Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2553
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
21 สิงหาคม 2553
 
All Blogs
 
๐ กมโลภิกขุ..ชายหนุ่มผู้บวชเป็นพระ ๐ (บทที่ 11)




บทที่ 11





หลวงพี่อาจตกใจไม่แพ้ผม ช่วยกันตามหา...แห่งแรกคือศาลาส่วนหน้าของหลวงตาใบ ห้องหลวงพี่เขียดและห้องพักเด็กดำ..ไม่มีวี่แวว



“ซิ้มนึงอุ้มกลับบ้านหรือเปล่า!” ผมโพล่งออกมาโง่ๆ หลังจากเดินหาทั่ววัด

“คุณพูดอะไรแปลกๆ อีกแล้ว” หลวงพี่อาจส่ายหัว

“ไปบ้านซิ้มนึงกันเถอะ” โดยไม่รอคำตอบผมออกจากวัด แน่ใจว่าจะพบนึงที่นั่น

“เอ๊ยๆ รอด้วย..” กวดจนทันผม “เหลวไหลน่าคุณ เป็นไปได้ไง..เทวดานางฟ้าที่ว่าเมื่อเช้าพอฟังได้ แต่เรื่องซิ้มนึงพาหลานกลับบ้านเป็นไปไม่ได้”

“ไม่รู้นะ ผมว่านึงอยู่ที่นั่น” มั่นใจอย่างนั้นจริงๆ

“ถึงคนอื่นก็เถอะ ถ้าอุ้มนึงไปเขาคงไม่ไว้ที่บ้านหรอก” เสียงหลวงพี่เดินตามพึบๆ

“ไม่รุ๊!” ผมไม่รู้อะไรจริงๆ รู้แต่ว่าจะพบนึงที่นั่น..ทั้งที่คล้อยตามคำพูดของหลวงพี่เหมือนกัน

เย็นแล้วเมื่อถึงบ้านซิ้มนึง..ก้าวเข้าไปอย่างวังเวง เหลียวหาหลวงพี่ที่ไม่ตามเข้ามา

“ก็เคยไม่ให้ผมเข้าไปนี่” ตอบอย่างรู้ทัน..หรือกลัวอะไร

“นึงไปไหน..” ผมนั่งบนระเบียงตำแหน่งที่นึงเคยแหงนมอง “ซิ้มครับคืนนึงให้ผมเถอะ ผมสัญญาว่าจะดูแลเขาให้ดีที่สุด จะไม่มีเหตุการณ์อย่างนี้เกิดขึ้นอีก..” มองกลับเข้าห้องค้นหาด้วยสายตาทุกซอกมุม เพ่งจิตประหนึ่งกำลังคุยกับซิ้มนึงที่นั่งอยู่ในนั้น

“พะ..พะ..”

ผมสะดุ้งสุดตัว..เสียงนึงแว่วมาจากในห้อง..หูฝาดหรือเรื่องจริง..ไม่มีใคร..ห้องนิดเดียว ไม่มีใครอยู่ในนั้น

“พะ..” เสียงกลับอยู่ข้างนอก ด้านแม่น้ำ..หรือนึงตกน้ำ!

“พะ..” เสียงใหญ่กว่าเดิม..ตามมาหลอน

“พะ..พะ..”

“พะ..”

สองเสียงประสานกัน ผมกวาดตาทั่วคุ้งน้ำ..ใกล้เข้ามา เลยไปด้านท้ายวัด มองสูงขึ้นผ่านกิ่งชมพู่

“พะ..พะ..เอิ๊ก..เอิ๊ก..” นึงกระโดดเหยงอยู่บนม้ายาวที่ท่าน้ำท้ายศาลา มีพระนัทอุ้มประคองอยู่..พะ..เสียงใหญ่นี้เอง

ผมพูดไม่ออก ทั้งดีใจทั้งโมโหพระนัท ลืมนึกขอบคุณซิ้มนึงเดินอ้าวออกจากบ้าน

“เดี๋ยวๆ เมื่อกี้ผมได้ยินเสียงนึงเรียก..” หลวงพี่อาจไม่รู้เรื่องราวตามออกมา “นิดไม่ได้ยินหรือ”

