Group Blog
 
 
มิถุนายน 2554
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
2627282930 
 
10 มิถุนายน 2554
 
All Blogs
 
แพ๊คกระเป๋าเที่ยว ไปเปรี้ยวที่เกาหลี ตอนที่ 2 สวัสดีเกาหลี เมียงดง ฮงอิก




ความเดิมตอนที่แล้ว
แพ๊คกระเป๋าเที่ยว ไปเปรี้ยวที่เกาหลี ตอนที่ 1 ออกเดินทาง

เอาล่ะค่ะ มาต่อกันนะคะ ในที่สุด เราสามคนก็ทุลักทุเลทัวร์มาถึงเกาหลีกันจนได้นะคะ เมื่อผ่าน ตม. มาแล้วยังค่ะ ยังไม่จบ พี่หรั่งโดนเรียกไปเปิดกระเป๋า (ก็เล่นใหญ่ซะขนาดนั้น) เจ้าหน้าที่เปิดดูมีแอบยิ้ม ก็ของกินทั้งนั้น มาม่า โจ๊ก หมูหยอง แถมตอนเก็บเจ้าหน้าที่เก็บไม่เหมือนเดิมอีก (มาท่าไหนก็ต้องไปท่านั้นสิยะ เดี๊ยะ สะบัดบ๊อบ)


เมื่อผ่านพ้นพิธีการต่าง ๆ เราต้องเดินทางไปสู่บ้านพัก Ann Guesthouse ซึ่งอยู่แถวมหาวิทยาลัย Hongik (ฮงอิก) รถไฟสายเขียวผ่าน

แต่ก่อนจะขึ้นรถไฟ ต้องมีบัตร T-money ก่อน ตามคู่มือบอกว่าบัตรนี้ซื้อได้ที่ร้าน G 25

เหลียวมองรอบกาย เจออยู่ร้านนึง จึงเดินไปถามด้วยความมั่นใจ

"เอ่อ....เอ่อ T-money อ่ะ " (ภาษาอังกฤษขั้นเทพ)

คนขายผายมือไปทางด้านซ้ายของดิฉัน ที่มีแต่เคาน์เตอร์ อิชั้นจึงไปยืนรอ ผ่านไป 5 นาที

"นี่ไง" พี่หรั่งชี้ เมื่อเห็นบัตรมันแขวนอยู่ตรงเคาน์เตอร์ เอ่อ....แล้วเมื่อกี๊กรูยืนรออะไรฟะ


"ใช้ไง" ทั้งสามคนเริ่มงง เมื่อทำหน้างงพร้อมกัน พระเอกก็เข้ามา เป็นนักธุรกิจชาวญี่ปุ่นใส่สูทผูกไทด์ บอกว่าต้องเติมตังค์เข้าไปก่อน

"แล้วเติมไง" ถามพระเอก พระเอกจึงบอกกับคนขาย คนขายยื่นกระดาษมาให้ 2 ใบ ภาษาเกาหลีล้วน พระเอกเดินจากไป ทิ้งสาวสวยทั้งสาม ยืนงงต่อ เห็นเจ้าของร้านทำหน้าเซ็ง เอาวะ เช็คบิลก็ได้ กระดาษเกาหลี ไม่เอา คืนเขาไป ได้ T-money มาสามใบ



พี่หรั่งคิดว่า Information ต้องช่วยเราได้ จึงรีบไปถาม สาวสวยInformation บอกมันมีเงินในบัตรแล้ว จึงสอบถามเส้นทางไปย่านฮงอิก เธอบอก ขึ้น airport bus ไปง่ายกว่าฮ่ะ จึงชี้ทางไปซื้อตั๋ว airport bus เราทั้งสามจึงคลำทางกันต่อไป


ถึงเคาน์เตอร์ ซื้อตั๋วไปย่านฮงอิก หนึ่งหมื่นวอน เขาบอกสามป้าย ไปลงป้าย Sinchon แล้วนั่งรถไฟกลับมาป้ายนึงง่ายดี ได้ตั่วเราก้ออกมายืนรอรถเมล์กัน ที่ป้าย 5B สาย 6002

