....Love iS All Around You...
Group Blog
 
 
มีนาคม 2566
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
26 มีนาคม 2566
 
All Blogs
 
ชะนีหนีเที่ยว Ciao ITALIA PART 1 : Bologna - Florence








กลับมาอีกครั้งโดยไม่ต้องเรียกร้องค่าซิส !!!! 2
 


 
ครั้งนี้การเดินทางรอบใหม่เป็นทริปอิตาลีแบบไม่ได้คาดฝัน ช่วง 15-23 Mar.
ด้วยระดับความพร้อมเท่ากับ 2....ความลุ้นและฉุกละหุกระดับ 800 !!!!
 
การไปทริปนี้เป็นการไปทำงาน+เที่ยวต่อคนเดียว(ด้วยงบจำกัด)
ดังนั้นเลยไม่รู้จะยุ่งยากตรงไหนก่อนดีเลย 55555




 
มาค่ะ ชะนีจะเล่าให้ฟัง


 





สิ่งที่ต้องเตรียมก่อนเดินทางไปอิตาลี

1. วีซ่า (Business visa -ต้องไปยื่นเองที่สถานฑูต ไม่ผ่าน VFS) ยากสุด!!!
*** Business visa และความยุ่งยาก ความอิตาลี !!! 

กำเงินราว 3พันบาท พร้อมรวบรวมเอกสารตั่งต่างเพื่อขอวีซ่า ตามหน้าเพจสถานฑูต
เน้น !!! ดูดีๆเลย เพราะนี่ไปกลับสถานฑูตที่ Allseason place ชั้น 27 ถึง2 รอบ
ไม่รวมให้แกรปไปส่งเอกสารเพิ่มเติม
....ซึ่ง ได้รับเล่ม ตอน 5โมงเย็นวันที่ 14 Mar. - -''
ด้วยความยุ่งยากมากมายกว่าจะได้เพราะดันดูเวลานัดรับผิด
ปกติสถานฑูต ทำวีซ่าเช้ารับบ่าย แต่ไหงของชะนีได้รับช่วงเช้า ดูอีกทีคือบ่าย 2
แล้วคือแกรปกับสถานฑูต คุยกันไม่รู้เรื่อง กว่า จนท จะยอม เกือบไม่ได้เดินทางละสู



2. ตั๋วเครื่องบิน

รอบนี้ไปกลับ Bangkok-Bologna ในช่วงงานแบบนี้ได้ตั๋วมาแบบฉิวเฉียดมาก
เพราะวันต่อมาก็คือเต็มไปยันวันที่ 16 Mar. ราคา TG ที่ได้มาคือปกติต้องนั่ง BC ละ
แต่นี่คือ Eco จ้ะแม่
และเป็นไฟลท์ยาวสุดที่ชั้นเคยนั่ง แถมต่อเครื่อง Frankfurt อีก
เปิดประสบการณ์งานยุโรปกุมากกกก


3. ที่พัก

เนื่องจากไปงาน มีระบุที่พักแน่นอนแล้ว 1ที่ ส่วนที่เหลือจองให้ครบเพื่อยื่นวีซ่า
ส่วนที่จะพักจริง.....ไว้จองดาบหน้า เปลี่ยนตามแพลน
#อิตาลีก็แค่ปากซอย 5555555


4. มือถือ (Roaming)

สำคัญมาก เพราะจะรอดไม่รอดนี่คือตัวแปรเลย
True package 899 สำหรับ 15 วัน (มั้ง) คุ้มสุดนาทีนี้


5.  แพ็คกระเป๋า

รอบนี้ให้เกียรติอิตาลีมาก แพ็คก่อนเดินทางวันนึง
ปกติต้องก่อนออกไปสนามบิน (ความนาทีสุดท้ายทุกรอบ)
อ่อ อย่าลืมหยูกยา ยาลม ยาดม ยาหม่อง แก้ปวด คลายกล้ามเนื้อ อย่าให้ขาด
หัวต่อสำหรับปลั๊ก eu เดชะบุญหาเจอถูกอัน 

6. แพลนการเดินทาง แพลนเที่ยว

...................ไม่มี   ^^''   
ก็เข้าใจว่านี่อิตาลี แต่คือ ไม่มีเวลางัย เลยคิดแค่ว่าเอาตัวไปให้ถึงก่อน
แล้วค่อยว่ากันหน้างาน


อ่ะ เป๊ะ !!! พร้อมมาก ไปได้ละเนาะ 11

 
.................................................................................................................................



