...ห้องทำงานรก ๆ ร้าง ๆ ที่เจ้าของทิ้งขว้างไม่สนใจ...


Group Blog
 
<<
พฤษภาคม 2548
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
15 พฤษภาคม 2548
 
All Blogs
 

[5] Dream in an ancient forest : ความฝันกลางป่าโบราณ



...


ผืนป่าแห่งนี้เก่าแก่เกินกว่าจะประมาณอายุได้ กว้างใหญ่และสงัดเงียบ


ลำต้นสูงของไม้โอ๊ค บีชและเอล์มยืดตรงขึ้นราวเสาหินตระหง่านอยู่รอบกาย ส่วนยอดยื่นสูงขึ้นสู่สรวงสวรรค์เพื่อค้ำยันโค้งฟ้า ฉันมองเห็นต้นเร้ดวู้ดยักษ์และต้นซีควอเอียขนาดมหึมาขึ้นกระจายอยู่ทั่วไป และตรงริมฝั่งน้ำนั่นดูเหมือนจะเป็นต้นหลิวแก่ กิ่งก้านและใบของมันระอยู่บนผิวน้ำที่นิ่งสนิทเหมือนมือของผู้โดยสารที่ห้อยอย่างเกียจคร้านออกมาจากกราบเรือออกซ์ฟอร์ดพุ้นต์*


อากาศในยามนี้วิเศษสุด อบอุ่นประหนึ่งวันกลางฤดูร้อนที่งดงามของประเทศอังกฤษที่สามารถเห็นได้เฉพาะแต่ในฉากหนังสงครามเก่า ๆ เท่านั้น แม้ว่าฉันกำลังสวมใส่ชุดกระโปรงยาวกรุยกราย แต่วัสดุที่ถูกนำมาใช้ตัดเย็บนั้นกลับบางเบาเหมือนสายหมอก ฉันลองใช้ปลายนิ้วคีบเนื้อผ้าไว้แล้วถูไปมา มันให้ความรู้สึกอ่อนนุ่มจนแทบจะลื่นไหลได้ ทำให้นึกถึงกิโมโนผ้าไหมที่แฟนเก่าคนหนึ่งเคยซื้อมาฝาก แต่ผ้าชิ้นนี้ไม่ใช่ผ้าไหมอย่างแน่นอน สีของมันเหลือบขาวจนเกือบจะโปร่งใสเช่นเดียวกับกระเบื้องเคลือบโบราณเนื้อดี และเมื่อสายลมพัดผ่าน เนื้อผ้าก็โบกสะบัดรัดรึงไปกับส่วนโค้งเว้าของร่างกายในลักษณะที่แปลกประหลาดจนน่าตกใจ มันทำให้รู้สึกเหมือนตัวเองไม่ได้สวมใส่อะไรอยู่เลย


ฉันยกมือขึ้นกอดอกแล้วก้าวเท้าอย่างช้า ๆ ไปตามเส้นทางที่นำไปสู่ฝั่งลำธาร เมื่อเงยหน้าขึ้นมองผ่านกิ่งก้านสาขาสีเขียวสดบาดตาก็มองเห็นประกายสีฟ้าใสของผืนฟ้าเบื้องบน ฉันลากสายตาผ่านลงมาตามลำต้นบีช ผ่านพุ่มก้านใบที่งดงามไร้ที่ติ ผ่านลำต้นที่เรียบเนียนคล้ายผิวหนังมนุษย์ลงไปจนถึงพุ่มต้นเฟิร์นสีเขียวจัดจ้าที่ขึ้นอยู่ตามโคนต้นไม้ใหญ่ ใต้ฝ่าเท้าเปล่าเปลือยของฉันคือชั้นใบไม้ที่คลุมแผ่นดินไว้เสมือนผืนพรมแห่งป่าอันอ่อนนุ่ม กลิ่นของใบไม้ที่ทับถมกันรวมถึงกลิ่นของดอกไม้และต้นหญ้าอบอวลในบรรยากาศจนทำให้ฉันมึนงง เสียงนกร้องสดใสสอดประสานเสนาะหู ได้ยินเสียงฮัมต่ำ ๆ จากหมู่แมลง รวมถึงเสียงอื่น ๆ ที่แผ่วบาง ฟังคล้ายเสียงผิวขลุ่ยไม้ไผ่ที่แว่วมาจากที่แสนไกล