ดูจากป้านที่รถจอด สุดสายที่ ชองยางนิ (ใครจะไปเกาะนามินั่งตรงไปเลยก็ได้ เดี่ยวบอกทางไปเกาะนามิอีกที)



ป้าย 5B



ตั๋ว

kr012

และนี่คือกระเป๋า ใบกลางของพี่หรั่ง (ไอ้ที่ว่า 19 โล) Smiley

kr011_5


สักพักมีคุณลุงเจ้าหน้าที่ใจดี คอยบอกให้ว่าให้รอตรงนี้ พร้อมขยับกระเป๋าไปรอให้ใกล้ที่ที่รถจะจอดเลย

นี่ไงคุณลุงใจดี

kr011_4

ไม่นานรถก็มา ขึ้นรถเรียบร้อย

(ระรื่นได้ตลอด 555)



หลังจากนั่งหลับคอตกไปประมาณ 1 ชั่วโมง (ไม่ผิดค่ะ 3 ป้าย แต่กว่าจะถึงป้ายแรกนี่เป็นชั่วโมง) เราก็ถึง ป้าย Sinchon แล้วจ้า



เราทั้งสาม ลงจากรถมายืนงง ๆ เหอะ ๆ Sinchon เว้ย เขาบอกนั่งรถไฟไปฮงอิก ป้ายนึง แต่ไหนล่ะสถานีรถไฟ


"Excuse me อันนี้ไปสนามบินใช่ไหมคะ" สาวนางหนึ่งลากกระเป๋าเดินทางมาถาม เหอะ ๆ นี่ไม่เห็นว่ากรูงงกันเหรอ เลยรีบตอบกลับไปฉับพลันว่า


"แหะ ๆ เพิ่งมาอ่ะ ไม่รู้เหมือนกัน แต่ว่า รถไฟไปทางไหนคะ"


เลยต้องให้เขาบอกทางไปรถไฟให้อีก.........


เราเดินทางไปยังสถานีรถไฟ sinchon ไม่ไกลเท่าไหร่จากป้ายรถเมล์ เพียงแต่ตาถั่วมองไม่เห็นเท่านั้นเอง

ภายในสถานีรถไฟ พลันบังเกิดสิ่งที่เราชอบเป็นพิเศษ นั่นคือ


"ตู้น้ำ"

รีบปรี่เข้าไปก็ปรากฏว่ามันเป็นตู้ "ขนม"



เอาล่ะ เราหาทางไปฮงอิกได้แล้ว เอวิเดินนำอย่างมั่นใจ ป้ายเดียวเท่านั้น เอาบัตร T-money ทาบโลด

"แป๊ด ๆ " เสียงเครื่องร้องดัง ปรากฏภาษาเกาหลีล้วน สีแดง และทางเข้าไม่เปิด

"เอาแล้วกรู !!"


เราสามคนจากที่ งง อยู่แล้ว เลย งง เข้าไปอีก และพระเอกก็โผล่มา จากสายสะพายที่เขาสวมเขาเป็นอาสาสมัครนักท่องเที่ยว คือช่วงที่ไปมีประชุม G20 พอดี คิดว่าคงมีคนมาประชุมรวมผู้ติดตามด้วยเยอะ เขาเลยจัดอาสาสมัครไว้บริการเลย



พี่แกบอกว่า



"เงินไม่มีในบ้ตร !!!!!!!!!!!!!!!!"



อ้าว แล้วยัย information ที่สนามบิน !!!!!!!!! (เดี๋ยวชั้นจะกลับไปสะบัดบ๊อบใส่หล่อน ....)



ว่าแล้วเราก็เติมตังกันคนละหมื่นวอน (ฟังดูเยอะเนอะ 300 กว่าบาท) เติมเสร็จ เอาบัตร ปิ๊ด ตรงประตู ประตูเปิด เริ่ด มาก ๆ



รถไฟมา ทีนี้เราต้องดูสถานีปลายทาง กับสถานีที่เราจะไป เพราะที่ชานชาลา มันมักจะเขียนสถานีปลายทาง เราก็ดูว่า ถ้าเราหันทิศไปทางปลายทาง มันผ่านสถานีเราไหม ถ้าผ่าน ก็ขึ้นฝั่งนั้น



สถานีเดียว เราก็ถึงสถานี Hongik จากอีเมล์ที่ Guesthouse ให้มา ก็บอกให้ออกที่exit 1


เดินมาตาม exit 1 ก็เจอป้ายเบ้อเร่อ ว่า Ann guest house ให้ไปทางนี้

Ann guest house จะอยู่ที่ตึกเดียวกับดังกิ้นโดนัท


อันนี้ให้ดูแผนที่ที่เอามาจากเว็บไซต์ก่อนนะคะ


พอออกมาปุ๊บก็นี่เลย

ดังกิ้นไหม....



