~หากเคียงชิดใกล้ แต่เธอต้องทิ้งทุกอย่างเพื่อฉัน .... ห่างเพียงนิดเดียว ให้รักเป็นสายลมผ่านระหว่างเรา~

เรื่องเล่า..เล่าเรื่อง จากเมืองเซี่ยงไฮ้ กับเทนนิสมาสเตอร์คัพ ๒๐๐๘ (ตอนจบ...จริงๆนะ)

เกิดเหตุผิดพลาดอย่างมหันต์.... อั๊พบล๊อกเกือบเสร็จสมบูรณ์แล้ว
แต่ดันเผลอไปลบมันตอนไหนไม่รู้ แล้วก็เซฟทับไปเรียบร้อย

ทุกอย่างหายวับไปกับตา


ต้องเริ่มใหม่หมด..............


เริ่มที่ของเก่าก่อนละกัน ... สองวันสุดท้ายอยู่ด้านล่างนะคะ



๑๐ พ.ย. ๕๑


วันนี้ไม่รู้จะไปเที่ยวไหน เพราะไม่อยากเข้าเมืองแล้วออกมาใหม่
อยากมีเวลาไปถึงสนามแข่งก่อนเวลานานหน่อย จะได้เดินดูบรรยากาศทั่วๆ

เลยตกลงกับพี่ว่าได้เดิน IKEA ก็แล้วกัน อยู่ไม่ไกลจากที่พักด้วย
ก็ได้ซื้อของแต่งบ้าน กลับมาหลายอย่างเหมือนกัน จนต้องขนของไปเก็บที่โรงแรมก่อน

แล้วก็แวะหาข้าวกินก่อนที่จะไปสนาม เพราะว่าที่นู่นของกินแพงมากกกก
รวมทั้งเตรียมน้ำ เตรียมขนมไปขบเคี้ยวระหว่างเกม อย่างกับจะไปปิคนิคเลยทีเดียว

คือได้บทเรียนจากเมื่อวานค่ะ.... ทั้งสองคู่ที่ดูคืนกำไรกันสุดๆ
เล่นกันสูสี ลุ้นระทึกจนไม่อยากเดินออกมาหาอะไรกิน
มาวันนี้เลยกะว่า ถ้าพี่จะเล่นกันถึงเที่ยงคืน ก็ไม่อดตายล่ะ


ประมาณสี่โมงเย็นก็นั่ง Metro มาสถานี "ZhuanQiao" เหมือนเดิม แต่คราวนี้ยังพอมีเวลา
เลยกะว่าจะนั่ง Shuttle bus มาที่สนาม แล้วก็มองเห็นป้ายนี้



เรากับพี่ก็เดินตามป้ายบอกทางไป.... ชี้ให้ขึ้นสะพานก็ขึ้น



ตอนนี้พระอาทิตย์เริ่มตกดิน ต้องเร่งฝีเท้ากันหน่อยแล้ว



เจอแล้วนี่ไง Shuttle bus



แต่คราวนี้มีคนเก็บเงินอ่ะ มีตั๋วรถบัสให้ด้วย จ่ายไปคนละ ๕ หยวน


คือที่จริงแล้วเค้าเก็บเงินแค่ขาไปครั้งเดียว เพราะถือว่าทุกคน ไปแล้วก็ต้องกลับมาแน่ๆ
ก็เลยเก็บทีเดียว สะดวกดี เพราะตอนนั่งกลับไม่ต้องเก็บเงินให้เสียเวลา...

รถ Shuttle bus มาจอดที่ประตูฝั่งด้านข้างสนาม
หน้าประตูจัดพุ่มดอกไม้เป็นลูกเทนนิสด้วย....



ตอนเดินเข้าในสนามเจอนักข่าวสาวชาวสเปน มาสัมภาษณ์ว่าคิดว่าใครจะเป็นแชมป์
เราก็ตอบไปว่าพี่เฟดน่าจะมีโอกาสมากที่สุด
แต่ใจเราจริงๆ อยากให้โนเล่ได้แชมป์....

พอตอบไปอย่างนั้น.... เค้าก็ยิ้มแป้นแล้วบอกว่า
เค้าก็เชียร์โนเล่เหมือนกัน เราเลยได้โอกาส
โฆษณาความน่ารักของโนเล่ ตอนมาเมืองไทยให้เค้าฟังซะเลย



Round Robin Match Red group: Roger Federer vs Gilles Simon (64 46 36)

วันนี้คู่เปิดถือเป็นคู่เอกเลยทีเดียว พี่เฟดมีกองเชียร์ล้นหลาม
ทั้งคนสวิส คนจีนก็พากันมาดูกันแน่นสนาม



ส่วนน้องซิมง ก็มีกองเชียร์ฝรั่งเศสมาเหมือนกัน
รวมทั้งเห็นซองก้ามานั่งดูเพื่อนอยู่ด้วย

เซ็ทแรก...พี่เฟดดูนิ่ง แล้วก็คุมจังหวะเกมตัวเองได้
ในขณะที่กิลลี่ดูลนๆ ตีเสียเองซะเยอะ พี่เฟดเลยได้เซ็ทไปก่อนแบบชิลๆ



พอเซ็ทสองกิลลี่คนเดิมเริ่มกลับมา ทั้งวินเนอร์ ทั้งลูกเสิร์ฟที่แม่นมากๆ
ทำให้พี่เฟดต้องวิ่งเยอะกว่าเซ็ทแรก แล้วเซ็ทนี้เป็นเซ็ทที่เชียร์กันสนุกมาก

กองเชียร์ทั้งสองฝ่ายไม่มีใครยอมใคร แต่เป็นแบบบรรยากาศน่ารักๆ
ไม่ซีเรียสถึงขนาดจะเอากันให้ตายไปข้าง
จบเซ็ทน้องซิมงได้ไป เลยเสมอกันที่ ๑ ต่อ ๑ .....



