ท่านทั้งหลายจงดูดาบสผู้มีตบะอันรุ่งเรืองนี้
ดาบสนี้กระทำความปรารถนายิ่งใหญ่เพื่อความเป็นพระพุทธเจ้า
ความปรารถนาของเขาจักสำเร็จ ในที่สุดแห่งสี่อสงไขยกับเศษแสนกัปนับแต่นี้

... บล็อคง่ายๆ ของนายอังคาร ...

Group Blog
 
 
กันยายน 2552
 
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
27282930 
 
16 กันยายน 2552
 
All Blogs
 
๒๕๔๖ พระพุทธอู่ทองบุญญฤทธิ์พิชิตมาร

เริ่มต้นจะสร้างศาลา
หลังจากว่างเว้นการทำบุญใหญ่มาหลายปี เพื่อนๆ น้องๆ ก็เริ่มโหยหาบุญ เราเริ่มคุยกันว่าน่าจะทำบุญใหญ่กันอีกนะ ปัญหาคือทำอะไรดีล่ะ
ผมเสนอว่าพระก็สร้างแล้ว กุฏิก็สร้างแล้ว พระไตรปิฎกก็สร้างแล้ว เรามาสร้างห้องน้ำกันบ้างดีกว่า แต่พอบอกว่าสร้างห้องน้ำหลายคนก็เบ้หน้า หารู้ไม่ว่านี่เป็นมหากุศลอย่างหนึ่ง เพราะเป็นอาคารสาธารณะที่ช่วยคนทุกข์หนักให้สามารถผ่อนคลายจากทุกข์ได้ภายในไม่เกิน ๕ นาที แต่ละคนยังอยากสร้างพระ แต่ผมไม่ค่อยเห็นด้วย บอกว่าสร้างพระแล้วไม่มีที่ประดิษฐาน ต้องเอาไปตั้งไว้ในศาลาหรือในวิหารที่ไม่น่าจะมีคนเข้าไปกราบไหว้เลยก็ไม่มีประโยชน์ เราสร้างอย่างอื่นที่เป็นประโยชน์เห็นๆ กันดีกว่า
เจอคำค้านนี้น้องๆ ก็พากันถอย
เราห่างหายการคุยกันเรื่องนี้ไปหลายเดือน จนวันหนึ่งน้องบีเสนอว่ามีวัดหนึ่งอยู่ริมแม่น้ำโขง จ.หนองคาย เป็นวัดยากจน ศาลาเก่ามาก และเล็ก เราน่าจะสร้างศาลากันนะ เพราะที่นี่ชาวบ้านใช้ศาลากันเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นทำบุญตักบาตรหรืองานบุญอะไรก็ต้องใช้ศาลาหลังนี้ ผมบอกว่ามันไกลนะ ใครจะวิ่งขึ้นไปประสานกับทางวัด ใครจะไปดูแลการก่อสร้าง แต่คุยกันแล้วก็สรุปว่าเราจะเขียนแบบให้ แล้วถวายปัจจัยให้ทางวัดไปสร้างเองก็ได้
สรุปกันแล้วก็มอบหมายให้น้องบี ในฐานะที่เป็นวิศกรโยธา และรับผิดชอบงานก่อสร้างโรงงานของบริษัทอยู่แล้วให้รับผิดชอบงานเขียนแบบไป

