|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 |
7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 |
14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 |
21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 |
28 | 29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
แค่อดนอนแล้วมันจะผ่านไป+ในหนึ่งวันมีอะไรเกิดขึ้นมากมาย
เมื่อวาน วันจันทร์ที่ผ่านมา เริ่มต้นสัปดาห์ใหม่ด้วยความสดชื่น
แต่ก็ทำหน้าระรื่นได้ไม่นาน เมื่อนึกขึ้นได้ว่าวันอังคารมีงานใหญ่ต้องส่ง
นั่นก็คือ งานวิชา LA STUDIO(วิชาการออกแบบภูมิสถาปัตยกรรม)
ซึ่งอาจารย์ให้ทำโมเดลสวน ที่ทีการใช้ต้นไม้ใหญ่(Tree)
สร้างบรรยากาศของที่ว่างสำหรับใช้สอย(space)ใส่ไม้พุ่ม
ไม้คลุมดิน ศาลา สระน้ำ เสาไฟ ฯลฯ อย่างสมจริง
เป็นชิ้นงานชิ้นเดียวในวิชานี้ของช่วงก่อนมิดเทอมปี 2 เทอม 2
และที่ส่งในวันนี้คือแบบจริงหรือแบบขั้นสุดท้าย ซึ่งในนอนว่ามันจะต้องยิ่งใหญ่อลังการ
ตามที่อาจารย์วาดหวังไว้(แต่ทำไมเราทำแล้วมันง่อยๆ) เมื่อทำเสร็จ
จะมีการใช้กล้องรูเข็มถ่ายเข้าไปยังที่ว่างภายในสวน
โดยตั้งระดับกล้องให้อยู่เท่ากับระดับสายตาของคนใน scale 1:100
ค่อยๆ เคลื่อนกล้อง เหมือนคนเดินไป พร้อมกับเจ้าของงานบรรยายภาพ
ก่อนที่อาจารย์จะนำวีดิโอนั้น ไปฉายรวมในห้องแล้วคอมเม้นท์อีกครั้งหนึ่ง
บ่ายวันจันทร์ ทั้งที่ใจยังพะวักพะวนกับงานวิชาสตูดิโอ
เรานิสิตภาคแลนด์ทั้ง 39 คน ไม่ใช่สิ 35 คน เพราะป่วยไป 4
กับอาจารย์อีกสองท่าน ต้องเดินทางไปสนามกอล์ฟกรุงกวี ที่รังสิต
เพื่อเรียนวิชา Plant MaterialII เกี่ยวกับเรื่องไม้น้ำ
วันนั้นอากาศก็ดี น่าสดชื่นอยู่หรอก แต่ระยะทางที่เดินดูต้นไม้บวกกับ
จิตใจที่ยังห่วงหน้าพะวงหลัง ก็ทำให้การเดินชมและทำความรู้จักต้นไม้
ไม่สนุกเท่าที่ควร แถมกว่าจะสิ้นสุดการเรียนนอกสถานที่
และกลับถึงคณะ ก็ปาไปทุ่มครึ่งแล้ว
กลับมาถึงหอ ออกไปซื้อของใช้ที่จำเป็นในการทำโมเดลเพิ่มเติม