ระหว่างพักก่อนขึ้นเซ็ทสาม กองเชียร์ก็พากันเล่นเวฟรอบสนาม
ยิ่งทำให้บรรยากาศคึกคัก สนุกสนานขึ้นไปอีก



เซ็ทตัดสิน กิลลี่ใช้ความเหนียว ขยันวิ่งเก็บแทบทุกลูก
และช็อตที่เราชอบ ก็คือตอนเขย่งก้าวกระโดดยิง ด้วยแบ๊คแฮนด์ที่เร็วและพุ่งเป็นจรวดเลย


พี่เฟดก็พยายามแก้เกม ด้วยการขึ้นหน้า แต่ก็ตีเสียเองอย่างน่าเสียดาย
เพิ่งมารู้ทีหลังว่าเฮียแกไม่สมบูรณ์เต็มร้อย สุดท้ายก็ต้องแพ้ไปแบบได้ใจกองเชียร์
เราเองก็ยังชื่นชมเฟดอยู่นะ แต่ขอให้กำลังใจน้องใหม่หน่อยแล้วกัน



หลังจบแมตช์...พี่เฟดเดินคอตกออกไป แต่คนดูยังคงยืนปรบมือให้ไม่หยุด
รวมทั้งตอนซิมงให้สัมภาษณ์ในคอร์ท ผู้ชมก็ยืนปรบมือให้
ถือว่ากิลลี่สมควรเป็นผู้ชนะอย่างสมศักดิ์ศรีจริงๆ....


Round Robin Match Red group: Andy Murray vs Andy Roddick (64 16 61)

ศึกระหว่างสองแอนดี้ เริ่มด้วยน้องแอนถึกเป็นฝ่ายเล่นได้ดีกว่า
เอ-ร้อดโดนรีเทิร์นลูกเสิร์ฟงามๆ ไปหลายที ทำเอาแก้ไม่ตก

แอนเมอเลยได้เซ็ทแรกไปก่อน แบบชิลๆ
เราก็ดูว่าฟอร์มแบบนี้สงสัยจบสองเซ็ทแหงๆ ....

แต่พอเซ็ทสองน้องแอนเหมือนโดนเล่นของ...

ฟอร์มดิ่งเหว แถมเสิร์ฟแรกหาย รวมทั้งเอร้อดเล่นดีขึ้น
เสิร์ฟดีแล้วขึ้นหน้าเน็ทได้แต้มตลอด เลยกลายเป็น ๑ เซ็ทเท่ากัน

สรุปแล้ววันนี้ได้ดู ๓ เซ็ททั้งสองคู่.... คืนกำไรให้ผู้ชมอีกแล้ว คุ้มดีจริงๆ


เซ็ทสาม น้องแอนคืนสติกลับมาได้ หลังจากมึนไปพักใหญ่
ชนะเซ็ทนี้ไปได้ ใช้เวลาเล่นกันสองชม.กว่า ....

พอจบแมตช์เราก็รีบวิ่งไปขึ้น Shuttle bus กลับไปที่สถานี Metro ที่จะขึ้นกลับโรงแรม
แต่พอไปถึงปรากฎว่ารถไฟปิดไปแล้วตั้งแต่ ๔ ทุ่ม ทำไงดีล่ะนี่...

เลยว่าจะนั่ง Shuttle bus ต่อไปลงอีกป้ายนึง...
พอดีคุยกับคนจีนในรถ แล้วเค้าช่วยคุยกับคนขับรถ ให้จอดให้เราลงระหว่างทาง
เพื่อจะได้ต่อ Taxi ไปโรงแรมใกล้หน่อย.....


กว่าจะกลับถึงโรงแรมก็เที่ยงคืน เข้าไปเจอพนักงานต้อนรับหนุ่มหน้ามน
เค้าพยายามจะทักทายด้วยภาษา (ที่คิดว่าเป็น)ของเรา

"อันยองฮาเซโย" เราก็ส่ายหน้าตอบเค้าไป ว่าเราไม่ใช่คนเกาหลี

"คมบังวะ" เราก็ส่ายหน้าอีก ว่าญี่ปุ่นก็ไม่ใช่


ในที่สุดเลยเฉลยไปว่า เราเป็นคนไทยต่างหาก
เค้าก็พยายามนึกภาษาไทย แต่นึกไม่ออก....
เราก็ขำๆ แล้วบอกว่าไม่เป็นไร ให้เวลาคิดถึงพรุ่งนี้


. = . = . = . = . = . = . = . = . = . = . = .

มาแล้วๆๆ มาต่ออีกสองวันสุดท้าย.... ในที่สุดก็เขียนจบก่อนขึ้นศักราชใหม่จนได้
ใช้เวลายาวนาาาานนนนน กว่าบล๊อก Thailand Open ร่วมสิบเท่า -_-"

ไม่เสียเวลาละ....เชิญติดตามรับชมรับฟังกันตามอัธยาศัย... คิดเห็นอย่างไรทิ้งคอมเม้นไว้ให้จขบ. อ่านเพลินๆได้นะคะ


๑๑ พ.ย. ๕๑

วันนี้ต้องย้ายโรงแรม(อีกแล้ว) คืนนี้จะกลับเข้าไปนอนในเมือง
เพราะมองการณ์ไกลว่า พรุ่งนี้อยู่นี่วันสุดท้าย จะได้มีเวลาเดินเที่ยว ซื้อของในเมืองประมาณครึ่งวัน
ก่อนจะนั่งรถไปสนามบิน ขึ้นเครื่องกลับบ้าน

ออกเดินทางตอนสายๆ เข้าเช็คอินที่ Novotel Atlantis Hotel, Pudong avenue ตอน ๑๑ โมงกว่าๆ
ได้ห้องอยู่ชั้น ๔๖ แน่ะ... สูงลิบลิ่ว เราก็กะว่ามองมาจากห้องพัก จะได้เห็นหอทีวีไข่มุก เห็นริมฝั่งแม่น้ำหวงผู่สวยงาม
แต่เอาเข้าจริงกลายเป็นว่าห้องพักอยู่อีกด้านนึง มองออกมาเห็นแต่คอนโดที่พักอาศัย เรียงกันเป็นพรึ่ดไปหมด


พอเก็บข้าวของเสร็จก็ไปเดินเที่ยวแถว China Old Town เป็นเขตเมืองเก่าของชาวเซี่ยงไฮ้
มีทั้งตึกที่เพิ่งสร้างขึ้นมาใหม่เป็นร้านค้าสวยหรู เพื่อให้นักท่องเที่ยวแวะชม ถ่ายรูป ....
และตึกเก่าซึ่งเป็นที่อยู่ของชาวเซี่ยงไฮ้จริงๆ








ร้านขายอาหารแบบบ้านๆ....

