เที่ยวสนุกสไตล์เรา @ เชียงใหม่ (10-12 ก.พ. 51 ) ตอนสุดท้ายค่ะ
และแล้วก็ถึงเวลา...และแล้วเราก็ต้องไป...เหอ เหอ...วันสุดท้ายกับการเที่ยวที่เชียงใหม่ของพวกเราก็มาถึง...แง แง..พวกเราตื่นเต้นกับการเที่ยววันสุดท้ายอีกเช่นเคยค่ะ คราวนี้ไม่ได้ไปไปเที่ยวกับทัวร์แล้วนะคะ เหมารถแดงคันเมื่อวานตอนบ่ายที่เราไปดอยสุเทพค่ะ วันนี้โปรแกรมทัวร์ของพวกเราก็คือ ไปแอ่วอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์และเวียงกุมกามค่ะ
อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์
ข้อมูลได้จาก //www.thai-tour.com
ข้อมูลทั่วไป:
กล่าวถึงจังหวัดเชียงใหม่ สถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่ข้านชื่อและเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวมากที่สุดแห่งหนึ่ง ก็คือ อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ ซึ่งเป็นยอดเขาที่สูงที่สุดในประเทศไทย จะประกอบด้วยภูเขาสูงต่ำสลับซับซ้อน ลักษณะส่วนใหญ่ของภูเขาจะเป็นหินแกรนิต พื้นที่เป็นลานหินถ้ำมีแม่น้ำปิงไหลผ่านทางภาคตะวันออกและแม่น้ำแจ่มไหลผ่านทางด้านตะวันตก อากาศหนาวเย็น ดอกไม้เมืองหนาว ชาวเขาบนยอดดอยและวิวทิวทัศน์อันงดงาม คือ สีสันที่มีชีวิตชีวาของสถานที่ท่องเที่ยวแห่งนี้
ประวัติความเป็นมา แต่เดิมนั้นดอยอินทนนท์มีชื่อว่า ดอยอ่างกา ในสมัยพระเจ้าอินทรวิชยานนท์เป็นเจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ พระองค์ทรงรักและหวงแหนป่าแห่งนี้เป็นอย่างมาก ทรงรับสั่งว่าหากพระองค์สิ้นพระชนม์ไปแล้วก็ให้นำอัฐส่วนหนึ่งไปบรรจุไว้บนยอดดอยด้วย ต่อมาจึงเปลี่ยนชื่อเป็น ดอยอินทนนท์ ตามพระนามของผู้ครองนครนั้น และเมื่อขึ้นไปบนยอดภูเขาสูง จะเห็นสถูปบรรจุพระอัฐของพระเจ้าอินทรวิชยานนท์ประดิษฐานอยู่
ลักษณะภูมิประเทศและภูมิอากาศ
สภาพภูมิประเทศ : ประกอบด้วยภูเขาสูงต่ำสลับซับซ้อน ซึ่งสูงจากระดับน้ำทะเล 2,565 เมตร โดยที่ป่าอินทนนท์เป็นแหล่งกำเนิดของต้นน้ำแม่กลาง แม่ป่าก่อ แม่ปอน แม่ยะ แม่แจ่ม แม่ขาน และเป็นส่วนหนึ่งของต้นน้ำแม่ปิงซึ่งเป็นแหล่งพลังงานไฟฟ้าที่เขื่อนภูมิพล
สภาพอากาศ
เนื่องจากดอยอินทนนท์มีความสูงมากถึง 2,565 เมตร อากาศจึงหนาวเย็นตลอดปีโดยในเดือนมกราคมเป็นเดือนที่มีอากาศหนาวเย็นมากที่สุดแระมาณ 5.5 องศาเซลเซียส อุณหภูมิใกล้เคียงกับประเทศคานาดา และอุณหภูมิลดลงถึง -8 องศาเซลเซียส แต่อย่งไรก็ตามจะมีฝนตกบ้างในเดือนพฤศจิกายนและมีเมฆหมอกปกคลุมตลอดเวลา
พรรณไม้และสัตว์ป่า
ป่าไม้ชนิดต่าง ๆ ที่ขึ้นบนยอดดอยสูงนั้นถือเป็นมรดกที่มีค่ามากในอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ ซึ่งประกอบด้วยป่าไม้หลายชนิด เช่น ป่าดงดิบชื้น ป่าสน ป่าเต็งรังและป่าเบญจพรรณ พันธุ์ไม้ที่มีค่าทางเศรษฐกิจ ได้แก่ สัก ตะเคียน สนเขา เต็ง เหียง แดง ประดู่ รกฟ้า มะค่า เป็นต้น ดอกไม้สีสวยงามหลายชนิดที่สร้างสีสันให้กับยอดดอยอิทนนท์ไม่น้อย อันได้แก่ ฟ้ามุ่ย ช้างแดง รองเท้า นารีและกุหลาบป่า
