กินๆ นอนๆ ชิลล์ๆ ณ ประกายแก้ว รีสอร์ท..เสม็ด... ("เหตุเกิดเพราะเคอร์ฟิว")
ณ ร้าน โคขุน โพนยางคำ
เวลา 21:30 น. ของวันที่ 27 พ.ค.
ภายใต้สถานการณ์ประกาศเคอร์ฟิวของ ศอฉ.
เพื่อน A: หยุดสามวันไปไหนดี เบื่อเคอร์ฟิว ไปไหนก็ไม่ได้
เพื่อน B: ไม่ได้ไปลั้นล้าตกผู้ชายล่ะซี่..
เพื่อน A: เออสิ
แก่นฝัน: ไปตอนนี้จะมีที่พักเหรอ ขนาดวันแรงงานโทรจองที่พักตามเน็ตยังเต็มหมด
เพื่อน A: ไม่รู้ ก็ลองไปดู เสม็ดไปง่ายๆ ที่พักเยอะ คงเหลือสักห้องแหละ
แก่นฝัน: เออ... ไปก็ไป
หลังจากนั้นผู้ร่วมทริปกะทันหันก็รีบจัดการเนื้อย่าง
หมูย่าง ไก่ทอด ส้มตำตรงหน้า
รีบตรงดิ่งออกจากร้านเมื่อตอน 4 ทุ่มเศษๆ
พาเพื่อน A ไปเก็บรถและเก็บเสื้อผ้ายัดใส่กระเป๋าที่บ้าน
เกือบห้าทุ่มก็เรียกแท็กซี่เหาะมาส่งที่หอพักของแก่นฝันได้ก่อนเวลาเคอร์ฟิวยี่สิบนาทีพอดิบพอดี
ก่อนนอนก็ขอหาตารางรถ ตารางเรือสักหน่อย ก่อนจะรีบเข้านอนค่ะ
....
....
ตอนเช้า เวลา 7:00 น. (อยากจะบอกว่าตื่นเช้ากว่าไปทำงานซะอีก)
แล้วขบวนทัวร์แบบลุ้นๆ walk in to Samet
ก็ขึ้นรถตู้จากอนุเสาวรีย์ชัย ราคา 200 บ.
คนเยอะแต่เช้า เห็นใครๆ ก็ไปเสม็ดกันทั้งนั้นเลย
หลับๆ ตื่นๆ มาราว 3 ชม. ก็ถึงท่าเรือบ้านเพ
ตรงดิ่งไปซื้อตั๋วเรือ ได้พอดีกับเรือกำลังจะออก โชคดีจังเลยเรา
เดินจ้ำๆ ไปจองที่นั่งกันได้ดีกว่า...
แอบดีใจคิดว่าฟ้าดูปลอดโปร่งทั้งที่เป็นหน้ามรสุมได้ไม่นาน
...
...
เมฆฝนก็ทะมึนมาแต่ไกลเชียว
นั่งเรือกันประมาณ 45 นาที
เกือบจะเมาเรือเพราะคลื่นสูงมาก เรือกระโจนเหาะกระแทกคลื่นตูมๆ เป็นพักๆ
และแล้วเราก็มาถึงท่าเรือหน้าด่าน เกาะเสม็ดแล้วค่ะ
แดดแรงและอากาศร้อนอบอ้าวมากๆ แต่เมฆครึ้มก็ยังไม่ไปไหนไกล
แผนที่เกาะเสม็ดค่ะ เลือกเอาได้เลยว่าจะไปหาดไหน
แล้วก็ขึ้นรถเขียว แท็กซี่ขาใหญ่ประจำเกาะได้เลย
(พี่แกใหญ่จริงๆ นะคะ ขับรถกันไม่มีชะลอ ทั้งขึ้นลงเนิน
ทางโค้ง หรือแม้แต่ตอนกลางคืน
และไม่เห็นใจมอไซค์ที่ประคองตัวขี่ช้าๆด้วยความลำบากบ้างเลย
เราก็หลบให้จนแทบจะตกข้างทางอยู่แล้ว... แหะๆ แอบบ่นนิดนึง)
และพวกเที่ยวมั่ว ไม่มีข้อมูลอย่างเราก็คิดเอาเองเรียบร้อยค่ะ
ว่าที่พักที่หาดทรายแก้ว หาดดังๆ อะไรทั้งหลายต้องเต็มแน่เลย
เลยจัดการเช่ามอเตอร์ไซค์ขี่ไปหาที่พักทางอ่าวน้อยหน่าแทน
โดนให้คนหนึ่งอยู่โยงเฝ้ากระเป๋าที่ท่าเรือค่ะ
แล้วเราก็ได้พักที่นี่ ประกายแก้ว รีสอร์ท
อยู่ก่อนจะถึงอ่าวน้อยหน่าค่ะ
เงียบๆ เป็นส่วนตัวดี เพราะไม่ได้ติดหาดที่มีคนไปเที่ยวกันเยอะๆ
แต่ก็มีหาดเล็กๆ อยู่ตรงหน้ารีสอร์ตเองค่ะ
บ้านพักเป็นบ้านแฝดแยกเป็นห้องพักสองห้อง
รูปด้านล่างก็เป็นบ้านที่เป็นห้องเดี่ยว มีคนพักแล้ว...