ตลาดสดขายหมู เห็ด เป็ด ไก่ นกตัวเป็นๆ ทำตาปริบๆ อยู่ในกรง



ร้านขายเสื้อผ้ากีฬา ทำเอาแยกแทบไม่ออก ว่าอันไหนยี่ห้อจริง อันไหนของทำในจีน
(ทำซะเหมือนเชียว)



เดินเที่ยวไปหาของกินไปเรื่อยๆ จนได้บ่ายสามโมงกว่าๆ ก็เรียกรถแท๊กซี่ไปที่ Shanghai Stadium (สนามกีฬาเมืองเซี่ยงไฮ้ ที่อยู่ในเขตตัวเมือง)
เพราะที่นั่นมีบริการรถ Shuttle bus ไปสนามแข่งเทนนิส Qi Zhong Stadium ใช้เวลาเดินทางประมาณ ๕๐ นาที

ระหว่างอยู่ในแท๊กซี่ ก็ค้นพบว่าเซี่ยงไฮ้นี่ก็รถติดเหมือนกัน...
แล้วเกือบตลอดทาง จะเห็นไซท์งานก่อสร้างของ Shanghai Expo ที่จะจัดขึ้นในปีค.ศ. ๒๐๑๐
ที่นี่เค้าโปรโมทสร้างกระแสล่วงหน้ากันเป็นปีๆ เลย มีทั้งตัวมาสคอท แล้วก็สัญลักษณ์ ด้วย



แท๊กซี่พาเราไปปล่อยไว้ที่ประตูด้านข้างของสนาม แต่ก็ยังมองไม่เห็นป้าย
ว่าจะให้ไปขึ้นรถ Shuttle bus ตรงไหน....
เลยต้องเดินหาถามคน ถามเจ้าหน้าที่ไปเรื่อยๆ

กึ่งเดินกึ่งวิ่งหาทางขึ้นรถร่วมครึ่งชั่วโมง สรุปว่าอยู่ด้านขวามือ ไม่ไกลจากประตูที่เราลงแท๊กซี่นั่นแหล่ะ
แต่เรากับพี่ดันวนไปทางซ้าย เลยต้องเดินซะเกือบครบรอบสนามกีฬา
ลองเทียบความใหญ่โตดูกับสนามรัชมังคลาฯ บ้านเราแล้วกันค่ะ เดินกันขาขวิดเลยทีเดียวกว่าจะเจอ

ขึ้นรถที่นี่เก็บค่ารถคนละ ๒๐ หยวนก็ถือว่านั่งคุ้มราคา เพราะเป็นค่ารถแบบไป-กลับ

วันนี้ไปถึงสนามก่อนแมตช์แข่ง เลยมีเวลาเดินสำรวจรอบๆให้ทั่ว
ในเต้นท์ขนาดใหญ่ข้างสนาม มี food center ขายอาหารราคาไม่ถูกอยู่ เอาไว้ให้คนดูแวะมากินกันตายระหว่างแมตช์


แล้วก็มีบู้ทสปอนเซอร์ต่างๆ
ของ adidas ก็โชว์รองเท้ารุ่นเซี่ยงไฮ้ ๒๐๐๘ ที่โนเล่ใส่แข่งที่นี่..... พอดีไม่ได้ถามมาเผื่อคนแถวนี้ว่าราคาเท่าไหร่



booth รับระบายสีบนหน้าเป็นรูปธงชาติ ตามแต่เราจะเลือกว่าเชียร์ใคร



เดินไปอีกก็เป็นเหมือน Hall of Fame ของการแข่งขัน Tennis Master Cup ที่นี่
ว่าแต่ละปีตั้งแต่ปี ๒๐๐๒ มีอะไรเกิดขึ้นบ้าง มีภาพของผู้เข้าร่วมแข่งขันในปีก่อนๆ







อันนี้เป็นตัวการ์ตูน ก็น่ารักดี ใครเป็นใครกันบ้าง จำได้รึเปล่า




ส่วนคนนี้กับ Rolex เป็นของคู่กัน....




ใน food court มีวงดนตรี บรรเลงกันสดๆ ให้กินไป ฟังเพลงไป



นอกจากนี้ยังมีส่วนโปรโมท ATP 1000 series ที่จะจัดที่เซี่ยงไฮ้ปี ๒๐๐๙ เป็น outdoor court




Round Robin Match Gold group: J.M.Del Potro vs J.Wilfried Tsonga (76(4) 76(5))

ความสนุกของคู่นี้อยู่ตรงสีสันของกองเชียร์นี่เอง
ทั้งกองเชียร์อาร์เจนไตน์ และกองเชียร์ฝรั่งเศส.. ส่งเสียงดังไม่มีใครยอมใคร
ฝั่งอาร์เจนฯ ใส่เสื้อบอลลายฟ้า-ขาว มากันเป็นแก๊งค์ใหญ่
ร้องเพลง "โอเล๊ โอเล๊ โอเหล่.... ปอร์โต ปอร์โต" ลั่นสนาม ยังกับเชียร์บอล



วันนี้เรามาช่วยเชียร์น้องเดล... เพราะนัดต่อไป ซองก้าต้องไปเจอโนเล่
กลัวว่าโนเล่จะเอาตัวไม่รอด (แล้วมันก็ไม่รอดจริงๆ -_-")

ยิ่งพอขึ้นเซ็ทที่สอง เสียงเชียร์ยิ่งดังกว่าเก่า
ร้องเพลงกันแทบทุกคะแนน ก็ทำให้หายง่วงไปได้หน่อย
เพราะว่าวันนี้เดินเยอะมาก เกือบทั้งวัน แล้วถ้าให้มานั่งดูเฉยๆเนี่ย หลับคาเก้าอี้แน่ๆ

ตอนสัมภาษณ์หลังจากน้องเดลชนะ น้องเดลมีแซวโฆษกคนจีนที่มาสัมภาษณ์
ด้วยการเอามือไปลูบหัวเหมือนเอ็นดูเด็กๆ เพราะพี่แกดูเป็นคนแคระไปเลย เวลายืนเทียบกัน


Round Robin Match Gold group: Novak Djokovic vs Nikolay Davydenko (76(3) 06 75)

มาถึงคู่ลุ้นระทึกของเรา วันนี้ชาวจีนก็มาเชียร์โนเล่เยอะเหมือนกัน
เห็นได้จากปริมาณธงชาติเซอร์เบียร์บนอัฒจรรย์ (หรือเราอาจมองผิด เพราะธงชาติรัสเซียก็สีเหมือนๆกันน่ะ)



