Lonely is Friend, not Pain.
Group Blog
 
 
กันยายน 2550
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
30 
 
21 กันยายน 2550
 
All Blogs
 

การเดินทางของสายน้ำ โดย ชาราบูน ตอนที่ 5



แม่วรรณยื่นจดหมายของหลานสาวให้น้องชาย สวัสดิ์รับมาอ่าน ดวงตาฉายแววปิติอยู่ในที อย่างน้อยเขาก็ได้รู้ว่าบุตรสาวยังไม่ลืมเขาไปเสียทีเดียว

“ไม่มีที่อยู่เหรอครับ” ว่าแล้วก็พลิกดูด้านหลังซองซึ่งก็ไม่พบสิ่งที่ต้องการ

วรรณาส่ายหัว ไม่ใช่เธอไม่รู้แต่ชลาลัยได้กำชับเธอนักหนาก่อนเดินทางว่าไม่ให้เธอบอกที่อยู่กับใครโดยเฉพาะบิดา

“แปลก” เขาว่าเหมือนไม่เชื่อ

วรรณาเฉยเสีย ถึงน้องชายไม่เชื่อแต่ไม่กล้าซักไซ้เธอแน่ ส่วนที่ว่าเขาจะไปสอบถามจากใครนั้นเธอไม่รับรู้ เพราะอย่างไรเธอก็อยากให้สองพ่อลูกเข้าใจกันสักที แต่เธอก็ไม่อยากผิดสัญญากับหลานสาว

อีกคนที่สวัสดิ์ตั้งความหวังว่าน่าจะรู้ที่อยู่ของบุตรสาวคือจิตรา ดังนั้นในเช้าวันรุ่งขึ้นจิตราจึงได้รับนามบัตรของนายสวัสดิ์พรอมกับข้อความเชิญรับประทานอาหารกลางวันด้วย
จิตราค่อนข้างแปลกใจกับคำเชิญ เพราะเธอไม่เคยรู้จักใครชื่อสวัสดิ์แต่เมื่อเห็นนามสกลุเธอจึงพอเดาได้ว่าเขาคงเกี่ยวข้องทางใดทางหนึ่งกับชลาลัย จิตราโทรศัพท์กลับไปยังเจ้าของนามบัตรเพื่อตอบรับคำเชิญของอีกฝ่าย เธอไม่ได้เจอเจ้าตัวจึงฝากข้อความไว้กับเลขา

ไอแดดที่แผดเผาลงมายังพื้นโลกทำให้จิตรารู้สึกแสบร้อนไปทั่วแขนและใบหน้า เธอเปลี่ยนจากเดินธรรมดามาเป็นเดินแกมวิ่ง เพื่อจะพาตัวเองเข้าสู่ตัวตึกได้เร็วขึ้น
จิตรารู้สึกดีขึ้นมากเมื่อร่างกายได้กระทบกับไอเย็นของเครื่องปรับอากาศภายในโรงแรม จิตราเดินตรงไปแล้วเลี้ยวขวาไปยังห้องอาหารที่นัดหมาย เธอเคยมาที่นี่สองสามครั้งกับรุจน์จึงพอจะคุ้นเคยกับสถานที่อยู่บ้าง

“จองไว้หรือเปล่าครับ” บริกรหนุ่มซึ่งยืนอยู่ตรงประตูทางเข้าเอ่ยถามอย่างสุภาพ
“คุณสวัสดิ์มาหรือยังคะ”
บริกรหนุ่มตอบรับแล้วเดินนำหญิงสาวไปที่โต๊ะด้านใน ซึ่งติดกับสวนหย่อมมีสายน้ำสายเล็กไหลผ่าน
สวัสดิ์ลุกขึ้นยืนเพื่อต้อนรับการมาของหญิงสาว

“ยินดีที่ได้รู้จัก ผมสวัสดิ์ เทพชีวิน เชิญครับ”

จิตรายกมือไหว้เขาแล้วนั่งลง เมื่อสั่งอาหารเรียบร้อยแล้วสวัสดิ์จึงพูดถึงธุระของเขา

“ผมเป็นพ่อของชลาลัย”