ภายในห้องพักดูดีเลยค่ะ ห้องใหม่มาก.. เปิดเข้ามาตอนแรกยังมีกลิ่นสีอยู่นิดหน่อย
ราคา 1700/n + คนมาเพิ่มอีก 300/n แต่แย่หน่อยที่ไม่มีอาหารเช้า
สิ่งอำนวยความสะดวกพร้อม
มีครบทั้งทีวี เครื่องเล่นดีวีดี ตู้เย็น น้ำอุ่น แอร์
มีรูให้เสียบชาร์ตไฟเยอะดีด้วย ^^ ไม่ต้องต่อคิวกัน
เฟอร์นิเจอร์ก็ดีไซน์ดี ไม่ได้เอามาใส่ๆ ให้พอมีเท่านั้น
มีตู้ให้เก็บของเยอะดี สามารถอยู่เป็นเดือนได้เลยนะคะ
ห้องน้ำก็กว้าง สะอาดสะอ้านดีค่ะ
วิวจากหน้าประตูห้อง
เดินอีกสองก้าวออกมาที่ระเบียง
มุมอาบแดดของร้านอาหารของที่นี่ค่ะ
แต่วันนี้มันไม่มีแดดให้อาบเลยนี่สิคะ
รูปข้างล่างนี้เป็นห้องพัดลมค่ะ ราคาคืนละ 800 บรรยากาศดีน่าดู
เก็บของ ล้างหน้าล้างตาแล้วก็ออกไปหาข้าวกลางวันกินกันค่ะ
หิวสุดๆ อันนี้เป็นร้านแถวๆ 7-11 หน้าทางเข้าหาดทรายแก้ว
ชื้อร้าน Chilli หรือ พริก ค่ะ
ส้มตำของเค้าสมชื้อร้านจริงๆ อ่ะ แผดมาก... ซัดน้ำไปซะผิวดีเชียว
พอกินเสร็จ ฝนก็ตกลงมาทันทีเลยค่ะ เฮ้อ...
เราแวะซื้อของใช้ที่ 7-11 กันเล็กน้อย ก็บอกแล้วว่าทริปนี้ไม่มีการเตรียมความพร้อมอะไรเล้ย...
เตรียมเสบียงเข้าไปตุนที่ห้อง เพราะคิดว่าฝนคงตกบ่อยๆ แน่
เลือกของอยู่ไม่นาน ไฟก็ดับ เครื่องคิดเงินก็ต้องใช้ไฟสำรองเฮือกสุดท้าย
อิอิ เซเว่นก็มีปิดบริการนอกจากคำสั่งเคอร์ฟิวที่นี่แหละค่ะ
สุดท้ายเราเลยต้องกลับมาตั้งหลักที่ห้องพัก นั่งเล่น นอนเล่น กินขนม ฟังเสียงฝนไปพลางๆ
มองไปที่ทะเล ก็เห็นเรือขนผู้โดยสารมาเต็มลำ... ดูเหมือนคนจะมุ่งหน้ามานอนอาบฝนที่นี่กันเยอะเลย^^
อีกหนึ่งกิจกรรม โอกาสที่คนกลัวแดด กลัวดำ จะได้พายเรือเล่นอย่างไม่ต้องกังวลอีกต่อไป...
พอเริ่มอิ่มๆ ก็ชักจะง่วงแล้วสิคะ
ของีบหลับกลางเสียงฝน และอากาศชุ่มฉ่ำก่อนนะคะ
เย็นๆ แล้วเราค่อยไปเล่นน้ำกัน
ติดตามกันได้ใหม่ในบล็อกหน้าค่ะ
Create Date : 04 มิถุนายน 2553 |
Last Update : 4 มิถุนายน 2553 0:16:30 น. |
|
6 comments
|
Counter : 2011 Pageviews. |
|
|