...ห้องทำงานรก ๆ ร้าง ๆ ที่เจ้าของทิ้งขว้างไม่สนใจ...


Group Blog
 
<<
พฤษภาคม 2548
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
28 พฤษภาคม 2548
 
All Blogs
 

[6] A timely invitation : คำเชิญที่มาถึงในเวลาเหมาะเจาะ



...


แน็ตตี้ตกใจตื่นขึ้นกลางกองผ้าห่มและผ้าคลุมเตียงที่พันกันยุ่งเหยิง


ผ้าคลุมเตียงหนาตลบกลับขี้นมาทับอยู่บนร่าง ส่วนขาทั้งสองข้างยังคงซุกอยู่ใต้ผ้าห่มเนื้อนุ่มที่เธอคลี่ออกคลุมเตียงไว้เผื่อเจ้าเชสเตอร์ แมวของเพื่อนบ้านจะแวะมาเยี่ยมเยียนยามดึก


ศีรษะของเธอปวดหนึบและลำคอแห้งผากราวกับเธอไปร่วมสนุกในงานปาร์ตี้มาตลอดคืน หญิงสาวหลับหูหลับตาเอื้อมมือที่ยังคงสั่นน้อย ๆ ไปคว้าแก้วน้ำที่วางอยู่บนโต๊ะหัวเตียงมาดื่มรวดเดียวหมด ก่อนที่จะปล่อยแก้วเปล่าให้ตกลงกระทบพื้นแล้วทิ้งตัวลงนอนอีกรอบ ยกแขนขึ้นบังแสงแดดยามเช้าที่สาดส่องเข้ามาทางหน้าต่างบานใหญ่


เธอนอนอยู่ในท่านั้นต่อไปอีกเป็นเวลานาน คอยฟังเสียงชีพจรตัวเองที่เต้นรัวอยู่ในสมองค่อย ๆ คลายจังหวะคืนสู่สภาวะปกติอย่างช้า ๆ เธอเห็นภาพอะไรบางอย่างล่องลอยอยู่ในสมองเช่นกัน แต่มันเลือนรางจนแทบไม่สามารถเรียกว่าเป็นความทรงจำได้อย่างเต็มปากเต็มคำ


หญิงสาวลดแขนลงแล้วเหลือบไปมองนาฬิกาบนฝาผนังก่อนจะครางออกมา แม้ว่าเวลานั้นจะยังเช้าอยู่มากและตัวเธอเองก็ยังนอนหลับไม่เต็มตา แต่เธอกลับรู้สึกตื่นเพริดเต็มที่ได้อย่างไม่น่าเชื่อ นี่ถ้าฌอนเดินเข้าประตูมาในตอนนี้ เธอคงจะยอมยกโทษให้เขาทุกอย่างแล้วลากชายหนุ่มขึ้นเตียงด้วยกันทันทีอย่างไม่ต้องสงสัย แต่เขาก็ไม่ได้โผล่หัวมา แถมอาการปวดศีรษะและร่องรอยของคมเคียวแห่งความหวาดผวาที่ยังกดประทับอยู่ในช่องท้องทำให้เธอหมดอารมณ์ที่จะช่วยปลดปล่อยตัวเองให้หลุดพ้นจากความรู้สึกที่กระเจิดกระเจิงนั้น


แน็ตตี้กระพริบตาปริบ ๆ ก่อนกวาดสายตาไปรอบตัวอย่างรวดเร็ว สงสัยอยู่ในใจว่าอะไรเป็นตัวปลุกให้เธอตื่นขึ้นมา เธอพลิกฟื้นตื่นจากห้วงนิทราล้ำลึกตั้งแต่ยังเช้าตรู่ทั้ง ๆ ที่สัญญากับตัวเองไว้แล้วว่าจะขอนอนตื่นสายสักวัน โทรศัพท์ดังหรือเปล่านะ? หรือว่าเป็นเพราะฝันร้าย?


หญิงสาวครุ่นคิดในขณะที่ทอดสายตามองขื่อคานบนเพดาน เธอจำอะไรไม่ได้มากนัก นอกจากมีต้นไม้แล้วก็...มีลำธารด้วยกระมัง? เธอแน่ใจว่ามีใครบางคนอยู่ที่นั่นกับเธอด้วย แต่ใบหน้าของเขาคือปริศนา เธอรู้ว่าเขาเป็นผู้ชายและนั่นคือสิ่งเดียวที่เธอมั่นใจเต็มร้อย แต่นอกจากนั้นแล้ว...


แน็ตตี้จัดแจงคลี่ผ้าคลุมเตียงและผ้าห่มให้กางออกแล้วซุกตัวลงหาไออุ่นของเตียงนอนอีกครั้ง เธอตวัดผ้าห่มขึ้นคลุมโปงเพื่อกั้นแสงตะวันแรงกล้า แต่ไม่นานนักก็รู้สึกอบอ้าวเสียจนทนไม่ได้ สมองของเธอตื่นตัวเต็มที่เสียแล้ว และมันกำลังหมกมุ่นอยู่กับรายละเอียดของความฝันที่แตกออกเป็นชิ้นเล็ก ๆ น้อย ๆ นับพันชิ้นและไม่ยอมรวมตัวกันเข้าเป็นหนึ่งเดียว


เหตุการณ์การปะทะอารมณ์ระหว่างเธอกับฌอนเมื่อคืนนี้หวนกลับมาในห้วงคิดเช่นกัน แต่มันก็ถูกกลืนไปกับภาพต่าง ๆ ที่ยังสับสนวุ่นวายจนทำให้หญิงสาวสงสัยว่าเหตุการณ์นั้นมันเกิดขึ้นจริงหรือเป็นเพียงความฝันอีกอันของเธอกันแน่


แสงแดดสาดส่องลงบนใบหน้าของจิตรกรสาวอย่างตั้งอกตั้งใจ แต่อากาศอันหนาวเย็นในห้องนอนก็ยังทำให้ไรขนอ่อนตามเรียวแขนเปล่าเปลือยลุกชันขึ้นได้ หรือมันเป็นเพราะความรู้สึกที่คงค้างมาจากความฝันกันแน่นะ?


