...ห้องทำงานรก ๆ ร้าง ๆ ที่เจ้าของทิ้งขว้างไม่สนใจ...


Group Blog
 
<<
ธันวาคม 2548
 
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
12 ธันวาคม 2548
 
All Blogs
 

[20] Somewhere south of yesterday : ฤาจะซ้ำรอยอดีต




...


แน็ตตี้ตื่นขึ้นมาพบกับกลิ่นหอมหวลของเบค่อนทอดและกลิ่นกาแฟต้มใหม่


หญิงสาวยืดแขนขึ้นเหนือศีรษะแล้วเหยียดตัวออก อ้าปากหาวกว้างพลางเตะผ้าห่มอุ่นจัดออกไปให้พ้นตัว แสงสว่างสดใสส่องผ่านหน้าต่างเข้ามาและเธอมองเห็นท้องฟ้าสีน้ำเงินสดผ่านทางรอยแยกของผ้าม่านเนื้อบาง


แน็ตตี้นอนเล่นอยู่อย่างนั้นต่อไปอีกหลายนาที เหตุการณ์แปลก ๆ เมื่อคืนนี้ล่องลอยผ่านเข้ามาในห้วงคิดเหมือนสายหมอกอันเลือนราง นาฬิกาบนข้างฝาบอกเวลาเจ็ดโมงสี่สิบห้า แม้ว่าจะยังเช้าอยู่แต่อากาศกลับเริ่มร้อนขึ้นแล้ว


หลังจากฝันร้ายอันน่าสะพรึงกลัว เธอก็ผล็อยหลับไปอีกครั้งโดยไม่ฝันหรือสะดุ้งตื่นอีกตลอดคืน นับเป็นครั้งแรกในรอบหลายวันที่เธอรู้สึกสดชื่นอย่างแท้จริง จิตรกรสาวเงยหน้าขึ้นมองเครื่องรางที่แอลไลแขวนไว้ สงสัยอยู่ครามครันว่ามันใช้ได้ผลจริง ๆ หรือนี่


ราวกับว่าเจ้าของเครื่องรางสามารถอ่านใจหญิงสาวได้ เพราะจู่ ๆ เขาก็ปรากฏตัวขึ้นตรงประตูห้องครัวพลางส่งเสียงทักทาย "อรุณสวัสดิ์ครับ ผมว่ามันใช้ได้ผลแฮะ"


แน็ตตี้เองก็เห็นด้วย เธอส่งยิ้มอบอุ่นให้เขา เช้านี้ชายหนุ่มเจ้าของห้องอยู่ในชุดกางเกงขายาวตัวโคร่งที่ตัดเย็บจากผ้าที่ดูคล้ายผ้าไหมกับเสื้อยืดสีเหลืองทึมคล้ายสีโคลนแปลกตา ทำให้เขาดูเหมือนพวกนักบวชตามลัทธิโบราณ มือสองข้างถือแก้วกาแฟเอาไว้ เขาเดินมาทรุดตัวลงนั่งบนฟูกแล้วยื่นแก้วใบหนึ่งมาให้เธอ แน็ตตี้รับไปจิบแล้วส่งเสียงแสดงความพึงพอใจ "ถ้าคุณคิดจะใช้เรื่องการเสิร์ฟอาหารเช้าบนเตียงมาเป็นการออกเดทครั้งที่สองล่ะก็" หญิงสาวพูดขึ้น "ฉันว่าคุณกำลังไปได้สวยเลย"


"ผมไม่รู้ว่า 'บนเตียง' มันจะต่างกับ 'บนฟูก' ยังไงนะฮะ แต่ที่แน่ ๆ คือตอนนี้มีเบค่อนร้อน ๆ กับไข่ลวกอีกสองสามฟองรอคุณอยู่" สำเนียงแปร่ง ๆ ของเขาทำให้เธอยิ้มได้เหมือนทุกครั้ง เธอเองก็แอบคิดอยู่เหมือนกันว่าสำเนียงของเธอก็คงไม่ต่างไปจากนี้สักเท่าไหร่ จึงไม่แปลกอะไรที่คนแถวนี้มักจะคอยขอให้เธอพูดซ้ำใหม่อยู่เสมอ


"เป็นอย่างไรบ้างครับ?" ชายหนุ่มถามสั้น ๆ พลางจ้องมองเธออย่างรอคอย


แน็ตตี้กระพริบตา "ดีค่ะ จะว่าไปฉันไม่ได้หลับสนิทแบบนี้มาเป็นชาติได้แล้วมั้ง ถ้าได้นอนแบบนี้อีกสักสามสี่คืนติด ๆ กันคงกลับมาแข็งแรงเหมือนเดิมได้แน่ค่ะ" เธอแตะแผลตกสะเก็ดใต้ดวงตาด้วยท่าทีขยะแขยง "เว้นแต่ว่าตอนนี้ฉันดันมีไอ้แผลนี่ไว้เป็นที่ระลึกน่ะสิ"


"อีกสองสามวันก็หายครับ ถ้างั้นก็แสดงว่าเมื่อคืนคุณไม่ได้ฝันอีกใช่ไหม?"


"ถ้าไม่นับความฝันโหด ๆ อันนั้นแล้วก็คิดว่าไม่ได้ฝันถึงอะไรอีก" เธอซดกาแฟอึกใหญ่แล้วยันตัวขึ้นนั่งหลังตรง งอขาเข้าหาตัวแล้วดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมไว้ "มันน่ากลัวมากจริง ๆ นะคะแอลไล"


"อยากจะคุยกันตอนนี้เลยไหมฮะ?" เขาถามความเห็น


เธอส่ายหน้าน้อย ๆ "ไว้หลังอาหารเช้าดีกว่าค่ะ"


แอลไลสบถออกมาพลางเด้งตัวลุกพรวดออกไปจากเตียง "อ๋า แย่แล้ว..."


แน็ตตี้หัวเราะคิก แม้ว่าตอนนี้ชายหนุ่มจะสามารถวนเวียนอยู่ใกล้ตัวเธอได้โดยไม่กระวนกระวายมากมายเหมือนช่วงแรก ๆ แต่เขาก็ยังมีอาการขัดเขินหลุดออกมาให้เห็นอยู่บ้าง ซึ่งก็น่ารักดี เธอรู้ดีว่าเขาอาจจะกลายเป็นคนเอาจริงเอาจังขึ้นมาได้ในทันทีทันใด แต่โดยรวมแล้วเขาเป็นผู้ชายที่อบอุ่นและสุภาพอ่อนโยน แฝงไว้ด้วยความขี้เล่นที่ทำให้เธอพลอยรู้สึกอยากร่วมวงเล่นสนุกไปด้วย


คิ้วของหญิงสาวขมวดมุ่นขึ้นมาอีกครั้งเมื่อเธอใช้เวลาพิจารณาสถานการณ์อันน่าเจ็บใจที่กำลังดำเนินอยู่ในขณะนี้ เธออยากจะเปิดใจพูดกับเขาตรง ๆ แต่ในขณะเดียวกันก็เกรงว่ามันจะทำให้เขาถอยห่างออกไป ก็เพิ่งจะได้ใกล้ชิดกันเพียงแค่วันเดียวเองนี่นา แต่กระนั้นเธอก็รู้ตัวว่าเธอรู้สึกอะไรบางอย่างกับเขา ความรู้สึกที่ทั้งแปลกใหม่และน่าตื่นเต้น


แน็ตตี้ตวัดขาลงจากเตียงแล้วลุกยืนขึ้นบิดขี้เกียจอีกรอบ ขาของเธอยังคงสั่นน้อย ๆ ตอนที่เธอเดินข้ามห้องโถงเพื่อไปยังห้องน้ำ


ตอนที่เธอเดินผ่านกลางโถงก็ชะโงกหน้าเข้าไปในห้องนั่งเล่นแล้วร้องถาม "ฉันขอเวลาอาบน้ำหน่อยได้ไหมคะ?"