Bangkok-Bologna


 Departure Flight :   TG 922 Y 15MAR 3 BKKFRA HK1  1240 1905  ARRIVAL 15MAR
                               LH 290 Y 15MAR 3 FRABLQ HK1  2100 2220  ARRIVAL 15MAR
Return Flight :   LH 285 Q 23MAR 4 BLQFRA HK1  1450 1620  ARRIVAL 23MAR
                          TG 923 T 23MAR 4 FRABKK HK1  2055 1345  ARRIVAL 24MAR 

นั่นแปลว่าอะไรคะนักเรียน ?!!!
แปลว่าชะนีที่ผูกปิ่นโตกายภาพกับโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งใกล้บ้าน ต้องนั่งยาว 12 ชม.ครึ่ง
เพื่อไปต่อเครื่องที่ Frankfurt โดยใช้เวลา 1 ชม.ครึ่ง ที่สนามบิน แล้วต่อไป โบโลญญ่า จ้า....
เซียงกงยังมีอะไหล่มั้ยก่อน




ผลก็คือ ชั้นผ่านจุดนั้นมาได้แบบไม่แย่มาก แม้จะนั่งกลาง
...โคดภูมิใจในตัวเองที่รอดมาได้ เอาจริงๆ









 
ถึงโบโลญญ่า 4ทุ่ม นิดๆ กับอุณหภูมิ 7 องศา แฟชั่น Spring ต้องเข้า

สนามบินเล็กๆแป๊บเดียวก็ออกมาซึ่งมีคนรอรับอยู่แล้วและตรงไปที่พักเลย








โดย 15-19 Mar. เราพักที่ Zanhotel europa ซึ่งไม่ไกลจากสถานีรถไฟ Bologna Centrale
ซึ่งถือว่าทำเลดีใช้ได้ และจริงๆแล้วจากที่นี่ เดินไป city center คือสบายๆ กิโลนิดๆเอง






























ไลน์อาหารเช้าที่นี่ไม่แย่นะ แต่ถ้าอยู่หลายวันเทอจะต้องเครียดกับเดจาวูนั้น เพราะมันจะไม่มีเมนูใหม่ๆ ให้ได้ลอง กินวนป่ะ แต่ชั้นโอเคกับมันนะ แถมมีชีสให้กินเยอะแยะ อิอิ


ราคาห้องพักโหดมาก 390 euro /คืน  แถมช่วงงานแบบนี้หาที่พักยากมาก
อันนี้ถูกฟิกซ์มาว่าเป็นที่นี่.....สภาพห้องถือว่าไม่แย่ แต่ที่ขัดใจคือตัวตึกแข็งแรงมาก
แต่ไหงผนังบางยังกะหนังกำพร้า ไม่กันเสียงใดใดเลย ได้ยินแม้กระทั่งเสียงแกะถุง - -''



........................................................................




สำรวจโบโลญญ่า กินต้นตำรับ Bolonese



ด้วยความที่ต้องทำงานกลางวัน ดังนั้นจะพอได้สำรวจเมืองก็ช่วงเย็นๆ
วันแรกที่ต้องหาอะไรกินเอง ก็คือตามอัธยาศรัย นาทีนั้นอยากกินพิซซ่าที่ประเทศต้นกำเนิดมันดูซิ เลยหาจากพิกัดใหล้ๆ ได้มาร้านนึงแต่คนเยอะมาก ไม่มีโต๊ะ เลยมาอีกร้าน







ชื่อร้าน I Re Di napoli บรรยากาศโฮมมี่หน่อย 
เค้าจะถามว่าเราจะสั่ง fish or pizza? แปลว่านี่เมิงกำลังถูกจัดชนชั้นอยู่
ซึ่ง.....กุคือชนชั้นสามัญชนที่มากินพิซซ่าคนเดียว ดังนั้นนั่งรอแป๊บ แต่เกาหลีอีกโต๊ะที่สั่งล็อบสเตอร์จะถูกประคบประหงมเป็นพิเศษ อ่ะ โอเค๊