แน็ตตี้ชะเง้อมองเครื่องทำความร้อนรูปร่างเหมือนกล่องเหล็กเก่าคร่ำคร่าที่ตั้งอยู่ใต้หน้าต่าง มันยังคงทำงานอยู่เพราะเธอมองเห็นระลอกพลิ้วของอากาศที่ถูกอุ่นให้ร้อนล่องลอยอยู่เหนือตัวเครื่อง


แต่ในห้องก็ยังหนาวอยู่ดีนั่นแหล่ะ


เมื่อทำใจได้แล้วว่ายังไงเสียเธอคงข่มตาลงนอนต่อไปไม่ไหวแล้ว หญิงสาวจึงตวัดขาลงทางข้างเตียง คว้าเสื้อคลุมเนื้อหนามาสวมแล้วลุกเดินบ่นงึมงำเข้าไปในครัวเพื่อชงกาแฟ



...



เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นหลังจากนั้นอีกประมาณครึ่งชั่วโมง


เสียงสัญญาณกระชากแน็ตตี้ให้หลุดออกจากภาวะฝันกลางวัน หญิงสาวกลืนขนมปังปิ้งชิ้นสุดท้ายลงคอ คว้าแก้วกาแฟมาถือไว้แล้วเดินข้ามห้องสตูดิโอไป เธอเสียเวลาไปช่วงหนึ่งในการคุ้ยหาเครื่องโทรศัพท์แบบไร้สาย และพบมันจมอยู่ใต้กองเศษกระดาษที่เธอฉีกออกจากแค็ตตาล็อกขายสินค้าเพื่อทำอะไรสักอย่างที่จำไม่ได้เสียแล้ว


"สวัสดีค่ะ"


ปลายสายอีกฝั่งหนึ่งเงียบงันไปชั่วครู่ ก่อนที่จะขานรับ "แน็ตตี้หรือเปล่า?"


"กวินโดลีนเหรอ? พระเจ้า! อยู่ไหนเนี่ย?"


เสียงของคู่สนทนาอีกด้านสดใสร่าเริง "ก็อยู่ที่บริสเบนสิยะ ยายเบ๊อะ คิดว่าฉันอยู่ที่ไหนกันล่ะ?"


"ฟังยังกับเธอโทรจากตู้สาธารณะบนถนนด้านล่างน่ะสิ โอ๊ย... เป็นไงบ้าง?"


"โอ้ สบายดีทุกประการ นี่ไม่ได้โทรมาปลุกใช่ไหม?"


แน็ตตี้วางถ้วยกาแฟลงพลางเหลือบมองนาฬิกา เจ็ดโมงเช้าตรงเผง "เปล่า ฉันตื่นนานแล้ว นี่เธอโทรมาก่อนหน้านี้ด้วยหรือเปล่า?"


"อือ สักชั่วโมงก่อนเห็นจะได้ แต่ไม่มีใครรับสาย ออกไปข้างนอกมาเหรอ?"


"เปล่า หลับอยู่"


"ฉิบ... ขอโทษนะ ตอนนี้ที่โน่นกี่โมงแล้วล่ะ? เก้าโมงหรือสิบโมง?"


"เจ็ดโมงเช้าย่ะ จำผิดตลอดศกเลยนะเธอ"


"ขอโทษจริง ๆ จ้า"


"เฮ่ย ช่างเถอะ ไม่มีปัญหาหรอก แล้วไง ที่โน่นเป็นไงบ้าง?"


แน็ตตี้เปลี่ยนตำแหน่งโทรศัพท์มาที่หูอีกข้าง เอื้อมมือไปลากเก้าอี้มาใกล้แล้วลงนั่งเหยียดยาว ปล่อยให้แสงแดดอุ่นอาบไล้ใบหน้า หญิงสาวจิบกาแฟทีละน้อยในระหว่างที่เธอกับกวินโดลีนแลกเปลี่ยนข่าวสารซึ่งกันและกัน


กวินโดลีน โอ'เชีย เป็นเพื่อนเก่าเพื่อนแก่ของแน็ตตี้ ทั้งสองเกิดและเติบโตมาด้วยกันในบ้านที่อยู่ห่างกันเพียงไม่กี่ซอยในเมืองดับลิน จากนั้นทั้งคู่ก็เข้ามาพักอยู่ด้วยกันในลอนดอนในระหว่างที่ต่างฝ่ายต่างเลือกเรียนกันคนละสาขาวิชา จนเมื่อสำเร็จการศึกษาแล้วประมาณปีเศษ กวินโดลีนกับเพื่อนอีกสองสามคนก็เดินทางไปออสเตรเลียเพื่อทำงานพิเศษเป็นเวลาหนึ่งปีเต็ม หลังจากนั้นเธอกับเพื่อนของแน็ตตี้อีกคนที่ชื่อซาร่าห์ก็ตัดสินใจที่จะใช้ชีวิตอยู่ที่นั่น


สำหรับกวินโดลีนแล้ว ("ห้ามเรียกฉันว่ากวินเฉย ๆ เป็นอันขาด") แทบไม่มีปัญหาอะไรเลยเพราะบิดาของเธอเป็นชาวออสเตรเลียโดยกำเนิดอยู่แล้ว แต่สำหรับซาร่าห์มันเป็นอีกเรื่องหนึ่ง รายนั้นไปพบรักกับหนุ่มน้อยว่าที่นักแสดงนามว่าสก็อตต์ที่ยังหาเงินเลี้ยงตัวเองแทบจะไม่รอดอยู่แล้ว ตัวซาร่าห์เองก็ต้องกัดก้อนเกลือกินในระหว่างที่รอผลการอนุมัติวีซ่าสำหรับคู่สมรสต่างชาติ แต่จากข้อความในจดหมายที่แน็ตตี้ได้รับจากซาร่าห์บอกได้ว่าเพื่อนของเธอคนนี้กำลังมีความสุขที่สุดในชีวิต


ทั้งกวินโดลีนและซาร่าห์เลือกอาศัยอยู่ในเมืองบริสเบน ซึ่งในกรณีของซาร่าห์คงเป็นเพราะเธอไม่มีทางเลือกอื่น ในขณะที่กวินโดลีนเป็นเจ้าของร้านกาแฟเล็ก ๆ ที่ตั้งอยู่ในแหล่งชุมชนที่ขึ้นชื่อแห่งหนึ่งในตัวเมือง กิจการกำลังไปได้สวย เธอยังคงรักษาความโสดไว้อย่างเหนียวแน่นทั้ง ๆ ที่ชอบประกาศกร้าวว่าจะจับ "หนุ่ม ๆ ที่ทั้งหล่อทั้งรวย" ให้อยู่หมัดอยู่มือด้วยท่าทางหื่นกระหายอยู่บ่อย ๆ ที่จริงแล้วตอนนี้เธอก็กำลังคบหาดูใจอยู่กับทนายความหนุ่มใหญ่ที่ชื่อเจมส์ แต่ไม่เคยปริปากเล่าถึงความสัมพันธ์นั้นให้ใครได้ฟังเลยสักครั้ง


เมื่อแน็ตตี้เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นระหว่างตัวเองกับฌอนให้คู่สนทนาฟัง รายนั้นถึงกับเดือดปุด


"ไอ้หน้าตัวเมีย ฉันล่ะอยากจะไปอยู่ที่นั่นตอนนั้นจริง ๆ นะแน็ตตี้ แต่ดูท่าว่าเธอก็เล่นงานมันจนงอมไปเหมือนกันนี่นา เจ็บไหม?"