เสียงตอบของแอลไลดังมาจากทางห้องครัว "ตามสบายเลยครับ ผมเองก็ต้องขอเวลาจัดการตรงนี้อีกแป๊บนึง บนราวตากผ้ามีผ้าขนหนูผืนใหม่อยู่ครับ แล้วก็มีแปรงสีฟันอันใหม่ด้วย"


"นี่คุณมีของพวกนี้ติดบ้านไว้ตลอดเลยหรือคะ?" หญิงสาวแซวกลับด้วยเสียงตะโกนเพื่อให้ดังกว่าเสียงก๊อกแก๊กของตะหลิวกับกระทะ


"ก็มีเผื่อไว้อย่างนั้นล่ะครับเพราะไม่รู้ว่าใครจะแวะมาค้างด้วย"


"หมายถึงบรรดาสาว ๆ ขี้เมาที่ไล่ตามนักกีต้าร์กิ๊กก๊อกด้วยหรือเปล่าคะ?"


เธอได้ยินเขาหัวเราะ "ก็ประมาณนั้น"


แน็ตตี้เดินเข้าห้องน้ำแล้วปิดประตู หลังจากปลดเสื้อผ้าออกจากตัวแล้ว เธอก็ก้าวเข้าไปยืนใต้ฝักบัวและเปิดก๊อกน้ำ ในชั่วสองสามวินาทีแรกนั้นไม่มีอะไรเกิดขึ้น จากนั้นก็มีเสียงโครกครากน่าตกใจดังมาจากอีกฟากของผนัง แล้วสายน้ำเย็นเฉียบก็พุ่งลงใส่ศีรษะเธออย่างทันทีทันใด หลังจากที่เธอปรับตัวให้เข้ากับความเย็นของน้ำได้แล้ว แน็ตตี้ก็ควานหาสบู่แชมพูและจัดการชำระล้างตัวเองอย่างตั้งอกตั้งใจ ฝันร้ายเมื่อคืนทำให้หญิงสาวรู้สึกว่าเนื้อตัวเหนียวเหนอะ ราวกับภาพฝันพวกนั้นทิ้งคราบไคลเอาไว้บนร่าง สายน้ำตกพราวลงกระทบผิว และแน็ตตี้ก็พบว่าตัวเองกำลังฮัมเพลงทำนองสนุกสนานอยู่ในระหว่างที่เธอถูสบู่ไปทั่วตัว



...



"น่ากินจังค่ะ" จิตรกรสาวร้องขึ้นตอนที่เธอเดินเข้ามาในห้องนั่งเล่นในขณะที่กำลังใช้ผ้าขนหนูเช็ดผมที่ยังเปียกชื้น


โต๊ะเล็กยามนี้มีผ้าปูเรียบร้อย บนโต๊ะมีจานสองใบบรรจุอาหารเช้าที่ยังร้อนควันฉุย พร้อมด้วยขนมปังปิ้งทาเนยและแก้วน้ำส้มวางล่อตาล่อใจอยู่


"ผมต้องขับรถออกไปซื้อเบค่อนตอนที่คุณยังหลับอยู่" แอลไลสารภาพ "โชคดีที่มีร้านขายของอยู่ตรงหัวมุมถนนพอดี"


"ฉันว่าคุณคงไม่ได้ทานอาหารเช้าแบบนี้ทุกวันหรอกนะคะ"


แอลไลก้มลงมากล่องเนยทาขนมปัง "ใครว่า ผมทานแบบนี้ทุกวันล่ะครับ เอ่อ คือ จะว่าไปก็ไม่บ่อยขนาดนั้น คือ ที่จริงแล้วไม่เคยเลยต่างหาก ธรรมดาผมทานแค่ขนมปังปิ้งกับน้ำชาเท่านั้นเอง"


สองหนุ่มสาวลงนั่งเพื่อจัดการกับอาหารเช้าโดยไม่มีการสนทนาใด ๆ ต่างฝ่ายต่างพอใจแค่การได้มีอีกคนหนึ่งนั่งอยู่ด้วยกัน


"วันนี้คุณมีแผนจะไปไหนหรือเปล่าครับ?" แอลไลถามขึ้นหลังจากดื่มน้ำส้มหมดแก้วแล้ว


แน็ตตี้เคี้ยวไปตอบไป "ยังไม่มีแผนแน่นอนหรอกค่ะ แต่ที่แน่ ๆ คือต้องกลับบ้านก่อน เฮ้ คุณจะไปกับฉันก่อนไหมล่ะคะ?"


แอลไลนิ่วคิ้ว "ผมไม่แน่ใจว่าจะไปได้หรือเปล่า เพราะคืนนี้ผมต้องขึ้นเล่นดนตรีที่ร้านหนวดแมวน่ะครับ"


"เอ๋ วันนี้มันวันพฤหัสไม่ใช่เหรอ?"


"ใช่ครับ แต่คืนนี้ผมต้องขึ้นเล่นแทนวงที่ขอถอนตัวออกไป ดังนั้นต้องกลับมาก่อนหกโมงเย็นเป็นอย่างช้าที่สุด" แอลไลพยายามวางเสียงตัวเองให้เป็นกลางมากที่สุด แม้เขาจะอยากใช้เวลาอยู่กับหญิงสาวตรงหน้าทั้งวันก็ตามที แต่เขาไม่อยากแสดงออกมากไปจนเกินงาม


แน็ตตี้ผลักจานอาหารออกห่าง "แต่เราต้องคุยกันเรื่องความฝันเมื่อคืนไม่ใช่หรือคะ?"


แอลไลพยักหน้า "และผมกำลังคิดว่าน่าจะไปลงคาถาคุ้มครองให้คุณที่บ้านคุณกวินโดลีนด้วย"


หญิงสาวหรี่ตามองคู่สนทนา "ฮั่นแน่ คุณกำลังหาโอกาสเข้าห้องนอนฉันอยู่ล่ะซี่"


"อะแฮ่ม แล้วเมื่อคืนนี้ใครกันหนอที่มานอนค้างอ้างแรมที่บ้านผมน่ะ?"