เนื่องจากวันนี้ออกไปข้างนอกครึ่งวันบ่าย และกลับถึงคณะดึก
เลยไม่ได้ซื้อของจากร้านที่คณะตุนไว้ก่อน ของใช้ที่จำเป็น
และต้องการสุดๆ ในเวลานั้นสำหรับการทำโมเดลก็คือ "กาว"
และเป็นที่รู้กันว่าสำหรับนิสิตสถาปัตย์แล้ว การทีดั้นด้นไปถึงที่ร้าน
แล้วพบว่ากาวหมดนั้น ให้ความรู้สึกเจ็บปวด และหมดอาลัยในชีวิต
ยิ่งกว่าการที่พ่อครัวปั่นจักรยานไปร้านโชห่วย แล้วพบว่า'ซอสหมด'เสียอีก
เนื่องจากกาวที่ใช้ทำโมเดลนั้น ต้องการกาวที่มีคุณสมบัติต่างจากกาวทั่วไป
อย่างกาวลาเท็กซ์ เราต้องการกาวที่แห้งช้า ติดแล้วเนี้ยบ
(โฆษณาให้เลยแล้วกัน เป็นลูกค้าเค้ามานาน) เช่น ยี่ห้อPritt หรือ UHU
และวันนี้หลังจากที่กระหืดหระหอมไปซื้อกาวก่อนที่ห้างใกล้หอจะปิด
ก็ได้พบกับความหมดอาลัยตายอยากนั้น ร้านเครื่องเขียนที่ปกติ
จะมีกาวUHU ขายไม่เคยขาด ไม่ทราบว่ามีใครเหมาไปจนหมด
โชคดีที่ที่หอยังมีพริทท์ตุนไว้สองสามหลอด(แต่เกรงว่าจะไม่พอ)
จึงยอมรับชะตากรรมแต่โดยดี ซื้อของที่น่าจะได้ใช้อีกสองสามอย่าง
ก่อนจะมาหาอาหารเย็นรับประทานที่ร้าน 7-Eleven
ได้แก่ มาม่าคัพรสต้มยำกุ้ง บิ๊กชีสไบท์ นมจืดหนึ่งกล่องไว้ยามดึก
เค้กโรลรสส้มสำหรับมื้อเช้า ที่คาดว่าไปกินที่คณะไม่ทันแน่ๆ
และสุดท้าย เครื่องดื่มชูกำลัง 1 ขวด ยี่ห้อ M150
สำหรับคืนที่คิดว่าจะไม่ได้นอน(จริงๆ คือคืนที่ต้องการบังคับให้ตัวเองไม่นอน)
กลับถึงหอก็สองทุ่มกว่า มีป้ายเตือนว่าเวลา 23.00-05.00
ของวันรุ่งขึ้น น้ำจะไม่ไหล เลยรีบกินมาม่า อาบน้ำแล้วเริ่มทำงาน
การคิดงานก็เป็นไปตามขั้นตอนปกติ ปักๆ ถอนๆ ต้นไม้มนโมเดลจนกว่าจะพอใจ
สมองเริ่มตื้อขึ้นทุกขณะ ค่อยๆ จิบเอ็มร้อยห้าสิบตามอาการ
พร้อมกับดื่มน้ำตามให้เจือจาง (ไม่รู้เป็นความเชื่อประเภทไหน
ที่เชื่อว่าดื่มแบบเจือจางจะให้ความรู้สึกที่ดีกว่า..มันก็น่าจะดีจริงๆ นะ)
งานยังคงดำเนินไปเรื่อยๆ แต่กำลังลดลงทุกที ทุกที
เหลือบมองนาฬิกาเป็นระยะๆ เวลาลดลงทุกนาที ทุกนาที
สุดท้ายอีกห้านาทีเก้าโมง จึงแบกเพลทขนาด 60X60 ซม.
