตื่นใจที่สุดเท่าที่เคยดูมา เพราะพี่แกเลยชิพบอลชนเสยคานบนเข้าไปแบบสวยงาม (และใจหายใจคว่ำ)


สำหรับทีมชาติเยอรมัน ในบอลโลกปี 2006 เรากลับรู้สึกว่ามาแบบเรื่อยๆ ไม่มีอะไรโดนเด่นนัก มันสู้ปี 2002 ไม่ได้ และแอบเซงด้วยที่ผู้เฒ่าคาห์นได้ลงแค่นัดชิงที่ 3 แต่บอลโลกครั้งนั้น เราเริ่มเชียร์ทีมชาติอังกฤษอีกทีม เพียงเพราะ "กัปตันทีมลิเวอร์พูล" คนเดียวเลย เพราะเจอร์ราร์ดคนเดียวที่ทำให้เราเอาใจช่วยอังกฤษ และเป็นที่มาของความทรงจำต่อเหตุการณ์การโดนใบแดงของรูนี่ ซึ่งมันทำให้เกิดความรู้สึกเกลียดพวกโปรตุเกสจับใจ โดนเฉพาะโรนัลโด้ ยิ่งเป็นนักเตะแมนยูด้วย (ขณะนั้น) ต่อให้เก่งแสนเก่งแค่ไหน ก็คงทำใจให้ชอบไปไม่ได้เลย และไม่เคยคิดอยากได้หมอนี่มาร่วมทีมลิเวอร์พูล ซึ่งมันก็คงไม่คิดจะมาหรอก (ดีแล้ว 55+) แต่ให้มองอย่างยุติธรรม อังกฤษเองก็ห่วยด้วยแหละ ตั้งแต่รอบคัดเลือก ก็ไม่เห็นว่าจะเล่นดีอย่างที่ควรจะเป็นเลย ก็สมควรแล้วล่ะ


ผ่านมา 4 ปีแล้ว บอลโลกกำลังจะมาอีกครั้ง ครั้งนี้ ถ้าถามว่าเชียร์ทีมไหนนอกจากเยอรมัน ก็คงต้องเป็นอังกฤษ สเปนและอาเจนติน่าและเดนมาร์กและสโกวเกียและฮอลแลนด์ เออ...เอาเป็นว่าทุกทีมที่มีเด็กหงส์ก็แล้วกัน 555+  แต่เอาจริงๆนะ หัวใจมันแทบจะเชียร์อังกฤษเป็นอันดับแรกอยู่แล้ว เพราะความปรารถนาที่อยากจะเห็นเจอร์ราร์ดได้แชมป์อะไรกับเค้าบ้าง นี่มันแทบจะบดบังหัวใจรักอินทรีเหล็กอย่างที่เคยเป็นเสียแล้ว นี่เกิดอังกฤษกับเยอรมันต้องมาเจอกัน จะทำยังไงล่ะเนี่ยยยย เฮ้อ...ไว้ค่อยคิดทีหลังแล้วกัน เหอๆ


ที่แน่ๆ ตอนนี้อยากดูบอลโลกจะตายอยู่แล้วววววว






Free TextEditor




 

Create Date : 24 พฤษภาคม 2553
0 comments
Last Update : 25 พฤษภาคม 2553 15:46:15 น.
Counter : 514 Pageviews.

 
Name
* blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Opinion
*ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet

howk_ky
 
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




When everything has its proper place in our minds, we are able to stand in equilibrium with the rest of the world.

(เมื่อทุกสิ่งทุกอย่างมีเฉพาะในจิตใจเรา เราก็จะสามารถยืนหยัดได้อย่างสมดุลในโลก)
[Add howk_ky's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com