จิตราตาโต เธอคิดว่าเขาอาจจะเป็นญาติทางใดทางหนึ่งของชลาลัยแต่ไม่คิดว่าเพื่อนจะมีพ่อที่ยังหนุ่มขนาดนี้ เอ...แล้วทำไมแม่วรรณของชลาลัยถึงได้ดูอายุแก่กว่ามากนักเล่า

“งั้นคุณอาก็เป็นสามีของป้าวรรณสิคะ” ถามอย่างพาซื่อ
สวัสดิ์อมยิ้มกับความไม่รู้ของอีกฝ่าย “มิได้ พี่วรรณเป็นพี่สาวผม เธอช่วยเลี้ยงชลาลัยตั้งแต่แรกเกิด”
“คะ แล้วคุณอารู้จักจิตได้ยังไงคะ”
“เคยได้ยินพี่วรรณพูดว่าหนูเป็นเพื่อนที่ดีของชลาลัย”
กำลังจะเข้าเรื่องที่ต้องการก็พอดีอาหารมาเสิร์ฟเสียก่อน
“ทานอาหารก่อนเถอะ”

เมื่ออาหารจานหนักผ่านไปแล้ว สวัสดิ์จึงถามเพื่อนของบุตรสาวว่าจะทานของหวานอะไรดี

“เอากล้วยหอมทอดดีไหมคะ จิตทานกับชลเขาบ่อย ตั้งแต่เขาไปเนี่ยไม่ได้ทานเลย คิดถึงเขานะคะ”
“ฮืม” สวัสดิ์ว่าแล้วก็หันไปสั่งของหวานกับบริกรแล้วก็กลับความสนใจมายังสิ่งที่เขาต้องการ
“หนูพอจะทราบที่อยู่ของชลาลัยไหม”
“อ้าว” จิตราอุทานแล้วรีบหุบปากที่กำลังจะพูดต่อไปว่า...แล้วคุณอาไม่ทราบหรือคะเสีย แล้วพูดใหม่ว่า
“ทราบค่ะ” จิตรานึกถึงเพื่อน ชลาลัยขอร้องไม่ให้เธอบอกที่อยู่กับใครแต่คงไม่ได้รวมไปถึงบิดาด้วยหรอกนะ

สวัสดิ์รับกระดาษที่จดที่อยู่ของชลาลัยจากจิตราด้วยมือที่ค่อนข้างสั่น เขาไม่รู้ว่าทำไมตนเองต้องมีปฏิกิริยาเช่นนี้ อาจจะเพราะความห่วงทำให้เขารู้สึกแปลกและค่อนข้างกระดากต่อการมาขอที่อยู่ของบุตรสาวจากเพื่อนของเธอ ทั้งที่เขาควรจะเป็นคนที่รู้ดีที่สุด

หลังจากกลับเข้ามาจากการไปรับประทานอาหารกลางวันแล้ว จิตราก็แทบจะไม่มีสมาธิทำงานด้วยว่าจิตรากำลังคิดวกวนอยู่แต่เรื่องของชลาลัย
ก่อนนี้จิตรามองว่าชลาลัยนั้นทั้งเก่งและน่ารัก แม้ว่าจะไม่ใช่คนสวยแต่ก็ชวนพิศ ชลาลัยไม่เคยร้องไห้ให้เธอเห็นเลยสักครั้ง แม้แต่ใบหน้าที่เศร้าก็แทบจะนับครั้งได้ ส่วนมากจะหน้าบึ้งเวลามีคนมาหาเรื่อง แต่ปกติชลาลัยจะยิ้มแย้มแจ่มใสเสมอ
แล้วจิตราก็รู้แล้วว่าแท้จริงเธอไม่เคยเข้าไปรู้อะไรของชลาลัยเลย ก่อนนี้รู้เพียงแค่ชลาลัยอยู่กับแม่ที่ชื่อแม่วรรณ ซึ่งปัจจุบันเธอก็รู้แล้วว่าตนเข้าใจผิดทั้งสิ้น
“ชลาลัย ตัวตนที่แท้จริงของเธออยู่ไหนกันนะ” จิตรารำพึง