แน็ตตี้ลูบข้อนิ้วตัวเองที่ยังเรื่อแดง "ก็นิดหน่อย ปวดมือจี๊ด ๆ ตอนเช้า"


"ไม่ใช่เธอ อีตาบ้านั่นต่างหาก!"


แน็ตตี้ฉีกยิ้ม "คงเจ็บแหล่ะ"


"ทำดีมากเพื่อน ที่จริงน่าจะเตะผ่าหมากแถมไปด้วยนะ"


"กวินโดลีน!"


"อ้าว ไม่ดีเรอะ? เธอน่ะใจอ่อนเกินไปแล้วนะนาตาชา พระเจ้า... ดีหน่อยที่เธอยังไม่ทันหลวมตัวนอนกับมันน่ะ" คู่สนทนาไม่วายเสริมต่อไปอีกว่า "แต่พอมาคิดดูดี ๆ ฉันก็สงสัยเหมือนกันว่าทำไมเธอถึงไม่เคยขึ้นเตียงกับหมอนั่นกันนะ? คือ... ฉันหมายความว่า เธอสองคนก็คบกันมา... ตั้งสามเดือนแล้ว ใช่ไหม?"


แน็ตตี้เงียบไปชั่วขณะ นั่นเป็นคำถามที่ดีจริง ๆ


"ไม่รู้แฮะ คิดว่าคงเป็นเพราะฉันรู้สึกว่าเขาไม่ใช่คนที่ฉันหวังไว้" หญิงสาวขมวดคิ้วก่อนพูดต่อ "ที่จริงก็เกือบอยู่เหมือนกัน แต่เหมือนมีเสียงเล็ก ๆ คอยกระซิบบอกว่าอย่าทำเลย มันไม่ดีหรอก คงเป็นสัญชาตญาณละมั้ง"


"เลยโชคดีไป!"


แน็ตตี้หัวเราะพร้อมยื่นมือไปลากกระดาษบันทึกแผ่นเล็กพร้อมดินสอเข้ามาใกล้ แล้วลงมือร่างรูปอะไรไปเรื่อยเปื่อยในระหว่างที่กำลังพูดโทรศัพท์ไปด้วยโดยไม่ได้ใส่ใจกับสิ่งที่กำลังทำอยู่มากนัก เธอมักจะขีด ๆ เขียน ๆ ในระหว่างการสนทนาโทรศัพท์เสมอ อันที่จริงแล้วเธอก็ขีด ๆ เขียน ๆ แบบนี้อยู่เกือบตลอดเวลาอยู่แล้ว


"ตายจริง" กวินโดลีนอุทาน "เกือบลืมแหน่ะว่าจะโทรมาทำไม"


"ฉันก็นึกว่าเธอแค่อยากโทรมาคุยเล่น"


"ห๋า คุยเล่นด้วยค่าโทรศัพท์ขนาดนี้เนี่ยนะ? ล้อเล่นหรือเปล่ายะ เธอเป็นเพื่อนฉันก็จริงอยู่นะ แต่ว่า..."


แน็ตตี้อมยิ้ม


"ช่างเถอะ ที่ฉันโทรมาวันนี้น่ะนะ นาตาชาที่รักจ๋า ก็เพราะซาร่าห์กับสก็อตต์กำลังจะแต่งงานกันแล้ว"


ทั้งคู่เงียบไปพร้อมกัน ก่อนที่แน็ตตี้จะโพล่งขึ้นมาด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น "สุดยอด! ยังไง? เมื่อไหร่?"


"เสียงดังเชียวนะเธอ สิ้นเดือนนี่แหล่ะ วันที่สามสิบเอ็ดตุลาคม ที่บริสเบน เธอพอจะว่างมาร่วมงานไหม?"


แน็ตตี้ขมวดคิ้ว พยายามทบทวนตารางปฏิทินของตัวเองในช่วงสองเดือนข้างหน้า ในครั้งแรกเธอคิดว่าไม่มีนัดอะไร แต่แล้ว


"บ้าฉิบ ฉันไปไม่ได้! มีงานแสดงภาพครั้งใหญ่ในลอนดอนน่ะสิ รู้สึกว่าจะเป็นช่วงสัปดาห์เดียวกันด้วย จะให้เลื่อนงานไปอีกก็คงไม่ได้เพราะฉันต้องไปเป็นจิตรกรหลักแถมเซ็นสัญญาไปเรียบร้อยแล้วอีกต่างหาก บ้าเอ๊ย บ้าที่สุด!"


"ไม่มีทางเลี่ยงบ้างเลยเหรอ? นี่ซาร่าห์คงจะโทรหาเธอวันนี้หรือไม่ก็พรุ่งนี้ แต่ฉันคิดว่าฉันควรจะโทรมาแจ้งข่าวกับเธอก่อน รู้สึกว่าซาร่าห์อยากให้เธอมาเป็นเพื่อนเจ้าสาวให้"


แน็ตตี้ตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงขุ่นเคืองชัดเจน "ไม่มีทางเลยจริง ๆ โอ๊ย งี่เง่าที่สุด ไม่อยากจะเชื่อเลย! มันไม่ใช่แค่งานแสดงภาพนะ แต่มันคือรายได้ด้วยน่ะสิ ตอนนี้ฉันกระเป๋าแห้งจนกว่าจะได้เช็คใบใหม่จากโรสแมรี่ที่ยังไม่รู้เลยว่าจะมาเมื่อไหร่ หรือถ้าจะให้พูดกันตรง ๆ ก็คือยังไม่รู้ว่าจะได้เงินมาเท่าไหร่ด้วย"


"จะให้ฉันช่วยบอกซาร่าห์ให้ไหม?"