ที่มีโมเดลต้นไม้ และส่วนประกอบอื่นๆ ปักอยู่เต็ม ขนขึ้นแท็กซี่
ไปเรียนวิชาภาคเช้า(เริ่มเรียน 9.ooน.)ด้วยความสงสารหรืออะไรไม่ทราบ
อาจารย์ที่สอนวิชาภาคเช้าเลิกสอนก่อนเวลาตั้งเกือบสองชั่วโมง ให้นิสิตไปเคลียร์งานวิชาสตูดิโอ
พวกเราก็ยังคงทำงานอย่างต่อเนื่องมิพักกินข้าวปลาอาหาร
จนกระทั่งแล้วเสร็จและส่งในเวลาบ่ายสองโมง
อ่า...เอาภาพผลงานที่อุตส่าห์อดนอน(แต่ทำออกมาได้แค่เนี้ย)มาให้ชมกัน เล่นๆ
ชานไม้ที่ยื่นไปในน้ำ
ประติมากรรมกลางสวน
ศาลา(เบี้ยวๆ เพราะบอบช้ำ) กลางน้ำ
Sculpture เมื่อมองจากอีกมุม
สะพานไม้ข้ามน้ำ
มุมมองจากบนสะพาน
Bird's eyes view สะพาน+น้ำพุ+ไม้ดอกหลากสี
ศาลาอีกรอบ
ด้วย scale 1:100 ภาพที่นี่นำมาให้ดูนี้จึงเปรียบเหมือน
มุมเล็ก ๆ มุมหนึ่ง พื้นที่ไม่กี่ตารางเมตรจากสวนพื้นที่ 3 ไร่ เท่านั้นเอง
นิสิตค่อยๆ ทยอยเอาโมเดลไปบันทึกวิดีโอตามเลขที่ทีละคน
เอ...ดูเหมือนกล้องจะถ่ายในที่ที่มีแสงธรรมชาติแบบแสงขาวแล้วไม่สวย
เลยย้ายไปถ่ายทำกันในห้องปิด แล้วเปิดหลอดอินแคนเดสเซนต์ช่วย
ซึ่งก็ดูนุ่มนวลงดงามดี ขณะที่คนทยอยกันไปบันทึกภาพ
คนที่ยังไท่ถึงคิวอย่างเรา ก็ยังคงตกแต่งไปเรื่อยๆ โดยมีเพื่อนๆ ภาคอื่น
คอยหาน้ำ หาขนม มาให้ ช่วยทำงานและช่วยให้กำลังใจกันอุ่นหนาฝาคั่ง
จนเวลาสี่โมงเย็น เพื่อนสมัยม.ปลายคนหนึ่งก็โทรศัพท์มา
แจ้งข่าวให้ทราบว่า จะมีพิธีฌาปนกิจศพท่านอาจารย์สอนภาษาอังกฤษ
ที่โรงเรียนเก่า ตอนเราอยู่ม.สี่ ทีวัดหัวลำโพงเวลาห้าโมงเย็น
ซึ่งเราได้ทราบข่าวตั้งแต่วันพฤหัสที่แล้ว แต่ไม่มีโอกาสได้ไปงานสวดพระอภิธรรม
จึงอยากไปร่วมงานนี้มาก เพราะถือเป็นครั้งสุดท้ายที่จะได้แสดงความกตัญญูกตเวทีต่ออาจารย์
เวลาขณะนั้นสี่โมงสิบห้านาทีแล้ว และเรายังไม่ได้เข้าไปถ่ายวิดีโอ
เราคงแสดงสีหน้ากระวนกระวายมากจนเพื่อนๆ เป็นห่วง
และแนะนำให้เราบอกอาจารย์ที่สอนว่า ขอไปงานศพแล้วจะถ่ายวิดีโอวันอื่น
แต่อาจารย์ที่สอนใจดีมาก ถามว่าจัดงานที่วัดไหน พอทราบว่าเป็นวัดหัวลำโพง
ก็บอกว่า โอ๊ยใกล้ๆ ไปร่วมงานก่อนแล้วกลับมาตรวจงานก็ยังทัน
เพื่อนที่โทรมาชวนบอกว่าจะนั่งแท็กซี่มาจาก คณะเภสัช แล้วมาแวะรับ
แต่ระหว่างรอเราเจอกับรุ่นน้องที่กำลังจะไปงานพอดี