ถึงเลยจริง ๆ 0 นาทีอย่างเขาว่า



พอถึงแล้วเราทั้งสามก็ไปติดต่อเจ้าของเขาค่ะ ขณะนั้นเวลาประมาณ 10 โมงกว่า เจ้าของท่าทาง friendly มาก เห็นใคร ๆ เรียกเธอว่าแอน ก้เลยเรียกตามซะเลย


แอนบอกว่าเช็คอินได้บ่ายสองค่ะ และให้ฝากกระเป๋าไว้ แนะนำให้พวกเราออกไปเที่ยวกันก่อน

งั้นพวกเราไปเมียงดงกันเถอะ !!

เอาล่ะ เอาล่ะ ในที่สุดพวกเราก็มาตั้งต้นที่ Ann guesthouse เรียบร้อยแล้วนะคะ และตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาเช็คอิน จึงฝากกระเป๋าไว้ที่เกสท์เอ้าส์ก่อน เราจึงเดินทางไปเมียงดงค่ะ

หลังจากแปลงร่างเรียบร้อย แปรสภาพจากอาซิ้ม โดยการโป๊วหน้าตา ผมเผ้าให้ออกไปถ่ายรูปเริงร่าได้ ก็ขอสวัสดีเกาหลีอย่างเป็นทางการก่อนนะค๊าาา

สวัสดีค่ะ



การเดินทางไปจากฮงอิก ขึ้นรถไฟ สายสีเขียว ไปลงที่สถานี Euljiro-3-ga แล้วเปลี่ยนเป็นสายสีส้ม ไปลงที่สถานีเมียงดงค่ะ

ตอนนี้พวกเราเริ่มใช้บัตร T-money กันคุ้นแล้ว เดินผ่านก็ปิ๊ด แค่คอยดูตังค์ในบัตร (จะโชว์หน้าจอตอนปิ๊ด) ไม่ให้หมดเท่านั้นเอง

จากฮงอิก ไป Euljiro-3-ga ไกลอยู่เหมือนกัน และวันนี้ก็เป็นวันเสาร์ราว 11 โมง คนก็เยอะนะคะ แต่ไม่นานก็ได้นั่งค่ะ

ซักครึ่งชั่วโมงได้มั๊ง ถึงสถานี Euljiro-3-ga เราต้องเปลี่ยนไปสายสีส้ม แต่ระยะทางระหว่างสถานีไกลมากเลย (จะไกลไปไหนฟระ)

เดินกันเกือบตายก็ถึงสายสีส้ม ต่อไปเมียงดงแค่ป้ายเดียวค่ะ ขึ้นมาก็นะ



เครื่องสำอางมาดักกันก่อนเลย

ยามเกือบเที่ยง โล่ง ๆ เนอะ
ดูเหมือนคนเกาหลี จะออกตัวช้า



เดินไปเดินมาชักหิวแล้วดิคะ ก็มัน 11 โมงจะเที่ยงแล้ว (จริง ๆ เมืองไทยมันก็ 10 โมงเองนะ) แต่เอาว่าหิว หาของกินกันดีกว่าเนอะ

แล้วก็มาเจอร้านนี้ น่ากินแถมราคาถูก !!