แต่หลวงพี่ก็มีเสียงเชียร์ไม่น้อยหน้ากันนะ

โนเล่ได้เซ็ทแรกมาก่อนแบบกระท่อนกระแท่น พอเซ็ทสองเหมือนโดนเสกของเข้าตัว....
แพ้ไปแบบไม่ได้ซักเกม เล่นไร้ใจมากๆ ดูแล้วอยากเอาแรกเก็ตไปช่วยฟาดหัวซักทีสองที



มันกลัวคนดูจะได้กลับบ้านเร็วใช่มั้ยเนี่ย วันนี้โรงแรมเราก็อยู่ไกลจากสนามเข้าไปอีก....
เซ็ท ๓ ช่วง ๓ เกมสุดท้าย นี่เราต้องลงไปยืนดูอยู่แถว ใกล้ๆประตูทางออก
กะว่าจบแมตช์ปุ๊ป ต้องวิ่ง ๔x๑๐๐ ไปขึ้นรถ shuttle bus ทันที เพราะถ้าคนเยอะจะไม่ได้นั่ง



พอเอาเข้าจริง จบแมตช์ โนเล่ชนะ เราก็ตัดใจไม่ได้ ขอยืนฟังสัมภาษณ์ต่อจนจบ แล้วถึงออกจากสนามไป
แล้วก็เป็นดังคาดว่าไม่มีที่นั่ง... ต้องยืนไปตลอดทาง

ขากลับเราขึ้นรถสาย "Pudong Yuan Sheng Stadium" เพราะไปจอดใกล้โรงแรม เรามากกว่าสายอื่น
แล้วก็ใช้เวลาเดินทางมากที่สุดซะด้วย แต่ก็ต้องนั่งแท๊กซี่ต่ออยู่ดี..... กว่าจะกลับถึงที่พักก็เที่ยงคืน

นี่ถ้าเป็นซินเดอเรลล่า... รถคงกลายเป็นฟักทองทุกวันแน่ๆ

แต่ยังไงก็คุ้มค่า ได้รู้ว่าโนเล่เข้ารอบรองฯแน่ๆแล้ว กลับมาดูต่อที่เมืองไทยได้อย่างสบายใจ



๑๒ พ.ย. ๕๑

วันนี้ก็ต้องกลับแล้ว จัดการเก็บข้าวของเช็คเอ้าท์ตอนสายๆ แต่ยังฝากกระเป๋าทั้งหลายไว้ที่โรงแรมก่อน
กะว่าจะไปเดินเล่นหาของฝากกลับเมืองไทย แล้วค่อยกลับมาแพ๊คของอีกที

พอเดินผ่านซุปเปอร์มาร์เกตใหญ่ริมถนน แถวๆโรงแรม ก็พากันเข้าไปซื้อของกินทันที
เราชอบซื้อของในซุปเปอร์ กลับมาฝาก เพราะมันดูเป็นของพื้นๆบ้านๆดี ไม่ใช่แบบของที่ทำเอาไว้ขายนักท่องเที่ยว
ใครไปก็เห็นซื้อมาแบบเดียวกัน ... สำหรับเรา มันดูโหลไปหน่อย


ได้มาทั้งขนม ของกิน เส้นก๋วยเตี๋ยวแบบเซี่ยงไฮ้ที่เราเคยกินที่ร้านอาหาร แล้วมันอร่อยดี....
ก็อยากเอากลับมาให้ที่บ้านกินบ้าง
ใช้เวลาช้อปแป๊ปเดียวก็ได้ของมาเต็มสองมือ เรากับพี่เลยตัดสินใจ เดินกลับไปเก็บของที่โรงแรมก่อนรอบนึง

แล้วค่อยนั่งแท๊กซี่ไปห้าง ที่พนักงานโรงแรมบอกว่าเป็นห้างใหญ่ อยู่ตรงข้ามกับหอทีวีไข่มุกเลย

พอไปถึงเห็นว่าวันนี้อากาศดี แดดออก น่าจะถ่ายรูปสวย ก็เลยไปถ่ายรูปเล่นกันแถวนั้นก่อน




แล้วก็มาเดินด้านในห้าง....



ไม่ได้ซื้ออะไรมาก นอกจากนาฬิกาแบบคล้ายๆที่ขายบ้านเรา
แล้วก็โปสการ์ด ๑ เล่ม... เพราะก่อนหน้านี้ไม่มีเวลาหาซื้อโปสการ์ดเลย
จนจะกลับอยู่แล้ว ก็ยังไม่ได้ใช้สแตมป์ที่ซื้อมาตั้งแต่วันแรก
กะว่าจะเขียนส่งที่สนามบิน ระหว่างรอขึ้นเครื่องนั่นแหล่ะ



ตอนจะไปสนามบินเรากับพี่ก็คิดว่า ด้วยสภาพกระเป๋าทั้งหลายเนี่ย เราจะนั่งแท๊กซี่ไปถึงสนามบินเลยดีมั้ย ?!?
หรือว่าจะนั่งแท๊กซี่ไปต่อรถไฟ maglev เหมือนเดิมดี เพราะคำณวนดูแล้วค่ารถมันพอๆ กัน

แต่ถ้าไปรถไฟจะถึงสนามบินเร็วกว่าประมาณครึ่งชั่วโมง เลยเลือกกลับรถไฟ
ได้หาของกินรองท้องก่อนไปถึงสนามบินด้วย


เช็คอินกระเป๋าเสร็จเรียบร้อย เราก็ใช้เหรียญที่เหลืออยู่ โทรศัพท์ร่ำลาเพื่อนที่อยู่ที่นี่...
พร้อมทั้งบอกว่า ไม่แน่ปีหน้า (ถ้าเก็บตังค์ทัน) อาจจะมาอีก แล้วไว้วางแผนไปเที่ยวนอกเมืองกัน


ตลอด ๕ วันที่อยู่เซี่ยงไฮ้ ถึงแม้จะเที่ยวได้ไม่เยอะอย่างที่ใจอยาก กินได้ไม่ครบตามในหนังสือแนะนำ
แต่รับรองได้ว่า... ไม่มีหนังสือท่องเที่ยวเล่มไหนแน่ๆ ที่พาไปดูเทนนิสได้อย่างที่เราอยากไป
กลับมาคราวนี้ชักจะติดใจซะแล้วสิ ถ้าปีหน้ามีใครอยากไปดูแวะมาสอบถามข้อมูลได้นะ


เซี่ยงไฮ้เป็นเมืองที่น่าสนใจ มีทั้งความเก่าแก่และความทันสมัยอยู่ในคราวเดียวกัน...
คนเซี่ยงไฮ้ก็มีหลากหลาย ถ้าออกไปแถวชานเมืองหน่อยก็จะนิสัยค่อนข้างเป็นชาวจีนแท้ๆ
พูดจาเสียงดัง ไม่ค่อยยอมใคร ที่สำคัญจะถ่มน้ำลายตลอดเวลา... คิดดูว่าขนาดคนขับรถแท๊กซี่ที่เรานั่ง
เค้าจะเปิดกระจกด้านคนขับไว้ตลอด เพราะเดี๋ยวๆ ก็ ถ่มน้ำลายออกนอกรถ

จนเราอดคิดไม่ได้ว่า มันจะถ่มไปโดนคนขี่จักรยานที่ขี่ตามมาบ้างมั้ย
เพื่อนเราบอกว่าที่เค้าไม่ซื้อจักรยานมาขี่เพราะอย่างนี้.... กลัวโดนถ่มน้ำลายใส่


แต่เราว่าคนจีนที่เราเจอ ก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้นนะ...


