Group Blog
 
<<
มีนาคม 2548
 
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
1 มีนาคม 2548
 
All Blogs
 
[3] : ฟื้น

3. ฟื้น

ลมพายุเริ่มพัดแรงตั้งแต่เรือยังไม่เทียบท่า ไมค์สังเกตคลื่นลมแล้วก็ต้องรู้สึกหนักใจกว่าที่คิดไว้ ไม่มีเวลามากนัก พวกเขาต้องแข่งกับเวลาถ้าต้องการส่งแขกที่ไม่ได้รับเชิญของพวกเขาไปโรงพยาบาลบนฝั่งก่อนพายุจะมา

อเล็กซ์เป็นคนตัดสินใจอย่างรวดเร็ว เขาบอกให้ไมค์หยิบกระเป๋าและสิ่งของประจำตัวอื่น ๆ ที่จำเป็น ส่วนตัวเขาเองเป็นฝ่ายอุ้มร่างที่ยังไม่ได้สติของหญิงสาวขึ้นไปบนฝั่ง

บ้านพักตากอากาศของเขาห่างจากท่าเรือเข้าไปด้านในของเกาะบริเวณเชิงเขาเตี้ย ๆ กลางดงไม้ที่เห็นเบื้องหน้า รถคันยาวและบอดี้การ์ดที่ชื่อสตีฟมารออยู่ตั้งแต่ครึ่งชั่วโมงก่อนหน้านี้ มีเวลาเล็กน้อยที่จะพาเธอไปขึ้นเฮลิคอปเตอร์ที่จอดอยู่บนลานใกล้บ้าน

ไมค์ช่วยเปิดประตูขณะที่เจ้านายของเขาอุ้มคนป่วยขึ้นไปบนรถ ไม่นานนักพวกเขาก็ใกล้จะถึงบ้านพักตากอากาศแล้ว ดังนั้นอเล็กซ์จึงเริ่มสั่ง

“สตีฟ.. นายไปบอกคนขับคอปเตอร์ให้เตรียมเอาเครื่องขึ้น ฉันต้องการให้เขาพาผู้หญิงคนนี้ไปส่งโรงพยาบาลบนฝั่งก่อนที่พายุจะเป็นปัญหา”

สีหน้าของคนขับรถและบอดี้การ์ดของเขาค่อนข้างจะฝืดเฝื่อนอย่างเห็นได้ชัด ท่าทางอึกอักทำให้ไมค์เริ่มเอะใจ

“เกิดอะไรขึ้น ?”

บอดี้การ์ดผมบลอนด์ร่างสูงกลืนน้ำลาย ก่อนจะพูดตะกุกตะกัก

“เดวิดคู่หูผมเกิดเป็นไส้ติ่งอักเสบขึ้นมากะทันหันครับหัวหน้า …ผมไม่มีทางเลือกนอกจากจะขอให้คนขับคอปเตอร์พาเขาไปส่งที่โรงพยาบาลชายฝั่งตั้งแต่ครึ่งชั่วโมงที่แล้ว ดูจากพายุแล้วพวกเขาคงกลับมาไม่ได้จนกว่ามันจะผ่านไป…”

ไมค์สบถออกมาหนัก ๆ ขณะที่อเล็กซ์เพียงแต่เลิกคิ้วสูง ไม่มีทางที่จะทำตามแผนที่วางไว้ได้เสียแล้วเมื่อพาหนะอย่างเดียวระหว่างเกาะส่วนตัวกับแผ่นดินใหญ่ของเขาไม่อยู่แบบนี้

ชายกลางคนหันมามองคนป่วยในอ้อมแขนของนายจ้างหนุ่ม ก่อนจะพูดอย่างไม่มีทางเลือก

“ดูท่าทางเราคงต้องดูแลเธอไปอีกสองสามวันเป็นอย่างน้อย…”

อเล็กซ์ก้มลงมองใบหน้าบวมช้ำในอ้อมแขนอย่างหนักใจอยู่บ้าง

“แค่ชุดปฐมพยาบาลที่มีอยู่บนเกาะไม่รู้ว่าจะพอใช้หรือเปล่าน่ะสิ…”