เปลี่ยนเป็นสร้างพระ
ยังไม่ทันได้เริ่มงานเขียนแบบศาลา พี่ทันพงษ์ที่ลาออกจากบริษัทไปแล้วหลายปีสอบถามมาว่ามีใครสนใจสร้างพระประธานบ้างไหม มีวัดที่ จ.หนองบัวลำภู อยากได้พระประธานไว้ประดิษฐานในโบสถ์
ได้ยินเพียงเท่านี้ต่อมศรัทธาของทุกคนก็หลั่งสารแห่งความศรัทธาออกมาจนล้น แต่เพื่อความแน่ใจ เราต้องไปดูให้ถึงที่ก่อน
ณรงค์ศักดิ์หาเรื่องให้ผมเป็น Lead Auditor ไปตรวจโรงงานที่ จ.เลย ทั้งที่ผมไม่รับงานนี้ไปแล้วเป็นปี เราสองคนทำงานเสร็จก็รีบบึ่งรถไปหนองบัวลำภู ไปหาท่านเจ้าอาวาสวัดที่ต้องการพระประธาน ชื่อวัดหนองแซง อยู่ห่างจากตัวจังหวัดแค่ ๓ กม. แต่หนองบัวลำภูเป็นจังหวัดเล็กๆ วัดจะใกล้จะไกลก็เป็นวัดเล็กๆ เหมือนกันหมด วัดหนองแซงก็เช่นเดียวกัน ป้ายชื่อวัดดูใหญ่โต แต่ภายในเป็นวัดเล็กนิดเดียว มีโบสถ์เก่ามากที่พังแทบไม่เหลือซากจนต้องเอากระเบื้องมามุงหลังคาไว้ ไม่เหลือสภาพเป็นโบสถ์อีกแล้ว มีกุฏิหลังเล็กๆ อีก ๓ หลัง แต่ท่านเจ้าอาวาสคือพระครูขันติท่านได้พยายามบูรณะวัดขึ้นมาใหม่ ท่านสร้างศาลาปฏิบัติธรรมหลังใหม่ขึ้นเพื่อใช้สอนสมาธิภาวนาให้ชาวบ้าน แต่ภายในศาลายังขาดพระประธาน ท่านอยากสร้างพระประธานมาประดิษฐานในศาลา และมีแนวคิดว่าจะใช้ศาลาหลังนี้เป็นโบสถ์ไปด้วยในตัว
ท่านเจ้าอาวาสบอกว่าศาลาหลังนี้มีชาวบ้านนุ่งห่มขาวมารักษาศีลทุกวันพระครั้งละประมาณ ๓๐ คน ถ้าเป็นช่วงเทศกาลก็เยอะกว่านั้น ท่านจึงอยากสร้างพระประธานให้ชาวบ้านกราบไหว้บูชา และเป็นพุทธานุสติเวลานั่งสมาธิ เป็นพระปิดทองขนาดสัก ๕๙ นิ้ว ปางมารวิชัย และเป็นรูปแบบเชียงแสน ผมก็รับคำท่านว่าจะช่วยดำเนินการให้
กลับมากรุงเทพแล้วก็มาบอกเพื่อนๆ น้องๆ ว่าเรายกเลิกการสร้างศาลาไปก่อน เราจะสร้างพระประธานกัน แต่คราวนี้บุญใหญ่กว่าทุกครั้งต้องช่วยกันออกแรงหนักๆ น้องๆ ฟังแล้วก็หน้าชื่นตาบาน สรุปว่าคนไทยทำบุญอะไรก็ไม่ชื่นใจเท่าสร้างพระ...

