Lonely is Friend, not Pain.
Group Blog
 
 
กันยายน 2550
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
30 
 
10 กันยายน 2550
 
All Blogs
 
การเดินทางของสายน้ำ โดย ชาราบูน ตอนที่ 3



ชลาลัยยืดตัวตรงใบหน้าเชิดขึ้นโดยอัตโนมัติ ความรู้สึกเมื่อครู่มลายหายสิ้น
“หนูชลมารู้จักหมอถกลสิ หลานชายลุงเองก็พี่ยายจิตเขานั่นแหละ” โกสินทร์เรียกหญิงสาวแล้วหันไปทางหลานชาย
“นี่ชลาลัยเพื่อนน้องแกไง ยัยจิตคงโทรมาบอกล่ะสิถึงได้แล่นมาได้”
ถกลไม่ตอบแต่หัวเราะโชว์ฟันขาว สายตากำลังพินิจเพื่อนน้องสาว คนนี้เองหรือที่จิตราฝากนักฝากหนา ดูท่าทางก็แกร่งดี คงไม่ต้องดูแลอะไรมากหรอกมั้ง

“สวัสดีค่ะ....เออ” ชลาลัยอึกอักเพราะไม่รู้ว่าจะเรียกอีกฝ่ายอย่างไร
“เรียกพี่กลก็ได้ คนกันเอง” ถกลบอก
“สวัสดีค่ะพี่กล” ชลาลัยกล่าวขึ้นอีกครั้งพร้อมพนมมือไหว้เขา นึกฉุนเพื่อนที่ไม่ได้บอกว่ามีพี่ชายอยู่ที่นี่เราจะได้อุ่นใจหน่อย ว่าแล้วก็รู้สึกร้อนวูบที่ใบหน้า อะไรกันนะเรานี่ ชลาลัยสับสนกับความรู้สึกของตนเอง
ส่วนถกลนั้นนอกจากจะมองว่าชลาลัยดูแกร่งแล้วเขาก็ว่าเด็กคนนี้น่าเอ็นดูดี และคงจะใจกล้าไม่เบาที่อุตส่าห์เดินทางมาทำงานถึงที่นี่ สงสัยจะเบื่อกรุงเทพฯ เหมือนเขา
“รู้จักกันแล้วไปทานอาหารเช้ากันดีกว่า หนูชลทานด้วยกันสิ”
“ขอบคุณค่ะ แต่ชลเรียบร้อยแล้ว คงจะขอตัวทำงานก่อน ว่าแต่ทุกคนหายไปไหนกันหมดค่ะ”

คราวนี้ทั้งโกสินทร์และถกลต่างก็อมยิ้มให้กันอย่างไม่นัดหมาย
“หนูชล วันนี้วันอาทิตย์ คนที่เขาไม่ต้องเข้าเวรเขาก็หยุดกัน แต่ไม่เป็นไรวันนี้วิกรมเข้าเวร ลุงจะให้เขาแนะนำงานให้ก่อน แล้วพรุ่งนี้ค่อยเริ่มงานจริงจัง”
“ค่ะ” ชลาลัยรับคำแล้วก็อยากจะเขกหัวตัวเองสักที มัวแต่ห่วงงานเลยลืมดูไปว่าวันนี้เป็นวันอะไร แต่ยังไงคงได้รู้อะไรบ้างจากวิกรม
พูดถึงเพื่อนใหม่คนนี้แล้วก็ให้นึกถึงดอกลั่นทมที่เขาเก็บไปร้อยมาลัย แล้วไหนละคนที่จะได้รับมาลัยพวงนั้น นี่ก็เห็นหมอถกลคนเดียววิกรมคงผิดหวังแย่
“มองหาใครหรือชล”
“นึกว่าพี่กลจะพาใครมาด้วย” หลุดปากพูดออกไปแต่เมื่อนึกขึ้นได้ว่าวิกรมขอไม่ให้บอกใครจึงรีบพูดขึ้นใหม่ “เปล่า..เปล่าค่ะ ชลขอตัวก่อนนะคะ”
ว่าแล้วรีบพาตัวออกจากห้องมา เกือบไปแล้วไหมเรา....ชลาลัยคิด