ไมค์ฝืนยิ้ม ไม่สามารถให้คำตอบกับคำถามนั้นได้ จึงได้แต่พูดเลี่ยงไปว่า

“ผมจะให้คนจัดห้องให้กับเธอ …แต่เราคงจะต้องระวังตัวกันไว้บ้าง… ไม่มีใครรู้ว่าเธอเป็นใครมาจากไหน และก็ยังไม่อาจแน่ใจได้ว่าเธอจะไม่เป็นอันตรายกับเรา…”

อเล็กซ์เม้มปากแน่น ก่อนพูดแบบตัดสินใจ

“รอให้เธอฟื้นขึ้นมาก่อน …ระหว่างนั้นเราคงจะต้องคอยจับตาดูเธอเอาไว้ด้วย จนกว่าเราจะรู้ว่าเธอเป็นใครมาจากไหน ค่อยมาว่ากันอีกที…”

เมื่อไม่มีทางอื่นให้เลือก ไมค์ก็ไม่คัดค้านความเห็นของผู้เป็นเจ้านายแต่อย่างไร แต่ที่เขารู้สึกแปลกใจอยู่บ้างก็เห็นจะเป็นท่าทางของเจ้านายที่ดูจะห่วงใยร่างบอบบางของหญิงแปลกหน้ากว่าที่คิด

ก็ดูสิ…

ทั้งที่มีเขาและสตีฟอยู่ด้านข้างพร้อมให้เรียกใช้ แต่ชายหนุ่มกลับไม่ส่งร่างหมดสติของผู้หญิงคนนั้นมาให้พวกเขาช่วยอุ้ม …กลับเป็นคนประคับประคองเอาไว้ในอ้อมแขนด้วยท่าทางเป็นห่วงเป็นใย

อาจบางทีอาการบาดเจ็บของผู้หญิงต่างชาติคนนี้จะไปกระตุ้นเอาความรู้สึกสงสารจนอยากจะปกป้องดูแลของเจ้านายหนุ่มของเขาขึ้นมาเสียกระมัง ?

ไมค์กลัวอยู่เพียงนิดเดียว …ถ้าหากผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่สตรีเคราะห์ร้ายที่บังเอิญมาซ่อนตัวหลบภัยอยู่บนเรือของพวกเขา หากแต่ถูกส่งมาด้วยฝีมือใครบางคนเป็นการเจาะจงล่ะก็ …มันก็คงจะทำลายความรู้สึกดี ๆ ที่เจ้านายหนุ่มของเขามีให้เธอลงไปอย่างสิ้นเชิงเลยทีเดียว

และเมื่อถึงเวลานั้น …อเล็กซ์ก็จะไม่ใช่ชายหนุ่มใจดีที่ให้ความช่วยเหลือหญิงสาวผู้เคราะห์ร้ายอีกแล้ว แต่เธอนั่นแหละที่จะต้องเคราะห์ร้ายเพราะฝีมือของอเล็กซ์ต่างหาก



“บัดซบ !!”

แรงหมัดที่กระแทกลงกับพื้นโต๊ะอย่างแรงทำเอาข้าวของที่อยู่บนนั้นกระดอนขึ้นจากพื้นก่อนจะล้มกลิ้งจนเกิดเสียงดังก้องไปทั้งโกดังรกร้างริมฝั่งทะเล

“พวกแกเฝ้าเอาไว้ยังไงถึงได้ปล่อยให้หนีไปได้ ? แค่ผู้หญิงคนเดียว !”