นี่แหละที่เข้าใจว่าเป็นโบสถ์



หาโรงหล่อ ขึ้นรูปหุ่นขี้ผึ้ง
การสร้างพระประธานปิดทองไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ค่าใช้จ่ายสูง แถมรูปแบบกำหนดมาจากวัดแล้ว จำเป็นต้องสร้างแบบหล่อใหม่ทั้งองค์ จะเที่ยวไปหาแถวเสาชิงช้าไม่ได้อีกแล้ว โชคดีที่เราได้คุณจารุชัยพาไปหาพี่ช้อยที่โรงหล่อพระ พุทธรังษี แถวอ้อมน้อย เราจึงได้ราคาค่อนข้างพิเศษหน่อย
พระประธานหน้าตัก ๕๙ นิ้ว (จริงๆ คือ ๖๐ นิ้ว) ปิดทองทั้งองค์ พี่ช้อยเจ้าของโรงหล่อคิดราคาเพียง ๑๒๐,๐๐๐ บาท เป็นราคาแบบถูกสุดๆ เพราะเป็นการหล่อทั้งองค์ ไม่ใช่หล่อเป็นชิ้นๆ แล้วมาเชื่อมต่อทีหลัง เพราะการหล่อเป็นชิ้นๆ นั้นจะมีปัญหาทองตรงรอยต่อมักจะดำเมื่อเวลาผ่านไปหลายปี นอกจากพี่ช้อยจะให้ราคาแบบสุดๆ แล้ว พี่ช้อยยังช่วยอะไรอีกหลายอย่าง บอกว่าช่วยเหลือคนหนุ่มๆ สร้างพระ (ปลื้มใจดีเหมือนกัน เขาบอกว่าปกติคนสร้างพระมีแต่คนแก่ๆ)
ผมเริ่มเทียวไปเทียวมาที่โรงหล่อ ไปดูเรื่องการขึ้นหุ่นขี้ผึ้ง ระหว่างนั้นก็โทรประสานงานกับทางวัดตลอด สุดท้ายพระเชียงแสนก็เปลี่ยนเป็นพระงามชดช้อยแบบสุโขทัย ผสมกับความสมบูรณ์แบบอยุธยา เป็นพระที่มีพักตร์อิ่มเอิบและยิ้มน้อยๆ
เมื่อขึ้นรูปเสร็จ ท่านเจ้าอาวาสก็พาชาวบ้านลงมาจากหนองบัวลำภูมาดูพระ บอกท่านว่าถ้าไม่ถูกใจตรงไหนก็ให้เปลี่ยนได้ตามใจท่าน พวกผมเป็นคนสร้าง แต่พระเป็นของวัด ท่านเจ้าอาวาสไม่ได้ตอบอะไร ท่านเอาแต่ยิ้มชอบใจ เมื่อหันไปถามชาวหนองบัวลำภูว่าจะเปลี่ยนแบบตรงไหนไหม พระเป็นของชาวหนองบัวลำภูนะ ชาวบ้านที่มาบอกว่าแบบนี้แหละสวยแล้ว
สรุปว่าไม่มีการแก้ไขแบบ มีเพียงตกแต่งรายละเอียดเพียงเล็กน้อยเท่านั้น พร้อมกับสำรองจ่ายเงินไปก่อน ๔๐,๐๐๐ บาท ขณะที่ยังไม่ได้ขอรับบริจาคกันเลย
ท่านเจ้าอาวาสและชาวบ้านเดินทางกลับไปกันแล้ว พร้อมกับทิ้งการบ้านเพิ่มให้อีกข้อว่า ท่านอยากได้พระบูชาขนาด ๙ นิ้ว ไว้เป็นที่ระลึกสัก ๕๙ องค์ ผมก็ปรึกษาพี่ช้อย พี่ช้อยบอกว่าทำได้ จะปิดทองเหมือนองค์จริงก็ได้ หรือเป็นกะไหล่ทองก็ได้ สรุปว่าผมต้องสร้างพระ ๙ นิ้วอีก ๕๙ องค์ เป็นปิดทอง ๑๒ องค์ ที่เหลือเป็นกะไหล่ทอง งบประมาณบานตะเกียง เพิ่มจาก ๑๒๐,๐๐๐ บาท เป็นหย่อย ๓๐๐,๐๐๐ บาทไปนิดเดียว บางครั้งก็นั่งคิดว่าเออหนอ.. จะสำเร็จไหมนี่ แต่ไม่เป็นไร ขาดเหลือเท่าไหร่ผมก็เติมเท่านั้น
เรื่องงบประมาณนี่ผมเก็บเอาไว้ในใจ ไม่เคยบอกน้องๆ ให้รู้ว่างบประมาณมันพุ่งไปแล้วเท่าไหร่ กลัวว่าจะกังวลใจกัน เวลาทำบุญหากเจือด้วยความกังวลอานิสงส์ที่ควรได้รับจะน้อยลงไปเปล่าๆ