"โอเคเลย เอางี้ไหมคะ เช้านี้คุณไปกับฉันก่อน แล้วค่อยให้กวินโดลีนเอาคุณติดรถลงมาด้วยตอนที่เธอลงมาคุมร้านตอนเย็น ฉันไม่แน่ใจว่าเธอจะลงมาตอนกี่โมง แต่คิดว่าจะแซะเธอออกจากบ้านได้ตอนห้าโมงเย็น ดีเหมือนกันที่คืนนี้คุณต้องทำงาน เพราะฉันสัญญากับตัวเองว่าคืนนี้จะลงมือทำของขวัญวันแต่งงานให้ซาร่าห์กับสก็อตต์สักที"


แอลไลทำหน้ายุ่ง "คุณแน่ใจนะครับว่ามันจะไม่เป็นการรบกวนจนเกินไป"


แน็ตตี้พยักหน้า หวังอยู่ในใจลึก ๆ ว่าเธอไม่ได้แสดงอาการกระตือรือร้นจนออกนอกหน้า แวบหนึ่งที่เธอคิดจะเลื่อนนัดไปเป็นวันหลัง แต่เมื่อทบทวนตารางเวลาของตัวเองแล้วเธอก็ตระหนักได้ว่าทุกนาทีมีค่า ในขณะที่แอลไลเองก็คิดเช่นเดียวกัน


"ถ้าคุณแน่ใจว่าจะไม่มีปัญหากับคุณกวินโดลีน ก็ตกลงตามนี้ครับ"


"รายนั้นคงไม่ว่าอะไรอยู่แล้วล่ะค่ะ"



...



ในระหว่างที่ทั้งคู่ขับรถขึ้นเขากลอเรียสด้วยกัน แน็ตตี้ก็กลั้นใจเล่าเรื่องความฝันอันเลวร้ายที่ผ่านไปเมื่อคืนให้แอลไลฟัง


"ฉัน... ฉันถูกล่ามโซ่อยู่ในคุก แล้วก็มีสัตว์ประหลาดอะไรสักตัวใส่ชุดยาวสีเทา มีหน้าเป็นกระโหลกวัวอยู่ในห้องนั้นด้วย มีแต่เลือดเต็มไปหมด ตัวฉันเองก็โชกไปด้วยเลือด และห้องทั้งห้องก็เต็มไปด้วยกลิ่นของความตายฉุนกึก ฉันยังรู้สึกถึงกลิ่นนั้นในปากด้วยซ้ำ"


แน็ตตี้ตัวสั่นขึ้นมาอย่างควบคุมไม่ได้ "ฉันถูกจับขึงอยู่กับผนัง ขยับหัวไม่ได้เลยแม้แต่นิดเดียว แล้วไอ้ตัวบ้านั่นมันก็เดินถือมีดเข้ามาหา ที่น่ากลัวที่สุดคือฉันรู้ว่ามันกำลังจะทำอะไรกับฉันด้วยวิธีไหน แต่ฉันเองกลับทำอะไรไม่ได้ ได้แต่บอกตัวเองว่ามันเป็นแค่ความฝันแต่ก็ไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้น ไอ้ตัวนั่นมันกดใบมีดลงที่เปลือกตาของฉัน และฉันก็รู้สึกว่าคมมีดบาดเข้าเนื้อ แล้วก็ตื่นขึ้นมา"


"คุณอาจจะเผลอใช้เล็บเกี่ยวตาตัวเองก็ได้นะ" แอลไลตั้งข้อสังเกต


แน็ตตี้จอดรถตรงสัญญาณไฟแดง "ตอนแรกก็คิดแบบนั้นเหมือนกันค่ะ แต่คุณดูนี่สิ" เธอโน้มตัวไปหาแอลไลเพื่อให้เขามองเห็นแผล ชายหนุ่มพิจารณารอยแดงใต้ดวงตาแล้วเห็นว่าขอบแผลนั้นเรียบและคมชัด ไม่ใช่แผลครูดถลอกที่เกิดจากรอยเล็บข่วน "แล้วเวลาที่ฉันวาดรูปฉันจะตัดเล็บจนสั้นเสมอ"


"แล้วแหวนล่ะครับ?"


แน็ตตี้ยกมือขึ้นอีกครั้ง "ไม่เคยใส่เลยค่ะ ฉันลองตรวจดูบนเตียงด้วยนะคะ แต่ก็ไม่พบว่ามีของมีคมหรืออะไรที่จะบาดได้อยู่แถวนั้นเลย"


หญิงสาวกระแทกตัวลงกับเก้าอี้นั่งแล้วส่ายหน้า "แต่ครั้งนี้ฉันแน่ใจว่าไม่ใช่ฝีมือของผู้ชายคนนั้น" แน็ตตี้ขมวดคิ้ว "ถึงจะเป็นคนอื่น แต่ความรู้สึกตอนอยู่ในความฝันมันยังคงเสมือนจริงเหมือนทุกครั้ง" เธอหันไปหาคู่สนทนาและเขาก็สังเกตเห็นแววแห่งความกลัดกลุ้มในดวงตาของเธอ "คุณยังเชื่อฉันอยู่ใช่ไหมคะ?"


แอลไลยิ้ม "ผมว่าถ้าคุณไม่ได้นอนละเมอเดินเข้าไปหยิบมีดตัดขนมปังในครัวมาเฉือนตัวเองล่ะก็ เราก็พอจะสันนิษฐานได้ว่าคุณได้แผลนี่มาจากในความฝัน เฮ้ คงไม่ใช่ไอ้ตัวหน้าย่น ๆ ใส่ชุดยาวสีดำแล้วมีนิ้วเป็นใบมีดหรอกนะครับ?"


"โอ้ ฮ่าฮ่า"


สัญญาณไฟเปลี่ยนเป็นสีเขียวและทั้งคู่ก็ขับรถขึ้นเขาต่อ แอลไลไม่ได้เสนอความคิดใด ๆ เพิ่มขึ้นมาอีก เขาเพียงนั่งทบทวนข้อมูลต่าง ๆ อยู่ในใจ จนเมื่อทั้งสองขึ้นมาถึงจูนิเปอร์ เฮ้าส์ ชายหนุ่มจึงพบว่ามีเพียงสิ่งเดียวที่เขาทำความเข้าใจได้ นั่นคือเขากำลังเผชิญหน้าอยู่กับอะไรบางอย่างที่ลึกลับสุดหยั่งถึง ที่จริงแล้วเขาพอจะคิดอะไรบางอย่างออกแล้ว แต่ยังมีข้อสงสัยและรายละเอียดบางส่วนที่เขาตีความไม่แตก ทั้งนี้ชายหนุ่มรู้สึกชื่นชมผู้ที่ตกเป็นเหยื่อของเหตุการณ์อยู่ไม่น้อย เพราะถ้าเป็นตัวเขาเองที่ต้องตกอยู่ในสภาพนี้ ก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าจะคุมสติตัวเองได้ดีเท่ากับเธอหรือเปล่า


