Group Blog
 
<<
มิถุนายน 2554
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
2627282930 
 
15 มิถุนายน 2554
 
All Blogs
 
๐ กมโลภิกขุ..ชายหนุ่มผู้บวชเป็นพระ ๐ (บทที่ 18)




บทที่ 18




วัดยิ่งคึกคักมากขึ้นทุกวัน โดยเฉพาะภายในโบสถ์แทบไม่มีที่ว่าง



ผมไม่กล้าอุ้มนึงไปหาหลวงพ่อนิลอีก อย่างหนึ่งเพราะผู้คนมากมาย อย่างที่สองคือไม่ดีนักกับภาพพระสงฆ์กระเตงเด็ก ซ้ำมีเสียง ป๊ะ ป๊ะ เป็นระยะ

หลวงพี่อาจยังไม่ออกจากโรงพยาบาล ผมไม่มีโอกาสไปเยี่ยมเพราะนายนึง พระนัทอาสาจะช่วยเลี้ยงให้แต่ผมไม่ไว้ใจกลัวจะส่งต่อให้หลวงพี่หลอ..ไม่รู้ทำไมผมไม่สนิทใจกับหลวงพี่ทั้งที่เคยนึกนิยมการปฏิรูปของท่าน อาจเพราะสายตาท่าทางที่ดูจริงจังกับนึงมากเกินไปก็ได้

วันแรกๆ ที่พบนึงผมยังออกบิณฑบาตได้ตามปกติโดยทิ้งนึงให้อยู่ในห้องตามลำพัง แต่สองสามวันที่ผ่านมาผมไม่กล้าทิ้งนึงไว้ที่ห้องคนเดียว..จะทำได้หรือถ้าขบวนพระออกเดินแล้วปรากฏว่าหลวงพี่หลอไม่มา ผมจะออกจากแถวกลับศาลายาวอย่างนั้นหรือ?

“ใจดำจัง..” เสียงคุ้นๆ ดังขึ้น..ผมนั่งอุ้มนึงอยู่ที่ท่าน้ำท้ายศาลา

“หลวงพี่อาจ!” จะว่าดีใจก็ไม่ใช่ แต่ก็ดีใจนั่นแหละ

“ไม่ไปเยี่ยมกันบ้างเลย” หลวงพี่นั่งลงช้าๆ หลังแข็งตรง

“ผอมลงนะครับ..” ไม่ได้ตอบคำต่อว่า รู้ว่าหลวงพี่ไม่ได้จริงจังอะไร “กำลังนึกถึงอยู่พอดี”

“คิดถึงหรือ?” ทำเนียน..ดำเนียน

“ครับคิดถึง..” ว่าไปนั่น! “คิดถึงอยากให้ช่วยดูนึง ผมจะได้ออกบิณฑบาตบ้าง เกรงใจเพื่อนๆ”

“โธ่!..นึกว่า..”

“เป็นอะไร?..หลวงพี่!” เสียงเข้ม

“เปล่า..ล้อเล่น..” หลวงพี่อาจคนเดิมกลับมา “ล้อเล่นไม่ได้หรือไง ไม่ได้พบกันตั้งหลายวัน” มองแม่น้ำ “คิดถึง”

“หลังยังแข็งอยู่นี้จะเลี้ยงนึงได้หรือ วานพระนัทดีกว่า” ผมก็เป็นเสียอย่างนี้

“อ้าว!..ญาติดีกันตั้งแต่เมื่อไหร่?”

“ล้อเล่นไม่ได้หรือไง ไม่ได้พบกันตั้งหลายวัน..” พระโกหกพระคงไม่บาปนะ “รู้ไหมว่าผมกลับบ้านกรุงเทพฯ” เปลี่ยนเรื่อง

“แล้วใครดูนึงล่ะ” แสดงว่าไม่รู้

“ไปคืนเดียวเอง ตอนนั้นนึงยังอยู่โรงพยาบาลกับหลวงพี่”

“ป๊ะ..ป๊ะ..เอิ๊ก..เอิ๊ก” นึงถูกใจอะไรบางอย่างเต้นเหยงๆ ยื่นมือไปที่บ้านซิ้มนึง

“อะไรหรือ..ฮะ..ฮะ” ยกตัวนึงเต้น ตามองตามมือเล็กๆ นั้น..เศษจีวรชิ้นหนึ่งปลิวระน้ำอยู่ใต้เพิง..นี่กระมังที่หลวงพี่เรย์แบรนด์พูดถึง แต่คนฟังนำไปขยายความทางอกุศลจนเสียทั้งพระทั้งซิ้มนึง