หุ่นขี้ผึ้งเต็มองค์



ตั้งชื่อพระ
เสร็จจากเรื่องการขึ้นรูปหุ่นขี้ผึ้งทั้งองค์ใหญ่องค์เล็ก เต้ซึ่งไปบวชที่วัดบวรและเพิ่งจะสึกมา ก็เสนอความคิดว่าควรบรรจุพระบรมสารีริกธาตุในองค์พระด้วย เขาจะไปขอจากวัดบวรมาให้ ผมก็เห็นดีด้วย พร้อมกับบอกว่าให้ขอชื่อพระมาด้วยก็แล้วกัน
เต้ขอพระบรมสารีริกธาตุมาได้ และเรื่องชื่อตอนแรกจะขอพระราชทานจากสมเด็จพระสังฆราช แต่พระองค์ท่านกำลังประชวร เต้จึงขอจากพระเลขาสมเด็จพระสังฆราชแทน เพราะปกติท่านก็เป็นคนตั้งชื่อให้สมเด็จท่านพระราชทานให้อีกทีอยู่แล้ว พระเลขาฯ ท่านเมตตาช่วยตั้งชื่อมาให้หลายชื่อ เช่น พระพุทธอู่ทองบุญญฤทธิ์ พระพุทธอู่ทองพิชิตมาร ฯลฯ ผมโทรไปบอกท่านเจ้าอาวาสให้เลือกชื่อ ท่านฟังแล้วก็ อือๆ .. เอาชื่อ พระพุทธอู่ทองบุญญฤทธิ์พิชิตมาร นั่นแหละ เพราะดี ผมก็ขำ ท่านฟังชื่อทั้งหมดแล้วยำใหญ่กลายเป็นชื่อใหม่ได้ภายในพริบตา