ชลาลัยเดินเรื่อยเปื่อยมาถึงริมธาร น้ำใสจนเธอลองเอาเท้าจุ่มลงไปแต่ก็ต้องรีบชักเท้ากลับขึ้นมาในทันที เพราะน้ำเย็นเฉียบราวกับน้ำแข็งยังไงยังงั้น นั่นสินี่มันเดือนธันวาคมแล้ว ตอนเช้าเมื่อตื่นขึ้นมา ชลาลัยจะมองเห็นไร่คนางค์เหมือนเมืองในหมอก ตอนกลางคืนบางคืนก็ต้องตื่นขึ้นมาปิดหน้าต่างเพราะลมหนาวพัดกรูเข้าให้ขนลุกจนหลับไม่ลง
วันนี้วิกรมไม่อยู่ ลงไปกรุงเทพฯตั้งแต่เมื่อวาน เอาฝรั่งพันธุ์ที่ทางไร่ผสมขึ้นมาได้ไปให้ทางกระทรวงเกษตรฯ ตรวจดูว่าไม่ได้ซ้ำกับของใครเข้า กว่าจะกลับก็วันมะรืน รู้สึกเหงา ๆ อยู่เหมือนกัน
ชลาลัยมองดูสายน้ำ ไหลไปถึงไหนนะเจ้าสายน้ำชลาลัยคิด

….สายน้ำน้ำไหลร่วงโรย
สายลมลมโชยโบยลิ่ว
สายฝนฝนหล่นลมปลิว
ปลิวกระจายเปียกกายเปียกใจ…..1

ชลาลัยตอบตัวเองไม่ได้สักทีกับความรู้สึกที่มีต่อพี่ชายของจิตรา มันคล้ายความรักแต่ไม่ได้มากมายเท่าที่เธอเคยมีต่อรวี คู่รักที่เพิ่งเลิกราไปเมื่อสองเดือนก่อน

“คิดอะไรอยู่เหรอชล”
ชลาลัยสะดุ้ง หันไปมองเจ้าของเสียง จะให้ตอบอย่างไรว่าคิดถึงเขาอยู่หนะสิ
“รู้ได้ไงคะว่าชลอยู่นี่” เสถามไปให้ไกลเสีย
ถกลทรุดตัวลงนั่งข้างหญิงสาวพลางเอามือขวักน้ำเล่น
“เย็นดีจัง พี่ก็เดาเอา”
ชลาลัยลอบมองใบหน้าด้านข้างของเขา รอยเขียวครึ้มปรากฏตั้งแต่จอนผมจนถึงปลายคาง กลิ่นน้ำหอมโชยมาแตะจมูก ผู้ชายใส่น้ำหอม สงสัยแฟนจะซื้อให้ เอ๊ะ...แล้วทำไมเราต้องไปสนใจเรื่องของเขาด้วยนะ เธอชักจะก้าวล้ำความรู้สึกที่ควรมีมากเกินแล้ว

“หิวข้าวหรือยัง คุณลุงให้มาชวนไปกินข้าวที่บ้าน”
“งั้นก็ไปเถอะค่ะ อย่าปล่อยให้ท่านรอนาน” ชลาลัยบอกแล้วลุกขึ้นเดินนำไปก่อน ปล่อยให้อีกฝ่ายนั่งงงกับอารมณ์ที่ปรวนแปรของเธอ

ชลาลัยเดินจ้ำเท้าไปด้วยความน้อยใจ นี่ถ้าคุณลุงไม่บอกไปให้เขามาตามเธอไปทานข้าว เขาก็คงไม่เดินมาหาเธอ ไม่เหมือนกับบางคนที่ขวนขวายได้พบได้เจอ
ชลาลัยรู้แล้วว่าใจเธอคิดเช่นไรกับหมอถกล แม้จะบอกให้ตัวเองหักใจเสีย แต่เธอก็ไม่รู้ว่าตัวเองจะทำได้สักแค่ไหน