“เห็นอะไรไหม?” หลวงพี่อาจกำลังมองอยู่เหมือนกัน

“เห็น..เศษจีวรที่ใต้เพิง”

“ไม่ใช่!..” รั้งกระหม่อมผมให้หน้าเงยขึ้น “ทั้งผืนเลย อยู่บนร่างคนด้วย”

พระรูปหนึ่งเห็นหลังไวๆ หายไปทางพุ่มไม้หลังบ้านซิ้มนึง..หรือจีวรผืนใหญ่นี้คือตัวเรื่องอัปมงคล

“คุ้นๆ นะ” หลวงพี่อาจพึมพำ

“ยิ่งกว่าคุ้น” คิดในใจ

“รู้จักหรือ?” ได้ยินความในใจผมจนได้

“จะรู้ได้ไงว่าใคร จีวรเหมือนๆ กัน หัวโล้นเหมือนกัน” ผมไม่แน่ใจที่จะปรักปรำ เขาอาจแค่แวะเวียนตามธรรมดาก็ได้ “นอกเสียจากสีเข้มพิเศษ ใหญ่พิเศษเหมือนใครบางคน”

“ปึ้ก!..” ฝ่ามือเข้มพิเศษ ใหญ่พิเศษกระทบไหล่นายนิด

“นึงตกลงไปแล้วจะว่าไง” ยัดข้อหา

“ขอโทษนะนึง” พอกัน



เช้ารุ่งขึ้น ผมเดินบิณฑบาตตามหลังหลวงพี่หลออย่างเคย ใจไม่ปกติ ไม่มีสมาธิและฟุ้งซ่าน ยิ่งขณะสาวพิมพิลาไลยตักข้าวใส่ลงในบาตรของหลวงพี่หลอ ผมผิดวินัยจ้องมองด้วยใจเคลือบแคลง..ใครหนา..ใครนะ..ใครกันแน่

“นิมนต์ค่ะ”

ผมเปิดฝาบาตรรับข้าว ไม่อยากได้ยินเธอพูดอะไรอีก

“ไม่เห็นท่านหลายวัน นึงเป็นอย่างไรบ้างคะ”

“สบายดีโยม”

“เช้านี้ใครดูอยู่คะ” ส่งขันข้าวให้เด็กรับใช้ นั่งพนมมือ

“หลวงพี่อาจกลับจากโรงพยาบาลแล้วช่วยดูอยู่..เจริญพร” ขยับตัวจะออกเดิน

“ท่านตัดสินใจอย่างไรหรือยังคะ” เสียงอ่อนโยนเรียบร้อยกว่าเคยได้ยิน

“ใกล้สึกแล้วอาตมาจะแจ้งให้โยมทราบ..เจริญพร” รีบเดินตามแถวจนเกือบชนหลวงพี่หลอที่ยืนอยู่ไม่ห่างนัก

“อะไรท่าน?”

“ไม่มีอะไร” เดินเลยหลวงพี่ไปทันพระนัท

“อ้าวๆ..” พระนัทพึมพำ



“เป็นอะไรหรือนั่งมองนึงเฉยตั้งนานแล้ว”
ผมนั่งอยู่นอกห้องหลวงพี่อาจบนแท่นยาวหน้าห้อง

“ผมสัญญากับผู้หญิงสองคนว่าจะบอกความในใจเมื่อใกล้สึก” พูดเรื่องจริงแต่ฟังเหมือนล้อเล่น

“หา!..” แกล้งทำหรือเปล่าหลงพี่ “ผมอยู่โรงพยาบาลไม่กี่วันคุณมีสาวสองคนเชียว”

“แม่ผมกับน้องสาวหลวงพี่เขียด..” ไม่มีอารมณ์อำต่อ “เรื่องนึง”

“โยมแม่รู้หรือ”

“รู้..รู้ได้อย่างไรไม่รู้”

“ป๊ะ..ป๊ะ..” นึงคลานมายืนเกาะธรณีประตู ตบอกผมเล่น

“คนหนึ่งจะเอาไว้ อีกคนหนึ่งไม่ให้เอาไว้..” มองเลยหัวนึงเข้าไปในห้อง “ผมจะทำอย่างไรดี”

“ไปถามหลวงพ่อนิลกันไหม?”

“ลืมไปแล้วหรือ ที่คุณเจ็บปางตายก็เพราะเราไปถามท่านเรื่องนึง”

“เรานี่นะ?”

