Lonely is Friend, not Pain.
Group Blog
 
<<
มิถุนายน 2550
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
 
13 มิถุนายน 2550
 
All Blogs
 
ตอนที่ 5 ตำรับยาคุณย่า

ตำรับยาคุณย่า

อันว่านอกจากอาหารการกินและขนมไทยๆที่คุณย่านั้นทำได้สารพัดแล้ว สิ่งนึงที่คุณย่าดูจะช่ำชองก็คือการรักษาโรคแบบโบราณ คือการใช้บรรดาสมุนไพร รวมถึงเอาพืชที่ปลูกในบ้านมารักษาอาการต่างๆ

ตอนนี้กำลังอ่านเรื่อง กุหลาบสีแดงของ สิริมา อภิจารินอยู่ อ่านผ่านตอนที่เขาเอาใบพลับพลึงมาพันขาแก้ปวด ก็เลยนึกถึงคุณย่าขึ้นมาได้ทันที เพราะตอนเด็กๆจะงงๆกับการเห็นเด็กในบ้านเอาใบอะไรไม่รู้สีเขียวๆแบนๆยาวๆ (ชวนให้จินตนาการไปถึงสัตว์น่าเกลียด) มาปิ้งไฟเตาถ่าน (เหม็นเขียวอีกต่างหาก) แล้วก็วิ่งเอาไปให้คุณย่าพันขา ก็ไม่รู้หรอกว่าสรรพคุณมันอะไร แต่คุณย่าชอบทำบ่อยๆเวลาปวดขา ตอนนี้ตัวเองก็ปวดเมื่อยบ่อย (มาก...เป็นไปตามอายุ) ก็แอบมองต้นพลับพลึงที่เขาปลูกตรงเกาะกลางถนนอยู่เหมือนกัน

เวลาปวดฟันหรือมีแผลร้อนในในปาก คุณย่าก็จับอ้าปากแล้วเอาเกลือไทย (ที่ตำแล้วจากตอนก่อน) มาทาๆ ให้อมอยู่อย่างนั้น โอยยยยย...มันแสบสุดๆเลยคุณย่าขา แต่รุ่งขึ้น ฟันก็ไม่ค่อยปวดแล้ว ร้อนในก็แห้งหายไปซะงั้น ตั้งแต่นั้นมาก็จดจำใส่สมองน้อยๆ เพียงแต่ลดดีกรีความโหดหน่อย เอาเกลือมาละลายน้ำเข้มข้นแล้วอมเอา ตอนนี้ได้ทำการถ่ายทอดไปที่น้องชายเรียบร้อย เป็นการสืบวิชารุ่นต่อรุ่น (ออกแนวผีปอบไงไม่รู้)

แต่ตำรับยาไหนก็ไม่เด็ดสุดเท่ายาปัตตาหวี คิดว่าคนแก่ๆน่าจะเคยได้ยินบ้างนะ ส่วนผสมแน่นอนนั้นไม่ทราบจริงๆ เพราะเวลาคุณย่าปรุงก็จะทำเองคนเดียว ตอนเด็กๆยังคิดว่า (แอบบาปนิดนึง) คุณย่าเป็นแม่มดรึเปล่าหว่า ปรุงอะไรหน้าไฟคนเดียว (อาจจะมีท่องคาถาด้วย) ที่แน่ๆมันมีส่วนผสมของขมิ้น ยาคุณย่าหลังปรุงจะเป็นน้ำสีเหลืองๆ ใส่อยู่ในโหล (เหมือนโหลยาดอง) คุณย่าจะแบ่งใส่ขวดเล็กๆไว้สองสามขวดให้หยิบใช้ง่าย ส่วนโหลจะเอาไปวางตรงชั้นเหนือบันได ซึ่งสูงมากเด็กอย่างฉันไม่สามารถ (ถ้าตอนนี้ล่ะก้อ...เสร็จตู) เวลาลงจากบันไดก็จะมองเห็นโหลที่มีแสงส่องผ่าน ดูหยองๆไงไม่รู้ เพราะอะไรรู้ไหม....