“ผมรู้แล้วว่านึงอยู่ไหน” ไม่อยากอธิบาย กำลังหงุดหงิดพระนัทกลัวจะเลยมาที่หลวงพี่..ชิ!..เรียกนิดเฉยเลย ยังไงกันแน่หลวงพี่ของผม



“ทำไมทำอย่างนี้!” ใส่เลย เมื่อถึงท่าน้ำ

“ทำอะไรหรือ?” พระนัททำหน้างง

“เข้าไปในห้องผมพานึงออกมาไม่บอกไม่กล่าว”

“นึกเอ็นดูบ้างไม่ได้หรือ นึงไม่ใช่กรรมสิทธิ์ของใครโดยเฉพาะ..” กอดนึงยั่วผม “ลูกชายคุณ!..” เสียงสูงชวนเส้นเอ็นกระตุก “ฮะ..ฮะ..”

“หวื๊ด!..” กำปั้นนายนิดแหวกอากาศระบายอารมณ์

“เก่งเสียด้วย!..” พระนัทยื่นหน้าเข้าใกล้ “นึกว่าพระเมียที่แท้พระผัว..ฮะ..ฮะ..” ยัดเด็กนึงใส่อกนายนิดที่กำลังง้างหมัดเอาจริง

“เอ๊ย!..” ผมทำอะไรไม่ได้เพราะนึงอยู่ในอ้อมแขน นึกอยากสบถคำหยาบ

“มีอะไร เสียงดัง” หลวงพี่อาจสวนกับพระรูปหล่อใจสกปรก

“ทีหลังอย่าเรียกผมว่านิดเฉยๆ” พาลกับหลวงพี่ดื้อๆ

“ไม่เห็นเกี่ยวกับที่คุณเสียงดังเมื่อกี้เลย”

“เกี่ยว!” นายนิดอันธพาลอุ้มนึงกลับห้องทิ้งให้หลวงพี่อาจยืนงง

“พะ..พะ..” นึงชะเง้อไปด้านหลังกวักมือเรียก “ป๊ะ..ป๊ะ..”

“หา!..ว่าไงนะ?” ผมรีบเดินถึงห้อง ไม่ทันเข้า วางนึงบนแท่นยาวหน้าห้อง ยกมือตบอกตัวเอง “พะ ไม่ใช่ป๊ะ”

“พะ..ป๊ะ..ป๊ะ..” นึงยิ้ม โบกมือให้หลวงพี่อาจที่เดินตามมา

“พะ..พะ..” ผมจับมือเล็กๆ นั้นวางบนอกผม “พะ ไม่ใช่ป๊ะ”

“ป๊ะ..ป๊ะ..เอิ๊ก..เอิ๊ก..” นึงหัวเราะชอบใจ ตบอกผมเล่น

“อ้าว..เป็นคุณพ่อไปแล้วหรือ..นึงพูดเป็นได้ไง?” หลวงพี่อาจนั่งลงอีกด้านของนึง

“ป๊ะ..ป๊ะ..” นึงหันไปตบอกหลวงพี่

“คุณพ่ออีกคน..” ผมมองเหมือนไม่พอใจหลวงพี่ แต่ความจริงกำลังนึกเขม่นใครบางคน..คงเป็นพระนัทที่สอนให้นึงพูดอย่างนี้ หลวงพี่รูปนี้จะเอาอย่างไรกับผมแน่

“เอ้อ..เป็นไปคนเดียวเถอะไม่แย่งหรอก..เด็กมันหัดพูด พะ..ป๊ะ..คล้ายๆ กัน ไม่เห็นแปลกอะไร..” หลวงพี่อาจส่ายหน้า ลุกขึ้นยืน “ดูนึงคนเดียวก่อนนะ ผมจะไปทำงานอย่างอื่น”

“ครับ” สงบ เรียบร้อยขึ้น..ความจริงหลวงพี่ไม่เกี่ยวกับอารมณ์ขุ่นมัวของผมสักหน่อย เป็นผมโดนอย่างนี้ไม่อยากยุ่งด้วยแล้ว นายนิดอันธพาล

