BlogGang.com : : Hana* : ไปดูการเรียนการสอนที่โรงเรียนเเละพร้อมกับฟังการบรรยายการสอบเข้ามหาลัยญี่ปุ่น

ไปดูการเรียนการสอนที่โรงเรียนเเละพร้อมกับฟังการบรรยายการสอบเข้ามหาลัยญี่ปุ่น

กิจกรรมนี้จัดขึ้นเมื่อวันเสาร์ที่10พ.ยที่ผ่านมา ต้องลางานอีก รู้สึกว่าตัวเองจะลางานบ่อยไปเเล้วมัง เกือบเต็มพิกัดที่ลาได้ ทั้งๆยังเหลือเวลาอีกตั้ง5เดือนกว่าจะจบปีการศึกษาปีงบประมาณ เเฮ่ๆ

ก่อนไปดูลูกเรียนหนังสือก็ไปฟังการบรรยายเรื่องการสอบเข้ามหาลัยญี่ปุ่นก่อน จากที่เคยสงสัย เรื่องระบบการสอบเข้ามหาลัยญี่ปุ่น วันนี้เข้าใจเเจ่มเเจ้งเเล้ว เข้าใจระบบการคัดเลือกเด็ก การสอบ การเตรียมตัวสอบ เด็กญี่ปุ่นมีจำนวณลดลง เเต่จำนวณเด็กที่อยากเรียนต่อในมหาลัยเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะมหาลัยรัฐที่ดังๆ(มีอยู่ราวๆ10กว่าเเห่ง) เหตุผลก็เนื่องมาจากเด็กที่จบจากม.รัฐ หางานได้ง่ายกว่าเด็กจบม.เอกชน ค่าเรียนม.รัฐถูกกว่าค่าเรียนม.เอกชน การเตรียมตัวสอบควรให้เด็กทำทุกวิชาให้ได้พอๆกัน บาลานซ์กัน ไม่ควรให้เด็กทำได้คะเเนนดีในวิชาหนึ่งวิชาใด คือทุกวิชาต้องดี อย่าให้มีดีมากเเย่มาก ไม่ควรให้เด็กมีวิชารัก วิชาเกลียด เเต่ต้องชอบทุกวิชาที่ใช้สอบ ช่วงนี้ญี่ปุ่นก็มีการเปลี่ยนเเปลงระบบการสอบเข้ามหาลัย เมื่อก่อนก็มีการเเบ่งรับเด็กสอบเข้า มีรับช่วงเเรกxx% รับช่วงหลังyy%(100-xx=yy) เเต่ในรุ่นที่ลูกสาวจะสอบนี้(ปี2015) หลายๆม.รัฐเปลี่ยนมารับเด็กในช่วงเเรก100% ไม่อยากรับช่วงหลัง ก็เนื่องมาจากเด็กที่รับช่วงเเรกกับเด็กที่รับมาช่วงหลัง ผลการเรียนต่างกัน เด็กที่รับช่วงหลังมักจะมีผลการเรียนเเย่กว่าเด็กที่รับมาช่วงเเรก รุ่นลูกนี่เป็นการเปลี่ยนเเปลงเเบบครึ่งๆกลางๆ เเต่ถ้ารุ่นเด็กม.3ในปีนี้(ซึ่งก็จะสอบกันปี2016 จะใช้ระบบใหม่เลย) การเรียนของเด็ก ควรให้เด็กเริ่มตั้งใจเรียนกันตั้งเเต่ต้น พื้นฐานม.4 ม.5 จะเป็นพื้นฐานสำคัญในการสอบเข้ามหาลัยส่วนกลาง ถ้าเด็กมาสนใจเรียนเอาตอนม.6 อาจจะช้าเกินไป คณะที่เด็กสนใจอยากสอบเข้ามากที่สุดของสายวิทย์คือคณะเภสัช รองลงมาคือคณะเเพทย์ รองลงมาคือคณะทันตะ เหตุผลก็คงจะหนีไม่พ้น เรื่องการหางานทำเพราะคณะเหล่านี้จบมาเเล้วสามารถทำงานได้เลย เริ่มหนักใจเเทนลูกสาว เหอๆ เเต่เเม่ต้องเข้มเเข็งห้ามพูดอะไรที่เป็นการปั่นทอนขวัญกำลังใจของลูก คนเป็นพ่อเป็นเเม่ควรสนับสนุนลูก(ฟังมาถึงตรงนี้ เรานี่เป็นเเม่ที่ไม่ดีเอาเสียเลย ชอบพูดว่าลูกผลการเรียนเเบบนี้เหรอจะไปสอบเภสัช ซึ่งมันอาจจะเป็นจริงตามคำพูดของเราก็ได้ เเต่ก็ไม่ควรพูด พิธีกรเขาว่างั้น เเฮ่ๆ) ควรเข้มงวดกับลูก ให้ลูกลำบากตอนนี้เพื่ออนาคตดีของเขา(ซึ่งเราก็เข้มงวดกับลูกอยู่เเล้ว) ฟังเสร็จ เอาหล่ะ เริ่มช่วยลูกเตรียมตัว หยุดฤดูหนาวนี้ต้องให้ลูกไปเรียนพิเศษ คณิต อังกฤษ ญี่ปุ่น ซะเเล้ว เหลือเวลาอีก2ปีกว่าๆเองนะ ไฟ๊โตะ!!!!!