สวัสดิ์วางปากกาลงแล้วหลับตาลงอย่างอ่อนล้า การแข่งขันของธุรกิจบ้านและที่ดินมีสูงเหลือเกิน วันๆเขาแทบไม่มีเวลาพักผ่อน ถ้าใครสักคนมาคอยช่วยเหลือแบ่งเบาคงดีไม่น้อย แต่ใครเล่าที่จะวางใจได้เท่ากับสายเลือดตัวเอง
ฤทัยนั้นไม่ได้ทำไว้อย่างที่พูดไว้สักนิด เมื่อเธอรู้ว่าลูกเลี้ยงไปทำงานต่างจังหวัด เธอก็บอกเขาว่า
“ก็ทำไมคุณไม่ดึงแกไว้ละ ช่วงนี้ฤทัยไม่ว่างหรอกนะคะ อาทิตย์หน้าว่าจะพาตาภัทรกับยายพลอยไปญี่ปุ่น คุณเองก็หาเวลาพาลูกไปเที่ยวบ้างเดี๋ยวแกจะลืมไปว่ายังมีพ่ออยู่”

แล้วสามแม่ลูกก็บินปร๋อไปยังแดนอาทิตย์อุทัย ทิ้งให้เขาหัวหมุนกับตลาดหุ้นที่นึกจะขึ้นก็ขึ้นนึกจะลงก็ลงไม่มีลู่ทางให้กะให้เก็งกันเลย อาศัยประสบการณ์ที่สะสมมานานเขาถึงสามารถพาบริษัทดำเนินต่อไปได้ในภาวะการลงทุนที่ค่อนข้างเสี่ยงขณะนี้

สวัสดิ์ปฏิเสธไม่ได้ว่า เขานึกถึงลูกสาวคนแรก อย่างน้อยแกก็เกิดมาจากความรัก แม้จะเป็นความรักแบบเด็กๆ ที่ไม่ทันคิดก็ตามที เขารักผู้หญิงที่ให้กำเนิดชลาลัยมาก รักมากเท่าที่เด็กหนุ่มวัยสิบเก้าปีพึงจะมีได้
แต่ใจเธอก็เด็ดนัก เมื่อคลอดลูกแล้วเธอก็หายไปจากชีวิตของเขา ตอนแรกเห็นว่าจะย้ายที่เรียน แต่ไปๆมาๆ ได้ข่าวว่าไปอเมริกาเสียแล้ว

นานเหลือเกิน...ยี่สิบสามปีที่ไม่เคยได้พบกันอีก จดหมายที่เขาเคยได้รับช่วงหนึ่ง ก็เป็นเพียงจดหมายที่ถามถึงชลาลัยแต่ก็ไม่ได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับตัวเธอเลยสักนิด
ต่างกันกับฤทัย ผู้หญิงที่เขาแต่งงานด้วยเพราะเงินไม่ได้มีความรักมาเป็นส่วนผสมของการครองคู่ หากเมื่อแต่งงานแล้วเขาก็ไม่เคยคิดจะมีใครอื่นอีก ยิ่งมีลูกด้วยกันเขายิ่งไม่อยากมีบาปแก่ใจตัวเองมากไปกว่านี้
ตาภัทรกับยายพลอยเรียกเขาว่าพ่อมาแต่อ้อนแต่ออก แต่ลูกสาวคนแรกของเขานี่สิ แกเพิ่งจะเอ่ยปากเรียกเขาว่าพ่อเมื่อไม่กี่ปีนี้เอง

ครั้งนั้นเขายังจำได้ดีเมื่อพี่สาวบอกให้ไปหาเธอที่บ้าน บอกว่าถึงเวลาที่ชลาลัยจะต้องรู้แล้วว่าน้าหวัดคือบิดาบังเกิดเกล้า แต่เมื่อรู้ความจริงแล้วเด็กสาวอายุเพียงสิบหกกลับทำเหมือนไม่สนใจ ซ้ำยังกล่าวประโยคที่ย้อนยอกจิตใจเขายิ่งนัก