สายลมพัดแรงขึ้น ส่งผลให้กิ่งไม้บริเวณเหนือศีรษะสั่นไหวกระทบกันเป็นจังหวะ สุมทุมพุ่มไม้เริ่มส่งเสียงกระซิบระหว่างกัน และใบไม้สีทองแดงกองหนึ่งถูกสายลมพัดกระจายตกลงไปบนผิวน้ำในลำธาร


ฉันลงนั่งคุกเข่าตรงริมตลิ่งที่ถูกปกคลุมด้วยต้นหญ้า สายน้ำใสแจ๋วเหมือนบานกระจกเย็นเฉียบ และเมื่อฉันก้มลงมองก็เห็นเงาสะท้อนของตัวเองกำลังจ้องตอบกลับมา


ฉันยกมือขึ้นอย่างรวดเร็วเพื่อแตะมงกุฎกุหลาบขาวที่รัดเรือนผมของฉันเพราะไม่รู้สึกตัวสักนิดว่ากำลังสวมมันอยู่ กุหลาบดอกใหญ่และกำลังแย้มบานเต็มที่ถูกกระหวัดมัดเกี่ยวกันจนกลายเป็นรัดเกล้า รู้สึกว่าผมของฉันจะยาวขึ้น ลอนผมสีน้ำตาลแดงส่งประกายเงางามมากขึ้น ซึ่งอาจเป็นเพราะแสงเงาของผืนป่ารอบตัวที่งดงามไร้ที่ติในยามนี้ แต่กระนั้นโครงหน้าของฉันก็ดูแผกเพี้ยนไป ดูผ่อนคลาย สดใส ราวกับว่าได้นอนหลับเต็มตื่นหลายคืนติดต่อกัน รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นคนอื่นที่มีหน้าตาคล้ายกับผู้หญิงมอมแมมที่ฉันมองเห็นในกระจกก่อนหน้านี้ ผิวของฉันขาวนวลไร้ริ้วรอย ดวงตาสุกสว่างสดใสจนทำให้ฉันคิดว่าฉันมองเห็นเงาสะท้อนของผืนน้ำภายในดวงตาของเงาของตัวเองด้วยซ้ำ


ฉันไล้ปลายนิ้วจากมงกุฏดอกไม้ลงมาตามแนวโค้งเรียบเนียนของเนื้อแก้ม ผ่านริมฝีปากที่กำลังยู่ยื่นจากความประหลาดใจ ถึงตอนนี้ฉันถึงได้ยิ้มออกเพราะนึกถึงเพื่อนเก่าคนหนึ่งที่เคยมาตกหลุมรักฉัน เขาบอกว่าฉันชอบทำหน้าเหมือนนักแสดงสาวที่ชื่อนาสตาสชา คินสกี้ ในตอนนั้นฉันยังมองไม่ออกว่าตัวเองไปเหมือนกับเธอคนนั้นตรงไหน แต่มาถึงตอนนี้ฉันคิดว่า...


สายลมเปลี่ยนทิศเพียงวูบ ฉันเหลียวกลับไปมองด้านหลังทั้ง ๆ ที่มือยังแตะค้างอยู่บนริมฝีปาก


เขากำลังเดินอ่านหนังสือปกสีเขียวด้วยท่าทีสบาย ๆ มาตามทางเดินที่นำตรงมาหาฉัน


แม้วันนี้เขาจะไม่ได้สวมชุดเกราะแต่มันก็ไม่ได้ทำให้ความน่าเกรงขามของเขาลดน้อยถอยลงเลย แต่กลับทำให้เขาดูแข็งแกร่งมากขึ้นจนไม่จำเป็นต้องอาศัยเครื่องปกป้องอื่นใด