"ไม่ต้องหรอกเพื่อน ไม่เป็นไร เดี๋ยวฉันจะโทรหาซาร่าห์เอง ตอนนี้มันกี่โมงนะ ห้าโมงเย็นใช่ไหม?"


"ใช่เลย แต่ซาร่าห์ไปทำงานนอกบ้าน กว่าจะกลับคงเลยสามทุ่มไปแล้ว"


"ไม่เป็นไร ไว้ฉันจะโทรไปแล้วอธิบายทุกอย่างเอง ไม่อยากจะเชื่อเลย!" แน็ตตี้คราง "คนแรกของกลุ่มที่ขายออก แต่ฉันดันไม่มีโอกาสไปร่วมงานแต่ง"


"เฮ้ ไม่ใช่ความผิดเธอสักหน่อย เธอทำอะไรไม่ได้นี่นา ข่าวมันมาล่าไปหน่อยเท่านั้นเอง"


จิตรกรสาวถอนหายใจเฮือก "ฉันรู้ แต่ก็ยังอดโมโหตัวเองไม่ได้อยู่ดีนั่นแหล่ะ ทำไมถึงแต่งไวจัง?"


"แน็ตตี้จ๋า ถ้าเธอได้มาเห็นซาร่าห์กับสก็อตต์ด้วยตาตัวเองแล้วก็จะรู้ว่าทั้งสองคนนั่นผ่านอะไรต่ออะไรด้วยกันมาตั้งมากมายแล้ว ถ้าคนสองคนต่างมีความหมายซึ่งกันและกันแล้วล่ะก็..."


"...เอาเถอะ เธอเองก็รู้จักซาร่าห์ของเราดีนี่นา รายนั้นน่ะพอคิดจะทำอะไรขึ้นมาแล้วก็อยากจะรีบทำให้เสร็จ ๆ ไป และฉันคิดว่าเรื่องเวลานี่มันขึ้นกับทางพ่อแม่ของสก็อตต์ด้วย เหมือนว่าพวกเขาจะลงจากดาร์วินมาบริสเบนได้แค่ในช่วงนั้น งานก็มีแค่พิธีนิดหน่อยในสวน จากนั้นก็เป็นงานเลี้ยงเฉพาะเพื่อนสนิทกับครอบครัว ยังไม่มีอะไรเรียบร้อยสักอย่าง ให้ตายสิ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าสองคนนั่นไปเอาเงินจัดงานมาจากไหน แต่ก็ถือว่าเป็นโชคดีของทั้งคู่ล่ะนะ สก็อตต์สมกับซาร่าห์มากเลย"


"ฉันอยากพบเขาจัง" แน็ตตี้พึมพำ "ดูท่าว่าเขาจะเป็นคนดีจริง ๆ"


"แน่นอน"


"แล้วเธอละจ๊ะ มีใครโผล่ขึ้นมาจากขอบฟ้าให้เห็นบ้างหรือยัง?"


"ฉันก็เหมือนเดิมแหล่ะที่รัก ไอ้ที่ว่านั่นมันก็ยังคงอยู่แถว ๆ เส้นขอบฟ้านั่นแหล่ะ แค่นั้นจริง ๆ แต่นี่ ฉันเพิ่งรู้จักกับผู้ชายคนนึงนะ เขาอวดอ้างว่าเขาสามารถสร้างสิ่งมหัศจรรย์ได้ด้วย..."


แน็ตตี้อมยิ้มพลางเอนตัวลงพิงพนักเก้าอี้ กาแฟในมือหมดไปนานแล้วและเธอเองก็อยากจะได้เพิ่มอีกสักหน่อย หญิงสาวเหลือบตามองนาฬิกาบนฝาผนังแล้วก็ต้องตกใจเมื่อเห็นว่าเวลาผ่านเลยไปกว่าครึ่งชั่วโมงแล้ว


เมื่อเธอเอ่ยเตือนกวินโดลีนถึงเรื่องนี้ สหายรักของเธอกลับทำเป็นไม่สนใจ


"ค่าโทรทางไกลแค่นี้ไม่ทำให้ขนหน้าแข้งฉันร่วงหรอกน่า" คือสิ่งที่เจ้าหล่อนตอบกลับมา



...



เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นอีกครั้งในอีกหนึ่งชั่วโมงถัดมา


แน็ตตี้เพิ่งจะอาบน้ำแต่งตัวเสร็จ หญิงสาวรีบวิ่งไปคว้าหูโทรศัพท์ทั้ง ๆ ที่ยังคงเช็ดผมตัวเองอยู่


ครั้งนี้คนที่โทรมาคือโรสแมรี่ที่เป็นตัวแทนจำหน่ายภาพเขียนของเธอ และเป็นปกติที่รายนั้นจะเริ่มบทสนทนาเข้าประเด็นในทันทีโดยไม่มีการอารัมภบทใด ๆ ทั้งสิ้น


"นาตาชาที่รัก พี่มีทั้งข่าวดีและข่าวร้ายมาบอก" น้ำเสียงของเธอสดใส หากหนักแน่นตามแบบฉบับชาวลอนดอนฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือ


แน็ตตี้ถอนหายใจ ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าควรจะคาดหวังสิ่งใดดี


"ขอฟังข่าวร้ายก่อนแล้วกันค่ะ" เธอตอบไปพลางเดินจัดข้าวของในห้องสตูดิโอไป


"ก็ พี่เกรงว่างานแสดงภาพในวันที่สามสิบเอ็ดคงต้องถูกเลื่อนออกไปนะคะ แล้วก็กำลังกลัวอยู่ว่าจะยังไม่มีการกำหนดวันใหม่ที่แน่นอน"


แน็ตตี้ชะงักกึก สายใยของความหวังที่ถูกหุ้มห่อไว้ด้วยความผิดหวังเคลื่อนไหลไปตามแนวสันหลัง "เมื่อไหร่นะคะ เอ้อ... หนูหมายถึงมันเกิดอะไรขึ้น"