"โอ้โห ที่สวยมากเลยครับ" ชายหนุ่มอุทาน ในระหว่างที่แน็ตตี้เปิดหลังรถให้เขายกกล่องกีต้าร์ออก


ประกายสีทองวูบวับผ่านตาก่อนที่ร่างของกวินโดลีนจะก้าวออกมาจากมุมบ้าน "อ้อ มาได้เวลาพอดี" เธอพูดพลางเดินข้ามสนามหญ้าเข้ามาหา "ฉันกำลังจะออกไปซื้อของข้างนอกอยู่พอดี" คนพูดมองหน้าแอลไลแล้วถอนหายใจ "ว่าแล้วเชียวว่าที่เพื่อนฉันไม่ยอมกลับบ้านเมื่อคืนต้องมีคุณเข้าไปเกี่ยวข้องด้วยแหง๋"


แอลไลวางกล่องกีต้าร์ลงแล้วยกสองมือขึ้น "เฮ้ ผมไม่ได้เป็นคนต้นคิดนะครับ"


แน็ตตี้หวดเขาดังป้าบ "คุณนั่นแหล่ะ! ก็คุณเป็นคนบอกฉันเองว่าฉันดื่มเกินกฏหมายกำหนด"


แอลไลไอแค่ก "เออเนอะ... ผมเพิ่งนึกออก"


กวินโดลีนส่ายหน้า เธอสำรวจคู่หนุ่มสาวด้วยสายตาและสีหน้าครุ่นคิด ความสนิทสนมที่เห็นชัดนั้นบ่งบอกได้ว่าน่าจะมีอะไรเกิดขึ้นระหว่างทั้งคู่ และเธอก็ได้แต่ภาวนาอยู่เงียบ ๆ ในใจว่าแน็ตตี้คงไม่ต้องอกหักอีกรอบ ถึงแม้กวินโดลีนเองก็รู้จักและยอมรับในตัวของแอลไลในระดับหนึ่ง แต่แน็ตตี้คือเพื่อนสนิทที่สุด และในอดีตที่ผ่านมากวินโดลีนจะคอยทำหน้าที่ตรวจสอบความประพฤติของบรรดาหนุ่ม ๆ ที่เข้ามาติดพันแน็ตตี้อย่างใกล้ชิด ไม่ว่าหนุ่มนั้นจะมีโอกาสเลื่อนขั้นขึ้นมาเป็นคู่รักหรือไม่ก็ตามที แต่ในเวลานี้ดูเหมือนว่าสองคนตรงหน้านี้จะเข้ากันได้ดีและเห็นได้ชัดว่าต่างฝ่ายต่างตกหลุมรักกันและกันไปเรียบร้อยแล้ว


ในระหว่างที่เจ้าของบ้านสาวเดินไปที่รถจี้ป เธอก็เปรยขึ้นว่า "เอาล่ะเด็ก ๆ ฉันจะออกไปข้างนอกสักชั่วโมงแล้วจะกลับมาฟังรายงานความประพฤติเมื่อคืนนี้"


"เดี๋ยวก่อนจ้ะกวินโดลีน" แน็ตตี้เรียกไว้ "เย็นนี้เธอจะลงไปร้านกาแฟตอนกี่โมงจ๊ะ?"


กวินโดลีนถอนใจพรืดก่อนตอบ "อ๋อ เข้าใจละ เขาจะขอติดรถไปด้วยงั้นสิ"


"ถ้าไม่เป็นการรบกวนเธอจนเกินไปอ้ะ"


"อือ ก็ได้ ยังไงเขาก็ทำงานให้ฉันนี่" ว่าพลางหันไปทางแอลไล "แต่ฉันจะตรงไปที่ร้านเลยนะคะ"


แอลไลพยักหน้า "ไม่เป็นไรครับ ผมเตรียมเสื้อผ้ามาเปลี่ยนแล้วก็เอากีต้าร์มาด้วยแล้ว พร้อมไปได้ตลอดเวลา"


"ก็ควรจะพร้อมอยู่หรอกค่ะ" กวินโดลีนตอบกลับพลางปีนขึ้นไปนั่งบนรถจี๊ป โบกมือลาลวก ๆ แล้วออกรถพรืดไปอย่างรวดเร็ว


"ผมว่าเธอไม่ชอบขี้หน้าผมยังไงไม่รู้" แอลไลเปรยขึ้นในขณะที่ก้มลงหยิบกล่องกีต้าร์


"โอย ไม่หรอกค่ะ กวินโดลีนชอบทำตัวเป็นองครักษ์พิทักษ์คนอื่นแบบนี้เสมอ"


"อะฮะ แล้วครั้งนี้เธอพิทักษ์ใครกันล่ะครับ? คุณหรือว่าผม?"


"นั่นสินะ"



...



แอลไลเกี่ยวเถาวัลย์ที่เลื้อยลงมาขวางหน้าออกไปให้พ้นทาง "คืองี้ เรื่องแบบนี้ไม่เคยมีบันทึกไว้ในพระคัมภีร์ไบเบิ้ลเลยครับ แต่คุณจำเรื่องผู้มาเยือนยามวิกาลที่ผมเคยเล่าให้ฟังได้ไหม?"


"เห คุณหมายถึงพวกผีผู้ชายที่แอบมาปล้ำผู้หญิงในความฝันหรือพวกแวมไพร์งั้นหรือคะ?"


แอลไลยิ้มกว้าง "ผมว่าผมไม่ได้พูดถึงแวมไพร์เลยนะ แต่ก็ ครับ อะไรประมาณนั้น"


แน็ตตี้พยักหน้าพลางกระโดดข้ามขอนไม้หักที่ล้มลงมาขวางทางอยู่ และเมื่อแอลไลก้าวข้ามท่อนไม้นั้นตามไปเธอก็หันมาคว้ามือเขาไว้อีกครั้ง ทั้งสองตัดสินใจใช้เวลาในช่วงหลังเที่ยงในการออกจากบ้านมาเดินเล่นชมป่า หลังจากแน็ตตี้ได้เปลี่ยนเครื่องแต่งตัวใหม่แล้วก็รู้สึกดีขึ้น และการได้นอนหลับพักผ่อนอย่างเต็มตาเมื่อคืนทำให้เธออารมณ์ปลอดโปร่งขึ้นมากอย่างน่าอัศจรรย์