สำหรับสัตว์ป่ามีจำนวนมากกว่า 446 สายพันธุ์ แต่สัตว์ที่โดดเด่นของดอยอินทนนท์กลับเป็นสัตว์เล็ก ๆ เช่นเต่าหกเป็นเต่าบกที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย บริเวณชุ่มน้ำและลำห้วยตั้งแต่ กม. 31 ใกล้กับที่ทำการอุทยานแห่งชาติจนถึงระดับความสูง 2,000 เมตร จากระดับน้ำทะเลปานกลางก็เป็นแหล่งอาศัยของกะท่าง รวมทั้งปลาค้างคาวที่พบตามสำน้ำ กม. 24-31
ภาพประทับใจของพวกเราค่ะ
หลังจากอิ่มอกอิ่มใจกับการถ่ายภาพและดื่มด่ำบรรยากาศหนาวยามเช้าที่ดอยอินทนนท์แล้ว พวกเราก็ลงดอยไปแอ่วต่อค่ะ จุดหมายปลายทางอยู่ที่เวียงกุมกาม อ.เมือง จ.เชียงใหม่ นครโบราณใต้พิภพ นั่งรถม้าชมวัดเก่าแก่กันค่ะ ครั้งแรกที่ได้นั่งเลยนะคะ..ตื่นเต้นน่าดู ...อิอิ
ประวัติความเป็นมาของเวียงกุมกาม
นครต้นแบบแห่งนครเชียงใหม่ และอาณาจักรล้านนา เวียงกุมกามสร้างขึ้นโดยพญาเม็งราย อายุนานกว่า 700 ปี เวียงกุมกามถูกทิ้งไว้รกร้าง ภายใต้ซากปรักหักพังในบริเวณชุมชนและหมู่บ้านห่างจากถนนมหิดลราว 2 กิโลเมตรหรือ ประมาณ 4-5 กิโลเมตรจากสนามบินนานาชาติเชียงใหม่ ตามตำนานเล่าขานของล้านนา
พญาเม็งรายทรงสร้างเวียงกุมกามเพื่อเป็นศูนย์กลางของล้านนาราวพุทธศตวรรษที่ 18 เวียงกุมกามมีความเจริญรุ่งเรืองทั้งด้านเศรษฐกิจและการเมือง ก่อนที่พญาเม็งรายจะทรงสร้างนครเชียงใหม่ เวียงกุมกามยังคงมีความสำคัญ และเป็นเมืองหน้าด่านต่อมา อีกหลายร้อยปี จนกระทั่งยุคเสื่อมของล้านนา พม่าเข้ายึดครอง
เวียงกุมกามถูกน้ำท่วมใหญ่จนถูกทิ้งให้เป็นเมืองร้างในเวลาต่อมา และเงียบหายไปจากความทรงจำ จากหลักฐานการขุดค้นโดยกรมศิลปกร ในอดีตเวียงกุมกามเป็นศูนย์กลางการค้าขายของชาวเมือง และพ่อค้าจากต่างเมือง มีความ เจริญทางเศรษฐกิจ โดยพบว่าในศิลาจารึกได้ระบุว่า มีเรือมาค้าขายเป็นจำนวนมาก และมีเรือล่ม 2-3 วันเป็นประจำ จนพญาเม็งราย เห็นสมควรให้สร้างสะพานข้ามแม่น้ำปิง เพื่อให้การไปมา และค้าขายทำได้อย่างสะดวกความเจริญรุ่งเรืองทางศิลปะได้รับอิทธพลจากศิลปะมอญและพม่า ดังจะเห็นได้จากร่องรอยและรูปแบบของเจดีย์ ลายปูนปั้น และพระพุทธรูปมีรูปแบบผสมผสานระหว่างล้านนาและพม่า
ในปัจจุบัน เวียงกุมกามได้แปรเปลี่ยนสภาพสู่โบราณสถานที่ทรงคุณค่า จากการขุดค้น พบโบราณสถาน มากกว่า20 แห่ง และยังมีโบราณสถานอีกหลายแห่งที่อยู่ระหว่างทำการขุดค้นและบูรณะเพิ่มเติม วัดเจดีย์เหลี่ยม หรือเจดีย์กู่คำ นับเป็นโบราณสถานที่ยังทรงความงดงาม แม้จะตั้งตระหง่านมายาวนานกว่า 700 ปี และเป็นโบราณสถาน แห่งแรกที่ควรค่าแก่การแวะชมและศักการะเป็นแห่งแรก จากนั้นท่านสามารถเข้าชมโบราณต่าง ๆ โดยรอบอีกกว่า 20 แห่ง ซึ่งสามารถขับรถ เข้าชมได้โดยรอบ แต่แนะนำให้แวะชมโดยการปั่นจักรยานซึ่งจะให้อรรถรสในการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ และเป็นการร่วมรักษ์สิ่งแวดล้อม บริเวณเวียงกุมกาม วัดช้างค้ำ และวัดกานโถม นับเป็นวัดที่เก่าแก่ที่สุดตามหลักฐานประวัติศาสตร์
