ถึงโบโลญญ่า 4ทุ่ม นิดๆ กับอุณหภูมิ 7 องศา แฟชั่น Spring ต้องเข้า
สนามบินเล็กๆแป๊บเดียวก็ออกมาซึ่งมีคนรอรับอยู่แล้วและตรงไปที่พักเลย
โดย 15-19 Mar. เราพักที่ Zanhotel europa ซึ่งไม่ไกลจากสถานีรถไฟ Bologna Centrale
ซึ่งถือว่าทำเลดีใช้ได้ และจริงๆแล้วจากที่นี่ เดินไป city center คือสบายๆ กิโลนิดๆเอง
ไลน์อาหารเช้าที่นี่ไม่แย่นะ แต่ถ้าอยู่หลายวันเทอจะต้องเครียดกับเดจาวูนั้น เพราะมันจะไม่มีเมนูใหม่ๆ ให้ได้ลอง กินวนป่ะ แต่ชั้นโอเคกับมันนะ แถมมีชีสให้กินเยอะแยะ อิอิ
ราคาห้องพักโหดมาก 390 euro /คืน แถมช่วงงานแบบนี้หาที่พักยากมาก
อันนี้ถูกฟิกซ์มาว่าเป็นที่นี่.....สภาพห้องถือว่าไม่แย่ แต่ที่ขัดใจคือตัวตึกแข็งแรงมาก
แต่ไหงผนังบางยังกะหนังกำพร้า ไม่กันเสียงใดใดเลย ได้ยินแม้กระทั่งเสียงแกะถุง - -''
........................................................................สำรวจโบโลญญ่า กินต้นตำรับ Boloneseด้วยความที่ต้องทำงานกลางวัน ดังนั้นจะพอได้สำรวจเมืองก็ช่วงเย็นๆ
วันแรกที่ต้องหาอะไรกินเอง ก็คือตามอัธยาศรัย นาทีนั้นอยากกินพิซซ่าที่ประเทศต้นกำเนิดมันดูซิ เลยหาจากพิกัดใหล้ๆ ได้มาร้านนึงแต่คนเยอะมาก ไม่มีโต๊ะ เลยมาอีกร้าน
ชื่อร้าน I Re Di napoli บรรยากาศโฮมมี่หน่อย
เค้าจะถามว่าเราจะสั่ง fish or pizza? แปลว่านี่เมิงกำลังถูกจัดชนชั้นอยู่
ซึ่ง.....กุคือชนชั้นสามัญชนที่มากินพิซซ่าคนเดียว ดังนั้นนั่งรอแป๊บ แต่เกาหลีอีกโต๊ะที่สั่งล็อบสเตอร์จะถูกประคบประหงมเป็นพิเศษ อ่ะ โอเค๊
มาอิตาลี ใช่ว่าจะมาสั่งพิซซ่าฮาวาเอียนเนาะ ก็สั่งอะไรที่ปกติบ้านเราไม่มี
เอาที่เค้าแนะนำ ก็ได้นี่มา เอาจริง จำชื่อไม่ได้
มีมอสซาเรลล่าชีสก้อนเท่าบ้านอยู่ตรงกลาง มี chilli paste ให้รสจัดจ้านอยู่นิดหน่อย
รวมๆก็โอเค แต่กินไม่หมด เอากลับจ้ะ 5555 อัปยศตรงต้องถือกล่องพิซซ่ากลับ รร นี่แหละ
ส่วนใครไม่อยากไปนั่งกินก็มีตู้กด อาหารเครื่องดื่ม อยู่โดยทั่วไป
ราคามิตรภาพ คุณภาพดีใช้ได้เลย จากผู้ที่ใช้บริการแชร์มา
ยามค่ำคืนก็เดินไปซัก กิโลกว่าๆก็ถึง city center หรือตรงที่เรียกว่า Piazza Maggiore
ระหว่างทางเดินไปก็ไม่ได้น่ากลัวนะ เพราะคนเยอะแยะ และบ้านเมืองกลางคืนนี่ก็ดูสวยดี
ตอนกลางคืนผู้คนก็ยังคึกคัก มีการแสดง มีดนตรีตรงลาน ได้บรรยากาศไปอีกแบบ