“เบ้ประจำวัด..” เดินบ่นลงจากศาลา “เรื่องใหญ่ขั้นทุกที” ประโยคหลังหมายถึงนึง..ทำไมหลวงพี่จะไม่รู้ว่ามีอะไรเกิดขึ้นกับพระนิด



สองวันต่อมาผมเริ่มคิด..ผมมาบวชเพราะอะไร?..ใช่!..ไม่ได้ตั้งใจ..บวชเป็นเพื่อนนายมหาชัย ได้ค่าตอบแทนเป็นความเอิบอิ่มใจที่เกิดกับแม่และญาติมิตร และลึกๆ ในใจตัวเอง..ต่อมาได้ความสงบ ได้เรียนรู้สัจธรรมบางอย่าง ได้ฝึกฝนความอดทน อดกลั้น ระเบียบวินัย การอยู่ร่วมกับคนแปลกหน้าต่างนิสัย

ส่วนเรื่องบุญกุศลและอานิสงส์ของการเป็นพระผมไม่ได้เท่าไหร่..พูดอย่างนี้ดีกว่า ผมไม่ค่อยเชื่อว่าการได้อยู่ในผ้าเหลืองจะทำให้คนๆ หนึ่งกลายเป็นบุคคลน่าเคารพบูชาเหนือกว่าคนทั่วไป พระก็คือคนธรรมดาที่บำเพ็ญตนอยู่ในระเบียบประเพณีที่ดีงาม เป็นบุคลากรผู้สืบเนื่อง รักษาหลักธรรมคำสอนขององค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้าให้ดำรงอยู่เป็นประโยชน์แก่พุทธศาสนิกชนต่อไป ถ้าจะอาศัยเพียงหลักฐานจารึกจารหรือศาสนสถาน สถูปเจดีย์ พระพุทธรูป เพียงลำพังคงยากที่พระพุทธศาสนาจะมั่นคงได้

สรุปได้ว่า พระสงฆ์คือบุคลากรแห่งองค์กรหนึ่งนั่นเอง แม้จะเป็นองค์กรศาสนาที่น่าเลื่อมใสบูชาก็หาใช่ว่าท่านจะเป็นผู้วิเศษเหนือมนุษย์แต่ประการใด

เมื่อไม่เลื่อมใสการเป็นพระแล้วนายนิดจะอยู่ต่ออีกทำไม สึกออกไปช่วยครอบครัวทำมาหากินไม่ดีกว่าหรือ!..ถ้าจะอยู่เพื่อความอิ่มใจอิ่มบุญของครอบครัวก็สมควร..แต่นายนิดแน่ใจว่าครอบครัวของเขาไม่ต้องการอิ่มใจนานๆ นักหรอก..ช่วยกันทำให้อิ่มท้องนั่นละสำคัญกว่า



“ผมอยากสึก” ผมโพล่งออกมา

“อะไรนะ?” หลวงพี่อาจกำลังชี้ให้นึงดูเรือหางยาวที่วิ่งฉิวอยู่กลางแม่น้ำ

“ผมอยากลาสิกขา..นึกถึงความจริงต่างๆ ที่อยู่ในใจแล้วทำให้ตะขิดตะขวง ไม่สนิทใจที่จะอยู่ในผ้าเหลืองอีกต่อไป” ผมนั่งลงบนพื้นท่าน้ำเหนือบันไดขั้นแรก

“แล้วนายคนนี้ล่ะ..” นึงต้วมเตี้ยมมาเกาะหลังผม “คิดให้ดี มีอะไรปรึกษากันก่อน..ระบายออกมา..บางทีที่คุณคิดอาจไม่ถูกต้องก็ได้

“ปล่อยเดินมาหาผมได้อย่างไร พลาดพลั้งตกลงไปละแย่..” เอี้ยวตัวไปอุ้มนึงมาใส่ตัก “หลวงพี่นี่ไม่รู้อะไรเล้ย!”

“ที่แท้คุณก็ยังห่วงนึงมากอยู่..” เบียดลงนั่งข้างๆ บนบันไดขั้นเดียวกัน “แล้วพูดออกมาได้ว่าอยากสึก”

“บันไดหักจะว่าไงนี่ ไม้ยิ่งเก่าๆ อยู่” เฉไฉไปได้ไง!