จบเอาดื้อๆอย่างนี้แหล่ะ.... ขอบคุณอีกครั้ง.. ที่อดทนติดตามจนจบค่ะ




 

Create Date : 07 ธันวาคม 2551    
Last Update : 25 ธันวาคม 2551 4:15:29 น.
Counter : 1503 Pageviews.  

เรื่องเล่า..เล่าเรื่อง จากเมืองเซี่ยงไฮ้ กับเทนนิสมาสเตอร์คัพ ๒๐๐๘ (ตอนแรก)

และแล้ว....ฝันก็เป็นจริง ทั้งการได้ดูมาสเตอร์คัพและเห็นโนเล่ชูถ้วยแชมป์


ทริปนี้เป็นทริปสนองความอยากส่วนตัว...ไม่ได้กะไปเที่ยวเลยจริงๆ
ที่จริงแล้วนัดกับเพื่อนไว้ว่าจะไปดู ออสเตรเลียนโอเพ่นปี ๒๐๐๙
เพราะว่าเพื่อนไปเรียนอยู่ที่ออสเตรเลียพอดี
แต่ไปๆ มาๆ เพื่อนกลับบอกว่าช่วงเดือนมกราไม่ว่าง ให้ไปเที่ยวช่วงมีนาได้มั้ย??!?!?
จะบ้าเหรอ เทนนิสแกรนสแลมนะเฟ้ย!!! ไม่ใช่กีฬาสี เค้าเลื่อนแข่งให้ที่ไหนกันล่ะ


ก็เลยไม่ง้อเพื่อนแล้ว ไปดูมาสเตอร์คัพที่เซี่ยงไฮ้นี่แหล่ะ
ใกล้กว่าด้วย ถูกกว่าด้วย แถมยังได้ดูคนที่อยากดูครบทุกคนแน่ๆ

อีกอย่างคือ... ปีนี้ยังเป็นปีสุดท้ายที่จะจัดที่เซี่ยงไฮ้ด้วย
ถ้าปีหน้าจะย้ายไปที่ลอนดอน คงไม่มีปัญญาตามไปดูเป็นแน่

ว่าแล้วก็จัดแจงหาตั๋วเทนนิส ก่อนตั๋วเครื่องบิน....ส่วนโรงแรมกับวีซ่า ค่อยว่ากันทีหลัง


ตกลงใจได้ดังนั้นก็สั่งซื้อตั๋วจาก official dealer chinaspringtour ผ่านทางเน็ท
แล้วให้เค้าส่งตั๋วไปที่บ้านเพื่อนอีกคนนึง ที่ทำงานอยู่ในเซี่ยงไฮ้
เป็นตั๋ววันเปิด กับตั๋วซีรี่ส์ชุดเล็ก รวม ๓ วัน ราคารวมค่าส่งก็ประมาณ ๕๐๐๐ บาท
ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่รับได้.... คิดดู ว่าได้ดูมืออันดับ ๑-๘ ของโลกเลยนะ



ก่อนไปก็จัดแจงเตรียมตัว เตรียมอุปกรณ์การเชียร์สุดฤทธิ์
แต่ดันมีข่าวร้ายหลังจบมาสเตอร์ที่ปารีส ว่านาดาลถอนตัว
พี่สาวที่ไปด้วยกันเป็นแฟนราฟา ได้แต่บ่นเสียดาย
แต่ทำไงได้ซื้อตั๋วไปแล้ว เราก็เลยทำการไซโค ให้ไปเชียร์โนเล่กับน้องซิมงแทน




อ้อ...วีซ่าจีนของ่ายมากๆค่ะ แค่กรอกใบคำร้องกับใช้รูปถ่ายรูปเดียวเอง
ไปขอตอนเช้า... อีก ๓ วันถัดมา ตอนบ่ายๆ ก็ไปรับพาสปอร์ตพร้อมวีซ่าได้เลย
(อย่าลืมจ่ายเงินค่าธรรมเนียม ๑๐๐๐ บาทด้วยนะ เดี๋ยวไม่ได้พาสปอร์ตคืน )


เมื่อเตรียมการทุกอย่างพร้อมแล้ว... เราก็ไปกันเล้ย
ออกเดินทางวันเสาร์ที่ ๘ พ.ย. ตอน ๑๐ โมงกว่าๆ ไปถึงท่าอากาศยานผู่ตง ที่เซี่ยงไฮ้ประมาณ บ่าย ๔ โมงเย็น


...ก่อนเครื่องจะลง เค้ามีวีดีโอต่อต้านการซื้อของปลอมฉายให้ดูด้วยค่ะ
มีดาราดังอย่างพี่เฉินหลง มาพูดรณรงค์ ไม่ให้ซื้อสินค้าเลียนแบบ
เพราะมันผิดกฎหมายและหากตรวจพบจะถูกจับ.... ทำเอาเรากับพี่คิดหนักเวลาจะซื้อของ
(แหมม... ก็พี่เฉิน อุตส่าห์ห้ามไว้นี่คะ แต่ก็ได้มาหลายอย่างอยู่เหมือนกัน แหะๆๆๆ)


ภารกิจแรกที่มาถึง คือการหาซื้อสแตมป์ก่อน เอาไว้แปะส่งโปสการ์ดหาเพื่อนฝูง ญาติมิตร
แล้วยังไงที่สนามบินก็ต้องมี ที่ทำการไปรษณีย์อยู่แล้ว ซื้อตุนไว้จะได้ส่งจม. ได้ทุกที่ทุกเวลา
(เป็นคนชอบสะสมโปสการ์ดจากที่ต่างๆค่ะ เนี่ยเวลาโนเล่ไปแข่งที่ไหนก็ส่งกลับมาให้ทุกที 55555 )

ค่าส่งจากจีนไปต่างประเทศก็ ๔.๕ หยวน แล้วเรากับพี่ ก็อยากได้แบบหลายๆ ลาย เพราะมันสวยๆทั้งนั้น
ต้องเอาลายราคานู้นผสมกับราคานี้ กว่าจะรวมได้ครบ ๔.๕ หยวนก็ปาเข้าไป ๔-๕ ดวง
คิดๆอยู่ว่า ถ้าติดมันหมดทุกลายบนโปสการ์ด แล้วจะเหลือที่ตรงไหนไว้เขียนข้อความหว่า??