“พ่อหรือคะแม่วรรณ คุณครูที่โรงเรียนบอกว่าพ่อแม่คือคนที่เลี้ยงดูเรามา คอยเอาใจใส่ดูแลเลี้ยงเราจนเติบใหญ่ แต่น้าหวัดไม่เคยเลี้ยงหนูนี่คะ แม่วรรณเลี้ยงหนูมา หนูมีแม่วรรณคนเดียวก็พอ”
แล้วเด็กสาวก็หันมามองหน้าเขาพูดต่อด้วยคำพูดที่ทิ่มแทงหัวใจเขากว่าเดิม
“หนูอยู่ของหนูมาสิบหกปีไม่มีพ่อเหมือนคนอื่นเขา หนูไม่รู้สึกอะไรแล้วล่ะค่ะ มันชิน”

ทั้งวรรณาและเขาต้องอึ้งกับสิ่งที่ชลาลัยพูดออกมา เพราะมันคือความจริง สิ่งที่ตอกย้ำจิตใจเขาจนทุกวันนี้
ชลาลัยเรียกเขาว่าพ่อครั้งแรกเมื่อตอนเขาประสบอุบัติเหตุปางตาย แต่นั่นแหละน้ำเสียงที่แกเอ่ยออกมาช่างแห้งแล้งนัก
“หายเร็วๆนะคะ.....พ่อ”
และอีกครั้งเมื่อวันที่แกเดินทางจากไปทำงาน สายใยความผูกพันที่บางเบาดูเหมือนจะขาดลงเสียตั้งแต่วันนั้น
“พ่อขอโทษชลาลัย”
เขาพึมพำออกมาพร้อมกับน้ำตาของลูกผู้ชายที่สำนึกผิด


“ฮัดเช้ย” ชลาลัยรีบปิดปากตัวเอง อยู่ดีๆ ก็ดันจามออกมาได้
วิกรมหันมามองเพื่อนใหม่ยิ้มๆ “สงสัยจะมีใครกำลังคิดถึงคุณชลอยู่แน่เลย”
“คงเป็นแม่วรรณ เราไม่เคยต้องจากกันนานขนาดนี้”
“ไม่ใช่ครับ ผมหมายถึงหนุ่มๆอะไรทำนองนั้นหนะ”
“คงไม่มีหรอกค่ะคุณวิก ชลเตรียมคานไว้แล้ว”
หญิงสาวบอกยิ้มๆ สายตานั้นกำลังจับพิรุธของอีกฝ่าย เก่งกว่าที่คิดเยอะเลย
“คุณชลก็ว่าเกินไป อ้าว...อย่างมองอย่างนั้นสิครับ รู้นะคิดอะไรอยู่”
“คิดอะไรละคะ”ชลาลัยย้อนถาม
“ก็คุณชลกำลังคิดว่าผมจะเสียใจมากไหมที่มาลัยลั่นทมเป็นหม้าย อย่างห่วงเลยครับ เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรก ผมชินแล้ว” น้ำเสียงของเขาเศร้าลงไปถนัด
“ชลขอโทษค่ะที่ทำให้คุณวิกไม่สบายใจ คนเรานี้พอเจอกับอะไรบ่อยๆ ก็มักจะชินไปเองแหละนะคะ”
“ครับ ปากก็ว่าชิน แต่ข้างในนะคุณชล บางทีมันเจ็บอย่าบอกใครเชียว”

ชลาลัยชะงักปากกาที่กำลังเขียนอยู่ทันที นั่นสินะถึงบอกว่าชินแค่ไหน แต่จริงๆ แล้วข้างในมันเจ็บปวดเหลือเกิน เพราะบาดแผลบางอย่างลบเท่าไรก็ไม่เลือนหายสักที