เขาอยู่ในชุดยาวสีแดงสดเฉดเดียวกับสีเลือดและแนบกระชับไปกับเรือนร่างแบบเดียวกับชุดของฉัน เขาเดินมาตามเส้นทางที่ตัดผ่านหมู่ไม้ด้วยช่วงก้าวที่สม่ำเสมอ ท่วงท่าสง่างามนั้นชวนให้หลงใหลใฝ่ฝัน การก้าวเดินที่เหมือนไม่มีจุดเริ่มต้นและจุดสิ้นสุด แต่เป็นการเคลื่อนไหวที่ลื่นไหลต่อเนื่องในรูปแบบที่แสนจะตรึงตาตรึงใจ ไม่มีเครื่องประดับใดบนร่างสูงนอกจากมงกุฏดอกไม้ที่รัดเรือนผมสีดำสนิทของเขาไว้เพื่อเปิดวงหน้างดงามให้เด่นชัด รัดเกล้าของเขาถอดแบบมาจากของฉัน จะต่างกันก็เพียงของเขาเป็นดอกกล้วยไม้สีแดงแทนที่จะเป็นดอกกุหลาบ


เขากำลังดื่มด่ำอยู่กับหน้าหนังสือจนไม่ทันสังเกตเห็นฉัน


พระเจ้า เขาเป็นผู้ชายที่หล่อบาดใจไม่มีที่ติแม้แต่น้อย ฉันไม่สามารถละสายตาไปจากเขาได้ทั้งที่จริง ๆ แล้วฉันควรจะรู้สึกหวาดกลัวกับการบุกรุกของเขา แต่ด้วยท่าทีผ่อนคลายของเขาทำให้ฉันรู้สึกว่าตัวเขาเองที่เป็นเจ้าของสถานที่แห่งนี้ และฉันต่างหากที่เป็นผู้บุกรุกเข้ามา


ระยะทางระหว่างเราสองคนสั้นลงเรื่อย ๆ ตอนนี้คงไม่น่าจะเกินห้าสิบฟุต ฉันไม่มีหนทางหลบหลีกไปไหนได้เลย เพราะด้านหลังคือแม่น้ำที่ลึกจนไม่สามารถลุยข้ามไปได้ ส่วนด้านข้างซ้ายขวาถูกปิดกั้นด้วยหินผาก้อนใหญ่ที่เขียวครึ้มไปด้วยตะไคร่น้ำที่ฉันแน่ใจว่ามันไม่ได้อยู่ตรงนี้เมื่อวินาทีที่แล้ว


เดี๋ยวก่อน... ทำไมฉันถึงคิดแบบนี้ล่ะ? ฉันไม่ได้อยากจะวิ่งหนีสักหน่อยนี่นา?


ความรู้สึกกดดันค่อย ๆ พันเกลียวขึ้นภายในร่างของฉันอีกครั้ง กระโปรงยาวชุดนี้ไม่ได้ช่วยปกปิดร่างกายของฉันเลยสักนิดเดียว ฉันยังคงนั่งคุกเข่า สองมือโอบรอบตัวเองอีกครั้ง พลางจ้องมองผู้ล่าที่กำลังย่างเข้ามาด้วยดวงตาเบิกกว้างเฉกดวงตากวาง


ใบหน้าของเขาดูแปลกไป คล้ายนุ่มนวลขึ้น แต่ก็ยังมีลักษณะของการผสมผสานกันระหว่างความอ่อนหวานและความเหี้ยมโหด ความอ่อนเยาว์และสูงวัย เขาเป็นผู้ชายที่เต็มไปด้วยความขัดแย้ง ระหว่างความดีและความชั่ว ระหว่างหยินและหยาง โครงร่างสูงโดดเด่นจับตานั้นทำให้รู้สึกว่าตัวเขาสง่างามยิ่งกว่าหมู่ไม้โบราณที่ห้อมล้อมเราอยู่ในยามนี้เสียอีก