"พี่เองก็ยังไม่ทราบรายละเอียดทั้งหมดเหมือนกันค่ะ" น้ำเสียงของโรสแมรี่บอกชัดเจนว่าเธอหมายมั่นปั้นมือไว้แล้วว่าต้องสืบเอารายละเอียดมาให้ได้ "แต่ทาง เซ้นต์เจมส์' เกต แกลเลอรี่ถูกเปลี่ยนมือไปอยู่ในความดูแลของผู้จัดการมรดก และพี่ก็ไม่คิดว่าคุณมาร์คัส โลแกนที่เป็นเจ้าของน่ะจะเป็นคนคลั่งไคล้งานศิลปะอย่างจริงจังเหมือนที่พวกเราเคยคิดกัน เอาเป็นว่าแกลเลอรี่ถูกปิดอย่างไม่มีกำหนดแล้วกันนะคะ แต่เพื่อนของพี่ที่ทำงานฝ่ายวางผังเมืองบอกมาว่าทางโน้นเขาประกาศไปแล้วว่าจะปรับปรุงตึกใหม่เพื่อเปิดเป็นร้านอาหาร อ้างว่ามันคือความต้องการของทางเซ้นต์เจมส์' เกตที่อยากได้แค่ร้านเหล้าเล็ก ๆ แต่ไม่ต้องห่วงนะคะ พวกเราจะเป็นคนแถวหน้าที่จะไปฟ้องร้องค่าเสียหายในฐานะที่เขาเป็นฝ่ายผิดสัญญา..."


แน็ตตี้แทบจะไม่ได้ยินสิ่งที่คู่สนทนากำลังสาธยายอยู่ หากงานแสดงภาพถูกเลื่อนออกไปจริง เธอก็มีโอกาสไปร่วมพิธีแต่งงานของซาร่าห์ได้น่ะสิ


"นี่คือ... งานถูกยกเลิกแน่ ๆ แล้วใช่ไหมคะ? ไม่มีโอกาสที่จะเปลี่ยนไปจัดที่ห้องภาพอื่นเลยใช่ไหม?" แน็ตตี้ถามย้ำเพื่อความแน่ใจ


"เสียใจจริง ๆ จ้ะที่รัก พี่รู้ดีว่างานนี้มีความหมายกับคุณน้องมาก แถมนี่ก็ใกล้ถึงกำหนดงานแล้วด้วย แต่ปีนี้คงหาที่จัดใหม่ไม่ทันแล้วล่ะค่ะ ยังไงพี่จะลองหาที่ใหม่ดูให้นะคะ"


"ไม่... ไม่เป็นไรค่ะ" แน็ตตี้ตอบไปในขณะที่กำลังยืนพลิกหน้าปฏิทินบนโต๊ะทำงาน


"งั้น ช่วยบอกพี่ให้ชื่นใจหน่อยสิคะว่าผลงานชิ้นเอกชิ้นล่าสุดของคุณน้องเสร็จเรียบร้อยแล้วและพร้อมที่จะส่งมาที่นี่"


แน็ตตี้เหลือบตามองกล่องที่ตั้งติดผนังอยู่ "เสร็จเรียบร้อยแล้วค่ะ ขาดอยู่ภาพเดียว เอ่อ...พอดีมีอุบัติเหตุนิดหน่อย" หญิงสาวนิ่วหัวคิ้วเข้าหากันอย่างสุดห้ามเมื่อหวนนึกถึงเหตุการณ์เมื่อคืน "แต่ถ้าต้องการจริง ๆ ก็จะเร่งวาดให้ค่ะ"


"เอาเป็นว่าขึ้นอยู่กับคุณน้องนาตาชาแล้วกันนะคะ พี่ขอแค่ให้ส่งภาพที่มีอยู่มาก่อน ที่เหลือคงไม่มีปัญหาอะไร"


แน็ตตี้ย้ายโทรศัพท์ไปแนบไว้กับใบหูอีกข้างตอนที่เธอตากผ้าเช็ดตัวเปียกลงบนพนักเก้าอี้ เธอใช้นิ้วมือสางเส้นผมที่ยังคงชื้นอยู่ "แล้วข่าวดีล่ะคะ?"


หญิงสาวได้ยินเสียงโรสแมรี่หัวเราะลั่น "พระเจ้า พี่เกือบลืมแหน่ะ พี่ฝากเช็คเข้าบัญชีให้คุณน้องไปเมื่อวานตอนเช้าแล้วนะคะ ช่วงนี้งานของคุณน้องขายดีมากเลย"


จิตรกรสาวทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ รอยยิ้มแทบจะบานเต็มหน้า "ขายภาพไหนออกไปบ้างคะ?"


"แปลกคนจริง ๆ เลยเชียว นี่ถ้าเป็นคนอื่นคงต้องถามเรื่องราคาขายเป็นอย่างแรกแล้ว! สักครู่นะคะ พี่วางรายการไว้แถวนี้"


แน็ตตี้ได้ยินเสียงข้าวของถูกขยับไปมาและสามารถจินตนาการภาพของโรสแมรี่ที่กำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานในเชลซีได้แจ่มชัด "อ๊ะ นี่ไง เจอแล้ว"


แน็ตตี้บันทึกรายการของภาพเขียนที่ถูกจำหน่ายออกไปลงบนเศษกระดาษพร้อมกับสอบถามเรื่องราวต่าง ๆ รวมไปจนถึงรายละเอียดของผู้ซื้อด้วย เธอแค่ต้องการรวบรวมชื่อเจ้าของภาพเหล่านั้นไว้ แม้จะไม่ได้ติดต่อกับเจ้าของภาพคนใหม่เป็นการส่วนตัวบ่อยนัก แต่บางครั้งที่เธอกับโรสแมรี่ร่วมมือกันจัดนิทรรศการภาพเขียน หญิงสาวก็มักจะส่งบัตรเชิญไปให้หรือบางทีก็ขออนุญาตนำภาพที่พวกเขาซื้อไปนั้นกลับมาร่วมงานแสดงด้วย


"แล้วงวดนี้คุณน้องจะส่งภาพอะไรมาบ้างคะ?" โรสแมรี่ถามขึ้นหลังจากเสร็จกระบวนการแจ้งรายละเอียดทั้งหมด