ทางขึ้นร้าน อยู่ชั้นสอง นั่งได้ชั้นสองกับชั้นสาม



ร้านนี้หาไม่ยากนะคะ เล็งเขียว ๆ ไว้ ใช่เลย

ร้านนี้เป็นแบบบริการตัวเองค่ะ คือสั่งแล้วจ่ายตังค์ที่เคาน์เตอร์ แล้วเขาจะเรียกไปรับอาหาร แล้วยกมาทานที่โต๊ะ



จากวิวที่นั่ง เห็นบรรยากาศของเมียงดง



เก๊กสวยก่อนเผื่อรสชาติอาหารจะดีขึ้น



ถ่ายเมนูให้ดูนะคะ ร้าน Han's Deli



ดูกันเล่น ๆ เพราะสั่งอาหารไปเรียบร้อยแล้ว ราคาไม่แพง

เริ่มจากข้าว

ขออภัย รูปเล็กไปหน่อย



เห็นมีรูปพริก แปลว่าเผ็ด ที่นี่เน้นเผ็ดแบบพริกป่น



Pasta ก็มี



Steak โอ๊วววววว



นั่งรอกันไปคุยกันไป ไม่นานก็มาแล้วค่ะ



ของเอวิ ฮ่า ๆ เน้นโปรตีน



ฮ๊า....กลายเป็นบล๊อกเรื่องกินไปซะแระ

เอาน่า กินในเกาหลี ก็เกาหลีไง...

จานนี้ของพี่หรั่ง



จานนี้ของพี่ป้อม พาสต้าทะเล



กินเสร็จเราก้ไปเดินเมียงดงกัน สาวน้อยคนนี้ขายอะไร...



มองสาวสวยชัด ๆ

ขายอารายยย



มันคือปลาหมึกปิ้ง............. เหนียว แสรด..........เคี้ยวกันเหนียงยานทีเดียว



เดินไปอีกนิดก็กรี๊ดดดดดดดดดด การ์ฟิลด์

พรีเซ็นเตอร์ของร้าน Cat cafe ที่เมียงดงนี่ล่ะค่ะ เราสามคน เห็นแมวไม่ได้ รีบแจ้นไป cat cafe ทันที อย่างอื่นไม่ดูแระ



แต่กลายเป็นว่า ร้านเต็มอ่ะ ไม่มีที่นั่ง งั้นเรามาช้อปปิ้งกันดีกว่า อิอิ

แป๊บบบบ เดียวมาอยู่หน้า Etude (แต่มือถือ starbuck!!!)



แป๊บเดียวก็มีถุง Etude ในมือ 55555 เรื่องอย่างงี้ไวนัก



เราเดินเล่นกันไปมา ก็ตกบ่าย 2 บ่ายสาม แหละค่ะ ร้านค้าแผงลอยเริ่มมาตั้งกันเต็มไปหมด ขายของเหมือน ๆ กัน เช่น ถุงเท้า ก็มีซะ 5-10 ร้าน แถมลายเดียวกันอีก

เลือกถุงเท้าจ้า...........(คู่ที่ถืออยู่หนาดี 2000 วอน เองค่ะ)





อากาศเริ่มเย็น เพราะมันบ่ายจัด ๆ แล้ว
พวกเรากลับที่พักกันค่ะ เพราะนัดแอนไว้ว่าจะเช็คอิน เราเดินทางกลับแบบเดียวกับที่มา

เมื่อไปถึง แอนพาเราไปห้องพัก เราจองห้องพักแบบ dorm หมายถึงพักรวมกับคนอื่นนะคะ เป็นห้องสิบเตียง ราคาเตียงละ 2 หมื่นวอน (ประมาณ 600 บาท)
ใน 1 ห้อง ข้างล่าง 6 เตียง ชั้นบน 4 เตียง วันที่เช็คอิน มีหนุ่มฝรั่งเศสจองของไว้แล้ว แต่ไม่เห็นตัว

รูปที่ทุกคนรอคอยมาถึงแล้วววว

Ann guest house

รูปนี้ถ่ายไปชั้นลอย (ที่มี 4 เตียง) แอนให้เราเลือกที่นอนได้เอง



พวกเราเลือกชั้นล่างค่ะ สะดวกดี พี่หรั่งเตียงเบอร์ 1 พี่ป้อมเบอร์ 2 อยู่ข้างบนพี่หรั่ง



เอวิเตียงเบอร์ 3 อยู่ที่ไหน รกที่นั่น 5555

(ในภาพรื้อของมาแสดงความเป็นเจ้าของเต็มที่)



