สำหรับชื่อของวัดใหญ่ทองเสนนี้ ที่มีคำว่าใหญ่ในชื่อ เนื่องจากแรกสร้างนั้นเนื้อที่ของวัดใหม่ทองเสนมีมากมายมหาศาล ประมาณได้ว่ามีอยู่จำนวนหลายร้อยไร่ จนอาจจะนับได้เป็นพันไร่ นับจากคลองบางซื่อจรดคลองบางกระบือเลยทีเดียว .....ตามประวัติมีระบุไว้ว่าศาลาท่าน้ำของวัดหลังหนึ่งตั้งอยู่ที่ปากคลองบางซื่อ ต่อมาเมื่อมีการ สร้างสะพานพิบูลสงคราม ศาลาท่าน้ำจึงถูกรื้อถอนออกไป
ครั้นเมื่อสิ้นบุญพระคุณเจ้าทั้ง 2 รูปแล้ว (ประมาณปี พ.ศ.2415) วัดใหญ่ทองเสนได้ตกเป็น วัดป่า มีต้นไม้น้อยใหญ่ขึ้นปกคลุมไปทั่ว ไม่มีพระภิกษุอยู่จำพรรษา
ต่อมาเมื่อปี พ.ศ.2430 พระอธิการปั้นฯ ได้เข้ามาหักร้างถางพง พร้อมกับชักชวนพระภิกษุ สงฆ์เข้ามาอยู่จำพรรษา ได้ชื่อใหม่ว่า "วัดใหม่ทองเสน" มาจนถึงปัจจุบัน บริเวณอันกว้างขวางใหญ่โตของวัดดังกล่าว ต่อมาได้เป็นที่ตั้งของกองพลปตอ. และกรม ทหารม้ายานเกราะ ซึ่งหลักฐานในแผนการเงินกรมการศาสนา มีบันทึกว่า "หมายเหตุ เงินค่า แลกเปลี่ยนที่ดินของวัดกับกระทรวงกลาโหม ฝากเป็นทุนนอน 16,000 บาท เมื่อ 6/6/2472 บ/ช. 1/40 ดอกผลใช้ปฏิสังขรณ์พระอาราม" จากเนื้อที่ของวัดจำนวนหลายพันไร่ ได้เปลี่ยนแปลงสภาพไปเป็นกรมทหาร บ้าง มีผู้ถือกรรมสิทธิรายอื่นๆ บ้าง จนถึงในปี พ.ศ.2513 มีหลักฐานว่าเนื้อที่ ของวัดใหม่ทองเสนเหลืออยู่ประมาณ 8 ไร่เศษ จนถึงปัจจุบันพบว่ามีเนื้อที่ตั้ง วัดเหลืออยู่เพียง 6 ไร่ 2 งาน 79 ตารางวา
ปัจจุบัน พื้นที่ใช้สอยจริงๆ ของวัดใน มีเหลืออยู่เพียง 1 ไร่ 2 งาน 53 ตารางวาเท่านั้น จากหลักฐาน "หนังสือแสดงความยินยอม" ที่ออกโดยพระมหาทองคำ ปัญญาทีโป เจ้า อาวาสองค์ก่อน ซึ่งทำเมื่อเดือนตุลาคม 2530 ยินยอมให้กองทัพบก(กรมทหารม้าที่ 1 รักษา พระองค์)ใช้ประโยชน์ที่ดินของวัดด้านหน้าติดถนนทหาร และด้านในเขตติดต่อกำแพงวัด รวมเนื้อที่ 5 ไร่ 16 ตารางวา เพื่อเป็นประโยชน์ในราชการทหารเป็นการชั่วคราว .....ส่วนพื้นที่บริเวณปากทางเข้าวัดใหม่ทองเสนซึ่งเป็นร้านค้า 2 ร้าน เจ้าอาวาสของสงวนไว้มี กำหนด 3 ปี เมื่อครบกำหนดแล้วยินยอมให้ ม.1 รอ. เช่าหรือใช้ประโยชน์ต่อไป
สิ่งสำคัญของวัดใหม่ทองเสน
พระอุโบสถ
เป็นพระอุโบสถที่ไม่มีระเบียง ปัจจุบันทาสีขาวตลอดองค์ มีลวดลายปูนปั้นตรงซุ้มประตูและหน้าต่างที่งดงามมาก ลวดลายปูนปั้นสันนิษฐานว่าเป็นศิลปจีนผสมศิลปบารอค(Baroque) อาจจะเกิดจากการประยุกต์ของช่างในขณะนั้นที่ศิลปทั้งสองแบบได้รับความนิยม ปัจจุบันหักพังบ้างตามกาลเวลา แต่ยังมีสภาพที่ดีอยู่มาก