มาอิตาลี ใช่ว่าจะมาสั่งพิซซ่าฮาวาเอียนเนาะ ก็สั่งอะไรที่ปกติบ้านเราไม่มี
เอาที่เค้าแนะนำ ก็ได้นี่มา เอาจริง จำชื่อไม่ได้ 
มีมอสซาเรลล่าชีสก้อนเท่าบ้านอยู่ตรงกลาง มี chilli paste ให้รสจัดจ้านอยู่นิดหน่อย
รวมๆก็โอเค แต่กินไม่หมด เอากลับจ้ะ 5555 อัปยศตรงต้องถือกล่องพิซซ่ากลับ รร นี่แหละ




ส่วนใครไม่อยากไปนั่งกินก็มีตู้กด อาหารเครื่องดื่ม อยู่โดยทั่วไป
ราคามิตรภาพ คุณภาพดีใช้ได้เลย จากผู้ที่ใช้บริการแชร์มา
















ยามค่ำคืนก็เดินไปซัก กิโลกว่าๆก็ถึง city center หรือตรงที่เรียกว่า Piazza Maggiore
ระหว่างทางเดินไปก็ไม่ได้น่ากลัวนะ เพราะคนเยอะแยะ และบ้านเมืองกลางคืนนี่ก็ดูสวยดี


















ตอนกลางคืนผู้คนก็ยังคึกคัก มีการแสดง มีดนตรีตรงลาน ได้บรรยากาศไปอีกแบบ 
ชะนีก็แอบไปยืนร้อง Ciao Bella Ciao ..Bella ...Ciao ciao ciao กะเค้ากลางลาน 55555
(เพลงจาก series Money Heist)






นี่เป็นมหาลัยที่เก่าแก่ที่สุดค่ะ อ่ะ ที่นี่เมืองการศึกษานะ ว่าไป
จริงๆคืนนี้มีจัดงานเลี้ยง กาล่า ที่นี่ แต่ไม่ได้ไปหรอกเพราะเลิกดึก เหนื่อยมาทั้งวันละ


































เดินนนน ไปอีกซักพัก ก็จะเจอ Two towers แลนด์มาร์คของเมืองนี้เลยล่ะ
แต่กลางคืนแบบนี้ แสงไฟแบบนี้ ก็จะเป็นงี้แหละค่ะคุณผู้โชมมมม





จริงๆวันทำงานวันสุดท้าย เรากลับมาถึงก่อนค่ำ เลยได้เดินดูเมืองในอีกรูปแบบนึง














Basilica Di San Petronio







ถามลุงคนนึงที่ดูแลว่าถ่ายรูปได้มั้ย ลุงบอกจริงๆห้ามถ่าย......ฮึ? 5555
แปลว่าถ่ายได้ 













Two towers
และเราก็มาไม่ทันซื้อตั๋วขึ้น two towers เพราะเค้าเปิดให้ขึ้นถึง 4 โมงเย็นเท่านั้น แถมจำกัดจำนวนคนขึ้นด้วย ดังนั้นถ้าจะมา ต้องซื้อตั๋วล่วงหน้า เซฟสุด ...จริงๆมันคือจุดนึงที่เราจะมองเห็นภาพ โบโลญญ่าแบบ พาโนราม่า ได้อีกที่ ไว้คราวหน้าละกัน






ด้วยความที่ ที่นี่เป็นเมืองเก่าเนาะ ถนนเอยอะไรเลย หินทั้งนั้น และไม่มีเส้นถนน
ส่วนผู้คนก็คือไปมาด้วยรถสาธารณะ และจักรยานเป็นส่วนใหญ่ อ่อ สกู๊ตเตอร์ด้วย
แต่คนที่นี่ขับขี่ได้ปราดเปรียวสุดๆเลยจ้าาา ตรงไหนแทรกไปได้ก็คือพุ่ง
คนเดินเมิงต้องระวังตัวเอง หลบเค้า เพราะเค้าจะไม่ค่อยหลบเมิงหรอก - -''





ภาพมุมกว้างของ Piazza Maggiore จาก Clock tower
ซึ่งเราขึ้นไปสูงกว่านี้ไม่ได้ เพราะหมดเวลาแล้วเหมือนกัน เลยขึ้นมาได้แค่ชั้น 2 

















ชั้น 2 ของ ตึก ซึ่งถ้าขึ้นไป Clock tower เราจะได้ชมเมืองสวยๆเลยแหละ
ที่นี่เปิดให้ขึ้น 10 โมงถึง 5 โมงเย็นได้มั้ง