อันนี้เตียงหนุ่มฝรั่งเศส ที่บอกว่าไม่เคยเจอกันเลย



อันนี้ห้องโดยรวม มีห้องน้ำในตัว



หลายคนถามว่า นอนรวมกับผู้ชายไม่กลัวหรือ ไม่กลัวค่ะ เพราะห้องนึงมี 10 คน ทุกคนมาเที่ยวกันหมด คงไม่มีใครอยากมีเรื่องหรอกค่ะ ต่างชาติ ต่างภาษา เจอกันแค่ตอนเช้า พอนอนก็ไม่รู้ใครหญิงชาย คลุมโปงหมด ส่วนใหญ่ฝรั่งนอนดึก ตื่นสาย ไอ้เราเที่ยวเช้า กลับเร็ว บางทีไม่เห็นกันด้วยซ้ำ

เอวิเคยทีนึงที่ไปญี่ปุ่น ไปกับเพื่อนสาวชาวอังกฤษ คืนนั้นเธอไม่กลับ ปล่อยเอวิไว้กับชายหนุ่มทั้ง 5

ซวยสุด ๆ แม่งแข่งกันกรน !!!! นี่แหละ ถ้าผู้ชายเยอะก็ซวยอย่างงี้ .......

ในห้องมีครัวให้ทำอะไรนิดหน่อยได้



กาแฟฟรี กินได้เลยทุกวัน



เอาล่ะ เราไปหาข้าวเย็นกินกัน

พวกเราเลือกเดินอยู่แถวฮงอิกนี่ล่ะค่ะ เนื่องจากเป็นย่านมหาลัย เรารู้ว่าต้องมีของกินเป็นแน่แท้

เราเดินมาถึงอาคารนี้ค่ะ



ร้านอยู่ซอยนี้นะคะ

(มือสั่น แปลว่าหิว)



ขึ้นไปชั้น 2 โซนด้านในที่ไม่ได้ติดกับระเบียง (จะลึกลับไปไหน)



ดูราคา ชามละ 5-6 พันวอน (ร้อยกว่าบาท) ดูประหยัดดี เป็นราเมงค่ะ ร้านก็สะอาดสะอ้าน



พร้อมสุด ๆ



แน่นอน มีกิมจิ และเครื่องเคียงผักดอง กินฟรี


เมนู มีท่านผู้ชมขอหย่าย ๆ จัดให้...

เมนูมีภาษาอังกฤษด้วย อ่านไปก็ไม่เก๊ท เอาเป็นว่ารู้ว่าหมู ปลา ไก่ พอ



ของเอวิ ราเมงหอย ใส่สาหร่าย ไม่เผ็ด




ของพี่หรั่ง แดงจัดจ้าน



ของพี่ป้อม สาหร่าย น้ำข้น ใส่เกี๊ยวด้วย (แบบมีเกี๊ยวจะแพงกว่านิดหน่อย)

ร้านนี้อร่อย และให้ชามโตมากค่ะ แนะนำสาว ๆ มาสามสั่งสองพอ เรางี้เกือบตาย



เสร็จแล้วเราเดินดูของนิดหน่อย มานั่งพักเหนื่อยกัน

มืดแล้วหน้ายังแจ่ม

เอ่อ พี่ป้อมคะ ร่าเริงไปนิดมั๊ยคะ ...



นั่งพักเหนื่อย เท่ซะไม่มี

"เท่ซะ....ในสายลมหนาว"



จะเก็กไปไหน ........



วันแรกในเกาหลี ของสามสาวก็หมดลง

ตอนต่อไป ตอนที่ 3 เพื่อนสาวเกาหลี พระราชวังเคียงบก กดตามไปเลยจ้า




Create Date : 10 มิถุนายน 2554
Last Update : 17 สิงหาคม 2561 10:21:03 น. 0 comments
Counter : 7661 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

honeynut
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 15 คน [?]










new counter start at 16/5/15

from old counter 571368 Hits at 16/5/15

100,000 Hits at 3/4/08

flag counter since at 21/09/17

Flag Counter


ขอบคุณ Graphic สวย ๆ จาก

เนยสีฟ้า
ญามี่
gasara



come visit meeee
come visit meeee

Fanlisting





fanlisting คือ?

ปฏิทิน
...


Friend Link

บล๊อกที่ยังอยู่ในใจเสมอ
Friends' blogs
[Add honeynut's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.