“ฮื่อ..” ไม่อยากกวนโอ๊ย..ผมพลาดเอง

“คุณก็ว่าไป..อย่างไรเหตุการณ์วันนั้นก็ต้องเกิดขึ้น เผอิญหนึ่งพระกับหนึ่งเด็กไปอยู่ตรงนั้นพอดี” เดินมาก้มลงจะอุ้มนึง

“ผมเอง..” นึงอยู่กับอกผมจึงอุ้มขึ้นได้ไวกว่า..เกือบชนกัน “ยังหลังแข็งอยู่งั้น”



เอาเข้าจริงๆ ก็ไม่มีที่และความสงบให้นั่งอ้อนวอนขอความเมตตา ในโบสถ์เต็มไปด้วยญาติโยมที่มาขอบูชาพระบูชา พระเครื่องและวัตถุมงคล ผมและหลวงพี่อาจเลยพลอยดูกับเขาบ้าง ผมเองไม่ค่อยรู้เรื่องเท่าไหร่อุ้มนึงตามหลวงพี่ที่ดูจะสนใจเป็นพิเศษทั้งที่เมื่อก่อนไม่เคยสนใจ

“เหรียญนี้สร้างมาเกือบร้อยปีแล้ว..” เซียนพระท่านหนึ่งจากกรุงเทพฯ กำลังใช้แว่นขยายเล็กๆ ส่อง “ราคาเป็นล้านนะนี่!”

เสียงฮือดังขึ้นรอบๆ ผมชะโงกแทรกไหล่หลวงพี่อาจดู..เป็นเหรียญรูปใบเสมาสีคล้ายทอง ด้านหนึ่งเป็นรูปพระสงฆ์รูปหนึ่ง อีกด้านเป็นลายอักขระยันต์ มีห่วงสำหรับร้อยสายสร้อยอยู่ด้านบน

“ที่หล่นมาจากหน้าบันใช่ไหม?” หลวงพี่นักเลงใหญ่พยักหน้ายิ้มแก้มตุ่ย

“เป็นเนื้อทองแดงกะไหล่ทอง..รุ่นนี้มีหลายองค์ สร้างเพื่อแจกสมนาคุณแก่ผู้ร่วมบริจาคทรัพย์ในการบูรณปฏิสังขรณ์พระอุโบสถของวัด ไม่น่าเชื่อว่าสมัยนั้นใครทำบุญหนึ่งบาทก็ได้รับแจกหนึ่งเหรียญ เดี๋ยวนี้ราคาหลักล้านขึ้นไปทุกเหรียญ บางเหรียญถึงสีห้าล้าน”

เสียงฮืออีกครั้ง..ผมอดตามเขาไม่ได้ มองที่เหรียญราคาเป็นล้านนั้น

“เอ้า!..” ชูเหรียญยื่นไปรอบๆ “ดูเป็นขวัญตา เหรียญสารพัดบารมี”

“คุณ..” ได้เห็นชัดต่อหน้าผมถึงกับสะดุ้ง กระตุกอังสะหลวงพี่อาจ

“เดี๋ยว..” กำลังจ้องไม่กระพริบเช่นเดียวกัน

“ป๊ะ..ป๊ะ..อะ..อะ..” นึงไม่รู้เรื่องอะไร ร้อน อยู่เฉยนานเกินไป เริ่มจะร้องงอแง

“หลวงพี่..” ผมเห็นท่าไม่ดีเพ่งมองอีกครั้งแล้วพานึงออกจากโบสถ์

“ไม่รอผมเลย..” หลวงพี่ตามมาติดๆ “รู้ๆ นึงงอแง”

“กลับศาลาเถอะ..” ไม่ต่อความ “มีอะไรจะให้ดู”

เหรียญที่อยู่ในเสื้อนึงมีลักษณะคล้ายเหรียญเงินล้านนี้..ใช่หรือเปล่า..ผมรีบจ้ำอ้าวกลับศาลา หลวงพี่อาจตามมาข้างหลัง..เหลียวไปมอง อาการหลังแข็งของหลวงพี่แทบไม่มีเหลืออยู่เลย


หรือเหรียญที่บูชาอยู่ในห้องจะแผ่บารมีมาให้นึง ...






Create Date : 15 มิถุนายน 2554
Last Update : 15 มิถุนายน 2554 10:25:03 น. 0 comments
Counter : 735 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ดาเรน
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




Friends' blogs
[Add ดาเรน's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.