เราตั้งใจว่ามื้อเย็นนี้ต้องไปนั่งกิน Pasta Bolonese แบบต้นฉบับซะทีละ










สมใจกุละช้อย !!!
Tagliatelle al Ragù Bolognese    
เออ เค้าอร่อยจริง คุณภาพ แต่ราคาสามัญชน เพียง 12 euro 
จริงๆเราสุ่มเลือกร้าน เพราะคิดว่า น่าจะโอเคทุกร้านแหละ ซึ่งก็คือดีย์


ส่วนพี่อีกคนที่มาเดินด้วยวันนี้เลือกสั่ง Seafood pasta
.... เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า คนไทยไม่มีช้อนแล้วชีวิตอยู่ยาก
ชาติตะวันตกเค้าใช้แค่ส้อมกับอาหารแบบนี้ จริงๆเราก็ต้องปรับตัวตาม
แล้วอาหารแบบนี้มันก็ใช้แค่ส้อมป่าววะ อันนี้แอบบงงในความไปมาทั่วโลกของคนไทย
แต่ยังคงเคยชินกับวิสัยแบบไทย.... บางทีก็สงสัย ว่าเค้าไม่ปรับตัว หรือว่ากุดัดจริต???



.........................................................................................




หลังจากทำงานหลวง 3 วัน ก็ถึงเวลาชะนีลุยเดี่ยว แบบด้นสดแล้วแม่ !!!

โดยหลังจากนี้เรามีเงินสดติดตัวที่ 420 euro ถ้วน สำหรับ 5 วัน
ชีวิตจริงละทีนี้





.................................................................................................................................


Bologna-Florence



19 Mar. เช้าตรู่หลังจากเช็คเอาท์ก็ลากกระเป๋าขนาด 28'' พุ่งไปสถานีรถไฟ Bologna Centrale ที่อยู่ห่างออกไปราวๆ 500m. โดยที่มาสำรวจสถานีไว้แล้วเมื่อวันก่อน แต่ว่าไม่ได้ซื้อตั๋วก่อนนะ เพราะกลัวว่าจะพลาดเที่ยวรถแล้วต้องซื้อใหม่ (จำไว้ค่ะชะนี เราไม่มีตังค์เผื่อพลาด) 








ไปถึงสถานีก็พุ่งไปที่ตู้ซื้อตั๋วอัตโนมัติ โดยเช็คข้อมูลเที่ยวรถจากแอป omio ที่ตุ๊ดเพื่อนแนะนำมา






เป็นประโยชน์มาก และอัพเดทกันแบบ Real time 
เช็ค Platform /Tain no./time ให้ดี เพราะมีหลักๆอยู่ 2 บริษัทคือ Trenitalia กับ Italo
พอมั่นใจแล้วก็พุ่งขึ้นรถโลด เพราะนางตรงเวลามาก
เที่ยวนี้จ่ายไป 12.5 euro แล้วนั่งสวยๆไปไม่ถึง 40 นาทีก็ถึง Florence แล้ว รถใหม่ ดี เร็ว ดีงาม






ตู้ขายตั๋ว สะดวกมาก จ่ายบัตรเครดิตก็ได้ ไว เพราะจะถามแค่ชื่อ และเลือกที่นั่ง












สภาพรถเที่ยวนี้คือใหม่มาก สะอาด นั่งสบาย มีที่ชาร์ตแบต และมีห้องน้ำ




.....................................................................



ตามหากาลิเลโอ



อ่ะ ใช่ค่ะ ชั้นลงผิดสถานี จริงๆมันต้องลง Florence Santa Maria Novella
แต่ ! ชะนีลงก่อนสถานีนึง ทุกคนต้องมีครั้งแรกมะ !!! 
ชะนีลงสถานี  Firenze Campo de Marte
จริงๆต้องเปลี่ยนสายแล้วไปลงสถานีถัดไป ...
แต่ช่างมันเถอะ ชั้นมาคนเดียว จะไปไหนยังงัยก็ได้ 55555
เลยออกมารอแท็กซี่หน้าสถานีแบบฝนปรอยๆให้หัวโปกเล่น










ปรากฎ ค่าแท็กซี่ 14 euro แพงกว่าค่ารถไฟมาจากโบโลญญ่าอีก ผีปอบมากค่ะ
แต่เอาเหอะลากกระเป๋าไปไม่ถึงอ่ะ