ภาพเขียนสีบานหน้าต่าง เขียนสีเป็นรูปเทวดาตามประเพณีที่นิยม คือรูปทวารบาล อันเป็นภาพศิลปไทย บางรูปฝีมือในการเขียนสูงมาก อาจจัดเป็นรูปของช่างที่เขียนในรัชกาลที่สองก็เป็นได้ แต่สำหรับบานหน้าต่าง ในห้องด้านหลังของพระประธานเขียนเป็นรูปตังดอกไม้ของชาวจีน ภาพเขียนสีพระอุโบสถ ด้านใน ทั้งสามประตู เป็นรูปเทวาดารักษาประตูตามความเชื่อของชาวจีน แต่งกายเป็นนักรบถือทวน และถือสามง่ามรักษาประตู ซึ่งคติที่ว่านี้ชาวจีนนับถือและนิยมเขียนตามประตูหน้าต่าง ในปราสาทราชวัง ศาลเจ้าและตามบ้านเรือนราษฎรโดยทั่วไป สำหรับการเขียนภาพบนบานประตูในลักษณะนี้ นั่นเป็นเพราะความนิยมในศิลปะจีน ซึ่งมีอิทธิพลอย่างมากในสมัยรัชกาลที่สามนั่นเอง
พระประธาน สร้างด้วยปูนปั้น เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย ที่ฐานพระประธานเป็นลวดลายบัวจำหลักมีผ้าทิพย์ แสดงให้เห็นว่าเป็นศิลปะสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น
พระปางต่างๆ อยู่ภายในห้องหลังพระประธาน บนผนังด้านบนสูงเกือบจรดเพดานพระอุโบสถ เจาะเป็นช่องไว้8-9ช่องแต่ละช่องได้สร้างพระพุทธรูปปางต่างๆ เช่นมารวิชัย สมาธิ ประทานพร ฯลฯ ตั้งไว้ เป็นพระพุทธรูปสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น คาดว่าสร้างขึ้นด้วยสัมฤทธิ์ แต่เนื่องจากอยู่สูงมาก จึงไม่สามารถขึ้นไปตรวจสอบได้ นอกจากนี้ภายในห้องนี้ยังมี ชั้นวางพระพุทธรูปขนาดเล็กปางต่างๆ อีกเป็นจำนวนมาก มีการปิดประตูลูกกรงอย่างแน่นหนา คนทั่วไปไม่สามารถเข้าไปได้
พระพุทธไสยาสน์ ในห้องด้านหลังพระประธานด้านติดผนังกั้นห้อง ได้ก่อเป็นแท่นสูงประมาณ1.50เมตร เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธไสยาสน์ ซึ่งหล่อด้วยทองสัมริดยาวประมาณ1.70เมตร กล่าวกันว่าเจ้าคุณธรรมอุดม(ถึก) ผู้สร้างวัดใหม่ทองเสนได้สร้างขึ้น โดยที่ท่านเป็นพระราชาคณะผู้ใหญ่องค์หนึ่งในวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม(วัดโพธิ์) จึงได้จำลองแบบพระพุทธไสยาสน์ ที่วัดพระเชตุพนฯ มาเป็นอนุสรณ์ในวัดที่ท่านสร้าง ปัจจุบันได้อัญเชิญมาประดิษฐานข้างพระประธาน
หลวงพ่อป่าเลไลยก์
กล่าวกันว่าได้สร้างขึ้นทีหลังสุด หลังจากสิ่งปลูกสร้างอื่น ตามความคิดของสมเด็จพระพุฒาจารย์(โต)พรหมรังสี โดยจำลองแบบมาจากหลวงพ่อป่าเลไลยก์ จังหวัดสุพรรณบุรี สร้างด้วยองค์พระทำขึ้นด้วยปูนขาวผสมทรายและน้ำอ้อย ลงรักปิดทอง สูงถึงเก้าเมตร และได้สร้างวิหารเป็นรูปสี่เหลี่ยม หรือรูปมณฑปไว้เป็นที่ประทับ การก่อสร้างดำเนินมาเพียงครึ่งเดียว ต้องหยุดชะงักด้วยเหตุใดไม่ปรากฏ มณฑปจึงขาดยอดไป