ลูเธอร์กัดฟันนิ่ง ไม่โต้เถียงผู้เป็นนายเพราะรู้ดีว่าในเวลาแบบนี้ความเงียบเท่านั้นที่จะทำให้สถานการณ์ตรงหน้าดีขึ้น

แต่ดูเหมือนมาร์คคู่หูของเขาจะยังไม่รู้เคล็ดลับนี้ เพราะเขายังซื่อพอที่จะตอบ

“ไม่นึกว่ามันจะใช้หน้าต่างโกดังหนีออกไปครับนาย …พวกเราวิ่งตามออกไปก็ได้ยินแต่เสียงกระโดดลงน้ำ…”

ชายในชุดเสื้อคลุมสีเข้มกระแทกกายนั่งลงกับเก้าอี้นวมหนา แค่นหัวเราะในลำคออย่างแค้น ๆ ก่อนจะตวาดซ้ำ

“ก็แล้วใครที่มันโง่ไม่จัดการปิดตายหน้าต่างนั้นซะแต่แรก ? ในเมื่อรู้อยู่แล้วว่ามันเป็นพวกลิงผิวเหลืองพวกนั้น…ที่มันชอบเล่นกายกรรมอะไรนั่นน่ะ !”

“…….”

“แล้วพวกแกไม่ได้มัดมันเอาไว้หรือไง ?”

“มัดไว้ครับ…”

คนเป็นนายเลิกคิ้วถามเสียงเย็น

“มัดไว้แล้วจะหนีได้ยังไง ?”

ฟังเสียงเย็นชานั้นแล้วมาร์คก็ได้แต่กลืนน้ำลายเอื๊อก ก่อนจะตอบเสียงเบาลง

“ดูเหมือนมันจะสะเดาะกุญแจที่มือแล้วก็แก้เชือกทิ้งไว้ครับ…”

ชายในชุดเสื้อคลุมสีเข้มแค่นเสียงเย็นถาม

“พวกแกไม่ได้ค้นตัวมันก่อนหรือไง ? ถึงได้ปล่อยให้มันมีเครื่องมือสะเดาะกุญแจติดตัวอยู่ได้ ? …ใช่ว่าฉันไม่เตือนพวกแกมาก่อนว่านังคนนี้ไม่ธรรมดา…”

มาร์คหุบปากเงียบทันที ก้มหน้าลงมองแขนที่อยู่ในผ้าพันแผลของเขาอย่างไม่รู้จะทำอย่างไรที่ดีไปกว่านั้นอีก

ผู้เป็นนายรู้สึกว่าโทสะที่เพิ่งเย็นลงไปเมื่อครู่เริ่มเดือดขึ้นมาอีกเมื่อลูกน้องหาคำตอบที่ถูกใจให้ไม่ได้ จนต้องระบายออกดัง ๆ

“แล้วแค่มันหนีลงน้ำไปได้… ทำไมพวกแกไม่ตามไปจับมันมา ? ห๊า !! พวกแกรู้มั้ยว่าตัวมันมีค่ามากแค่ไหน ? ธุรกิจของฉันเสียหายป่นปี้หมดกันพอดี !!”

คำด่าหยาบคายชนิดที่คนฟังต้องทำคอย่นถูกร่ายยาวออกมาอีกชุดใหญ่ กว่าที่อารมณ์ของผู้เป็นนายจะสงบลงพอที่ลูเธอร์จะกล้าพูด

“ผมคิดว่ามันคงจะซ่อนตัวไปกับเรือลำใดลำหนึ่งที่จอดอยู่ตรงท่า …แต่เราไม่มีโอกาสจะเข้าไปค้นในตอนนั้น เพราะยามของท่าเรือเข้ามาค้นเสียก่อน…”

“แล้วแกก็เลิกค้นแค่นั้น ?”

“มิได้ครับนาย… พวกผมรอจนยามเดินกลับไปแล้วก็ย้อนไปค้นอีกรอบ แต่ก็ไม่พบตัวมันเลยครับ… ผมไม่แน่ใจนักว่ามันอาจจมน้ำตายไปแล้วหรือเปล่า เพราะตอนที่พวกผมวิ่งไล่นังนั่นไปเห็นมันลากขาไปเต็มที่ เหมือนกับเจ็บจนจะเดินไม่ไหวอยู่แล้ว…”

คนเป็นนายส่ายหน้า เริ่มหงุดหงิดขึ้นมาอีกรอบ

“คนเจ็บจนจะเดินไม่ไหวจะมีแรงว่ายน้ำหนีพวกแกไปได้ยังไง ? มันจะต้องเกาะเรือซ่อนตัวอยู่ใกล้ ๆ นั่นล่ะ …ถ้ามีคนมาช่วยมันไปได้งานของเราก็ฉิบหายกันหมด !”