“เหงาหรือเปล่า” ถกลเอ่ยขึ้นถามเมื่อเดินตามมาจนทันหญิงสาวแล้ว
“ก็มีบ้างค่ะ แต่ไม่บ่อยนัก อย่างวันนี้ก็เหงาเหมือนกัน”
“เพราะวิกรมไม่อยู่หรือเปล่า”
“สำหรับวันนี้ก็มีส่วน” ชลาลัยตอบตามความรู้สึกจริง ๆ ไม่ทันคิดว่าอีกฝ่ายคิดอะไรอยู่
“นั่นสินะ การมีคนรู้ใจในยามไกลบ้านจะทำให้เรารู้สึกอบอุ่น พี่เห็นด้วย”

ชลาลัยหยุดเดินทันทีซึ่งทำให้อีกฝ่ายต้องหยุดลงด้วยเช่นกัน หญิงสาวมองชายหนุ่มด้วยสายตาที่วิกรมเคยบอกว่าคมเฉียบ พูดด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ ว่า
“เรื่องแบบนั้นคงใช้ได้กับพี่กลคนเดียวมั้งคะ สำหรับชลแล้วการอยู่คนเดียวสบายใจอย่างที่สุด วิกรมเขาเป็นเพื่อนที่ดี ชลย่อมจะต้องเหงาบ้างเป็นธรรมดาเมื่อเขาไม่อยู่ หรือว่าพี่กลไม่เคยคะ”
“พี่...พี่แค่หยอกเล่น” ถกลบอกแล้วก็เบือนหน้าหลบสายตาของหญิงสาว ผู้หญิงอะไรไม่รู้มองทีเล่นเอาขนลุก
“ดีค่ะหยอกเล่น” ชลาลัยว่าแล้วก็ยิ้มหวานแต่ตายังไม่ละจากชายหนุ่ม แม้ว่าเขาจะไม่หันมาทางเธอ “ไปกันเถอะค่ะ”
ถกลองตามร่างที่เดินนำไปก่อนแล้วคิดถึงคำพูดของน้องสาวเมื่อคืนแล้วก็ชักจะเห็นด้วย

“จิตไม่ขอเล่ารายละเอียดนะพี่กล เพราะไม่รู้ว่าชลเขาอยากให้ใครมารับรู้เรื่องของเขาหรือเปล่า แต่สิ่งที่จิตได้รู้มาทำให้จิตเป็นห่วงเขา ชลเขาเก็บความรู้สึกเก่ง ยิ่งไปอยู่ไกล ๆ ด้วยถ้าเขามีปัญหาอะไรเขาอาจจะต้องการคำปรึกษา ยังไงพี่กลช่วยดู ๆ เขาหน่อยนะคะนะพี่กลช่วยน้องด้วย”
โดนลูกอ้อนเข้าถกลจึงต้องรับปาก ทั้งที่รู้ว่ายังไม่รู้จะทำยังไง พอวันนี้จะลองสักหน่อยก็ดันไปพูดผิดหูเจ้าหล่อนเข้าเลยโดนย้อนเข้าตัวซะอีก

โกสินทร์มองตามร่างทั้งสองที่เดินผ่านสวนจะเข้ามายังตัวบ้าน

“ขอโทษนะคะคุณลงที่ช้า” ชลาลัยกล่าวขึ้นเมื่อก้าวเข้ามาในห้อง
“ไม่เป็นไร ๆ นั่งสิ วันนี้ทานอาหารฝรั่งนะ”

ชลาลัยมองไปรอบ ๆ ห้องสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดกลาง โต๊ะอาหารตั้งอยู่ค่อนไปทางหน้าต่าง มุมห้องอีกด้านคือเตาผิงซึ่งมีร่องรอยการใช้งานใหม่ ๆ เหนือเตาผิงมีกรอบรูปตั้งอยู่สามสี่อัน มีกรอบหนึ่งซึ่งใหญ่กว่าเพื่อนแต่ก็ไกลพอสมควรชลาลัยจึงต้องเพ่งสายตาเพื่อจะมองให้ชัดขึ้น
โกสินทร์หันไปเห็นท่าทางของหญิงสาวเขาพอดี เขาจึงลุกไปหยิบกรอบรูปอันนั้นมาให้

“นี่เป็นรูปภรรยาลุงกับลูกสาว”