ทางเดินเล็ก ๆ ลดเลี้ยวไปตามโคนต้นไม้ใหญ่ บางครั้งก็วนอ้อมทางน้ำและสายธารรินไหล อากาศรอบกายทั้งชื้นและเย็น กรุ่นไปด้วยกลิ่นหอมของผืนป่า พุ่มใบไม้เบื้องบนเต็มไปด้วยชีวิตชีวาจากสรรพเสียงสารพันของนกและสัตว์นานาชนิด ใบไม้ร่วงควงเกลียวลงมาจากเหนือศีรษะ บางครั้งก็พราวลงมาเหมือนหยาดฝนยามสามลมพัดผ่านยอดไม้สูง ทางเดินนั้นแม้จะแคบและบางครั้งมองดูเหมือนจะเลี้ยวลับหายไปหลังพุ่มไม้ดกหนาหรือกอเฟิร์น แต่ก็ราบเรียบและเดินสะดวก บรรยากาศสองข้างทางเปลี่ยนแปลงไปอยู่ตลอดเวลาทำให้ไม่รู้สึกเบื่อ


"ผมคิดว่า" แอลไลสานต่อบทสนทนา "เราต้องสืบหาให้ได้ว่าไอ้ตัวนั่นมันต้องการอะไรกันแน่"


แน็ตตี้ชะงัก "แต่เมื่อคืนไม่ใช่คนเดิมนะคะ"


แอลไลก้าวขึ้นมายืนเคียงพลางเกาต้นคอ "นั่นละครับที่ผมยังไม่เข้าใจ" เขายอมรับออกมาตรง ๆ "ตามความเห็นของผมแล้ว ผมว่าความฝันในช่วงแรกมันเหมือนกับภาพฝันหวานอลังการงานสร้าง" ชายหนุ่มรีบยกมือขึ้นห้ามก่อนที่คู่สนทนาจะทันท้วงขึ้น "ผมไม่ได้หมายความว่าคุณเป็นคนสร้างภาพฝันนั่นนะฮะ แต่ผมพยายามชี้จุดให้คุณเห็นว่าความฝันพวกนั้นมันไม่ได้ถูกสร้างขึ้นเพื่อทำให้คุณตกใจกลัว"


"ไม่ทราบสิคะ แต่การโดนมังกรตัวมหึมาวิ่งไล่จับนี่มันก็น่ากลัวอยู่นา!"


ชายหนุ่มโบกไม้โบกมือ "ผมว่านั่นน่าจะเป็นสัญลักษณ์แสดงถึงพลังของบุรุษเพศมากกว่า"


"อ๋อ รู้ละ มันคือตัวแทนของอวัยวะเพศชายสินะ"


คู่สนทนาอมยิ้ม "อะไรประมาณนั้น"


"ถ้างั้น คุณผู้ชายนายกระเจี๊ยวในฝันนั่นก็แค่อยากให้ฉันประทับใจในความใหญ่ยิ่งของเขางั้นสิ" แน็ตตี้อุทานอย่างไม่เชื่อหู


แอลไลยักไหล่น้อย ๆ ก่อนตอบคำ "เท่าที่ดูจากพฤติกรรมที่ผ่านมาของเขา ผมคิดว่าน่าจะเป็นแบบนั้นนะครับ -ความฝันของคุณก็ชี้บ่งไปในทางเดียวกัน เขาต้องการคุณแต่เขายังไม่สามารถมาเอาตัวคุณไปได้เท่านั้นเอง"


"ขอบคุณพระเจ้า" แน็ตตี้พึมพำอยู่ในลมหายใจ


"ผมแค่เดาเอานะครับ"


แอลไลผายมือไปทางขอนไม้ใหญ่ที่ล้มลงนอนอยู่บนพื้น แล้วทั้งคู่ก็ละจากทางเดินหลักเข้าไปลงนั่งพัก ชายหนุ่มคุ้ยย่ามผ้าใบแล้วดึงเอาขวดน้ำออกมายื่นให้จิตรกรสาว แน็ตตี้รับมาดื่มอึกใหญ่แล้วส่งคืน


"ไม่รู้ว่าผู้ชายคนนั้นเห็นดีอะไรในตัวคุณ" แอลไลถอนหายใจในขณะที่เขายัดขวดน้ำกลับเข้าไปในย่าม


แน็ตตี้อ้าปากค้างก่อนหยิกแขนเขาหมับ "ขอบใจมากย่ะ! ได้ทีขี่แพะไล่เชียว"


ท่าทางตื่นตกใจของแอลไลนั้นไร้การเสแสร้งโดยสิ้นเชิง แม้แต่เสียงที่พูดออกมายังตะกุกตะกัก "ผมไม่ได้หมายความว่างั้น! ผมแค่จะบอกว่า..."


หญิงสาวส่ายหน้าก่อนโน้มกายเข้าไปจุมพิตเขา "ล้อเล่นนะค่ะ" เธอสารภาพ "คุณนี่หลอกง่ายจัง"


แอลไลทำหน้ายุ่งปนเขิน "สงสัยว่าท่าทางของผมคงดูเปิ่นน่าดู"


จิตรกรสาววางมือลงบนหน้าขาของเขาแล้วเคลื่อนกายเบียดเข้ามาใกล้อีกครั้ง "คุณมีเวลาห้านาทีที่จะเอาคืนนะคะ"


"ห้านาทีเองหรือครับ?" แอลไลถามย้ำเสียงแผ่วเบาในขณะที่แน็ตตี้รวบร่างของเขาไว้ในอ้อมกอด


การจูบนั้นดำเนินไปอย่างดื่มด่ำและเนิ่นนาน แฝงเร้นไว้ด้วยความปรารถนาที่ปราศจากเสียงและถักทอสานต่อความชิดใกล้ที่ทั้งสองมีให้กันและกันในคืนก่อน ริมฝีปากของแอลไลเคลื่อนไหวอ่อนโยนทว่ารั้งรอคล้ายไม่แน่ใจ ในขณะที่แน็ตตี้ไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น เธอขยับตัวอยู่บนขอนไม้เพื่อเปิดโอกาสให้วงแขนของเธอรัดกายเขาแน่นขึ้นแล้วรั้งเขาเข้ามาแนบชิด เมื่อเวลาผ่านไป เหมือนความอดกลั้นของแอลไลจะสิ้นสุดลงและเขาเริ่มตอบสนองต่อการเร่งเร้านั้นในรูปแบบที่ร้อนแรงขึ้น แต่ถึงกระนั้นก็เป็นเขาเองที่เป็นฝ่ายผละออกพร้อมรอยยิ้มแห้ง "ขอโทษนะครับ พอดีมีตอไม้คอยทิ่มก้นผมอยู่ เลยไม่ค่อยมีสมาธิเท่าไหร่"


แน็ตตี้หัวเราะคิกและเคลื่อนตัวลงจากขอนไม้ ในขณะที่แอลไลใช้มือนวดบั้นท้ายพลางมองดูตอไม้หงิกงอเจ้าปัญหาอันนั้นด้วยสายตาอาฆาต



...





(มีต่อค่ะ)




 

Create Date : 12 ธันวาคม 2548
4 comments
Last Update : 12 ธันวาคม 2548 14:11:20 น.
Counter : 1269 Pageviews.

 

(ต่อจากข้างบนค่ะ)




"คุณคิดอะไรไม่ออกบ้างเลยหรือครับ? อะไรสักอย่างก็ได้?"