“อ้าว..อย่ามาเศร้าไปกับผมสิครับคุณชล ว่าแต่ครึ่งบ่ายเราจะไปไหนกันดี”
“แล้วงานละคะ” หญิงสาวถามอย่างแปลกใจ ลบความรู้สึกเมื่อสักครู่ทิ้งไป
“วันอาทิตย์แค่ครึ่งวันครับ ผมว่าเราหาอะไรไปทานริมลำธารดีกว่า คุณชลต้องชอบแน่”
“ดีจัง ชลชอบน้ำที่สุด”
“ผมก็ว่างั้น ไม่งั้นคุณจะชื่อชลาลัยเหรอ ถ้าคุณชื่อฑิฆัฆพร* มีหวังผมคงต้องพาคุณขึ้นกระเช้าไปกินบนฟ้า” วิกรมพูดหน้าตาเฉย
“ถึงขนาดนั้นเชียว เสียดายชลเป็นแค่สายน้ำ”
แล้วต่างก็หัวเราะกับคำพูดของตน คนสองคนที่ชินในสิ่งที่ต่างกัน


โกสินทร์มองลอดแว่นผ่านกระจกใสบานใหญ่ออกไปข้างนอก ถกลมองตามผู้เป็นลุง เขาเห็นคนสองคนกำลังหอบหิ้วข้าวของเหมือนจะไปไหน ฝ่ายชายหิ้วตะกร้าใบย่อม ส่วนฝ่ายหญิงนั้นกอดอะไรสักอย่าง ดูเหมือนจะเป็นเสื่อ

“คงไปหาที่ทานข้าวกัน ดูท่าทางจะเข้ากันดีกับเจ้าวิกรม” โกสินทร์พูดขึ้น
“ครับ ยายจิตรู้เขาคงสบายใจ”
“แกเองก็เถอะ ถ้าน้องไม่วานให้ช่วยมาดูเพื่อนคงไม่โผล่มาหรอก” น้ำเสียงไม่ได้แสดงว่าโกรธเคืองแต่อย่างใด อีกฝ่ายเลยหัวเราะเก้อๆ
“ผมเพิ่งมาต้องปรับตัวมาก แต่สัญญาว่าจะมาให้บ่อยขึ้น วันนี้ผมคงต้องขอตัว”
“อะไรวะ เพิ่งมาเดี๋ยวเดียว นัดแฟนไว้ละสิ”
“เหล่าครับลุง แหมผมเพิ่งจะมาไปมีฟงมีแฟนได้อย่างไง” ชายหนุ่มรีบแก้ตัว
“คำก็เพิ่งมาสองคำก็เพิ่งมา ของอย่างนี้มองตาก็รู้แล้วไอ้หลานชาย”
โกสินทร์เย้าหลานชาย เขาเคยผ่านมาแล้วก็รู้ดีว่าเวลาไม่ใช่เรื่องสำคัญ


อาหารหมดไปแล้วแต่ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะยังไม่อิ่ม ชลาลัยจึงหยิบมีดปอกผลไม้ออกมาจากตะกร้าแล้วเลือกฝรั่งขึ้นผลนึง