หยุดนิดหนึ่งจึงถามเสียงเครียด

“แล้วตอนเช้ามีใครเจอร่องรอยมันบ้างไหม ?”

ลูเธอร์รีบส่ายหน้า

“ไม่เลยครับนาย พวกผมไล่ตรวจดูบนเรือทุกลำที่เทียบท่า แล้วก็ส่งคนออกไปเช็คแถบชายฝั่งใกล้เคียง แต่ก็ไม่มีใครเคยเห็นร่องรอยของนังนั่นเลย …เหมือนมันหายสาบสูญไปจากโลกเสียเฉย ๆ”

คนเป็นนายเลิกคิ้วสูง ตาเป็นประกายวาว

“คนเป็น ๆ ทั้งคนมันจะหายไปได้ยังไง ? พวกแกตรวจสอบเรือที่ออกจากฝั่งไปบ้างหรือเปล่า ?”

ลูเธอร์ลืมตากว้าง เริ่มกลืนน้ำลายพลางส่ายหน้า

“ไม่ครับ …เรือบางลำออกไปตั้งแต่เช้าเสียจนพวกเราตรวจสอบได้ไม่หมด…”

คนเป็นนายพ่นลมหายใจออกมายาว ๆ อย่างไม่พอใจเป็นที่สุด ก่อนจะส่ายหน้าแค่นเสียงพูดอย่างเหลืออด

“พวกแกประมาทมันเกินไป…”

หยุดเล็กน้อยจึงออกคำสั่ง

“แกไปเช็คให้ละเอียดว่าเมื่อเช้ามีเรือลำไหนออกจากฝั่งบ้าง …ไม่ว่ายังไงต้องหาตัวมันออกมาให้ได้ไม่ว่าเป็นหรือตาย …ไม่อย่างนั้นพวกแกนั่นล่ะที่จะตายเสียเอง !!”



ดวงตาของคนบนเตียงกระพริบขึ้นครั้งหนึ่ง …สองครั้ง…

แสงสว่างที่เสียดแทงเข้ามายังนัยน์ตาของเธอจนพร่ามัว และอาการปวดที่ศีรษะทำให้ลีเรนไม่สามารถมองเห็นสภาพเบื้องหน้าได้ชัดเจนสักเท่าไหร่

ปากและคอของเธอแห้งผาก… หญิงสาวพยายามเปล่งเสียงออกมาเพื่อร้องหาน้ำ

“จุ้ย…”

เสียงครางผะแผ่วของร่างบางบนเตียงเรียกให้ใครบางคนก้าวเข้ามาใกล้

“จุ้ย….”

อีกครั้งที่หญิงสาวร้องขอสิ่งที่เธอต้องการ …แต่กลับได้คำตอบเป็นภาษาอังกฤษชัดถ้อยชัดคำ

“คุณพูดภาษาอังกฤษได้ไหม ? ผมฟังคุณไม่ออก…”

ไม่ว่าคนที่พูดนั่นจะเป็นใครก็ตาม แต่เขาก็ทำให้เธอรู้สึกตัวว่าเธอไม่ได้อยู่บนแผ่นดินเกิดอีกต่อไปแล้ว …เธอข้ามน้ำข้ามทะเลมาไกลถึงอีกซีกโลกหนึ่งต่างหาก

ลีเรนเปลี่ยนภาษาพูดของเธอตามคำขอของชายคนนั้น พยายามพลิกลิ้นที่แห้งผากของเธอเป็นคำพูด

“น้ำ….”