“ไหน..มันเรื่องอะไรหรือ?” เอื้อมมาอุ้มนึงจากตักผมขึ้นไปนั่งบนม้ายาวตามเดิม

“อุ้มไปทำไม?”

“ก็ไม่รักนึง จะทิ้งนึงแล้วไม่ใช่หรือ” อ้อนแทนนึงอย่างเดียวหรือหลวงพี่ของผม

“แน่อะไรกับใจคน มีรักมีหน่ายได้ทุกเวลา เปลี่ยนแปลงเรื่อยไหลเหมือนน้ำ..” ผมมองไปข้างหน้า แม่น้ำกว้างใหญ่สงบนิ่งเหมือนไม่เคลื่อนไหวแต่ความจริงเลื่อนไหลตลอดเวลา มากบ้างน้อยบ้าง ขึ้นลง ตามธรรมชาติของน้ำ ยิ่งลึกยิ่งวกวนกว่าที่มองเห็น “ผมก็แค่คนๆ หนึ่งที่ไม่มีอะไรดีมากนัก ค่อนข้างจะเหลวไหลด้วยซ้ำ”

“อย่าดูถูกตัวเองสิ..คุณนิดเป็นคนดีคนหนึ่งนะเท่าที่ผมเห็นมาสิบกว่าวัน..มีใครล่ะที่จะดีได้ทั้งหมด ผมเองก็ไม่ต่างจากคุณ เพียงแต่ไม่คิดมากปล่อยไปตามกระแส อย่าทำตัวให้เดือดร้อนกับตัวเองกับคนอื่นและสังคมที่เราอยู่ก็พอ”

“เรื่องการเป็นพระ..” ตั้งใจจะระบายความคิดเห็นที่จริงเกินไป...ตัดสินใจไม่เด็ดขาดที่จะพูด..ระสายตาไปเรื่อยตามคุ้งน้ำ..เสียงเรือดังอยู่ไกลๆ ผักตบชวาเบียดกันเอี๊ยดอ๊าด ช่อดอกสีม่วงอ่อนแซมอยู่เป็นระยะ ผีเสื้อตัวน้อยบินวนไปมา ได้ยินเสียงปีกแมงปอหึ่งๆ ไม่น่าเชื่อว่าแม้เสียงปลาหุบเหยื่อก็ดังชัดเจน “ผม..”

“หือ?”

เสียงหลวงพี่เหมือนอยู่ไกล..ใจผมล่องลอยอยู่บนผิวน้ำ ความสุขจากการตั้งใจละทิ้งเกิดขึ้นอย่างไม่รู้ตัว..การไม่มีอะไร การสันโดษ ความสงบ แท้จริงคือความสุขที่ยิ่งใหญ่..ผมเริ่มไม่เห็นอะไรนอกจากแสงสว่างเรืองๆ เยือกเย็น ว่างเปล่า ไร้สรรพสำเนียง

“พะ..ป๊ะ..ป๊ะ..” เสียงน้อยๆ ของนึงแว่วมา..แม้อยู่ท่ามกลางสมมติสุขชั่วขณะ ผมก็ไม่อาจทำเฉยได้ จิตระลึกว่าแท้จริงแล้วผมยังมีสิ่งผูกพันอีกมาก หลงไปแวบเดียวว่าไม่มีสิ่งใดยึดติดผูกมัด..ไม่ใช่แค่นึง ยังครอบครัว แม่ น้องๆ และอนาคตข้างหน้าของตัวเองอีกที่ต้องสังวร

ผมนำจิตกลับมา..เริ่มมองเห็นภาพ โลกของความเป็นจริง..ดึงสายตาเข้ามาจากลำน้ำ..เผอิญมองผ่านท่าน้ำใหญ่ด้านหน้าศาลา..พระภิกษุรูปหนึ่งกำลังชำระล้างร่างกายอยู่..คลับคล้ายคลับคลา..จำได้เมื่อท่านยิ้มตอบมา..ผีหัวโล้น..หลวงพี่หลอที่ผมเคยวิ่งหนีนั่นเอง วันนี้ท่านออกมาอาบน้ำกลางวันแสกๆ..เป็นไปได้อย่างไร!

“ป๊ะ..ป๊ะ..”