(อันนี้โปสการ์ดทำมือ วาดระหว่างนั่งเครื่องกลับ เอากลับมาส่งเมืองไทย )



จากนั้นก็ลากกระเป๋ากันมาขึ้นรถไฟฟ้าที่เร็วที่สุด Maglev ใช้เวลาเพียง ๘ นาทีก็ถึงตัวเมือง...
ความเร็วสูงสุด ๔๓๑ กม./ชม. เร็วอย่างกับรถไฟเหาะเลยทีเดียว
แถมช่วงทิ้งโค้งนี่ รางรถไฟก็ต้องเอียงจากพื้นระนาบ นั่งแล้วสนุกดี
ด้วยอัตราค่าโดยสารเข้าเมือง ๔๐ หยวน สำหรับผู้ที่มีตั๋วเครื่องบินไปแสดง

ถ้านั่งรถบัสเข้าเมืองนี่ต้องใช้เวลาเป็นชั่วโมงเลยค่ะ





ความรู้ภาษาจีนของเราสองคนนี่ มีแค่นับเลข ๑ ถึง ๑๐ กับคำอีกสามคำ
หนีห่าว.. เชี่ยเชี่ย... หว่ออ้ายหนี่ (คำสุดท้ายนี่เอาไว้บอกใครดีน้อ )
ไม่คิดว่าจะมาเที่ยวกันเองในเมืองจีน เพราะใครๆ เค้าก็มากับทัวร์กันทั้งนั้น
พกมาก็แต่หนังสือนำเที่ยวเซี่ยงไฮ้ด้วยตัวเอง ของสนพ.วงกลม เล่มนี้ แล้วก็ลุยกันเลย
(ไม่ได้ค่าโฆษณานะ แต่ของเค้าดีจริงๆ ^___^)



จากสถานี Maglev ในเมืองก็ต้องต่อ Metro อีกสายนึงถึงจะถึงโรงแรมที่พัก
Sofitel Hyland Hotel, Nanjing East พอโผล่ขึ้นมาจาก Metro ก็งงๆ ไม่รู้จะเดินไปทางไหน
ต้องหาคนพอพูดอังกฤษได้ถามเอา (ซึ่งหายากมาากกกกกก)


ช่วงค่ำพอมีเวลาว่าง หลังอาหารเย็นก็พากันไปเดินเลียบ แม่น้ำหวงผู่ (Huangpu) หรือย่านที่เค้าเรียกว่า
The Bund เป็นย่านรุ่งเรืองสมัยล่าอาณานิคม มีตึกสไตล์ยุโรปโบราณประดับไฟสวยงาม




และเมื่อมองข้ามฝั่งแม่น้ำไป ก็จะเห็นหอทีวีไข่มุก(Oriental Pearl TV Tower) ที่เป็นสัญญลักษณ์แห่งนึงของเซี่ยงไฮ้
มองไปทางฝั่งนู้นจะเห็นตึกสูงมากมาย เหมือนกับเห็นความแตกต่างระหว่างสองฝั่งแม่น้ำ
เมื่อเทียบกันแล้ว ก็คงคล้ายๆ กับมองจากฝั่งคลองสาน ข้ามแม่น้ำเจ้าพระยามาเห็นสีลม สาทรบ้านเราแหล่ะเนอะ



จากนั้นก็ลอดอุโมงค์ The Bund Sightseeing tunnel เป็นอุโมงยาวลอดใต้แม่น้ำหวงผู่
มายังฝั่งตะวันออก ที่เป็นที่ตั้งของตึกสูงระฟ้าต่างๆ ในอุโมงค์ที่ลอด เค้าก็ทำเป็นแสงสีเสียงตระการตา
เป็นตัวแทนของทั้งโลกใต้พื้นดิน โลกใต้น้ำ และโลกอนาคต.... เข้าใจหาเรื่องเก็บเงินจากนักท่องเที่ยวดีแท้

ได้ถ่ายรูปใต้หอทีวี แต่ไม่ได้ขึ้นไปข้างบน เพราะมันจวนจะปิดแล้ว
(เอ่ออ... ที่จริงกลัวตังค์ไม่พอวันที่เหลือ เพราะหมดไปกับค่าตั๋วเทนนิส )




ตอนกลางคืนที่นี่ลมแรงเชียว แถมยิ่งเป็นริมแม่น้ำอีก รู้สึกว่าหนาวกว่าที่คาดการณ์ไว้
แล้วเสื้อหนาวที่เอามามันจะพอมั้ยหว่า ยิ่งต้องตะลอนๆ ถึงดึกดื่นเที่ยงคืนทุกวันอยู่



คืนแรกตอนเดินกลับโรงแรม มีแม่ค้ามาขายล้อเสก็ต เอาไว้ติดรองเท้า
โดยสามารถเอาล้อนี่ ติดไว้ที่ส้นรองเท้าผ้าใบเราธรรมดาๆ นี่แหล่ะ มันก็จะกลายเป็นรองเท้าเสก็ตทันที
ไถลเอาโลด...ไม่ต้องเดิน ไอเดียบรรเจิดมากๆ ว่าจะซื้อมาเล่นซักสองคู่
แต่ต่อราคาไม่ได้ แถมโดนแม่ค้าตุกติกอีก ก็เลยไม่ซื้อมันละ ขี้เกียจคุย

....พูดถึงการต่อราคากับคนจีนนี่สุดๆ เลย ไม่รู้จะบอกราคากันทำไมแพงๆ
ยังไงก็ต้องต่ออยู่ดี คิดดูว่าต่อจาก ๒๐๐ เหลือ ๒๐ เนี่ย มันเสียเวลานะ...
เลยทำให้ไม่ค่อยอยากซื้อของเท่าไหร่ เหนื่อยใจเวลาต่อรอง