พิธีเททอง
การสร้างพระประธานต้องมีพระโมคคัลลานะกับพระสารีบุตรด้วยอีก ๒ องค์ พี่ช้อยแนะนำว่าอย่าหล่อใหม่เลย มันแพง ไปหาซื้อสำเร็จจะถูกกว่า แล้วขนมาเข้าพิธีเททองด้วย ผมจึงต้องวิ่งไปเสาชิงช้า หาซื้อของเตรียมไว้สำหรับพิธีเททอง พร้อมกับหาพระโมคคัลลานะพระสารีบุตรไปพร้อมกันด้วย เจ้าของร้านถามผมว่าอายุเท่าไหร่ มีบุญจังได้สร้างพระตั้งแต่เด็กๆ ผมก็ขำๆ หน้าผมน่ะดูเด็ก แต่อายุไม่เด็กแล้วนะ
เรื่องการสร้างพระนี้มีหลายคนบอกผมว่าอย่าทำคนเดียวนะ เดี๋ยวจะตายเอา เพราะเขาเห็นหลายคนสร้างพระยังไม่ทันเสร็จก็ชิงลาตายไปเสียก่อน แต่ผมไม่กลัว เพราะผมชวนคนมาช่วยกันเยอะแยะ และถ้าจะตายจริงๆ ก็น่าดีใจอยู่ไม่น้อย คนตายขณะทำบุญไม่เคยมีใครไปอบาย
เราทำพิธีเททองกันวันที่ ๖ กรกฎาคม ๒๕๔๖ ท่านเจ้าอาวาสเป็นศิษย์หลวงปู่เก๋วัดปากน้ำด้วย ท่านจึงนิมนต์หลวงปู่เก๋มาเป็นประธานนั่งปรก มีพระจากวัดบวรและวัดปากน้ำมาสวดพุทธมนต์ ผมเดินทางไปโรงหล่อแต่เช้าตรู่ วันนั้นฝนตกกระหน่ำไม่ลืมหูลืมตา ทางเข้าโรงหล่อน้ำท่วมไปครึ่งล้อรถ ไปถึงแล้วปรึกษากับทางโรงหล่อว่าถ้าฝนไม่หยุดจะทำยังไง ผมกลัวคนที่มาร่วมงานจะเปียกกัน แต่โรงหล่อบอกทำเอาตกใจ เขาบอกว่าถ้าฝนตกก็เททองไม่ได้เลย น้ำจะเข้า ทองจะเป็นตามดเสียหายหมด จึงได้แต่ภาวนาขอให้ฝนหยุดตกทีเถอะ
พอสายหน่อยฝนก็หยุดเป็นปลิดทิ้ง คนมาทีหลังบอกว่าไม่เห็นน้ำจะท่วมถนนตรงไหนเลย แล้วแขกก็ทยอยมาเรื่อยๆ รวมแล้วประมาณ ๗๐ คน ล้วนแล้วแต่เป็นรู้จักกันทั้งนั้น บางคนก็ดั้นด้นมาจากต่างจังหวัด โทรถามทางกันวุ่นวายกว่าจะมาถึงโรงหล่อ หลายคนบอกว่าชีวิตนี้ไม่เคยร่วมพิธีหล่อพระมาก่อนเลย อยากเห็น อยากทำบุญด้วย ผมก็เหมือนกัน นี่เป็นครั้งแรกที่อยู่ในพิธีเททอง
เสร็จพิธีเททองพวกเราก็ช่วยกันถวายภัตตาหารเพลพระ และเลี้ยงขนมจีนแกงไก่ผู้มาร่วมงาน มีสาวๆ ช่วยกันตักอาหาร น้องปูทำหน้าที่เก็บเงินทำบุญ งานนี้จ่ายค่าอาหารไปเพียง ๑,๔๐๐ บาท ถามพี่ช้อยว่าทำไมค่าอาหารถูกจัง พี่ช้อยบอกว่าทำบุญด้วยกัน ไม่ได้คิดอะไรเลย คิดแต่ต้นทุนที่ไปซื้อมาเท่านั้น ไม่คิดค่าแรง ถือว่าทำบุญโรงหล่อด้วยแล้วกัน พี่ช้อยไม่เคยเททองแล้วมีคนมาร่วมพิธีเกิน ๓๐ คนมาก่อนเลย
แขกกลับกันหมดแล้ว เหลือผมกับลูกชายตัวเล็กอยู่เคลียร์งานกับพี่ช้อย ฝนที่หยุดสนิทตลอดช่วงทำพิธีกลับมาเทกระหน่ำไม่ลืมหูลืมตาอีกครั้ง ลูกชายบอกว่าตอนเช้าขามาฝนตกหนัก เขาเลยนั่งสมาธิอธิษฐานขอให้พระพุทธเจ้าช่วย...


กำลังเททอง



เหล่านางฟ้าที่ช่วยงานกันตัวเป็นเกลียวหัวเป็นน๊อต
โดยเฉพาะคนรูปเล็ก เสร็จงานนี้แล้วไปอยู่ไกลกว่าใครๆ
โชคดีนะน้องปู.. กลับมาก็โทรมาหากันบ้างเน้อ



ส่วนนี่ก็เทพบุตรตัวน้อย
งานบุญทุกงานช่วยเต็มที่
ทั้งออกแรงแข็งขัน และช่วยออกความคิดสารพัด