“ลูกชายเรียกไม่ได้ยินหรือ?”

สองเสียงดังชัดเจน..ผมกลับเข้ามาสู่ปัจจุบันเต็มตัว..ไม่รู้ทำไมผมยังคงคิดปริศนาเรื่องหลวงพี่หลออาบน้ำ

“ได้ยินสิ” รู้สึกว่าตัวเองยิ้ม

“เมื่อกี้จะพูดอะไร..ผมถามแต่คุณเงียบไป..เหมือน..เหมือน..” หลวงพี่อาจไม่กล้าพูดสิ่งที่เห็นเมื่อครู่

“ไม่มีอะไร ผมเคลียร์แล้ว..” ไม่แน่ใจว่าเคลียร์อะไรกับใคร รู้แต่ว่าใจโล่ง

“เรื่องการเป็นพระ..” หลวงพี่เริ่มประเด็นที่คิดว่าผมหลงลืม “คุณกำลังจะบอกอะไรผมนี่นา”

“บอกอะไร..หลวงพี่บวชก่อนผมตั้งสิบปี ผมจะมีอะไรบอก หลวงพี่นั่นละควรบอกผมมากกว่า” ย่อลงอุ้มนึงขึ้นจากตักหลวงพี่เดินเข้าศาลา

หลวงพี่หลอที่ถูกสบประมาททางความรู้สึกของผู้ได้พบเห็น แม้แต่ผมยังเคยคิดว่าท่านเป็นผี..วันนี้ ด้วยเหตุผลบางอย่างท่านลุกขึ้นสู้ชีวิต..แล้วผมจะท้อถอยละหรือ


ผมกอดนึงแน่น..จะทิ้งไปได้อย่างไร..ปณิธานตัวน้อยของผม...






Create Date : 21 สิงหาคม 2553
Last Update : 21 สิงหาคม 2553 11:04:41 น. 4 comments
Counter : 514 Pageviews.

 
สนุกจังเลยครับ...สนุกกว่าหนังสือธรรมะเสียอีกครับ...

...แล้วเหตุการณ์จะเป็นอย่างไรต่อไปกัน...อั๊บเร็ว ๆ นะ...กำลังติดตามเลย...

...ช่วงนี้ไม่ได้ตามบล็อกงานเขียนนิยายมาเป็นเดือนสองเดือน...เลยพลาดงานเขียนชิ้นนี้ครับ...

คุณเขียนสนุกดี...ทำให้เห็นภาพ...สำนวนก็โอเค...เข้าใจง่าย...เขียนต่อไปแล้วกันครับ...

...ถ้ามีข้อแก้ไข...เด๋วจะช่วยบอกให้แล้วกัน...แต่ตอนนี้ไม่มีครับ


โดย: ถามวัต สุทธิพงศ์ (เรียบๆง่ายๆ...สบายใจดี ) วันที่: 21 สิงหาคม 2553 เวลา:23:17:34 น.  

 
กระทู้ในถนนฯ อ่านไม่ได้
ไม่รู้ว่ากระทู้เสียหรือเปล่า


ดีที่เด็กนึงไม่เรียกว่า "มะ มะ"
จะฮากว่านี้อีก


โดย: เซโก้ IP: 58.9.236.135 วันที่: 22 สิงหาคม 2553 เวลา:23:23:37 น.  

 
สวัสดีครับ คุณถามวัด สุทธิพงศ์ ...

ขอบคุณครับที่ชมว่าสนุก .. ผมจะรีบเขียนครับ ...

ดาเรน ...


โดย: ดาเรน (ดาเรน ) วันที่: 23 สิงหาคม 2553 เวลา:10:32:21 น.  

 
สวัสดีครับ คุณเซโก้4 ...

ขอบคุณครับที่ตามมาถึงที่นี่ .. ค่ารถแพงไหมครับ ...

ก็น่าจะลบอยู่หรอก .. ความคิดของนายนิด ...

ขอบคุณมากครับ ...

ดาเรน ...


โดย: ดาเรน (ดาเรน ) วันที่: 23 สิงหาคม 2553 เวลา:10:36:22 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ดาเรน
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




Friends' blogs
[Add ดาเรน's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.