ด้วยเห็นว่าใกล้เวลาแล้ว เลยเดินออกมาก่อน แล้วกะใ้ห้ไปเจอกันที่วัด
ช่วงที่เดิน ๆ กันไป ก็เห็นน้องๆ ที่โรงเรียนเดินกันไปเป็นแถว
แล้วเมื่อใกล้จะถึงวัด ก็เห็นน้องๆ ในชุดนักเรียนบ้างพละบ้าง
เดินสวนทางกลับมาหลายระลอก ก็เดาว่าน่าจะเริ่มพิธีแล้ว
เราและน้องๆ จึงเร่งฝีเท้าเดินให้ถึงเมรุโดยเร็ว แต่ก็ยังเห็นน้องคนข้างหน้า
วิ่งแบบรีบยิ่งกว่าเมื่อไปถึงวัดเจออาจารย์ที่รู้จักท่านหนึ่งเห็นเรากระหืดกระหอบ
ก็บอกอย่างใจดีว่าไม่ต้องวิ่งก้ได้ลูกยังทันๆ แต่ตัวอาจารย์เองก็เคารพศพเสร็จแล้ว
และกำลังเดินทางกลับ เดินไปอีกไม่กี่ก้าวก็พบอาจารย์อีกท่านมนทีท่าที่แตกต่าง
คือเร่งเรามาก ๆ และบอกว่า เร็วๆ เข้าลูกเดี๋ยวจะไม่ทันเผา
พอเราไปถึงก็ถูกคลื่นมหาชนผลักดันให้เข้าไปหน้าเมรุอย่างรวดเร็วๆ
เสียงคนพูดคุยกันดังระงม กลบเสียงกริ๊งๆ เบาๆ ของเหรียญที่กระทบพื้น
เรามาถึงที่เมรุตอนโปรยทานพอดี รีบรับดอกไม้จันท์แล้วขึ้นไปเคารพศพ
อาจารย์อย่างรวดเร็ว ก่อนจะอธิษฐานให้อาจารย์ไปสู่สุขคติ
รับของชำร่วย และแยกตัวออกมาอย่างเป็นขั้นตอน
เพิ่งทราบว่าวัดในกรุงเทพฯ พอเผาหลอกเสร็จก็เผาจริงต่อเลยอย่างรวบรัด
เราเลยได้มีโอกาสได้ขึ้นไปเคารพศพสองครั้ง
ครั้งเผาจริง เราสำรวมกายใจมากขึ้น เพราะหมดจากอาการกระหืดกระหอบแล้ว
เดินผ่านและจ้องมองภาพของอาจารย์"ชมนาด นราแย้ม"
ระลึกถึงยามที่ท่าน เคยพร่ำสอน และบ่นว่าเพื่อให้เราได้รับควาามรู้
และให้เราเป็นคนดี เมื่อเราเข้ามาเป็นนักเรียนใหม่ม.สี่
ของโรงเรียนที่มีชื่อเสียงเป็นอันดับต้นๆ ของประเทศ
ความรู้ภาษาอังกฤษของเด็กโรงเรียนต่างจังหวัดอย่างเรานั้น
คงอยู่ในขั้นแทบจะไร้มาตรฐาน ก็ได้อาจารย์ท่านนี้แหละ
ที่คอยเคี่ยวเข็ญ ปูพื้นฐานให้เราในปีแรก เทอมแรก
ก่อนที่เทอมสองอาจารย์จะเข้ารับการผ่าตัดขา และหยุดพักฟื้น
ทั้งตึกที่เราอยู่ตอนม.สี่นั้น ห้องเราเป็นห้องเดียวของสายวิทย์
ที่อาจารย์ชมนาดเป็นผู้สอน อาจารย์มักจะพูดกับพวกเราอย่างเข้าใจเสมอว่า
'อาจารย์รู้ว่าพวกหนูๆ น่ะ ภาษาอังกฤษสู้พวกแม่เด็กสายศิลป์ไม่ได้หรอก
แต่อาจารย์ขอแค่ให้พวกเราตั้งใจเรียน แล้วขาดเหลืออะไรอาจารย์จะช่วยเอง'
และจากถ้อยคำนั้น เมื่อผลสอบกลางภาคออกมา เราได้คะแนนเพียง