ชะนีก็แอบไปยืนร้อง Ciao Bella Ciao ..Bella ...Ciao ciao ciao กะเค้ากลางลาน 55555
(เพลงจาก series Money Heist)
นี่เป็นมหาลัยที่เก่าแก่ที่สุดค่ะ อ่ะ ที่นี่เมืองการศึกษานะ ว่าไป
จริงๆคืนนี้มีจัดงานเลี้ยง กาล่า ที่นี่ แต่ไม่ได้ไปหรอกเพราะเลิกดึก เหนื่อยมาทั้งวันละ
เดินนนน ไปอีกซักพัก ก็จะเจอ Two towers แลนด์มาร์คของเมืองนี้เลยล่ะ
แต่กลางคืนแบบนี้ แสงไฟแบบนี้ ก็จะเป็นงี้แหละค่ะคุณผู้โชมมมม
จริงๆวันทำงานวันสุดท้าย เรากลับมาถึงก่อนค่ำ เลยได้เดินดูเมืองในอีกรูปแบบนึง
Basilica Di San Petronio
ถามลุงคนนึงที่ดูแลว่าถ่ายรูปได้มั้ย ลุงบอกจริงๆห้ามถ่าย......ฮึ? 5555
แปลว่าถ่ายได้
Two towers
และเราก็มาไม่ทันซื้อตั๋วขึ้น two towers เพราะเค้าเปิดให้ขึ้นถึง 4 โมงเย็นเท่านั้น แถมจำกัดจำนวนคนขึ้นด้วย ดังนั้นถ้าจะมา ต้องซื้อตั๋วล่วงหน้า เซฟสุด ...จริงๆมันคือจุดนึงที่เราจะมองเห็นภาพ โบโลญญ่าแบบ พาโนราม่า ได้อีกที่ ไว้คราวหน้าละกัน
ด้วยความที่ ที่นี่เป็นเมืองเก่าเนาะ ถนนเอยอะไรเลย หินทั้งนั้น และไม่มีเส้นถนน
ส่วนผู้คนก็คือไปมาด้วยรถสาธารณะ และจักรยานเป็นส่วนใหญ่ อ่อ สกู๊ตเตอร์ด้วย
แต่คนที่นี่ขับขี่ได้ปราดเปรียวสุดๆเลยจ้าาา ตรงไหนแทรกไปได้ก็คือพุ่ง
คนเดินเมิงต้องระวังตัวเอง หลบเค้า เพราะเค้าจะไม่ค่อยหลบเมิงหรอก - -''
ภาพมุมกว้างของ Piazza Maggiore จาก Clock tower
ซึ่งเราขึ้นไปสูงกว่านี้ไม่ได้ เพราะหมดเวลาแล้วเหมือนกัน เลยขึ้นมาได้แค่ชั้น 2
ชั้น 2 ของ ตึก ซึ่งถ้าขึ้นไป Clock tower เราจะได้ชมเมืองสวยๆเลยแหละ
ที่นี่เปิดให้ขึ้น 10 โมงถึง 5 โมงเย็นได้มั้ง
เราตั้งใจว่ามื้อเย็นนี้ต้องไปนั่งกิน
Pasta Bolonese แบบต้นฉบับซะทีละ
สมใจกุละช้อย !!!
Tagliatelle al Ragù Bolognese เออ เค้าอร่อยจริง คุณภาพ แต่ราคาสามัญชน เพียง 12 euro
จริงๆเราสุ่มเลือกร้าน เพราะคิดว่า น่าจะโอเคทุกร้านแหละ ซึ่งก็คือดีย์
ส่วนพี่อีกคนที่มาเดินด้วยวันนี้เลือกสั่ง Seafood pasta
.... เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า คนไทยไม่มีช้อนแล้วชีวิตอยู่ยาก
ชาติตะวันตกเค้าใช้แค่ส้อมกับอาหารแบบนี้ จริงๆเราก็ต้องปรับตัวตาม
แล้วอาหารแบบนี้มันก็ใช้แค่ส้อมป่าววะ อันนี้แอบบงงในความไปมาทั่วโลกของคนไทย
แต่ยังคงเคยชินกับวิสัยแบบไทย.... บางทีก็สงสัย ว่าเค้าไม่ปรับตัว หรือว่ากุดัดจริต???