หลังจากฟังการบรรยายจบ ก็ไปดูการเรียนของลูก ในคาบเรียนที่4เเละคาบเรียนที่5

ไปดูการเรียนการสอนที่ห้องลูกในครั้งนี้เจอวิชาภาษาอังกฤษ(คาบเรียนที่4)กับวิชาพละ(คาบเรียนที่5) วิชาภาษาอังกฤษนี่ลูกสาวอยากให้เเม่ไปดูเขาเรียนมาก เนื่องจากเขาทำได้ เเต่พละลูกบอกไม่อยากให้เเม่ไปดูเลย เขาทำไม่ได้ กลัวโดนเเม่ดุ

-วิชาภาษาอังกฤษ โรงเรียนเทศบาลก็จะใช้ครูญี่ปุ่น การออกเสียง สำนวณ ก็ไม่ได้เลวร้ายมาก ยอมรับได้ เรียนReading "Magician's Jump from a Bridge/The Legend of The Detroit Bridge Jump"ก็เปิดเทปให้นักเรียนฟังเเล้วก็อ่านตาม ครูคนสอนก็พูดภาษาอังกฤษด้วย ภาษาญี่ปุ่น ก็เหมือนตอนที่เราเรียนวิชาภาษาอังกฤษในโรงเรียนไทยสมัยก่อนสัก20กว่าปีมาเเล้ว เเต่สมัยนี้เมืองไทยรุดหน้าไปมากมีการสอน2ภาษา มีครูเนทีฟมาสอนด้วย โรงเรียนที่ลูกเรียนนี้ไม่มีครูเนทีฟสอน อังกฤษ1ก็ครูญี่ปุ่น อังกฤษเเกรมม่าก็ครูญี่ปุ่น ไม่เป็นไร เพราะเราเลือกมาเรียนเอง

-วิชาพละ ไม่รู้เป็นเหมือนกันทุกโรงเรียนหรือเปล่า คือวิชาพละจะเรียนรวมกันกับเด็กห้องอื่นๆด้วย ซึ่งที่ลูกเรียนนั้นก็เรียนรวมกัน ม.4/4 ม.4/5 ม.4/6 นักเรียน120คนต่อครู2คน จะเเยกเป็นครูสอนเด็กผู้หญิง1คน ครูสอนเด็กผู้ชาย1ครู เด็กผู้หญิงรวมกันทั้ง3ห้องเเล้วมี45คนต่อครู1คน ซึ่งก็ดูไม่เยอะเท่าไหร่ เเต่ครูที่สอนเด็กผู้ชายอาจจะหนักหน่อยเพราะเจอ75:1 ก็คิดว่าครูพละครูคงจะดุๆ เเต่นี่ไม่เลย เรียนพละหรือว่ามานั่ง ยืนเล่นกันเนี่ย นี่ถ้าไม่บอกว่าเรียน ก็นึกว่าเขาปล่อยเด็กมายืดเส้นยืดสายกันที่สนามนะ วันนี้เรียนวิ่งกระโดข้ามรั้ว เด็กผู้หญิงวิ่ง50เมตร เด็กผู้ช้ายวิ่ง100เมตร เด็กเเต่ละคนก็ตามสไตล์ฉัน ทำได้ก็ทำ ทำไม่ได้ก็ไม่ทำ ครูก็ไม่ดุ หรือว่าเห็นผู้ปกครองมาดูครูจึงไม่กล้าดุ ก็ถามลูกปกติเรียนกันเเบบนั้นเหรอ ไม่วิ่งข้ามรั้ว เเต่วิ่งข้างๆผ่านข้างๆรั้วเเทน ครูไม่ดุเหรอ ลูกบอกไม่ดุหรอกเเม่ ก็เป็นเเบบที่เเม่เห็นนั่นเเหละ พยายามเเล้วเเต่ทำไม่ได้ ครูก็ไม่ดุหรอก ที่นั่งดูเห็นลูกวิ่งกระโดดข้ามรั้วได้เเค่อันดียว นอกนั้นวิ่งผ่านข้างๆรั้วหมด ปัดโธ่ มันน่าตีขาจริงๆ ตัวก็สูง ตัวก็ผอม มันน่าจะวิ่งข้ามได้ เพื่อนตัวเตี้ย ตัวอ้วนเขายังวิ่งข้ามได้ ดูๆเเล้วลูกเรานี่มันเด็กขี้โรคหรือเปล่านะ ต้องให้ออกกำลังกายมากกว่านี้ซะเเล้วมัง เเละที่สำคัญอากาศหนาวๆ เด็กกับครูยังใส่เสื้อเเขนสั้นกางเกงขาสั้น เห็นเเล้วก็รู้สึกหนาวเเทน

いい経験になりました。

Create Date : 12 พฤศจิกายน 2555

Last Update : 12 พฤศจิกายน 2555 20:55:48 น.

0 comments

Counter : 1777 Pageviews.