ที่พักที่ Florence เพิ่งจองผ่าน Agoda เมื่อวันก่อนมาวันนึง ชื่อ Hotel Galieo 
ราคาอยู่ที่ 50 euro ในคืนแรก (วันอาทิตย์) และ 89 euro ในคืนถัดมา จะบอกว่าการหาโรงแรมที่ราคาต่ำกว่า 100 euro ใน location ดีๆไม่ง่าย โชคดีที่ได้ที่นี่ 



เจอแล้วว้อยยยย






***พุชายบนนั้นไม่ใช่กาลิเลโอ ชั้นมั่นใจ และเค้าไม่ได้รอชั้น 5555






ห้องหับโอเคเลย แลจะดูโอเคกว่าก่อนหน้าอีก มีอ่างอาบน้ำด้วย
ที่สำคัญตึกฝั่งตรงข้ามมีผู้ให้ดูแก้เครียด 5555





















































































โรงแรมที่นี่ให้เช็คอินบ่าย 3 โมง ดังนั้นระหว่างรอก็ไปเดินเที่ยว
ไว้ค่อยกลับมาเย็นๆทีเดียวได้เลย 
ซึ่ง Florence เป็นเมืองที่เดินได้สบายๆดูจากแผนที่แล้ว โดยที่ระยะทางจริงนั้นใกล้กว่าสเกลที่เห็นในแผนที่เยอะเลย



จากการที่เราไม่ได้เตรียมตัวอะไรมาเลย 555555
เราเลือกที่จะกด Google ดูตำแหน่งปัจจุบันและเลือก Attractions เพื่อหาจุดท่องเที่ยวหลักๆ เอาแบบเดินตาม map กันไปเลยจ้ะแม่ ซึ่งจากที่พักเราเดินไปทุกๆ 500 m. ก็จะมีที่ให้แวะชมตลอดทาง 














บรรยากาศก็คืออึมครึม เมืองห่าผีมาก ฝนพร้อมตกตลอดเว.....และ ค่ะ มันตกจริงๆ 





San Giovanni





































Florence Duomo






ละแวกนั้นก็จะมีร้านอาหาร ร้านขายของตลอดทาง เดินเพลินๆไปเลอะ












 ร้าน Gelato ที่มีอยู่ทุกมุมเมือง จริงๆในเนทมีคนแนะนำอีกร้านนึง ปากดเดินไปเจอวันก่อนกลับ แต่ว่าไม่ได้กิน นางเปิดสาย







Piazza Della Repubblica
ตรงนี้เหมือนลานกิจกรรมชุมชน เดินผ่านตอนกลางคืนก็จะสวยงาม....แบบเน้















พอเราเดินไปซักพักก็จะ.............หิว
ลองกดดูจาก Google พบว่ามีร้านที่ขายพวก Foccacia แซนด์วิช ดูน่ากิน






และร้านก็เป็นที่นิยมมาก ในซอยมีตั้ง 3 ร้าน แต่มีแค่ร้านนี้ที่คนเข้าแถวยาวววว
เหมือนบ้านเราแหละ คนรอเยอะๆก็เอาเมนูไปดูรอเลย ยืนเจริญจิตภาวนาไป
เอาจริงๆเมนูมีหลายอย่างน่ากิน แต่ต้องเลือกอย่างเดียวค่ะ ชิ้นมันใหญ่








ราคาก็ถือว่าไม่ได้แพงเลยนะ























มาถึงอิตาลีแล้ว ก็ต้องกิน Prosciutto สิ
เลยเลือก Prosciutto arrosso el salsa verde (4#) 
แต่ขอเพิ่ม Rocket จริง 5.3 euro แต่คนขายบอก 5.3 พอ เพราะสวย (คิดเอง ชั้นว่าใช่ 555)

รสชาตจะออกสดชื่นๆ เพราะ Salsa verde เป็น parsley souce 
อิ่มอร่อยอย่างมีคุณภาพ ชิ้นใหญ่มากกก.................หมด 555555



มีแรงแล้วเดินต่อไปเรื่อยๆค่ะชะนี
วันนี้รอบปฐมทัศน์ ไว้เราค่อยมาตั้งใจเดินเมืองนี้กันต่อวันหลัง
วันนี้สำรวจจังหวะนางก่อน อากาศไม่เป็นใจด้วย อึมครึมมาก แต่ก็ยังหนาวอยู่