“ปอกเปลือกไหมคะ”
“ไม่ต้องก็ได้ครับ ผลไม้ไร่เราไม่ค่อยฉีดยา ผมยังต้านได้”
“แสดงว่ายังต้องฉีดอยู่” ปากถามไปมือก็จับมีดเฉาะเจ้าฝรั่งผลอ้วนออกมาเป็นชิ้นๆ
“ก็ถ้าแมลงมาก็ต้องแหละครับ ไม่งั้นเสียหายแย่”
“คุณวิกทำงานกับคุณลุงนานแล้วเหรอคะ”
“ก็ตั้งแต่เริ่ม แปดปีได้แล้วครับ ตอนนั้นผมจบมอสามว่าจะต่ออาชีวะแต่เผอิญแม่มาเสียก่อน คือแม่ผมเป็นญาติห่างๆ กันคุณโกสินทร์ ท่านเลยกรุณาส่งผมให้เรียนมอปลายแล้วเข้ามหา’ลัย ผมเลยเลือกเรียนเกษตรจะได้กลับมาช่วยท่าน”
“คุณลุงใจดีนะคะ แต่ชลว่าท่านดูเหงาๆ” หญิงสาวพูดตามความรู้สึกของตน วิกรมพยักหน้ารับ
“ท่านเพิ่งเสียภรรยากับลูกสาวไปเมื่อปีที่แล้ว”
“โธ่” ชลาลัยอุทานเบาๆ คนอายุเท่านี้ต้องมาสูญเสียคนที่รักไปพร้อมๆ กันถึงสองคน
“ตอนนั้นคุณแก้ว ลูกสาวท่านนะครับ กับคุณคนางค์กำลังจะไปรับท่านที่โรงพยาบาลแต่โดนรถบรรทุกซุงพุ่งเข้าชน คุณโกสินทร์เพิ่งทุเลาจากการผ่าตัดเลยยิ่งทรุดหนัก กว่าจะยืนยิ้มได้อย่างทุกวันนี้ก็แทบแย่เหมือนกัน”

ชลาลัยไม่กล้าถามต่อว่าคุณโกสินทร์เป็นอะไรถึงต้องผ่าตัด เพราะเรื่องราวที่ได้รับฟังก็หดหู่พออยู่แล้ว เหลียวมองไปรอบๆ ไร่กว้างใหญ่ขนาดนี้มีเพียงเขาและลูกน้อง ช่างเงียบเหงาเหลือเกิน แต่ความรู้สึกอย่างหนึ่งชลาลัยสัมผัสได้คือความคุ้นเคย แม้จะผ่านไปแค่สองวันแต่เธอก็รู้สึกคล้ายต้นไม้ทุกต้น ดอกไม้ทุกดอก กำลังโบกสะบัดทักทายและต้อนรับให้เธออยู่ที่นี่อย่างยินดี

“ไร่คนางค์ก็มาจากชื่อภรรยาคุณลุง”
“ใช่ครับ คุณคนางค์เธอสวยเย็นๆ ตางี้คมเฉียบ จริงด้วย” วิกรมอุทานอย่างตื่นเต้น
“ตาเหมือนคุณชลเลย”
หญิงสาวเอานิ้วจิ้มตัวเอง “ชลหรือคะ แหมเป็นปลื้ม แล้วรู้สึกไงคะ”
ว่าแล้วก็จ้องตรงไปยังอีกฝ่าย ถามย้ำอีก “ไงคะรู้สึกยังไง”
“รู้สึกอะไรเหรอครับ” วิกรมตอบอย่างพาซื่อ ทำให้ชลาลัยหัวเราะชอบใจ
“ก็คุณวิกว่าตาชลเหมือนคุณคนางค์ที่คมเฉียบ แล้วทำไมไม่รู้สึกเจ็บล่ะคะ”
“โธ่ คุณชลทำผมได้” วิกรมทำท่าฮึดฮัดเมื่อรู้ว่าตนหลงกลอีกฝ่ายจนได้
ไร่คนางค์ ......ชลาลัยยิ้มให้กับตัวเอง ฉันชักจะรักเจ้าแล้วนะ


**************************

* ทิฆัมพร หมายถึง ท้องฟ้า



Create Date : 10 กันยายน 2550
Last Update : 10 กันยายน 2550 9:48:52 น. 1 comments
Counter : 318 Pageviews.

 
ถกล ชื่อไม่ค่อยทันสมัยเลย


โดย: Yui IP: 58.136.79.204 วันที่: 10 กันยายน 2550 เวลา:14:57:28 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ลั่นทมขาว
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]




ถ้าจะแพ้อย่าอ่อนแอให้ใครเห็น
ถ้าอยากเป็นคนเข้มแข็งต้องแกร่งไว้
ถ้าอยากร้องก็ร้องให้หนำใจ
แต่ขอให้ได้อะไรจากน้ำตา
New Comments
Friends' blogs
[Add ลั่นทมขาว's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.