.........................................................................................
หลังจากทำงานหลวง 3 วัน ก็ถึงเวลาชะนีลุยเดี่ยว แบบด้นสดแล้วแม่ !!!โดยหลังจากนี้เรามีเงินสดติดตัวที่ 420 euro ถ้วน สำหรับ 5 วัน
ชีวิตจริงละทีนี้.................................................................................................................................
Bologna-Florence19 Mar. เช้าตรู่หลังจากเช็คเอาท์ก็ลากกระเป๋าขนาด 28'' พุ่งไปสถานีรถไฟ Bologna Centrale ที่อยู่ห่างออกไปราวๆ 500m. โดยที่มาสำรวจสถานีไว้แล้วเมื่อวันก่อน แต่ว่าไม่ได้ซื้อตั๋วก่อนนะ เพราะกลัวว่าจะพลาดเที่ยวรถแล้วต้องซื้อใหม่ (จำไว้ค่ะชะนี เราไม่มีตังค์เผื่อพลาด)
ไปถึงสถานีก็พุ่งไปที่ตู้ซื้อตั๋วอัตโนมัติ โดยเช็คข้อมูลเที่ยวรถจากแอป
omio ที่ตุ๊ดเพื่อนแนะนำมา
เป็นประโยชน์มาก และอัพเดทกันแบบ Real time
เช็ค Platform /Tain no./time ให้ดี เพราะมีหลักๆอยู่ 2 บริษัทคือ
Trenitalia กับ Italoพอมั่นใจแล้วก็พุ่งขึ้นรถโลด เพราะนางตรงเวลามาก
เที่ยวนี้จ่ายไป
12.5 euro แล้วนั่งสวยๆไปไม่ถึง 40 นาทีก็ถึง Florence แล้ว รถใหม่ ดี เร็ว ดีงาม
ตู้ขายตั๋ว สะดวกมาก จ่ายบัตรเครดิตก็ได้ ไว เพราะจะถามแค่ชื่อ และเลือกที่นั่ง
สภาพรถเที่ยวนี้คือใหม่มาก สะอาด นั่งสบาย มีที่ชาร์ตแบต และมีห้องน้ำ
.....................................................................
ตามหากาลิเลโออ่ะ ใช่ค่ะ ชั้นลงผิดสถานี จริงๆมันต้องลง Florence Santa Maria Novella
แต่ ! ชะนีลงก่อนสถานีนึง ทุกคนต้องมีครั้งแรกมะ !!!
ชะนีลงสถานี Firenze Campo de Marte
จริงๆต้องเปลี่ยนสายแล้วไปลงสถานีถัดไป ...
แต่ช่างมันเถอะ ชั้นมาคนเดียว จะไปไหนยังงัยก็ได้ 55555
เลยออกมารอแท็กซี่หน้าสถานีแบบฝนปรอยๆให้หัวโปกเล่น
ปรากฎ ค่าแท็กซี่ 14 euro แพงกว่าค่ารถไฟมาจากโบโลญญ่าอีก ผีปอบมากค่ะ
แต่เอาเหอะลากกระเป๋าไปไม่ถึงอ่ะ
ที่พักที่ Florence เพิ่งจองผ่าน Agoda เมื่อวันก่อนมาวันนึง ชื่อ Hotel Galieo
ราคาอยู่ที่ 50 euro ในคืนแรก (วันอาทิตย์) และ 89 euro ในคืนถัดมา จะบอกว่าการหาโรงแรมที่ราคาต่ำกว่า 100 euro ใน location ดีๆไม่ง่าย โชคดีที่ได้ที่นี่
เจอแล้วว้อยยยย
***พุชายบนนั้นไม่ใช่กาลิเลโอ ชั้นมั่นใจ และเค้าไม่ได้รอชั้น 5555
ห้องหับโอเคเลย แลจะดูโอเคกว่าก่อนหน้าอีก มีอ่างอาบน้ำด้วย
ที่สำคัญตึกฝั่งตรงข้ามมีผู้ให้ดูแก้เครียด 5555