ชลาลัยยกมือไหว้ขอบคุณแล้วรับมาดู ผู้หญิงสองคนในรูปหน้าตาไม่เหมือนกันนัก เห็นได้ชัดว่าลูกสาวนั้นหน้าตาละม้ายคล้ายพ่อมากกว่า ส่วนผู้เป็นแม่ ชลาลัยจ้องไปที่ดวงตาของเจ้าของภาพ มันคมหวานไม่เห็นเหมือนตาเธอสักหน่อย ตาเธออาจจะคมแต่ไม่หวานยังนี้หรอก

“ผมว่าจะขออนุญาตพาชลกับวิกรมไปน้ำตกไทรโยค ไม่ทราบว่าคุณลุงจะอนุญาตไหมครับ”
“เอาสิ แล้วจะไปเมื่อไหร่มีใครไปมั่งล่ะ”

ชลาลัยเงยหน้าจากภาพถ่าย ไม่ทันได้สนใจว่าเขาพูดเรื่องอะไรกัน
“อาทิตย์หน้าครับ มีเพื่อน ๆ ที่โรงพยาบาลสองสามคน ชลเขาจะได้เห็นอะไรบ้าง แล้วก็จะได้รู้จักเพื่อนใหม่ ๆ ด้วย ไปไหมชล” ประโยคหลังหันมาถามชลาลัย
“ไปไหนคะ”
“อ้าวนึกว่ารู้แล้ว มัวแต่ดูรูปใช่ไหมล่ะ เอาล่ะทานอาหารก่อนแล้วค่อยคุยต่อ” โกสินทร์ว่าพลางหัวเราะเบา ๆ

หลังจากทานอาหารเสร็จแล้วนั่นแหละชลาลัยถึงได้รู้ว่าหมอถกลชวนไปไหน ดีใจอยู่ลึก ๆ แต่เมื่อนึกขึ้นว่าเขาคงพาใครบางคนไปด้วยเธอเลยรู้สึกแสลงใจ แล้วเนี่ยให้ชวนวิกรมไปด้วย วิกรมคงจะเจ็บไม่น้อยถ้าต้องเห็นบางสิ่งบางอย่างที่บาดใจ

“อย่าลืมชวนวิกรมด้วยนะชล อาทิตย์หน้าพี่จะมารับแต่เช้า เตรียมกางเกงขาสั้นกับเสื้อไปเปลี่ยนด้วยนะ ถ้าไม่กลัวหนาวจะได้เล่นน้ำ”
เมื่อหมอถกลขอตัวกลับไปเพราะว่าจะต้องไปงานเลี้ยงตอนค่ำ ชลาลัยก็ขอกลับบ้านพักด้วยเช่นกัน

ลมหนาวพัดใส่ร่างหญิงสาวอย่างไม่ปราณี เสื้อเชิ้ตตัวบางไม่สามารถทำให้หญิงสาวรู้สึกอบอุ่นได้เลย เดินผ่านต้นลั่นทมใบของมันเหลือติดต้นเพียงเล็กน้อย ดอกสีขาวของมันไม่มีแล้วคงต้องรอให้หมดหนาวก่อนนั่นแหละ จึงจะได้ดมกลิ่นของมันอีกที
หมอถกลฉันชักจะหยุดหัวใจตนเองไม่ได้แล้วนะ ชลาลัยรำพึงในใจ

สายน้ำไหลเชี่ยวมาเจอแก่งหินเข้าเสียแล้ว ไม่รู้ว่ากว่าจะผ่านพ้นไปได้จะต้องกระแทกจนเจ็บตัวอีกสักเท่าไหร่

***************************

หมายเหตุ: 1 เพลงฝากรักของเป้สีน้ำ




 

Create Date : 21 กันยายน 2550
0 comments
Last Update : 21 กันยายน 2550 11:00:19 น.
Counter : 394 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ลั่นทมขาว
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]




ถ้าจะแพ้อย่าอ่อนแอให้ใครเห็น
ถ้าอยากเป็นคนเข้มแข็งต้องแกร่งไว้
ถ้าอยากร้องก็ร้องให้หนำใจ
แต่ขอให้ได้อะไรจากน้ำตา
New Comments
Friends' blogs
[Add ลั่นทมขาว's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.