เพียงไม่นานหญิงสาวก็รู้สึกได้ว่ามีมือใหญ่ข้างหนึ่งช้อนต้นคอของเธอขึ้นสูงกว่าเดิม …แก้วน้ำถูกจ่อเข้ามาที่ริมฝีปากที่แตกจนรู้สึกถึงความเจ็บ …แต่ความชุ่มชื้นที่ได้รับก็ทำให้หญิงสาวไม่คิดจะบ่นแม้แต่น้อย

หญิงสาวพยายามกระพริบตาถี่ ๆ เพื่อขับไล่หมอกมัว ๆ ตรงหน้าให้จางหายไปเสียที ก่อนจะยกมือขวาขึ้นเพื่อขยี้ตาอย่างที่ใจคิด

แต่ทำไมมือของเธอจึงไร้เรี่ยวแรงแบบนี้ ?

อย่าว่าแต่จะขยี้ตาเลย… แค่จะยกยังยกไม่ขึ้น มันเหมือนร่างกายของเธอถูกถ่วงด้วยของหนัก ๆ เอาไว้จนไม่อาจเคลื่อนไหวได้อย่างที่ใจคิด


มือบางที่พยายามยกขึ้นก่อนจะตกลงบนพื้นเตียงอย่างไร้เรี่ยวแรงทำให้อเล็กซ์รู้ว่าหญิงสาวต้องการจะทำอะไรบางอย่าง

ไม่รู้ว่าเพราะอะไรเหมือนกัน …แต่ชายหนุ่มก็ยกมือข้างนั้นของเธอขึ้นมากุมเอาไว้ มองเข้าไปในดวงตาสีน้ำตาลเข้มที่มีวงแหวนสีทองล้อมรอบอยู่อย่างแปลกประหลาด …เขาเคยได้ยินคนพูดถึงดวงตาแบบนี้มาก่อนแน่ ๆ แต่ที่ไหนและเมื่อไหร่กันนะ ?

เสียงแผ่วเบาของหญิงสาวดังขึ้นอีก

“ที่นี่ที่ไหน ? คุณเป็นใคร ?”

อเล็กซ์ถอนใจเบา ๆ กับคำถามนั้น ท่าทางเธอจะยังงงงวยอยู่มาก อาจเป็นเพราะพิษไข้ที่มีอยู่ก็เป็นได้

“บ้านพักของผมเอง …ผมชื่ออเล็กซ์ แมคเคด…”

ไม่มีท่าทางว่าเธอจะรู้จักชื่อเสียงเรียงนามของเขามาก่อน ทั้ง ๆ ที่ชายหนุ่มค่อนข้างแน่ใจว่าเขาเป็นคนดังในวงสังคมคนหนึ่ง ทำให้อเล็กซ์รู้สึกคลายใจลงกว่าเดิม ว่าเธอคงจะไม่ใช่พวกนักข่าวหรือใครอื่นที่มักมีจุดมุ่งหมายอยู่ที่ชีวิตส่วนตัวของเขา แต่ดวงตาสีน้ำตาลเข้มพร้อมวงแหวนสีทองกลับมีแววระลึกได้ในเรื่องอื่นแทน

“ฉันแอบอยู่บนเรือ…”

หางเสียงของเธอฟังเหมือนคำถาม ชายหนุ่มจึงตอบตามตรง

“เรือของผมเองเหมือนกัน…บลูดราก้อน…”

ความเข้าใจพาดผ่านดวงตาสีประหลาดคู่นั้น

“คุณช่วยฉันเอาไว้ ?”

สีหน้าเหมือนเด็กหลงทางของเธอและรอยบวมช้ำสีม่วงน่าเกลียดบนใบหน้าทำให้ใจของอเล็กซ์อ่อนยวบลงกว่าเดิม

“คุณป่วยเป็นไข้สูง …ดีที่ยังไม่ถึงขั้นเป็นปอดบวม แต่ก็ยังจะไม่มีแรงทำอะไรไปอีกหลายวันทีเดียว… ถ้าอยากจะได้อะไรให้บอกผม ผมจะจัดการให้…”