Piazza Dell Signoria




















แวะทักทาย David ตัวปลอมก่อน





















ระหว่างนี้แบตมือถือก็คือร่อแร่ ส่วน powerbank ที่ถือมาก็คือเสีย RIP ....
ทางเดียวที่นึกออกคือหาร้านที่มีปลั๊กให้เสียบชาร์ตได้ เลยลองเดินๆหาคาเฟ่ใกล้ๆดู
และก็เจอที่ดีๆ ชื่อ Budellino Wine bar & caffe 











มีกาแฟดีๆ ขนมซักชิ้น พร้อมชาร์จแบตมือถือ มีฟามสุขละ



เดินเล่นซักพักก็เดินกลับโรงแรม พักเอาแรง ค่อยคิดว่าพรุ่งนี้จะไปไหน 55555









มื้อเย็นวันนี้ เจอร้านใกล้โรงแรที่ พนง เค้าแนะนำมา ดูน่านั่งราคาไม่แย่
ชื่อร้าน Ristorante matto matto



















ไม่ได้โปรตีนมาหลายวัน เจอแต่แป้ง 5555 วันนี้สั่ง Ossobucco ซะเลย จุกๆกันไป



มันคือเนื้อติดกระดูก พร้อมด้วยไขกระดูกแบบรวยๆ (rich 55555) รสชาตเข้มข้น
ปกติถ้าไปร้านอิตาเลียนแล้วหิวมากๆจะสั่งอันนี้เพราะอิ่ม หนัก วันนี้ก็เช่นกัน 
สั่งคู่ Lemonade ให้สดชื่น ตัดเลี่ยนด้วย มื้อนี้ 22 euro สวยๆ อิ่มท้อง ตายตาหลับ




และคืนนี้เองที่ตัดสินใจ เลือกที่จะซื้อ One day trip สำหรับพรุ่งนี้
ผ่านทางapp Get you guide






ถึงจะรู้ว่าอากาศพรุ่งนี้ไม่ค่อยดี มีฝนเกือบทั้งวัน แต่จะเสียเปล่าไปวันนึงไม่ได้
สรุปเลือก Tuscany one day trip ที่แวะเที่ยว Pisa ด้วย ในราคา 53 euro ได้มั้ง
ตกเป็นเงินไทย ,2570 บาท 




ส่วนตัวคิดว่าคุ้ม เพราะรวมรถโคช นั่งไป-กลับ ไปเองน่าจะหมดเยอะกว่านี้และลำบากเรื่อง manage เวลาแน่นอน แต่อันนี้เลือกแบบที่ไม่ได้เดินตามไกด์แล้วให้ไกด์บรรยายนะ เรียกว่าเป็นแบบ Semi independent แบบนี้น่าจะเหมาะกับตัวเองมากกว่า


จองปุ๊บ คอนเฟิร์มปั๊บ (ถ้ายังมีที่ว่าง)
แล้วก็มีเป็น Ticket ให้ ในหน้าแอป แพ็คเก็จที่ชะนีเลือกคืออันนี้ค่ะ



แอปใช้งานง่าย มี Direction ไปจุดนัดพบให้ด้วย สะดวกมาก
แล้วก็มีโปรแกรมให้เลือกเยอะมวาก เลือกเอาที่เราชอบ แล้วก็สะดวกได้เลย
ดูเหมือนเค้าจะมีสำหรับหลายๆประเทศเลย เพิ่งเคยใช้แบบนี้ ...ปกติไปเองมั่วๆ 5555



ติดตามต่อตอนหน้าละกันเนาะ สำหรับปุบปับทริปของชะนี 
สำหรับวันนี้ราตรีสวัสสสสสส

Ciaoooooooo !!!!!! 
21



 



Create Date : 26 มีนาคม 2566
Last Update : 19 กรกฎาคม 2566 20:49:02 น. 1 comments
Counter : 1023 Pageviews.

 
เขียนสนุกดีค่ะ


โดย: settembre วันที่: 3 เมษายน 2566 เวลา:16:21:58 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

NiToRiA
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




I love Travel
I love Foods
I'm a Catlover !



glitter-graphics.com



: Users Online


Friends' blogs
[Add NiToRiA's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.