อีกหนึ่งคะแนนจะสอบผ่าน ซึ่งอาจารย์ก็ช่วยให้เด็กในเกณฑ์นี้ผ่านไปด้วย
และเมื่อจบเทอมหลังจากเราปรับตัวกับการเรียนที่เข้มข้นได้ในระดับหนึ่ง
จึงได้เกรดวิชาภาษาอังกฤษเทอมแรกของม.ปลายอยู่ที่เลข'3'
เมื่อมองภาพอาจารย์ และระลึกเรื่องราวที่ผ่านมา ก็พลันเห็นเปลวไฟอยู่ตรงหน้า
ดอกไม้จันท์ในมือ ถูกยื่นเข้าสู่เปลวไฟนั้น แต่กลับพลิกพ้นหล่นลงไม่ยอมโดนไฟ
เราจึงหยิบขึ้นวางบนไฟใหม่ พร้อมกับจบคำระลึกพระคุณ และขออโหสิกรรม
ลงท้ายด้วยคำอธิษฐานให้อาจารย์ได้ไปอยู่ในที่ที่สงบสุข
ฉันเดินลงจากบันไดลงจากเมรุ ด้วยน้ำตาคลอเบ้า
แขกเหรื่อยังทยอยวางดอกไม้จันท์เคารพสบกันอย่างไม่ขาดสาย
ฉันเพิ่งรู้สึกว่าเพื่อนที่โทร.ชวนฉันมายังมาไม่ถึง จึงรีบโทร.ตาม
เพราะพิธีใกล้จะจบลงแล้ว ได้รับรับคำตอบว่าถึงหน้าวัดแล้ว
และกำลังรีบเดินมาอย่างรีบเร่ง แต่แล้วเพื่อนๆ ที่ตามมาสมทบอีกห้าคน
ก็ไมทันพิธีเผาจึงได้แต่ทำบุญช่วยงานศพไป พร้อมกับรับคำพูด
นุ่มๆ เชือดนิ่มๆ จากอาจารย์อีกท่าน 'ครูขอบคุณนะลูก ที่พวกหนูตั้งใจมากัน
แต่ช่วยมาให้เร็วกว่านี้หน่อยจะดีมาก'เข้าใจแล้วค่าอย่าตอกย้ำ
สุดท้ายเราก็แยกกับเพื่อนๆ ทั้งบรรดาแพทย์รามาฯ แพทย์วชิระ
ทันตะ จุฬาฯ วิศวะ จุฬาฯ กลับสู่โลกของเรา ที่คณะสถาปัตย์
กลับไปรอถ่ายวิดีโอจนแล้วเสร็จในเวลาสองทุ่มครึ่ง
จึงสิ้นสุดภารกิจในวันนี้ และได้มาปั่นบล็อกที่ทุกท่านอ่านกันอยู่นี่แล
เฮ่อ...หลังจากอดนอนสุดท้ายมันก็ผ่านไป
และเห็นไหม...วันหนึ่งๆ มีอะไรเกิดขึ้นตั้งมากมาย
ปล.วันนี้อาจารย์หัวหน้าภาคถามเราด้วยแหละ ว่าทำไมพ่อกับแม่ถึงตั้งชื่อเราว่าเจื้อยแจ้ว
พอบอกว่าตั้งให้คล้อง กับชื่อพี่สาวที่ชื่อ 'จุ๊กจิ๊ก'เลยบอกว่าแม่เราเป็นคนขี้เล่นอีกต่างหาก
ขอบคุณทุกท่านที่ส่งกำลังใจให้กันในบล็อกเสมอมา
แล้วจะทยอยตามกลับไปเยี่ยมบ้านของทุกคนนะคะ
Create Date : 09 ธันวาคม 2551 |
Last Update : 10 ธันวาคม 2551 10:29:03 น. |
|
36 comments
|
Counter : 1292 Pageviews. |
|
|
|
โดย: พี่มารูน (Devonshire ) วันที่: 9 ธันวาคม 2551 เวลา:23:31:08 น. |
|
|
|
โดย: พี่เอง.. (Devonshire ) วันที่: 9 ธันวาคม 2551 เวลา:23:44:11 น. |
|
|
|