ความอบอุ่นจากมือใหญ่ที่เธอไม่รู้จักดูจะแผ่ซ่านไปถึงหัวใจ ทำให้เธอระลึกถึงวันคืนที่พ่อของเธอยังคงอยู่ข้าง ๆ คอยเป็นทั้งผู้ปกป้องและต้นแบบในชีวิตของเธอในวัยเด็ก …น่าแปลกที่เธอนึกถึงท่านทั้ง ๆ ที่ตัวเองเพิ่งถูกทำร้ายและก็น่าจะอยู่ในภาวะหวาดกลัวคนแปลกหน้าเสียมากกว่า

ลีเรนรู้สึกว่าตัวเองอยากจะยิ้มให้เจ้าของมือข้างนั้น แต่มุมปากของเธอยังคงเจ็บแปลบด้วยรอยช้ำจากฝีมือผู้ลักพาตัว จึงได้แต่พึมพำขอบคุณเสียงแผ่ว

“ขอบคุณค่ะ… ฉันเป็นหนี้บุญคุณของคุณ…”

อเล็กซ์จับตามองดูหญิงสาวอย่างละเอียด เมื่อแน่ใจแล้วว่าเธอมีสติสัมปชัญญะสมบูรณ์พอจึงออกปากถาม

“คุณชื่ออะไร ?”

หญิงสาวกลืนน้ำลายเหนียวหนึบลงคอ บทเรียนที่ผ่านมาทำให้เธอลังเลที่จะเปิดเผยฐานะของเธอให้เขาได้รับรู้ แต่ความกตัญญูต่อผู้มีพระคุณแบบชาวจีนทำให้เธอเลือกที่จะตอบออกไปตามตรง

“ลีเรนค่ะ …ลีเรน ครอส…”

ทันทีที่นามสกุลของเธอหลุดจากปาก นัยน์ตาของอเล็กซ์ก็มีประกายระลึกได้ขึ้นในทันที …จริงสิ… เขาเคยพบกับคนตระกูลครอสมาก่อน และวงแหวนสีทองในดวงตาแบบเดียวกันนี้ก็ยังคงติดตรึงในความทรงจำของเขาไม่คลาย นั่นคงเป็นสาเหตุที่ทำให้เขารู้สึกคุ้นตากับดวงตาของเธอตั้งแต่แรกก็เป็นได้

“คุณมีนัยน์ตาของพวกเขา …แต่ดูเหมือนผมจะไม่เคยได้ยินชื่อคุณมาก่อนเลย ?”

หญิงสาวมีท่าทางโล่งใจนิดหน่อยเมื่อได้ยินแบบนั้น …การที่เขาไม่เคยได้ยินชื่อของเธอ ก็น่าจะแสดงว่าเขาไม่มีส่วนรู้เห็นเกี่ยวกับการลักพาตัวเธอนั่นเอง

“ฉันเพิ่งมาจากจีนได้ไม่นานค่ะ…”

นั่นตอบคำถามหลาย ๆ อย่างให้กับความสงสัยของอเล็กซ์ได้ ชายหนุ่มผ่อนลมหายใจออกจากทรวงอก ก่อนจะสังเกตุเห็นว่าเธอเริ่มมีอาการอ่อนเพลียกว่าเดิม จึงบีบมือเรียวนั้นเบา ๆ พลางกล่าว

“ไข้ของคุณเพิ่งลดได้ไม่นาน …ตอนนี้ผมอยากให้คุณนอนพักก่อน อีกสองสามชั่วโมงผมจะให้แม่บ้านยกอาหารมาให้… แล้วเราค่อยคุยกันใหม่เมื่อคุณรู้สึกดีกว่านี้”

หญิงสาวพยักหน้าเบา ๆ ไม่คัดค้านคำพูดหวังดีของเขา …ประสบการณ์ที่ผ่านมาทำให้เธอรู้ตัวว่าตอนนี้เธอจำเป็นต้องได้รับการพักผ่อนเป็นอันดับแรก หากต้องการที่จะกลับคืนสู่สภาพปกติของตนเองให้เร็วที่สุดแล้วล่ะก็

มือใหญ่ที่กุมมือเธอเอาไว้ให้ความรู้สึกอบอุ่นในใจอย่างประหลาด ลีเรนไม่รู้เหมือนกันว่าเธอผลอยหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ที่แน่ ๆ สัญชาติญาณของเธอบอกกับเธอว่าเธอจะปลอดภัยเมื่อมีผู้ชายเจ้าของดวงตาอ่อนโยนคู่นี้อยู่ข้าง ๆ


ไมค์เลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่งเมื่อเห็นเจ้านายหนุ่มของเขาก้าวออกมาจากห้องคนป่วย

“เธอเป็นอย่างไรบ้างล่ะ ?”