แน็ตตี้คลายวงแขนออกจากบั้นเอวของคู่สนทนาแล้วยกมือขึ้นเสยผม เธอถอนหายใจออกหนักหน่วงในขณะที่สายตาจับจ้องแน่วนิ่งอยู่กับสายน้ำตกกรีน'ส ฟอลล์ราวกับว่าลำธารนั้นกำคำตอบของปริศนาเอาไว้ "คือ จะว่าไปก็พอจะนึกอะไรออกอยู่บ้างเหมือนกันค่ะ"


"อะไรหรือครับ...?"


จิตรกรสาวเงยขึ้นมองเขาด้วยสีหน้าขัดเขิน "สัญญาก่อนสิคะว่าจะไม่หัวเราะเยาะฉัน?"


แอลไลพยักรับ วงหน้าเคร่งขรึมจริงจังของเขาทำเอาจิตใจของแน็ตตี้กระเจิดกระเจิงด้วยความคิดฝันอันร้อนไปด้วยแรงปรารถนาไปชั่วขณะ แต่ในที่สุดเธอก็เริ่มเล่าเรื่องออกมาด้วยน้ำเสียงกระท่อนกระแท่น "คือ ฉันเคยได้ยิน... เสียงเพลง... เอ่อ จะได้ยินเป็นบางครั้งตอนที่ฉันวาดรูปน่ะค่ะ"


หญิงสาวก้มหน้าลง ปล่อยให้ผมยาวสยายตกลงมาปรกปิดบังใบหน้าจากสายตาของคู่สนทนา


"เพลงแบบไหนหรือฮะ?" แอลไลถาม


แน็ตตี้ยักไหล่ สายตายังคงจ้องมองอยู่กับสายน้ำ "มันขึ้นอยู่กับว่าตอนนั้นฉันวาดรูปอะไรอยู่ ส่วนมากแล้วจะเป็นการบรรเลงเครื่องสาย แต่บางทีก็เป็นวงเคล์ลีครบชุด ที่จริงฉันได้ยินเพลงพวกนี้มานานแล้วล่ะค่ะ ยิ่งพอย้ายมาอยู่คอนเนมาร่าก็ยิ่งได้ยินบ่อยขึ้น ฉันไม่... ไม่เคยติดใจอะไรกับเรื่องนี้มาก่อน คิดแต่ว่าคงเป็นจินตนาการส่วนตัว แต่ที่น่าขันกว่าคือฉันไม่เคยชอบฟังเพลงพื้นบ้านไอริชเลย"


จิตรกรสาวเงยหน้าขึ้นและพบว่าแอลไลกำลังทอดสายตามองออกไปไกล มือของเขาลูบไรเคราสั้น ๆ อย่างเลื่อนลอย เธอจึงใช้เวลาช่วงนั้นในการเฝ้ามองเขาอย่างเงียบ ๆ อยู่ระยะหนึ่งก่อนที่จะเอ่ยขึ้น "ฟังดูงี่เง่าดีนะคะ?"


ชายหนุ่มกระพริบตาปริบก่อนก้มลงมามอง "ไม่หรอกครับ" เขาปลอบ "ที่จริงผมกำลังคิดอยู่ว่าเรื่องนี้มันอาจจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับงานศิลปะของคุณ เพราะคุณมีพรสวรรค์อันวิเศษ อาจจะเป็นไปได้ว่านั่นคือส่วนหนึ่งของเวทมนตร์?"


แน็ตตี้ทำหน้าตาตื่น "โอ้ ให้ตาย อะไรกันคะ นี่คุณกำลังจะบอกว่าฉันเป็นพ่อมดงั้นเรอะ?"


"มันก็แค่ความคิดส่วนตัวน่ะครับ ในสายตาของผมแล้ว ภาพวาดของคุณมีเวทมนตร์ในตัวของมันเอง เพราะไม่มีทางที่ผมจะวาดออกมาได้แบบนั้นแน่ ๆ เวทมนตร์ที่ผมว่านี่ไม่ได้หมายความถึงมายากลหรือภาพลวงตานะครับ ตามความเข้าใจของผม ผมว่ามันเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับธรรมชาติ ความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งต่าง ๆ และผลของความสัมพันธ์นั้นที่มีต่อสิ่งอื่น ๆ มากกว่า"


"แต่ แอลไลคะ ภาพวาด... มันก็แค่รอยขีดเขียนบนกระดาษ"


ชายหนุ่มยักไหล่ "ถ้าคุณว่าอย่างนั้น พระคัมภีร์โกรานกับไบเบิ้ลก็เหมือนกันล่ะฮะ ที่สำคัญคือผู้คนมองสิ่งพวกนี้ในรูปแบบไหนมากกว่า เราตีความสิ่งต่าง ๆ ได้หลายแนว หลายคนเรียกว่าเป็นพรสวรรค์ แต่ถ้ามันเกิดเป็นส่วนหนึ่งของเวทมนตร์ของโลกโบราณขึ้นมาล่ะ?" เขาถอนหายใจพลางขว้างก้อนกรวดลงไปในสายน้ำ "แต่นี่เป็นแค่ทฤษฏีเด็ก ๆ ของผมเองนะครับ ผมไม่รู้อะไรจริง ๆ หรอก" เขายอมรับตรง ๆ "แต่มันก็เป็นจุดเริ่มต้นที่พอใช้ได้"


แน็ตตี้พ่นลมพรืด เธอวางมือลงบนแขนของคู่สนทนา "เฮ้... คุณนี่มองโลกในแง่ดีจังนะคะ"


"ก็ ระหว่างเราสองคนก็ควรจะมีสักคนที่คิดแบบนี้"


"นั่นสินะคะ" แน็ตตี้หวดมือลงบนขาของตัวเองอย่างรวดเร็วก่อนที่จะเขี่ยซากยุงแบนแต๊ดแต๋ออกไป "โอ้ย อีกตัวแล้วหรือเนี่ย คุณไม่โดนยุงกัดบ้างหรือคะ?"


แอลไลส่ายหน้า "ไม่เลยครับ สงสัยมันคงชอบเลือดคนไอริชอย่างคุณมากกว่า"


"นั่นสิ เต็มไปด้วยวิตามินและเกลือแร่จากธรรมชาติ" จิตรกรสาวตบขาตัวเองอีกครั้ง "ไอ้ยุงบ้า กลับกันดีกว่าค่ะ ก่อนที่พวกมันจะสูบเลือดฉันหมดตัวจนเหลือแต่เปลือกเหี่ยว ๆ" ว่าพลางเธอก็ทำแก้มตอบพร้อมทำนิ้วมือหงิกงอ


"ผมนึกภาพข่าวพาดหัวหนังสือพิมพ์ออกเลย" แอลไลพูดในขณะที่ลุกยืนขึ้นแล้วยื่นมือไปให้หญิงสาวจับ "พบร่างจิตรกรสาวชื่อดังถูกสูบเลือดจนแห้งหมดตัวอยู่กลางป่า ตำรวจกำลังควานหาตัวยุงยักษ์พุงป่องที่มีพฤติกรรมน่าสงสัย"


"หัวเราะไปเถอะ คุณกัลโลเวย์ ก็คุณไม่ได้เป็นคนโดนแทงจนพรุนเหมือนหมอนปักเข็มของคุณย่านี่นา"


"คุณพูดถูกแฮะ"



...