"ส่วนมากก็เป็นภาพทิวทัศน์น่ะค่ะ มีภาพคนอยู่สองสามชิ้น พอดีได้ไปพบกับชาวประมงคู่หนึ่งที่เป็นคนดีมาก ๆ ที่คิวเคียราน" แน็ตตี้เล่าพลางลุกจากเก้าอี้แล้วเดินไปที่หน้าต่าง "มีบางภาพที่ดูดีมากเลยค่ะ หนูยังอยากเก็บรูปวิวของไอนิช-บ็อฟฟิน ไว้เองเลยนะเนี่ย" หญิงสาวโบกมือให้รู้ธตี้ที่กำลังข้ามถนนด้านล่าง


"อย่าทำอย่างนั้นเชียวนาสาวน้อย" โรสแมรี่ปราม "คนเราต้องกินต้องใช้นะคะ เท่าที่พี่รู้จักกับคุณน้องมาจนรู้ซึ้งถึงความเป็นคนถ่อมเนื้อถ่อมตัวของคุณน้องนี่ คำว่า ดี ของคุณน้องนั่นน่ะมันหมายถึงยอดเยี่ยมได้เลยนะคะ"


"ชมเกินไปแล้วล่ะค่ะ เอ่อ โรสแมรี่คะ คือ... คือว่าถ้าหนูจะขอลาพักสักเดือนจะเป็นอะไรไหมคะ?"


"จะลาเมื่อไหร่ละคะ?"


แน็ตตี้ทำหน้ายู่ "คงตั้งแต่สัปดาห์หน้ามังคะ?"


คู่สนทนาเงียบไปสักพัก "ก็... ตอนนี้แกลเลอรี่ก็ปิดไปแล้ว คุณน้องเองก็ไม่มีนัดอื่นจนกว่าจะถึงงานคอร์กโชว์ตอนสัปดาห์สุดท้ายของเดือนธันวาคม ทำไมเหรอคะ? กะจะไปเที่ยวหรือ?"


"ก็ประมาณนั้นค่ะ พอดีเพื่อนที่อยู่ออสเตรเลียกำลังจะแต่งงานน่ะค่ะ อีกอย่างก็... ขอพูดตรง ๆ เลยนะคะ ช่วงนี้หนูรู้สึกไม่ค่อยสบายใจนิดหน่อย" เธอหนีบโทรศัพท์ไว้ระหว่างใบหูกับหัวไหล่ก่อนที่จะยื่นมือไปผลักหน้าต่างบานใหญ่ให้เปิดออกกว้าง "จะว่าไปแล้ว งานแสดงที่ถูกยกเลิกไปก็คือว่าเป็นโชคดีนะคะ"


หญิงสาวเล่ารายละเอียดเกี่ยวกับคำเชิญไปร่วมงานแต่งงานของซาร่าห์ให้โรสแมรี่ฟังในระหว่างที่ตัวเองออกเดินไปเปิดหน้าต่างรอบห้องสตูดิโอจนครบ จากนั้นก็หยุดยืนอยู่กลางห้องกว้าง สัมผัสถึงลมทะเลที่ไหลผ่านเข้ามาก่อนเอ่ยถาม "โอเคไหมคะ?"


"ไม่มีปัญหาจ้ะ" โรสแมรี่ตอบ "ไปเลย! แล้วอย่าเผลอหนีบสีหรือดินสอติดมือไปด้วยอีกล่ะ ไปพักผ่อนเสียให้สบาย จะได้มีแรงกลับมาทำงานต่อ"


"คิดไว้ว่าจะทำแบบนั้นเหมือนกันค่ะ"


"ฟังเสียงแล้วเหมือนคุณน้องกำลังแปลกใจที่พี่อนุญาตง่าย ๆ แบบนี้" โรสแมรี่ตั้งข้อสังเกต


แน็ตตี้ยิ้ม "ก็แปลกใจนิดหน่อยเหมือนกันค่ะ"


"นาตาชาจ๋า คุณน้องชอบทำเป็นลืมอยู่เรื่อยเลยว่าพี่เป็นฝ่ายทำงานให้คุณน้องนะคะ ไม่ใช่คุณน้องทำงานให้พี่ แถมที่ผ่าน ๆ มาคุณน้องก็ไม่เคยทำให้พี่ผิดหวังเลยสักครั้ง ถ้าคุณน้องอยากจะลาหยุดพักผ่อนก็มีสิทธิ์ทำได้อยู่แล้วค่ะ จะว่าไปแล้วอะไร ๆ ก็ลงตัวเรียบร้อยดีหมดนี่นะ?"


"ค่ะ" แน็ตตี้สนับสนุน "ลงตัวดีหมดทุกอย่าง ยังกับโชคชะตากำหนดไว้"


"ก็เป็นได้นะ อ้อ อย่าลืมส่งงานให้พี่ภายในอาทิตย์นี่นะคะ"


"ไม่ลืมแน่นอนค่ะ บาย"


ทันทีที่แน็ตตี้กดปุ่มจบการสนทนาแล้ววางโทรศัพท์ลงบนโต๊ะ เธอก็ได้ยินเสียงรู้ธตี้เคาะประตูตรงบันไดชั้นล่าง หญิงสาวเดินข้ามห้องสตูดิโอแล้วลงบันไดไป ในใจคิดอยู่ว่าวันนี้จะได้ทานอาหารเช้าตอนกี่โมง


แน็ตตี้เปิดประตูแล้วกวักมือเรียกหญิงชราเข้ามาด้านใน รู้สึกว่ารู้ธตี้กำลังจะระเบิดข้อมูลบางอย่างออกมาในทุกวินาทีแล้ว


"แซลลี่ช่วยดูร้านให้ช่วงเช้า ป้าเลยมีเวลาแวะมาคุยด้วยนิดหน่อย หนูได้ยินข่าวหรือยัง?" เธอถามรัวยิบตอนที่เดินตามแน็ตตี้ขึ้นมาชั้นบนแล้วตรงไปยังส่วนของห้องครัว


แน็ตตี้เปิดน้ำจากก๊อกที่อ่างกรอกลงกาต้มน้ำ "ข่าวอะไรคะ?"


"คุณฌอน ลาเวลล์น่ะโดนจับตัวส่งโรงพยาบาลไปเมื่อตอนเช้า"


แน็ตตี้หันขวับมาทันที กาต้มน้ำยังค้างอยู่ในมือ "เกิดอะไรขึ้นคะ?"