ไม่สลักชื่อคนสร้าง
เสร็จพิธีเททองแล้วผมต้องไปโรงหล่ออีกเป็นระยะๆ ไปดูเขาแกะองค์พระออกมาขัดเอาเศษทองออก ตรงไหนขาดก็ปะ ตรงไหนยุบก็โป๊ว ทำเหมือนพ่นสีรถยนต์เลย กว่าจะเสร็จก็ใช้เวลาอีกเป็นเดือน นอกจากนี้ยังต้องเพิ่มแผ่นรองในพระอุระเพื่อไว้รองแผ่นทองที่บางคนไม่ได้ส่งมาหลอมวันเททอง ก็ต้องใช้วิธีบรรจุไว้ในองค์พระ ส่วนที่พระเมาลีที่หมุนออกได้ ก็ต้องเพิ่มขอเกี่ยวเพื่อแขวนหลอดทองบรรจุพระบรมสารีริกธาตุด้วย
ระหว่างนั้นท่านเจ้าอาวาสโทรมาหาเป็นระยะๆ บอกให้ผมสลักชื่อไว้ที่ฐานพระด้วยว่าเป็นผู้สร้าง ผมไม่ยอม บอกว่าไม่ใช่พระของผม เป็นพระของวัด และที่จริงคนสร้างมีเป็นร้อยคน ที่ฐานพระควรให้มีเฉพาะชื่อองค์พระ คือ พระพุทธอู่ทองบุญญฤทธิ์พิชิตมาร กับปี พ.ศ. ที่สร้างเท่านั้น ขอให้ชาวบ้านได้กราบไหว้องค์พระ อย่ามากราบไหว้ชื่อผมเลย ท่านโทรมาขออยู่ราว ๓ ครั้ง จนผมต้องสั่งพี่ช้อยว่า พระองค์นี้ห้ามพี่ช้อยสลักชื่อใครเด็ดขาด แม้ท่านเจ้าอาวาสโทรมาสั่งก็ห้ามทำ

พิธีพุทธาภิเษก
ฤกษ์ฉลองพระและพิธีพุทธาภิเษกที่วัดหนองแซง ตรงกับวันที่ ๒๒ มกราคม ๒๕๔๗ แต่พี่ช้อยบรรทุกพระไปส่งล่วงหน้า ๓-๔ วัน ต้องเผื่อเวลาไปซ่อมผิวทองที่วัดด้วย
ชาวบ้านเล่าว่าวันที่เดินทางไปส่งพระ บ่ายแล้วก็ไม่เห็นพระจะมาสักที ชาวบ้านก็รอกันไป เมื่อถามท่านเจ้าอาวาสว่าเมื่อไหร่พระจะมา ท่านบอกว่ารอก่อน รอจนบ่ายคล้อย ฝนฟ้าโปรยละอองลงมา ท่านเจ้าอาวาสจึงบอกว่า แบบนี้แหละมาแล้ว แล้วสักพักรถไปส่งพระก็เลี้ยวเข้าประตูวัด
ผมถามท่านว่าทำไมท่านรู้ว่าพระมาแล้ว ท่านตอบว่าพระองค์นี้มากับฝน ตอนขึ้นไปดูหุ่นขี้ผึ้งฝนก็ตก ตอนเททองก็ตก เวลามาวัดก็ต้องตกด้วยสิ
วันที่ ๒๒ มกราคม ๒๕๔๗ คณะเจ้าภาพสร้างพระจากกรุงเทพเดินทางไปร่วมงานกันที่หนองบัวลำภู แต่หนทางไกลจึงไปกันแค่ ๓ รถตู้ ขณะที่ทางวัดมีคนมาฉลองพระกันเยอะมากสัก ๓๐๐ คนเศษ มีผ้าขาวและพราหมณีมาถือศีลกันเต็มศาลาไปหมด กลางคืนมีพิธีพุทธาภิเษกโดยพระเถระจากภาคอีสาน ๒๘ รูป ผมจำไม่ได้ว่ามีใครบ้าง จำได้เพียงหลวงปู่ท่อนองค์เดียว ซึ่งหลายปีต่อมาก็ได้มีโอกาสฟังธรรมจากท่านอีกหลายวาระในโอกาสที่ท่านมาที่วัดป่ามณีกาญจน์..
กลางคืน ชาวบ้านที่มาร่วมงานทำพิธีบายศรีให้พวกเรา และเอาสายสิญจน์มาผูกข้อมือ แขนสองข้างของผมล้นไปด้วยสายสิญจน์จนต้องบอกว่าไปผูกคนอื่นบ้าง ทุกคนที่มาช่วยกันสร้างพระทั้งนั้น ชาวบ้านผูกข้อมือให้แล้วบอกว่าขอรับเป็นลูกอีสาน ต่อไปจะได้มาอยู่หนองบัวลำภู ผมบอกว่าไม่เอา ผมไม่มาหรอก บ้านผมอยู่ภาคกลาง
งานนี้ลูกชายตัวน้อยผมดีใจกว่าใครที่ได้ผูกข้อมือกับเขาด้วยสายสิญจน์กำโต เสียดายที่งานนั้นกล้องที่ติดตัวไปพร้อมใจกันแบตหมดหรือขัดข้องจนไม่มีรูปมาดูเป็นที่ระลึกกันเลย
จบงานแล้ว สรุปยอดปัจจัยทำบุญทั้งหมดประมาณ ๒๙๗,๐๐๐ บาท เหลือปัจจัยถวายวัด ๑,๒๐๐ บาท เรียกว่าพอดีเหมือนจับวาง