"นี่ฉันจะได้เจอคุณอีกไหมคะ?" แน็ตตี้หยอกถาม


แอลไลดึงสมุดบันทึกออกจากกระเป๋าหลังแล้วแสร้งทำเป็นพลิกดู "ผมมีเวลาว่างอีกทีตอน...วันพฤหัสหน้า นอกนั้นตารางเต็มเอี้ยดไปด้วยนัดรวมพลของคนเล่นกีต้าร์ไร้ประสบการณ์ทั้งหลาย"


หญิงสาวฟาดเขาผลัวะ "นี่คุณกะจะไม่ให้ฉันลืมเรื่องนี้เลยหรือไง?"


ชายหนุ่มหัวเราะพลางส่ายหน้า "ไม่มีทางครับ! ผมคิดว่าผมคงไม่อนุญาตให้ตัวเองลืมเรื่องนี้แน่นอน"


"คุณนี่เอาใจง่ายจังนะคะ" แน็ตตี้ล้อ เธอก้าวขึ้นมายืนเคียงแล้วกวาดวงแขนออกโอบเขาไว้


"เอ๋ ผมคิดว่าผมเป็นคน "หลอกง่าย" เสียอีก?"


หญิงสาวยักไหล่แล้วเขย่งปลายเท้าขึ้นไปจูบเขา "ทั้งสองอย่างล่ะค่ะ"


เขาจูบเธอตอบ แล้วทั้งคู่ก็ใช้เวลาช่วงหนึ่งในการโอบกันและกันไว้จนกระทั่งเสียงกระแอมไอของกวินโดลีนดังขึ้นจึงแยกตัวออกจากกัน "ไม่ว่ากันใช่ไหมจ๊ะเด็ก ๆ? แต่อยากจะบอกว่าที่มายืนกอดกันอยู่แบบนี้มันทำให้คนที่ต้องยืนดูคลื่นไส้นะจ๊ะ"


"งั้นก็อย่ามองสิ" แน็ตตี้เสนอขึ้นพร้อมรอยยิ้มกว้าง


"ไว้ผมจะโทรมาหาตอนเช้านะครับ" แอลไลพูดพลางยกกระเป๋าขึ้นสะพายบ่า


"ได้ค่ะ" แน็ตตี้ตอบรับก่อนจูบเขาอีกครั้ง


"แต่ผมจะโทรมาเช้ามาก ๆ เลยนะเพราะต้องไปมหาวิทยาลัยบอนด์ตอนสิบโมงเช้า"


แน็ตตี้ทำหน้ายักษ์ใส่เขา "อี๋ เช้ามาก ๆ แต่ฉันจะพยายามคลานลงจากเตียงมารับสายแล้วกันนะคะ"


"เป็นเกียรติอย่างสูงทีเดียวขอรับกระผม"


"ด้วยความยินดีค่ะ"


กวินโดลีนยื่นหน้าออกมาทางหน้าต่างรถจี๊ป "อะแฮ่ม เวลาเป็นเงินเป็นทองนะยะ"


แน็ตตี้แลบลิ้นใส่เพื่อนสาว


กวินโดลีนยักคิ้วคืนให้พลางเอื้อมมือไปเปิดประตูให้แอลไล เมื่อชายหนุ่มขึ้นนั่งเรียบร้อยแล้ว เธอก็ออกรถพรืดไปในทันที



...



การเดินทางลงเขาเป็นไปอย่างเงียบเชียบ


แอลไลนั่งมองแสงสว่างจากผืนป่าที่แล่นวูบวาบผ่านหน้าต่างไปยามที่รถวิ่งผ่าน ดำดิ่งอยู่ในความคิดของตัวเอง ในระหว่างที่รถจี๊ปเคลื่อนไปตามถนนสายเล็ก ชายหนุ่มก็พยายามทบทวนเรื่องที่จิตรกรสาวเล่าให้ฟัง พยายามประมวลผลจากข้อมูลทุกชิ้นที่มีทั้งในแบบที่แยกออกเป็นส่วน ๆ และแบบที่ยุบรวมเข้ากันเป็นเรื่องเดียว แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่มีอะไรคืบหน้าเพราะตัวเขาเองไม่สามารถรวบรวมสมาธิให้อยู่นิ่งได้


เมื่อใดก็ตามที่เขาพยายามรื้อฟื้นข้อมูลอะไรสักอย่างก็พบว่าเขาจำได้เพียงบทสนทนาครึ่ง ๆ กลาง ๆ ระหว่างเขากับนาตาชา หรือถ้าเขาพยายามทบทวนเหตุการณ์ต่าง ๆ จิตใจก็กลับไขว้เขวลงข้างทางเพราะวงหน้าของจิตรกรสาวคอยแต่จะแทรกเข้ามาในห้วงคิด จนในที่สุดชายหนุ่มต้องตัดสินใจพักปัญหาต่าง ๆ เอาไว้ แล้วนั่งคิดถึงเพียงเธอผู้นั้นด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม


ในที่สุดกวินโดลีนก็เป็นฝ่ายทำลายความเงียบในรถ ในช่วงที่ทั้งคู่พ้นทางลาดสุดท้ายมาแล้วและเธอสามารถเหยียบคันเร่งได้สะดวกขึ้น เธอจึงหันมาหาชายหนุ่มแล้วถามโพล่งออกมาตรง ๆ เหมือนปกติที่เคยเป็นมา "นายคงไม่คิดจะฟันเพื่อนฉันแล้วทิ้งใช่ไหม?"