วัดช้างค้ำและวัดกานโถมตั้งอยู่ตอนกลางของเวียงกุมกาม วัดกานโถมสร้างโดยช่างกาน โถมตามประสงค์ของพญาเม็งรายเพื่อศักการะพระมหากัสสปะเถระ วัดช้างค้ำยังเป็นวัดที่เป็นศูนย์กลางทางจิตใจของชุมชนโดยรอบของเวียง กุมกาม นอกจากวัดเจดีย์เหลี่ยมและวัดช้างค้ำแล้ว โบราณสถานอื่น ๆ โดยรอบประกอบด้วย วัดพญาเม็งราย วัดพระเจ้าองค์ดำ วัดธาตุขาว วัดอีก้าง วัดธาตุปู่เปี้ย กู่ป้าต้อม กู่ริดไม้ม กู่มะเกลือ วัดกู่ไม้ซ้ง กู่ต้นโพธิ์ วัดหัวหนอง กู่อ้ายหลาน และโบราณสถานแห่งอื่น ๆ ที่อยู่ระหว่างการขุดค้น และบูรณะ
วันนี้แดดร้อนมากๆ เลยค่ะ หน้าตางี้แดงไปหมด แต่ละคนก็เหน็ดเหนื่อยจากการเดินทาง และก็ได้เวลาหาของอร่อย ๆ กินกันค่ะ เริ่มต้นกันที่ร้านแรกเลยค่ะ
ร้าน Love At First Bite ร้านเค้กแสนอร่อยของเมืองเชียงใหม่ค่ะ บรรยากาศร้านดี แสนหวาน เค้กอร่อยสมคำล่ำลือค่ะ (ร้านนี้ปิดวันจันทร์นะคะ อย่าเผลอมาละ เดี๋ยวจะเหมือนพวกเรา อิอิ...แต่วันนี้เป็นวันอังคารได้กินดั่งใจประสงค์ค่ะ อิอิ...) จริงๆ สั่งเค้กเยอะกว่านี้ค่ะ แต่ว่าถ่ายไม่ทัน เพราะความอร่อยไม่เคยปราณีใคร ๆ ค่ะ .. อิอิ.....
ร้านสุดท้ายหลังจากเราเช็คอินรอขึ้นเครื่องบินกลับกรุงเทพ ฯ เราก็มารับประทานอาหารสุขภาพมื้อค่ำกันที่ ร้านสวนผัก ข้างเซ็นทรัลแอร์พอร์ต เชียงใหม่ค่ะ บรรยากาศร้านแบบสบายๆ ตกแต่งได้สวยงามและมีการจัดสวนที่ดูดีและลงตัวมากค่ะ ที่สำคัญอาหารอร่อยด้วยค่ะ โดยเฉพาะสลัดผักสดนะคะ อร่อยและสด สะอาดมาก ๆ ค่ะ ซึ่งทางร้านมีแปลงปลูกผักไฮโดรโปนิค ผักปลอดสารพิษด้วยนะคะ แสดงให้เห็นว่าเขาคำนึงถึงสุขภาพของลูกค้าเป็นอย่างมากค่ะ
อิ่มหน่ำสำราญแล้ว ก็ได้เวลาลาจากเชียงใหม่ ดินแดนที่แสนสวย และน่าประทับใจทุก ๆ สถานที่ที่ได้ไปเยือน และพวกเราจะแวะกลับมาอีกนะคะ ...
Create Date : 28 กุมภาพันธ์ 2551 |
|
14 comments |
Last Update : 28 กุมภาพันธ์ 2551 13:56:47 น. |
Counter : 923 Pageviews. |
|
|
|
อิ่มหนำฉ่ำใจตามไปด้วยเลยค่ะ... ได้เที่ยวสวย ๆ ดูรูปสวยว ๆ แล้วยังได้รู้ประวัติต่าง ๆ อีกนะคะ.... ขอบคุณมากค่ะ....
.... เห็นแล้วอยากไปเที่ยวจังเลยค่ะ..... เปลี่ยนบรรยากาศแบบนั้นบ้าง... อยู่นี่เห็นแต่ทะเลตั้งแต่ลืมตา ยันหลับตาค่ะ....
.....ว่าแต่ว่า.... ตอนที่คุณหน่อยไปดอยอินทนนท์ 5.5 องศา... ถึง - 8 เลยหรอคะ....
ตายล่ะ.... หนาวแย่เลยนะคะ.... ขนาดที่นี่ 20 กว่าองศายังหนาวสุด ๆ เลยค่ะ.... เพราะลมแรงมาก ๆ ค่ะ ลมทะเลมันเย็นยะเยือกค่ะ
.
..........................................................
ป.ล. เห็นเค๊กแล้ว .... แบบว่า...