เขาใกล้เข้ามาแล้ว อีกสิบฟุต ช่วงก้าวของเขาช้าลง ดวงตายาวรีเหมือนผลอัลมอนด์ละจากหน้าหนังสือแล้วเบิกกว้างขึ้นเล็กน้อยราวกับกำลังประหลาดใจที่เห็นฉันอยู่ตรงนั้น


ฉันบีบวงแขนที่รัดอยู่รอบอกให้แน่นขึ้นราวกับต้องการสกัดกั้นความรู้สึกที่กรุ่นขึ้นภายใน แต่บางทีมันก็อาจจะเป็นแค่การป้องกันตัวเอง ฉันอาจต้องการปกปิดทรวงอกของฉันจากสายตาของเขา เช่นเดียวกับสองขาที่หนีบแน่นเพื่อปิดป้องของสงวน


เขาชะงักฝีเท้า ทอดสายตาลงมองฉันแน่วนิ่ง


เสียงนกร้อง เสียงสนทนาของหมู่ภมรและเสียงกระซิบของสายลมดับลงในทันที รอบด้านเงียบสงัดอย่างสมบูรณ์ราวกับเวลาหยุดหมุน


เขาคุกเข่าลงข้างฉันช้า ๆ ด้วยท่วงท่าสง่างามอย่างไม่น่าเชื่อ หนังสือในมือถูกปล่อยให้ตกลงข้างกาย


ฉันสูดลมหายใจเข้าลึก พยายามกล้ำกลืนรสขื่นลิ้นที่เกิดจากความหวาดผวาผสมปนเปกับความหวามไหวในอารมณ์กลับคืนลงคอ เขากำลังจะทำอะไรกับฉัน? ฉันรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นสาวแรกรุ่นขี้อายที่กำลังจะเสียความบริสุทธิ์เป็นครั้งแรกบนเบาะหลังรถยนต์นั่งของครอบครัวตัวเอง


ราวกับเข็มแหลมหลายร้อยเล่มกำลังทิ่มแทงไปทั่วแนวสันหลังของฉัน ส่งความรู้สึกเจ็บ ๆ คัน ๆ ไปยังปลายนิ้วรวมถึงยอดถันและบริเวณเร้นลับระหว่างหน้าขาที่เจ็บร้าวและฉ่ำชื้นขึ้นมาจนรู้สึกได้ หยาดเหงื่อเกาะพราวอยู่บนหน้าผาก และรอยชื้นของเหงื่อที่เคลือบอยู่ตามแขนทำให้เนื้อผ้ายิ่งแนบติดกับตัวมากขึ้นจนเหมือนเป็นผิวหนังชั้นที่สอง


เขายังคงจับจ้องมองฉัน ถ่ายทอดตัวเขาเข้าสู่วิญญาณของฉันผ่านทางดวงตา ฉันละสายตาจากเขาไม่ได้ ฉันคิดว่าฉันคงไม่สามารถหายใจได้อีกแล้วด้วย เขาเป็นเจ้าของตัวฉันทั้งหมด ทั้งจิตใจ วิญญาณ และร่างกาย


เขากระพริบตาช้า ๆ แสงระยับในดวงตาสีครามใสวูบไหวชั่วครู่หากแต่แรงยึดเหนี่ยวระหว่างเราสองคนยังคงอยู่


เขาโน้มตัวลงมาหา ในเวลานั้นฉันได้กลิ่นกายของเขาอีกครั้ง กลิ่นหอมของแซนดัลวู้ด แพทโชวลี่และตัญหาราคะที่ผสมผสานเข้ากันอย่างน่าพิศวง ริมฝีปากของเขาเผยอแยกออก


ฉันตกใจสุดขีด เขากำลังจะจูบฉัน และฉันรู้ดีว่าหากมันเกิดขึ้นจริงฉันจะไม่มีวันกลับเป็นตัวของตัวเองได้อีก จิตสำนึกของฉันกรีดร้องแต่ร่างกายทรยศของฉันกลับไม่ยอมขยับหนี มันตกอยู่ใต้อำนาจของความใคร่ไปแล้วอย่างสิ้นเชิง ร่ำร้องเรียกหาแต่ความสุขสูงสุดเพียงอย่างเดียว


แต่เขากลับเพิ่มความกระวนกระวายให้ฉันอีกครั้ง ด้วยริมฝีปากได้รูปที่แยกออกนั้นไม่ได้เพื่อมอบจุมพิตให้ฉัน แต่กลับเป็น



"ราชินีในฝันของข้า
ดั่งแสงสุริยาบนสายธาร..."