แอลไลได้แต่กระพริบตาปริบ ๆ ตกใจกับความโผงผางของคนถามอยู่ไม่น้อย เขาพูดอะไรไม่ออกอยู่ชั่วขณะ จนในที่สุดจึงเข้าใจว่าที่จริงแล้วเธอต้องการถามเขาเรื่องอะไรกันแน่


"ฉันอยากจะบอกอะไรคุณสักหน่อยนะ" กวินโดลีนพูดต่อ "แน็ตตี้มาพักอยู่ที่นี่แค่ไม่กี่สัปดาห์เท่านั้น แล้วพอเธอกลับไปแล้ว โอกาสที่คุณสองคนจะได้พบกันอีกอาจจะไม่มีเลยก็ได้ ที่จริงแล้วไอ้ความรักระหว่างพักร้อนแบบนี้มันก็ไม่เสียหายอะไรหรอกนะ และฉันก็ไม่ได้รังเกียจการมีเพศสัมพันธ์ชั่วครั้งชั่วคราวถ้ามีการป้องกันตัวเองอย่างเหมาะสม แต่เท่าที่ผ่านมา แน็ตตี้ไม่เคยเจอผู้ชายที่ดีเลยสักครั้ง พอคนนึงทิ้งไปทีเธอก็ช้ำใจที" คนพูดหยุดสูดลมหายใจเข้ายาวเหยียด "ฉะนั้น ฉันจึงอยากจะเตือนคุณว่า อย่าเที่ยวไปหว่านเสน่ห์กับเพื่อนของฉันแล้วสุดท้ายก็หักอกเธออีกคน ได้โปรดเถอะ"


แอลไลนิ่งงันไปชั่วอึดใจก่อนจะพึมพำออกมาว่า "พระเจ้า คุณนี่เถรตรงดีจัง"


"ถ้าเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับเพื่อนของฉันล่ะก็ ใช่"


แอลไลขยับขึ้นนั่งหลังตรงแล้วเอียงตัวน้อย ๆ มาหาคู่สนทนา "อย่างแรกเลยนะครับ ผมขอบอกว่าเมื่อคืนนี้เราไม่ได้มีอะไรกัน ข้อสอง ตอนที่เราพบกันเมื่อวาน ในสมองผมคิดถึงเรื่องที่คุณว่านั่นเป็นเรื่องสุดท้าย เราสองคนเข้ากันได้ดีครับ คุณกวินโดลีน และไม่มีอะไรที่ต้องไปหลบ ๆ ซ่อน ๆ แอบทำกัน และผมอยากจะแจ้งให้คุณทราบว่า ครั้งนี้เธอเป็นคนชวนผมทานข้าวเย็น และข้อสามคือ ท้ายที่สุดแล้วทุกอย่างก็ขึ้นอยู่กับนาตาชา ไม่ใช่หรือครับ?"


กวินโดลีนจ้องหน้าเขานิ่งอยู่ชั่วครู่ ก่อนที่จะเผยยิ้มบาง "แต่ฉันว่าอะไรต่อมิอะไรมันเกิดขึ้นปุบปับไปหน่อยนะ"


แอลไลยกมือขึ้นแล้วแยกนิ้วออกเล็กน้อย "โชคช่วยด้วยล่ะครับ"


"ฉันเสียใจค่ะ คุณแอลไล ฉันไม่ได้รังเกียจอะไรคุณหรอกนะ เพียงแต่ว่า... สำหรับฉันแล้ว แน็ตตี้คือคนพิเศษ และฉันไม่อยากต้องเห็นเธอต้องเจ็บอีก" เธอหยุดพูดเพื่อเคี้ยวริมฝีปากตัวเองอยู่พักหนึ่งก่อนถามต่อ "คุณคิดอย่างไรกับเธอกันแน่? ตอบมาแบบตรง ๆ เลยนะ"


แอลไลยิ้ม "ผมคิดว่าเธอเป็นคนที่วิเศษมาก พูดจริง ๆ นะครับ ตอนแรกผมถึงกับตะลึงกับตัวตนของเธอจนถึงขั้นทำอะไรไม่ถูกเลย แต่พอตอนที่เราได้ไปเดินเที่ยวตลาดนัดด้วยกัน แล้วก็พูดคุยกันได้ทุกเรื่องเหมือนเพื่อนสนิท-" เขายักไหล่ "เธอเป็นคนที่ยอดเยี่ยมที่สุดที่ผมไม่เคยพบมานานแล้ว" เขาส่ายหน้าพลางสูดลมหายใจเข้าลึก "เวลาชอบเล่นตลกกับเราจริง ๆ นะครับ"


"แล้วคุณทราบไหมว่าแน็ตตี้เองก็ชื่นชมคุณเหมือนกัน"


คิ้วที่ขมวดของแอลไลคลายออกจากกันเล็กน้อย "คุณคิดว่างั้นหรือครับ?"


กวินโดลีนเหลือบตามองเขาอย่างอ่อนใจ "นี่คุณตาถั่วหรือไง?"


ชายหนุ่มไหวไหล่ "ไม่ทราบสิฮะ ผมแค่ไม่อยากตั้งความหวังไว้สูงจนเกินไป"


"โอ้ว ฉิบ... ตอนนี้คุณพูดเหมือนยายนั่นเปี๊ยบเลย"


แอลไลผุดลุกนั่งตัวตรงแน่ว "อะไรนะครับ เธอพูดถึงผมว่าไงนะ?"


กวินโดลีนจับสังเกตประกายวาวในดวงตาของคู่สนทนาได้ อาการแสดงนั้นถอดแบบมาจากความกระตือรือร้นบนใบหน้าของแน็ตตี้ตอนที่สองสาวมีโอกาสพูดคุยกันสั้น ๆ ช่วงที่แอลไลแยกตัวไปเปลี่ยนเครื่องแต่งตัวไม่มีผิดเพี้ยน เธอจึงได้แต่ถอนหายใจเฮือกพลางพยายามกลืนเสียงโอดครวญของตัวเองกลับลงคอไป








(จบบทที่ 20)


******************************



ต้นฉบับ : The Wild Reel โดย Paul Brandon (1st Edition)




******************************







...

ลิงค์ตอนเก่า ๆ ที่ตกขอบกระดานไปแล้วค่ะ

[1] Dream in a field of wild flowers : ความฝันกลางทุ่งดอกไม้ป่า

[2] The artist's craft : ฝีมือจิตรกร

[3] The wild reel : เพลงเต้นรำสุดเหวี่ยง

[4] The faerie lord : เจ้าเหนือหัวแห่งภูต

[5] Dream in an ancient forest : ความฝันกลางป่าโบราณ

[6] A timely invitation : คำเชิญที่มาถึงในเวลาเหมาะเจาะ

[7] Problem things : ปัญหา

[8] The unforgiven host : เผ่าภูตดำ

[9] Dream in a marble palace : ความฝันในราชวังหินอ่อน

 

โดย: Poceille 12 ธันวาคม 2548 14:15:19 น.  

 

ไม่ลงต่อหรือค่ะ ดาตามมาจาก Toz น่ะ... หรือเป็นเล่มแปลแล้วล่ะ? แล้วทำไมเจ้าของ blogg ไม่เข้ามาเลยง่ะ

 

โดย: da IP: 202.57.174.187 16 เมษายน 2550 10:42:33 น.  

 

คิดได้ไง

 

โดย: ตอง IP: 125.26.72.224 31 ตุลาคม 2550 14:52:25 น.  

 

เรื่องนี้ยังลงต่อไหมคะ? แอบสงสัยว่าพระเอกจริงใจหรือเปล่า ฮ่า ฮ่า

 

โดย: เมฆฝน IP: 71.36.220.189 26 เมษายน 2551 7:16:59 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


Poceille
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]





.
.
.

Busy Woman
but
Non-productive

.
.
.


Friends' blogs
[Add Poceille's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.