ก็เพราะถ้าเราได้แผลมา โดนเฉพาะแผลสด ยิ่งเละ (ก็ยิ่งสุดๆ) คุณย่าก็จะจับส่วนที่เป็นแผล ถ้าแผลเล็กก็คุณย่าคนเดียว ถ้าแผลใหญ่ ก็ต้องใช้อีกสองสามคนยึดร่างเราไว้ เพราะเราจะดิ้น..และดิ้น...และจะหนีจากยาปัตตาหวีนี้สุดฤทธิ์ คุณรู้ไหม...เวลาคุณย่าราดยาลงมาบนแผลมันแสบเหลือจะบรรยาย ปากก็ร้องลั่นไปสามบ้านแปดบ้าน (โปรเจคเสียงได้แต่เด็ก) น้ำตาก็ไหลพรากๆ ดูน่าอเนจอนาถเป็นที่สุด พอทำแผลเรียบร้อยก็ร้องไห้กระซิกๆ รุ่งเช้าตื่นมา...ก็พบว่า...แผลมันแห้งไปได้แล้ว (ทั้งๆที่เมื่อวานสุดเละ) ก็จะเดินเหนียมๆไปอวดคุณย่าว่า...แผลแห้งแล้วล่ะค่ะ คุณย่าก็มองเซ็งๆบ่นว่า...ก็รู้แล้ว เมื่อวานดิ้นทำไม อันนี้ไม่มีคำตอบ เพราะวิ่งหายไปเล่นเรียบร้อยแล้ว

ก็เพราะความซนปนความซวยแต่เด็ก เมื่ออายุเกือบห้าขวบ เย็นนึงที่พี่ๆน้องๆร่วมบ้านไม่สนใจเราเลย เดินไปหลังบ้านกะอ้อนคุณปู่ซะหน่อย คุณปู่ก็ดูแต่หมากินข้าว นั่งหน้างอกะให้ง้อก็ไม่แล ไปก็ได้ฟ่ะ เดินดุ่ยๆไปตรงหลุมที่เขาเผาหญ้า งงสิ ก็สนามหญ้ามันกว้าง เวลาตัด เศษหญ้าก็เยอะมาก กทม.เขาว่าเก็บไม่ไหว บ้านเราก็เลยขุดหลุมเผาซะเลย และฉันเองก็ชอบเอาอะไรมาโยนเผาเล่น (บอกแล้ว ชอบเล่นกะไฟ)

วันนั้นก็เลยมานั่งจ๋องๆริมปากหลุม โยนเศษอะไรที่อยู่รอบๆลงไปในหลุมที่หญ้าโดนเผาเกือบหมดแล้วล่ะ แต่ก็นะด้วยความซวยอย่างที่บอก ขอบหลุมมันเป็นทราย ฉันไม่ระวังก็เลยลื่นลงไป สองเท้าเหยียบบนหญ้าที่มีไฟคุอยู่เบื้องล่าง เสียงที่มีอยู่ก็ร้องแผดไปทั่ว (คุณย่าว่า แม่ค้าหน้าปากซอยก็ได้ยิน เออ...มันเกือบกิโลหน่ะนั่น) คนในบ้านก็รู้ว่าเสียงฉันแหละ แต่หาไม่เจอเพราะหลุมมันลึกมาก ท่วมหัวฉันไปอีกเท่า กว่าลุงจะวิ่งมาเจอฉันก็เหมือนอยู่บนกระทะทองแดง พอช่วยขึ้นมาได้เขาก็รีบอุ้มมาหาคุณย่า