๙ พ.ย. ๕๑

เช้านี้ต้องเช็คเอ้าท์ออกจากโรงแรมเดิม ไปอยู่อีกโรงแรมนึงที่ใกล้สนามแข่งมากกว่า
เวลากลับบ้านดึกๆดื่นๆ จะได้ใกล้หน่อย
พร้อมกับนัดเพื่อนเอาไว้ตอนเที่ยง ต้องไปเอาตั๋วมาสเตอร์คัพด้วย

โรงแรมที่จะไป รู้แต่ว่าอยู่ใกล้กับ Shanghai South Railway Station พอเดินออกจากสถานีมา
ก็หลงทิศอีกเช่นเดิม ไม่รู้จะเดินต่อทางไหน แถมคราวนี้หาคนพูดภาษาอังกฤษด้วยไม่ได้เลย
เพราะออกมาแถวชานเมืองแล้ว ส่งภาษาใบ้กันล้วนๆ....

ยังดีที่เซฟชื่อโรงแรมที่เป็นตัวหนังสือจีนเก็บไว้ เลยเอามาโชว์ให้เค้าดู
เค้าก็ชี้ๆ ทางไปให้ แล้วเราก็ใช้วิธีเทียบชื่อโรงแรมที่เป็นตัวภาษาจีน กับยอดตึกแถวๆนั้นเอา



แล้วก็บิงโก... เจอในที่สุดค่ะ อยู่นี่เอง Shanghai Airline Travel Hotel



เช็คอินเสร็จก็เรียกแท๊กซี่ไปหาเพื่อน... อาศัยเบลล์บอยที่โรงแรมคุยให้
เพื่อนให้บอกแท๊กซี่ว่าไป "ซ่าง ไห่ ซือ ฟั่น ต้า เฉว" คือมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้
เราก็กลัวว่าถ้าออกเสียงเอง เดี๋ยวแท๊กซี่จะพาไปโรงเรียนอนุบาลแทน
เพราะท่าทางอิป้าสองคนนี้ น่าจะไปรับลูก มากกว่าไปหาเพื่อนที่มหาลัย


ในที่สุดแท๊กซี่ก็พาเรามาถึงมหาลัยโดยสวัสดิภาพ.... ให้เพื่อนพาไปกินเสี่ยวหลงเปา
ของกินที่ในหนังสือบอกว่า มาถึงเซี่ยงไฮ้แล้วต้องกิน หน้าตาคล้ายๆเกี๊ยวซ่า แต่ข้างในตัวเกี๊ยวมีน้ำซุปอยู่ด้วย
พอกัดเข้าไป น้ำซุปหวานๆ หอมๆ ก็เยิ้มออกมา.....

แล้วก็ก๋วยเตี๋ยวเซี่ยงไฮ้ แสนอร่อยและชามโตมากกก
ที่ร้านเค้าให้เราเลือกเอง ว่าจะใส่อะไรบ้าง ก็หยิบๆๆ ผัก เนื้อสัตว์ จากในตู้แช่ ใส่ตะกร้า แล้วเลือกเส้นก๋วยเตี๋ยว
เอาไปให้แม่ครัวลวกใส่ชามให้กิน รสชาติออกเผ็ดๆหน่อย ไม่เลี่ยนเหมือนอาหารจีนทั่วไป





กินเสร็จก็ต้องรีบไปที่สนามแข่งค่ะ เพราะวันนี้แข่งบ่ายสองโมง โนเล่แข่งคู่แรกด้วย

เพื่อนก็บอกให้ขึ้นรถเมล์ราคา ๑ หยวน ไปสถานีรถไฟ (ค่ารถเมล์ถูกกว่าบ้านเราอีก)
จากนั้นเราก็นั่ง Metro line 1 ไปต่อ line 5 ที่สถานี Xinzhuang



แล้วลงที่สถานี ZhuanQiao อ่านว่า "ชวนเสียว" (ฟังดูน่าหวาดเสียวแฮะ)

ด้วยเวลาที่กระชั้นชิดเลยตัดสินใจเรียกแท๊กซี่ไปสนามเลย
ใช้เวลาบนถนนอีกประมาณ ๑๕ นาที วิ่งไกลเหมือนกัน....

ระหว่างทาง ตามสี่แยกก็มีคนมายืนกันพรึ่บไปหมด ท่าทางเหมือนเด็กขายพวงมาลัยบ้านเรา
แต่เค้ามาขายตั๋ว Mastercup ต่างหาก รวมทั้งบางคนก็มาขอซื้อตั๋วด้วย...
จนมาถึงหน้าสนามก็ยังมีคนอีกกลุ่มใหญ่ๆ ยืนขายตั๋วบ้าง ขอซื้อตั๋วบ้าง แอบน่ากลัวเหมือนกัน
ทำเอาไม่ค่อยกล้ายืนถ่ายรูปข้างนอกประตูเลย



แต่ที่นี่เค้ามีระบบความปลอดภัยดีมากค่ะ คือถ้าไม่มีตั๋วนี่จะห้ามเข้าตั้งแต่ประตูใหญ่เลย
ถ้าข้ามเขตประตูไปก็ต้องไปสแกนกระเป๋า แล้วก็ตรวจตั๋วด้วยเครื่องคอมฯ ว่าของจริงรึเปล่า
ท่าทางจะมีตั๋วผี ตั๋วปลอมเยอะ เลยต้องใช้วิธีนี้

แต่พอเข้าไปถึงตัว stadium แล้วก็ไม่ต้องตรวจอะไรอีกเลย
แค่มีเจ้าหน้าที่ดูที่นั่งแล้วช่วยบอกทางให้เท่านั้นเอง




Round Robin Match Gold group: Djokovic vs Del Porto


กว่าเราจะเข้ามาถึงที่ โนเล่กับน้องเดลก็วอร์มอัพกันอยู่ป้อกๆ แป้กๆ แล้ว
ในสนามมีสกอร์บอร์ดอันใหญ่บึ้ม อยู่สองฝั่ง ดีจังได้เห็นหน้าคุณน้องชัดๆ
แต่ว่าระหว่างคะแนนที่เล่นกันอยู่ จะค้างเป็นภาพถ้วยมาสเตอร์คัพนิ่งๆ ไม่ให้รบกวนสมาธินักกีฬา