พระพุทธอู่ทองบุญญฤทธิ์พิชิตมาร
วัดหนองแซง จ.หนองบัวลำภู
พ.ศ. ๒๕๔๖



Create Date : 16 กันยายน 2552
Last Update : 17 กันยายน 2552 15:10:47 น. 1 comments
Counter : 1025 Pageviews.

 
เธญเนˆเธฒเธ™เนเธฅเน‰เธง เธ‚เธญเธญเธ™เธธเน‚เธกเธ—เธ™เธฒเธšเธธเธเธ”เน‰เธงเธขเธ„เธฃเธฑเธš เธชเธšเธฒเธขเนƒเธˆเธกเธฒเธ เธ•เธญเธ™เธ™เธตเน‰เธเธณเธฅเธฑเธ‡เธ„เธดเธ”เธˆเธฐเธ—เธณเน€เธซเธกเธทเนˆเธญเธ™เธ—เนˆเธฒเธ™เน€เธฅเธขเธ„เธฃเธฑเธšเน„เธกเนˆเธฃเธนเน‰เธˆเธฐเธกเธตเธšเธธเธเธงเธฒเธชเธ™เธฒเธžเธญเธซเธฃเธทเธญเธ›เธฅเนˆเธฒเธง


โดย: เธ„เธ™เธชเธฃเน‰เธฒเธ‡เธงเธฑเธ” IP: 58.147.124.193 วันที่: 21 ตุลาคม 2552 เวลา:12:57:57 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Siri_waT_bkk
Location :
นนทบุรี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




บางครั้ง เธอเข้าใจไหม
ว่าทำไม จิตใจต้องเพ้อฝัน
ฝันมีสุขร่วมกัน ฝันมีส่วนผูกพัน
สิ่งเหล่านั้น ฉันเองเข้าใจ

   ความหมาย คงคลี่คลายโดยง่ายดาย
   หากได้ระบาย ออกมาให้เธอฟัง
   ก็เพราะเธอเป็นต้นเหตุ ก็เพราะเธอนั้นพิเศษ
   เกินกว่าฉัน จะควบคุมใจ

ยามใดเธอมีทุกข์ อยากหยุดโลกกลับไปช่วยเธอ
ใจมันคอยเสนอ ไม่เคยคิดห่วงใคร
ต่อให้ไกลจะไกลแค่ไหน ก็จะไปยกหัวใจให้
เพียงแต่ตอบรับ หากเธอยอมรับ กับฉัน

   ว่าเธอนั้น มันก็เป็นเหมือนกัน
   ส่วนฉันยืนยัน ประกันได้เลยเธอ
   ไม่ใช่เรื่องหนักใจ มันไม่ใช่เรื่องใหญ่
   เพียงแค่สามคำ ฉันรักเธอ...

   
    [เพลงจาก http://www.fileden.com]


[ stat since Sep24, 2009 ]
Friends' blogs
[Add Siri_waT_bkk's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.