รู้ธตี้สั่นศีรษะพร้อมยักไหล่ "ไม่มีใครรู้แน่หรอกจ้ะ ตอนเช้าคุณเคียธ คิทแพททริกไปเจอพ่อหนุ่มนั่นกำลังเดินเหม่อลอยอยู่บนเนินดิน ป้าไม่เห็นสภาพเขาหรอกนะ แต่ได้ยินว่าเขาอยู่ในภาวะหวาดผวาจนเกือบเสียสติแหน่ะ เอาแต่พล่ามเรื่องผีแบนชีอะไรเทือกนี้ ป้าว่าเขาคงฟาดยาดองเก่าสมัยคุณปู่เข้าไปเต็มคราบอีกแล้วแน่ ๆ" หญิงชราคาดการณ์ด้วยท่าทีของผู้ใหญ่ที่รู้ทันเด็ก ๆ


แน็ตตี้หวนนึกถึงเหตุการณ์เมื่อคืนอีกครั้งแล้วก็รู้สึกสาแก่ใจและกังวลคละเคล้ากันไป


รู้ธตี้สังเกตสีหน้าของหญิงสาวคู่สนทนาได้จึงถามขึ้น "เมื่อคืนเขามาหาหนูอีกหรือเปล่า?"


แน็ตตี้พยักหน้ารับพร้อมขมวดคิ้วนิ่ว "ขอเวลาหนูชงชาแป๊บนึงนะคะ แล้วจะเล่าเรื่องทุกอย่างให้ฟัง รวมถึงกำหนดการเดินทางไปออสเตรเลียของหนูด้วย"


"ออสเตรเลียเรอะ!"



...



แน็ตตี้หยิบกาน้ำชาที่เกือบจะว่างเปล่าพร้อมกับถ้วยชาสองใบไปยังอ่างล้างจาน


ในที่สุดเธอก็ได้อยู่เพียงลำพังโดยไม่ถูกรบกวนจากเสียงโทรศัพท์และแขกผู้มาเยือน มันเพิ่งจะเลยเที่ยงวันไปเล็กน้อยและเธอเองก็มีงานที่ต้องจัดการ


เมื่อโต๊ะทำงานถูกเก็บกวาดจนสะอาดแล้ว หญิงสาวก็ลงนั่งและจัดการทำบันทึกคร่าว ๆ ถึงสถานะทางการเงินของเธอ ตัวเลขที่ปรากฏอยู่บนกระดาษนั้นดูดีไม่เบา จากนั้นก็ถึงเวลาที่จะโทรหาบริษัทนำเที่ยวเพื่อสอบถามราคาตั๋วเครื่องบิน บางครั้งบางคราวเธอก็ทำตัวเหมือนซาร่าห์ คือเมื่อใดที่เธอตัดสินใจทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งแล้วก็แทบจะไม่มีอะไรที่จะมาหยุดเธอได้ เธอกังวลเรื่องของเวลาที่กระชั้นเข้ามา แต่ก็ยังพอมีเหลือให้เธอจัดการอะไรต่ออะไรให้เรียบร้อยได้ทันหากเธอไม่ทำให้มันยุ่งยากไปกว่านี้


แต่เมื่อเวลาผ่านไปกว่าชั่วโมง แน็ตตี้ก็เริ่มกระสับกระส่าย


เที่ยวบินทำท่าว่าจะมีปัญหา สายการบินหลายบริษัทที่หญิงสาวโทรไปสอบถามนั้นถูกจองเต็มเอียดไปจนถึงสิ้นสัปดาห์ แต่เมื่อเธอลองพยายามติดต่ออีกทีก็สามารถจองเที่ยวบินจากแชนนอนไปฮีทโทรลในตอนเช้าของวันอาทิตย์ได้สำเร็จ เธอจ่ายค่ามัดจำด้วยบัตรเครดิตแล้วค่อยจ่ายเต็มจำนวนในอีกสองสามวันข้างหน้าเมื่อโรสแมรี่จัดการฝากเช็คงวดสุดท้ายเข้าบัญชีเรียบร้อยแล้ว นี่ถ้าเป็นเดือนหน้า โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลคริสต์มาสด้วยแล้วคงทำแบบนี้ไม่ได้แน่นอน แถมราคาตั๋วเครื่องบินที่เธอจองได้ยังถูกกว่าที่คาดไว้เสียอีก


จากนั้นไม่นานหญิงสาวก็โทรหาซาร่าห์เพื่อบอกข่าวดีชิ้นนี้ แล้วก็โทรหากวินโดลีนที่รับฟังเรื่องราวด้วยความยินดี และยืนยันหนักแน่นว่าจะให้แน็ตตี้ไปพักอยู่ด้วยกัน ยิ่งแน็ตตี้พยายามหาเหตุผลบ่ายเบี่ยง เธอก็ยิ่งดันทุรัง


"งั้นบอกหน่อยสิ" กวินโดลีนเค้นถาม "ว่าเธออยากจะเที่ยวให้ทั่วแผ่นดินสีน้ำตาลผืนใหญ่นี่หรือเปล่า?"


แน็ตตี้หยุดคิดนิดหนึ่งก่อนตอบไปว่า "คงไม่ ฉันไม่ได้เจอเธอสองคนมาเป็นชาติแล้ว แล้วก็คงอีกนานกว่าจะได้ลงไปเจอกันอีก"


"พระเจ้าช่วยลูกด้วย" กวินโดลีนถอนใจเฮือก "พักร้อนสี่สัปดาห์ในบริสเบนเนี่ยนะ"


"มันคงไม่เลวร้ายนักหรอกน่า" แน็ตตี้ชี้จุด "อย่างน้อยก็มีเธออยู่ไง"


"อือ ก็จริงอ่ะนะ"


...