อเล็กซ์ยิ้มนิด ๆ

“เธอฟื้นเมื่อครู่นี้เอง …แต่ตอนนี้หลับอยู่…”

สีหน้าของชายกลางคนมีแววตื่นเต้นกว่าเดิมนิดหน่อย

“เธอบอกอะไรบ้างไหม ? เกิดอะไรขึ้นกับเธอ ?”

ชายหนุ่มพยักหน้า

“ผมคุยกับเธอนิดหน่อย… ถามชื่อเธอแต่ไม่ได้ถามว่าเกิดอะไรขึ้น… ดูท่าทางเธอจะเพลียมากจนผมยังไม่อยากคาดคั้นอะไรตอนนี้…”

ไมค์เลิกคิ้วสูงกว่าเดิมพร้อมตั้งคำถาม

“คุณไม่ได้ถาม ? ดูไม่เหมือนคุณเลยนะที่จะถ่วงเวลากับคำถามสำคัญแบบนี้ ? แล้วเธอบอกว่าเธอชื่ออะไรล่ะ ?”

อเล็กซ์เองก็บอกไม่ถูกเหมือนกันว่าอะไรที่ทำให้เขาไม่คาดคั้นเอาคำตอบที่น่าจะสำคัญทั้งหมดออกมาให้เร็วที่สุด อาจเป็นเพราะเขาสงสารคนป่วยกระมัง

“เธอบอกว่าเธอชื่อลีเรน ครอส เพิ่งมาจากจีน…”

อดีตพี่เลี้ยงของอเล็กซ์ทำท่าครุ่นคิดก่อนจะส่ายหน้า

“ดูเหมือนผมจะเคยได้ยินนามสกุลนี้มาก่อน…”

อเล็กซ์ยิ้ม

“น่าจะเป็นญาติทางใดทางหนึ่งของตระกูลมหาเศรษฐีครอสไงล่ะ… เธอมีดวงตาของพวกครอสอยู่ชัดเจน…”

ไมค์ผิวปากวิ้วทันที

“ว่าแล้วว่าเธอต้องเป็นคนมีฐานะดี …คนของตระกูลครอสนี่เอง… แต่ดูเหมือนผมจะไม่เคยได้ยินว่ามีครอสคนไหนอยู่ที่ประเทศจีนมาก่อนเลยนะครับ ?”

ชายหนุ่มยักไหล่

“ผมก็ไม่แน่ใจนักเหมือนกัน …เราคงจะถามจากเธอได้มากกว่านี้เมื่อเธอตื่นขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง…”

ไมค์ส่ายหน้านิดหน่อยก่อนถามอีก

“แล้วคุณบอกเธอหรือเปล่าว่าคุณเป็นใคร ?”

ชายหนุ่มพยักหน้า

“บอก… แต่ดูเหมือนเธอจะไม่รู้จักผม”

สีหน้าของอดีตพี่เลี้ยงคลายความเคร่งเครียดลง

“อาจบางทีเธอเพิ่งมาจากประเทศจีนจริง ๆ ก็เป็นได้ …ผมไม่เคยเห็นใครในวงสังคมระดับนี้ไม่รู้จักชื่อของคุณมาก่อน…”

อเล็กซ์ยิ้มกว้างกว่าเดิม

“เฮ่ ! ผมไม่ใช่ดารานะ…”

อดีตพี่เลี้ยงวัยกลางคนส่ายหน้า

“ไม่ใช่ก็ใกล้เคียงล่ะครับคุณอเล็กซ์ !”