กล่าวกันว่า สมเด็จพระพุฒาจารย์(โต พรหมรังสี) ร่วมสร้างกับท่านเจ้าคุณพระธรรมอุดม(ถึก) เป็นการก่อสร้างตามคตินิยม ของสมเด็จพระพุฒาจารย์(โต พรหมรังสี) ที่ท่านชอบสร้างอะไรใหญ่โตตามชื่อของท่าน และตามความเชื่อของท่าน รวมทั้งท่านเจ้าคุณพระธรรมอุดม(ถึก) ผู้ที่ป็นเจ้าอาวาสวัดใหม่ทองเสนรูปแรก ซึ่งเป็นผู้ที่คุ้นเคยชอบพอกันกับสมเด็จพระพุฒาจารย์(โต พรหมรังสี) เป็นอย่างดี ถึงกับเป็นพระที่แสดงธรรมเทศนาคู่ที่รู้ใจกัน
พระป่าเลไลยก์นี้ นับว่าเป็นพระพุทธรูปที่ศักดิ์องค์หนึ่ง ผู้ที่เคยไปสักการะบูชาเท่านั้นจะรู้ด้วยตนเอง เพราะฉะนั้น พระป่าเลไลยก์จึงได้รับความเคารพสักการะบูชากราบไหว้ จากพุทธศาสนิกชนทั่วไปเป็นอย่างมาก
หอพระไตรปิฎก
สร้างด้วยอิฐถือปูน เช่นเดียวกับพระอุโบสถ ได้จัดสร้างไว้ทางด้านหลัง ปัจจุบัน ไกล้กับกุฏิเจ้าอาวาส ยังมีริ้วรอยแห่งความสวยงามอยู่บ้าง เช่นบานประตูเป็นลายรดน้ำตามผนัง และเพดานหอไตรฯ เป็นลวดลายดอกไม้แต่ชำรุดเกือบหมด หน้าบัน และบัวหัวเสา เป็นลายปูนปั้นที่มีความสวยงามมาก แม้ปัจจุบันจะอยุ่ในสภาพทรุดโทรมขนาดหนัก ส่วนตู้พระไตรปิฎกนั้นสูญหายไปนานแล้ว
ตอนนี้ทางวัดใหม่ทองเสน ต้องการการบริจาคจากผู้มีจิตศรัทธา ในการบูรณะหอพระไตรปิฎก ให้กลับมางดงามดังเดิมนะครับ โยทางวัดได้ก่อตั้งกองทุนขึ้นเพื่อการนี้โดยเฉพาะ ถ้าท่านใดสนใจ มีจิตศรัทธาสามารถบริจาคได้ ในช่องทางการบริจาคตามรูปด้านบนได้เลยครับ
หรืออ่านตรงนี้ก็ได้ครับ เหมือนในรูปข้างบน
สำนักงานเจ้าอาวาส โทร. 0-2241-1561, 0-2241-7914
หรือบัญชีกองทุนบูรณะหอพระไตรปิฎก วัดใหม่ทองเสน
บัญชีเงินฝากออมทรัพย์
บัญชีเลขที่ 018-2-91904-3
ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) สาขาเตาปูน
ผมรู้สึกดีที่ได้มีโอกาสไปนมัสการหลวงพ่อป่าเลไลยก์และทำบุญที่วัดแห่งนี้มากครับ บรรยากาศในวัด แม้จะเป็นวัดที่มีพื้นที่ไม่มาก แต่ก็มีความสงบ และร่มรื่น ให้บรรยากาศวัดแบบต่างจังหวัด ไม่เน้นการท่องเที่ยวหราเหมือนบางแห่ง ซึ่งมีความวุ่นวาย จอแจ มากกว่าจะไปหาความสงบ ซึ่งหาได้ยากแล้วสำหรับเมืองหลวงของเรา
Create Date : 30 พฤษภาคม 2552 |
|
15 comments |
Last Update : 31 พฤษภาคม 2552 10:07:29 น. |
Counter : 13941 Pageviews. |
|
|