แมตช์นี้ลุ้นได้ที่เลยค่ะ โนเล่กับฟอร์มขึ้นๆ ลงๆ แกว่งไปแกว่งมา
แถมลูกหยอดกามิกาเซ่ของมัน ก็ทำหน้าที่สม่ำเสมอมากค่ะ (มันน่าเอาไปเก็บจริงๆ)

แต่ยังมีลูกนึงใช้การได้ผล ดีใจแทบน้ำตาไหลตอนมันหยอดได้แต้ม



ยังโชคดีที่พอแต้มสำคัญๆ โนเล่สามารถเรียกสติกลับคืนมาได้
ส่วนทางฝั่งน้องเดลก็ดูตื่นๆ สนามนิดหน่อย และลนในบางจังหวะ
โนเล่ถึงรอดมาได้ทั้งที่โดนเบรกเกมเสิร์ฟไปตอนเซ็ทสอง (นึกว่าจะได้ดู ๓ เซ็ทซะแล้ว)

นี่คลิปตอนได้แมตช์ค่ะ.... แหมเสียดายไม่มีกอด
สงสัยน้องเดลจะสูงเกิน ถ้ากอดแล้วกลัวภาพจะออกมาเหมือนลิงเกาะต้นมะพร้าว



มีพูดขอบคุณเป็นภาษาจีนได้หนึ่งคำ ตอนสัมภาษณ์ท้ายแมตช์ด้วย
(แหมม.... สาวหมวยไม่ได้สอนมาเหรอยะ
แม่ยกเมืองไทยสอนพูดได้ตั้งหลายคำแน่ะ)



วันนี้คนดูก็เยอะพอสมควรค่ะ แต่ยังไม่ถึงกับเต็มสนาม
แต่บรรยากาศสนุกสนานดีค่ะ กองเชียร์มีส่วนร่วมเยอะ ทำให้คึกคัก....
ธงเซอร์เบียพรึ่บพรับ ดูท่าทางมันก็เป็นขวัญใจของคนที่นี่เหมือนกันนะ
เพราะฉะนั้นก็ไม่ต้องไปวีนแตกชาวบ้านเค้าอีกล่ะ





Round Robin Match Gold group: Davydenko vs Tsonga

ต่อมาคู่ที่สองเป็นหลวงพี่กับซองก้า อาลี... เพิ่งเห็นตอนนักกีฬาลงสนาม
เล่นปิดไฟมืดแถมมี dry ice พ่นกระหน่ำ
แล้วที่พื้นสนามมียิงเลเซอร์สีเขียวๆ เป็นชื่อนักกีฬาที่กำลังเดินเข้ามาด้วย
ไฮโซอลังการจริงๆ ค่ะ



ได้ยินเสียงกองเชียร์ฝรั่งเศส ส่งเสียง "อ๊ะเหลล... อ๊ะเหลลล" รับกันเป็นทอดๆ
เราฟังแล้วก็งงๆ ว่าเค้าเชียร์อะไรกัน เพิ่งมาถึงบางอ้อว่ามันคือ Allez!!
คู่นี้เสียงเชียร์ดูห่ามๆ โหดๆ สงสัยกำลังกรึ่มๆ กันได้ที่
เพราะว่าในสนาม มีเด็กขายเบียร์ไฮเนเก้นเดินขายตลอด



เซ็ทแรกซองก้าเล่นนิ่งมาก ยิงเป็นว่าเล่น แถมยังขึ้นหน้าเน็ทสวยๆหลายลูก
แต่พอเซ็ทสองหลวงพี่เอาคืนได้ ต้องเล่นกันต่อเซ็ทสาม.....
แหมท่าทางจะกลัวคนเชียร์ จะไม่คุ้มค่าตั๋ว


เสียดายที่ต้องกลับก่อนเพราะว่านัดเพื่อนกินข้าวเย็นด้วย ไม่คิดว่าสองคู่จะคืนกำไรให้ประชาชนกันขนาดนี้
ขากลับไม่ขึ้นแท๊กซี่แล้ว...เปลือง แต่เดินไปนั่ง shuttle bus จากข้างสนามไปลงที่สถานี "ชวนเสียว" เหมือนเดิม
ใน guidebook บอกว่าเก็บเงินค่ารถด้วย แต่เราขึ้นไปไม่เห็นมีใครมาเก็บเงินเลย
เลยลงความเห็นกันว่า สงสัยอ่านมาผิดมั้ง....

จากนั้นก็ขึ้น Metro สายเดิมกลับไปเจอเพื่อนที่มหาลัย


ระหว่างเดินหาร้านอาหาร ก็แวะไปร้านขายแผ่น dvd เลยได้ dvd หนังและซีรี่ส์ ติดไม้ติดมือมาเพียบ
แหมมม ก็แผ่นละแค่ ๕ หยวนเอง ไม่ซื้อไม่ได้แล้ว (จังหวะนี้... พี่เฉินหลงห้าม ก็เอาไม่อยู่แล้วค่ะ)
เสียอย่างเดียวคือ ไม่มี subtitle ไทย.... มีแต่จีนกับอังกฤษ


หลังจากเลือกดีวีดีกันจนหิวโซ ก็มาถึงร้านเล็กๆ ราคาย่อมเยาว์ สั่งข้าวผัดมากิน
หน้าตาเป็นแบบนี้... จะอร่อยเมื่อเติมพริกเซี่ยงไฮ้ลงไปด้วย รสชาติก็คล้ายๆพริกกะเหรี่ยงบ้านเราน่ะค่ะ



เพื่อนบอกว่า คนจีนกินผงชูรสกันเยอะมาก ร้านอาหารเลยผสมผงชูรสไว้ในกระปุกพริกไทย
คือถ้าใครโรยพริกไทยก็จะได้ผงชูรสไปเท่าๆกัน o_O (ตายล่ะ...อยู่ไปนานๆ ไม่ผมร่วงหมดเหรอเนี่ย)


แล้วก็นั่งเม้าท์กับเพื่อนจนเพลินกว่าจะกลับโรงแรมก็ห้าทุ่ม... ด้วยสภาพทรุดโทรม
นี่เพิ่งวันแรกเองนะ ยังต้องไปผจญภัยอีกตั้งหลายวันแน่ะ....


ไว้มาต่อตอน ๒ เมื่อเขียนเสร็จนะคะ....^__^
(อีกนานแค่ไหนไม่รู้เหมือนกัน)




 

Create Date : 23 พฤศจิกายน 2551    
Last Update : 23 พฤศจิกายน 2551 22:58:34 น.
Counter : 940 Pageviews.  


WoNaM
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]


ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add WoNaM's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.