เสียงของเขาคือทุกสิ่งทุกอย่างที่ฉันฝันหา เรียบลื่นราวสัมผัสของผ้าไหมที่เคลื่อนผ่านต้นขาเปล่าเปลือย อ่อนหวานปานสายลมที่กระซิบผ่านใยแมงมุมบางเบา ความรู้สึกนุ่มนวลราวกำมะหยี่เนื้อเนียนแบบเดียวกับยามที่เขาเคลื่อนกายล้ำลึกเข้าไปในร่างของฉัน


หนนี้ฉันเป็นฝ่ายกระพริบตา เหมือนเด็กเพิ่งตื่นนอน บางทีอาจจะเหมือนตอนที่เจ้าหญิงนิทราตื่นขึ้นเมื่อเจ้าชายมอบจุมพิตอ่อนหวานให้กับเธอ บทกวีของเขาที่หลั่งไหลผ่านสมองของฉันนั้นเต็มไปด้วยความหมายหลากหลายคล้ายเฉดสีนับพัน


รอบด้านเงียบสนิท


เขาโน้มกายเข้ามาหาอีกครั้ง และหนนี้ฉันแน่ใจว่าจะไม่มีคำพูดอื่นใดอีกแล้ว ปลายนิ้วเย็น ๆ ของเขาไล้ผ่านต้นขาใต้เนื้อผ้าบางเบา ทำเอาฉันถึงกับครางออกมาพร้อมกับสูดลมหายใจเข้าลึกเมื่อรู้สึกถึงประจุไฟฟ้าที่ปะทุขึ้นและทำลายสำนึกแห่งการต่อต้านที่หลงเหลืออยู่ไปจนสิ้น


เขาเคลื่อนกายใกล้เข้ามาอีก


เขาเอนศีรษะพร้อมกับเผยอกลีบปากได้รูปคู่นั้นออกจากกันอีกครั้ง ร่างกายของฉันตอบรับท่าทีของเขา เปลือกตาหนักอึ้งเหมือนถูกถ่วงให้ปิดลง


ฉันรับรู้ได้ถึงลมหายใจอุ่นของเขาที่ตกกระทบริมฝีปาก ใกล้เหลือเกิน ความรู้สึกแนบชิดเช่นนี้ช่างหวานละมุนเหมือนไวน์อุ่นในคืนหนาว


เราสองคนชะงักค้างอยู่เพียงแค่นั้น ราวกับว่าต่างฝ่ายต่างดื่มด่ำอยู่กับแรงอารมณ์อันงดงามและเร่าร้อนรุนแรงที่เกิดขึ้นระหว่างกัน จนกระทั่ง---






******************************




ต้นฉบับ : The Wild Reel โดย Paul Brandon (1st Edition)








หมายเหตุ :


* เรือออกซ์ฟอร์ดพุ้นต์ (Oxford punt) คือเรือพายท้องแบน ๆ คล้ายเรือพายบ้านเราค่ะ การล่องเรือพุ้นต์ไปตามลำน้ำถือเป็นการท่องเที่ยวที่ขึ้นชื่ออย่างหนึ่งในประเทศอังกฤษ คงประมาณเหมือนล่องเรือชมบ้านสวนแถวฝั่งธนบ้านเราล่ะค่ะ











 

Create Date : 15 พฤษภาคม 2548
0 comments
Last Update : 15 พฤษภาคม 2548 12:30:34 น.
Counter : 655 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


Poceille
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]





.
.
.

Busy Woman
but
Non-productive

.
.
.


Friends' blogs
[Add Poceille's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.