Create Date : 01 มีนาคม 2548
Last Update : 24 พฤศจิกายน 2549 23:58:27 น. 12 comments
Counter : 491 Pageviews.

 
อิๆ สนุกค่ะ ดูเหมือนพระ-นางจะมีสายใยบางๆระหว่างกันแล้ว ว่าแต่...ตอนต่อไปล่ะจ๊า ^o^


โดย: กาญจน์ฏี IP: 203.145.23.237 วันที่: 1 มีนาคม 2548 เวลา:13:50:59 น.  

 
แหมดูที่นางเอกเราสะบักสะบอมมาก น่าสงสารจริงๆนะคะ


โดย: moojeab IP: 202.183.178.165 วันที่: 1 มีนาคม 2548 เวลา:16:03:52 น.  

 
เข้ามาอ่านจ้า

แต่งเก่งจังเลย


โดย: รักดี วันที่: 1 มีนาคม 2548 เวลา:17:11:14 น.  

 
ติดตามต่อค่ะ สนุกมาก รีบมาอัพนะคะ


โดย: Minty IP: 203.151.140.111 วันที่: 3 มีนาคม 2548 เวลา:21:56:24 น.  

 
หนุกดี รีบมาอัพเร็วๆ นะคะ


โดย: phattara IP: 203.156.71.13 วันที่: 30 มีนาคม 2548 เวลา:19:08:14 น.  

 
great stories !!!! :) รีบมา update เร็วๆๆๆ
กำลังรอน่ะ.


โดย: Tiger IP: 203.164.96.1 วันที่: 12 เมษายน 2548 เวลา:9:17:56 น.  

 
อยากอ่านตอนใหม่จัง


โดย: dek IP: 203.151.140.119 วันที่: 20 เมษายน 2548 เวลา:14:59:06 น.  

 

เข้ามาบ่อยมากๆ แต่ก็ยังเหมือนเดิม ขอร้องล่ะอัพซะทีเถอะนะ มันอารมณ์ค้างมากเลยยยยยย แต่เป็นกำลังจัยให้เสมอ สู้โว้ย


โดย: รอแล้วรอเล่าเฝ้าแต่รอ IP: 203.172.107.65 วันที่: 31 กรกฎาคม 2548 เวลา:18:38:44 น.  

 
มาอัพเร็วนะ รอ ร้อ รอ รอมาตั้งนานแย้วเมื่อไหร่จะมาอัพ
สะที รีบๆมาอัพเถิดนะ อยากอ่านต่อมั่กและเปงกะลังใจให้เสมอ


โดย: ตุ่น IP: 61.19.168.101 วันที่: 30 กันยายน 2548 เวลา:15:23:16 น.  

 
ทำไมไม่เห็นอัพเรื่องนี้เพิ่มขึ้นเลยอะ


โดย: dek IP: 210.203.186.192 วันที่: 3 ธันวาคม 2548 เวลา:11:38:30 น.  

 
1 วันผ่านไป.........1เดือนผ่านไป...........Z z Z z Z z Z

1 ปีผ่านไป คนแต่งก้อยังไม่มาอัพซ้าที

มาอัพเร็วน้า~~~ อยากอ่านต่อมาก

ปล.สงสารคนอ่านตาดำด้วยเถ้อ


โดย: ตุ่น IP: 61.19.168.202 วันที่: 3 มีนาคม 2549 เวลา:15:53:56 น.  

 
สนุกดีคะ


โดย: นิวส์ IP: 124.121.139.207 วันที่: 9 มกราคม 2554 เวลา:19:27:25 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

noOne
Location :
เชียงใหม่ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




แก้ไขระบบคอมพิวเตอร์เป็นงานหลัก
เขียนนิยายเป็นงานอดิเรกค่า
ชอบเล่นเกมส์ และอ่านหนังสือ
ว่าง ๆ ใครชอบไฟนอลแฟนตาซีแวะมาคุยกันได้ค่า
Friends' blogs
[Add noOne's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.