แสงตะวันยามเที่ยงสาดกระทบพื้นห้องที่ถูกขัดเงาจนเลื่อมระยับเรืองแสงสีอำพัน เหล่าภูตตัวกระจิดริดที่มีขนาดไม่ใหญ่ไปกว่าละอองฝุ่นกำลังล่องลอยอยู่ในลำแสงสว่างเรือง สายลมอ่อนที่โชยผ่านหน้าต่างเข้ามาพัดพาให้พวกมันโยกเยกไปทางโน้นทีทางนี้ที ภาพสเก็ตซ์ที่ถูกตรึงติดอยู่กับขื่อคานหลังคาขยับไหวแผ่วเบาเหมือนกระดิ่มลมเปราะบาง เสียงที่ได้ยินอยู่ด้านนอกอาคารคือเสียงของผู้คนที่เดินผ่านไปมา


เหนือศีรษะของแน็ตตี้ขึ้นไปคือร่างของกิฟเฟอร์ฮอบกอบลินที่กำลังเกาะอยู่บนคานหลังคาในท่าของเด็กน้อยที่นั่งอยู่ห้อยขาอยู่บนกิ่งไม้ เท้าที่สวมบู้ทอยู่แกว่งไกวไปเตะท่อนไม้เคลือบน้ำมันเย็นเฉียบเบา ๆ คิ้วที่ขมวดมุ่นทำให้ผิวหน้าผากที่ปกติดูเหมือนแผ่นหนังเก่า ๆ ยิ่งยับย่นหนักขึ้นจนดูเหมือนเปลือกต้นไม้ มันเคี้ยวริมฝีปากตัวเองด้วยท่าทีเป็นกังวลแล้วส่ายหัวไปมา


เจ้าเหนือหัวต้องไม่โปรดเรื่องนี้แหง๋ ๆ


มันปริวิตก พยายามใช้เวลาค้นหาหนทางติดสินบนนางไม้สักตนเพื่อเป็นคนไปทูลบอกท่านเจ้าแทนที่มัน ท่านเจ้ามักจะใจอ่อนกับพวกสาว ๆ เสมอแหล่ะ


ภูตกิฟเฟอร์ส่ายหัวดิกก่อนสบถหยาบ ๆ ออกมาสั้น ๆ นางมนุษย์ที่อยู่ด้านล่างเงยหน้าขึ้นมองในทันที แต่สมาธิของนางยังคงจดจ่ออยู่กับการสนทนาทางโทรศัพท์ กิฟเฟอร์มุดหลบลงในเงาสลัวที่หายากยิ่งในยามเที่ยงวันเช่นนี้ มันรู้ดีว่านางไม่มีทางมองเห็นมัน และที่หลบนั่นมันเป็นอาการอัตโนมัติมากกว่า


ภูตฮอบเหยียดแขนผอมกระหร่องออกพร้อมอ้าปากหาวกว้าง ยามนี้มันน่าจะได้ซุกหัวหลับอย่างเป็นสุขอยู่ใต้ดิน แต่กลับต้องมานั่งสืบข่าวของนางมนุษย์คนนี้ตามบัญชาของเจ้าเหนือหัว (อย่างน้อยนี่คือสิ่งที่ภูตฮอบบอกกับตัวเอง นี่หากจู่ ๆ นางเกิดลงมือวาดรูปแล้วปลดปล่อยมนตร์วิเศษออกมาอีกก็ถือว่าไม่ใช่เป็นความผิดของมันแล้วนะ?)


อาการหาวของฮอบกอบลินลากยาวจนกลายเป็นการทอดถอนใจ ไม่หรอก ดูท่าแล้ววันนี้นางคงไม่วาดรูปอะไรอีก แถมสิ่งที่เพิ่งได้ยินมาก็ทำให้กิฟเฟอร์สำนึกได้ว่ามันควรจะกลับไปรายงานท่านเจ้า แต่ทางที่ดีควรรอให้ค่ำหน่อย มันรู้ดีว่าฟินวาร์ราจะอารมณ์เสียหากถูกปลุกให้ตื่นแต่หัววันแบบนี้


ภูตฮอบลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปตามแนวยาวของคานไม้แคบ ๆ ตรงไปที่หน้าต่าง จากนั้นก็กระโจนผลุงขึ้นกลางอากาศพร้อมเดาะลิ้นเสียงดัง มันทิ้งตัวลงบนขอบหน้าต่างก่อนร่อนลงบนถนน


เรือนผมของแน็ตตี้สะบัดผ่านผิวหน้าเมื่อลมหอบหนึ่งกรรโชกผ่านเข้ามาในสตูดิโอ หญิงสาวใช้หัวไหล่หนีบโทรศัพท์ไว้ในระหว่างที่ก้มลงหยิบหนังยางบนโต๊ะขึ้นมารวบผมไว้ จากนั้นก็กลับไปสนทนาต่อโดยไม่ได้ใส่ใจกับตัวอะไรบางอย่างที่เพิ่งจะกระโดดเฉียดหน้าของเธอไปเพียงไม่กี่นิ้ว









******************************




ต้นฉบับ : The Wild Reel โดย Paul Brandon (1st Edition)








 

Create Date : 28 พฤษภาคม 2548
3 comments
Last Update : 28 พฤษภาคม 2548 21:23:31 น.
Counter : 650 Pageviews.

 

คิๆ

ยังมะได้อ่าน...
แต่แวะมาบอกก่อนว่า
ขนมอร่อยเจ้าค่ะ ^^ คุคิ มีของชอบอยู่หลายอย่างเลยในนั้น (ก็แปลกดีนะที่เขาใส่อะไรๆ มาแบบรวมมิตร แต่มันไม่ตีกันจนทำให้เสียรส หุหุ)

แผล็บๆ กินหมดตั้งแต่คืนวันนั้นเลยอ่ะพี่โพ (*0*) ขอบคุณนะค๊า

 

โดย: ...เกียร์จังพุงป่อง... IP: 58.8.249.126 28 พฤษภาคม 2548 21:36:12 น.  

 

ยังอ่านไม่หมดนะ เดี๋ยวจะเข้ามาอ่านใหม่

ขอตัวไป ทักเพื่อนแป้บหนึ่งนะคะ

เดี๋ยวมา ๆ

หวัดดีค่า

 

โดย: zaesun 28 พฤษภาคม 2548 22:51:20 น.  

 

มาตอบกระทู้ ยู้ฮูเจ้าค่ะ ^____^


...เกียร์จัง... : จริงเหรอ? ฮิฮิฮิ งั้นวันหน้ามากินด้วยกันที่ร้านนะ มีเมนูนึงเค้าเอาไอติมลงไปปั่นด้วยล่ะ น่ากินดี แต่ไม่กล้าซื้อไปฝากวันนั้นเพราะกลัวว่าจะเละเสียก่อนจ้า


คุณ zaesun : ได้ขะรับ ว่างเมื่อไหร่ก็แวะมาอ่านได้เลยค่ะ อยู่ตรงนี้ไม่คลานหนีไปไหนแน่นอน

 

โดย: Poceille 30 พฤษภาคม 2548 9:04:13 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


Poceille
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]





.
.
.

Busy Woman
but
Non-productive

.
.
.


Friends' blogs
[Add Poceille's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.