คุณย่าเตรียมกาละมังไว้พร้อม จับเอาเท้าสองข้างลง แล้วก็...เอาน้ำปลาจากขวดกระหน่ำเยาะใส่เท้าฉัน ความรู้สึกมันเจ็บปวดเหนือคำบรรยาย ตอนนั้นไม่ค่อยจะรู้ตัว มาสะลึมสะลืออีกทีก็อยู่ในรถพยาบาลแล้ว ผ่านช่วงสองสามวันแรกอย่างทรมานกับการดูแลของหมอและพยาบาล มารู้ว่าแผลติดเชื้อ เพราะน้ำปลามันไม่สะอาด ถึงตรงนี้ก็....ไม่โทษคุณย่าหรอกนะคะ เพราะคุณย่าเป็นคนพาออกจากโรงพยาบาลเมื่อไปได้ยินหมอบอกว่าจะตัดขาหลาน แล้วพาไปรักษากับคุณหมอที่คลีนิคแถวสะพานพุทธ ลอกหนังที่เท้าไม่รู้กี่รอบ ทุกวันนี้ฉันก็มีสองเท้าเดินปกติ ไม่กลัวไฟ (ยังอยากลองเล่นอยู่..อิอิ) แต่ขอบอกเป็นอุทธาหรณ์ อย่าเอาน้ำปลาราดแผลไฟไหม้ ต้องใช้พวกยาสีฟันอะไรทำนองเนี้ยนะ

ทุกวันนี้ก็ไม่มียาปัตตาหวีใส่แผลแล้ว ก็คุณย่าไม่ยอมบอกสูตรไว้นี่นา (เอ..หรือเราจะไม่สนใจเอง..ก็นะ) คิดถึงมันทุกครั้งที่ได้แผล เพราะสรรพคุณมันเจ๋งจริง ยิ่งช่วงไม่สบายถี่ๆอย่างนี้ ได้คนมาบ่น มาจับตัวนี่มันคงดีเนอะ

*****************************

ชาราบูน



Create Date : 13 มิถุนายน 2550
Last Update : 13 มิถุนายน 2550 15:11:22 น. 6 comments
Counter : 483 Pageviews.

 
อ่าน section นี้ แล้วนึกถึงหนังสือที่เรียนตอนเด็กๆอ่ะพี่
เมื่อคุณตาคุณยายยังเด็ก
สนุกได้สาระดีค่ะ พี่พิมพ์ขายได้เลยนะเนี่ย


โดย: Yui IP: 58.136.79.163 วันที่: 13 มิถุนายน 2550 เวลา:15:34:19 น.  

 
55 ได้สาระดีจัง สงสัยเราอายุใกล้เคียงกันเนอะ


โดย: เสลาสีม่วง วันที่: 13 มิถุนายน 2550 เวลา:15:39:30 น.  

 
วันนี้มาส่งความคิดถึงค่ะ

ช่วยรับไว้ด้วยนะคะ


โดย: เพียงแค่เหงา วันที่: 13 มิถุนายน 2550 เวลา:18:07:58 น.  

 
อ่านแล้วคิดถึงอาม่า
เพราะว่าอาม่าที่บ้านบ่นได้นาทีละ200คำ
พอไม่มีบ้านก็เหงาๆอ่ะ
เขียนต่อเยอะๆนะคับ


โดย: สันดานเสีย วันที่: 13 มิถุนายน 2550 เวลา:22:43:45 น.  

 
มาเรียนเชิญเป็นเกียรติที่บ้านค่ะ

วันนี้ครบ 3 เดือนกับ bloggang

อัพ 2บล็อคเลย อัพเพลงด้วย

มีความสุขกับวันศุกร์นะคะ

ดีใจค่ะที่ได้รู้จักกับคุณ


โดย: เพียงแค่เหงา วันที่: 15 มิถุนายน 2550 เวลา:13:18:11 น.  

 
ขอบคุณค๊าบบ


โดย: ดีมาก IP: 118.174.23.193 วันที่: 3 มีนาคม 2551 เวลา:21:00:01 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ลั่นทมขาว
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]




ถ้าจะแพ้อย่าอ่อนแอให้ใครเห็น
ถ้าอยากเป็นคนเข้มแข็งต้องแกร่งไว้
ถ้าอยากร้องก็ร้องให้หนำใจ
แต่ขอให้ได้อะไรจากน้ำตา
New Comments
Friends' blogs
[Add ลั่นทมขาว's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.