โดย: discipula วันที่: 10 ธันวาคม 2551 เวลา:0:17:11 น. |
|
|
|
โดย: ก.วรกะปัญญา (กะว่าก๋า ) วันที่: 10 ธันวาคม 2551 เวลา:6:19:08 น. |
|
|
|
โดย: ความเจ็บปวด วันที่: 10 ธันวาคม 2551 เวลา:9:26:43 น. |
|
|
|
โดย: พีมารูนรอบสาม... (Devonshire ) วันที่: 10 ธันวาคม 2551 เวลา:9:53:13 น. |
|
|
|
โดย: มังกรเขียวหัวฟู+ยุ่ง (cruduslife ) วันที่: 10 ธันวาคม 2551 เวลา:10:00:59 น. |
|
|
|
โดย: discipula วันที่: 10 ธันวาคม 2551 เวลา:11:16:02 น. |
|
|
|
โดย: ก.ก๋า (กะว่าก๋า ) วันที่: 10 ธันวาคม 2551 เวลา:11:57:57 น. |
|
|
|
โดย: แม่มณี (ย่าชอบเล่า ) วันที่: 10 ธันวาคม 2551 เวลา:12:09:35 น. |
|
|
|
โดย: หมูน้อย (mr.pure.fon ) วันที่: 10 ธันวาคม 2551 เวลา:14:07:09 น. |
|
|
|
โดย: แค่ผู้หญิงธรรมดา ๆ คนหนึ่ง (minporee ) วันที่: 10 ธันวาคม 2551 เวลา:14:08:22 น. |
|
|
|
โดย: Ta Pling วันที่: 10 ธันวาคม 2551 เวลา:14:54:37 น. |
|
|
|
โดย: Ta Pling วันที่: 10 ธันวาคม 2551 เวลา:15:39:03 น. |
|
|
|
โดย: jes (momster ) วันที่: 10 ธันวาคม 2551 เวลา:18:32:05 น. |
|
|
|
โดย: ชนวนกลาง วันที่: 10 ธันวาคม 2551 เวลา:19:04:01 น. |
|
|
|
โดย: นู๋แจน (JJ&TheGang ) วันที่: 10 ธันวาคม 2551 เวลา:19:11:08 น. |
|
|
|
โดย: nanida วันที่: 10 ธันวาคม 2551 เวลา:20:06:39 น. |
|
|
|
โดย: VELEZ วันที่: 10 ธันวาคม 2551 เวลา:22:34:11 น. |
|
|
|
โดย: ก.ก๋า (กะว่าก๋า ) วันที่: 11 ธันวาคม 2551 เวลา:8:06:59 น. |
|
|
|
โดย: doctorbird วันที่: 11 ธันวาคม 2551 เวลา:9:08:08 น. |
|
|
|
โดย: Vitamin_C วันที่: 11 ธันวาคม 2551 เวลา:11:12:43 น. |
|
|
|
โดย: momster วันที่: 11 ธันวาคม 2551 เวลา:11:31:41 น. |
|
|
|
โดย: พี่มารูน... (Devonshire ) วันที่: 11 ธันวาคม 2551 เวลา:13:31:55 น. |
|
|
|
โดย: doctorbird วันที่: 11 ธันวาคม 2551 เวลา:17:37:44 น. |
|
|
|
โดย: izephyr888 วันที่: 25 มกราคม 2555 เวลา:11:25:53 น. |
|
|
|
|
|
|
Im not going to tell the story the way that
it happened. Im gonig to tell it the way
I remember it.
--Great Expectations--
|
|
|
|
|
|
|