แค่รู้...ก็ไม่หลงทางรัก
ได้อ่านข้อความดี ๆ จาก web ของดังตณ นักเขียนแนวธรรมะที่ผมชื่นชม ผมคิดว่าเรื่องที่ได้อ่านมันคือแก่นแท้ของสิ่งที่เรียกว่า "ความรัก" อ่านและทบทวนอยู่หลายรอบ พยามยามหาข้อแย้ง พยามยามเถียง แต่สุดท้าย เถียงไม่ได้ จนมุม และยอมรับว่า "ใช่" เลยต้องขอเอามาบันทึกไว้เพื่อเตือนใจตัวเอง ว่านี่แหละ "แค่รู้...ก็ไม่หลงทางรัก"
"ทำไมนะคนเราถึงโหยหาที่จะมีความรัก"
นอกจากความเรียกร้องของสัญชาตญาณทางเพศแล้ว คนหนุ่มสาวหลายคนกำลังโหยหาความรัก เพราะไปสำคัญว่าความรักนี่แหละจะช่วยผลักไสให้ความเหงาและความโดดเดี่ยวที่ตนกำลังเผชิญอยู่ห่างออกไปได้ ทั้งที่มีหนุ่มสาวจำนวนไม่น้อย กลับเหงาและโดดเดี่ยวมากขึ้นเมื่อมีความรัก พร้อมทั้งวิตกกังวลและว้าวุ่นใจเพราะคนที่รัก
เมื่อเราปรารถนาให้ใครสักคนมาอยู่ข้างกายหรือเป็นคู่รัก เราไม่มีทางรู้เลยว่าเหตุการณ์ต่อไปในอนาคตจะเกิดอะไรขึ้น พระพุทธองค์ตรัสว่า ที่ใดมีรัก ที่นั่นมีทุกข์ เพราะความรักมีอีกชื่อหนึ่งว่า กามตัณหา ซึ่งคือกิเลสอันเจือด้วย ราคะ เฝ้าแต่เรียกร้องต่างๆนานาให้ตอบสนองกันและกันอย่างไม่สิ้นสุด ดังนั้นเมื่อเรากำลังเหงาและว้าเหว่จากการไขว่คว้าหาความรักอยู่ล่ะก็ โปรดตระหนักรู้ว่า เราทุกข์เพราะ ความเหงา เท่านั้นเอง มันไม่ได้เลวร้ายอะไรเท่าไหร่เลย ความเหงาเป็นเพียงคลื่นความคิดที่ผ่านเข้ามาเยี่ยมเยือนใจเราและก็ผ่านออกไป ขอให้การตระหนักรู้นี้อาบรดจิตใจของเราอยู่บ่อยๆ
"แล้วเราจะดูแลความเหงาได้อย่างไร"
เรามีวิธีเยียวยา ความเหงา ง่ายๆ คือ ไม่ปล่อยให้ตัวเองอยู่ว่าง แต่สร้างกิจกรรมต่างๆ ในชีวิตประจำวันให้เป็นกิจกรรมที่สร้างสรรค์ จรรโลงใจ และสามารถยกระดับจิตใจให้สูงขึ้น เช่น การเล่นกีฬา พูดคุยเรื่องราวธรรมะ ช่วยเหลือสังคม หรือผู้ด้อยโอกาส เด็กกำพร้า คนชราที่ถูกทอดทิ้ง ทำบุญ ให้ทาน เป็นต้น ไม่ใช่กิจกรรมหรือเรื่องราวที่นำพาจิตใจของเราให้ไหลลงต่ำ หรือเรื่องราวที่วกเข้ามาสู่เรื่องเพศ ซึ่งจะทำให้เรามีจิตใจที่หม่นหมอง ดำมืด และหดหู่เพิ่มมากยิ่งขึ้นบางครั้งจะนำไปสู่ความเคียดแค้น ชิงชัง อันเป็นอารมณ์ทางลบ เพราะโดยปกติผู้ที่มีความหงอยเหงาจากความรักนั้น หากจิตใจฟุ้งซ่านและมีความคิดไหลลงต่ำแล้วมักจะวกหาเข้าสู่เรื่องเพศเสมอ
ความจริงเราได้ลิ้มรสความรักได้โดยไม่ต้องรอคอยให้ใครมาถึงตัวเสียก่อน เพียงเราตระหนักรู้ความคิดของเราให้ไปในทางที่ปรารถนาดีกับสรรพชีวิตอื่นๆได้ เราก็อยู่กับความรักในขณะนั้นๆแล้ว
"หากเรามีรักที่ไม่สมหวัง เราจะดูและความเศร้า ความน้อยอก น้อยใจของตัวเองได้อย่างไร"
ไม่เพียงแต่ความเหงา ความโกรธ ความน้อยใจ ก็ดี เราสามารถใช้อารมณ์เหล่านี้มาเป็นตัวตั้งในการเริ่มฝึกสร้างความปรารถนาดีได้ เมื่อไรก็ตามที่อารมณ์ด้านลบเหล่านี้เกิดขึ้น ขอให้เราเพียงแค่ตระหนักรู้เท่านั้นว่าอารมณ์ด้านลบเหล่านี้ได้เกิดขึ้นมาแล้ว ทำความรับรู้ถึงอารมณ์นั้นไปตรงๆ ทำความรู้สึกบ่อยๆ เราก็จะเลิกยึดอารมณ์ด้านลบเหล่านั้นไปเองโดยไม่ต้องข่มหรือพยายามใดๆ ยิ่งฝึกบ่อยๆก็จะยิ่งเห็นอารมณ์ด้านลบหายไปเร็วขึ้น เราจะไม่ปล่อยให้อารมณ์ด้านลบนี้ออกมาทางวาจาและการกระทำ ปล่อยให้เป็นเพียงควันที่ลอยฟุ้งอยู่ในความคิดเท่านั้น ไม่คิดถึงเรื่องต้นเหตุ แล้วในที่สุดมันจะหายไปให้ดูต่อหน้าต่อตา
ขอให้เราฝึกเช่นนี้ เราจะกลายเป็นนักดูอารมณ์ ไม่ถูกอารมณ์ครอบงำ ไม่แม้กระทั่งไปครอบงำอารมณ์ด้วย เหมือนแยกเป็นคนละฝ่าย ฝ่ายหนึ่งแสดงอารมณ์ให้ดู อีกฝ่ายรู้อารมณ์ไป ฝ่ายแสดงไม่ชอบให้มารู้ เมื่อมีฝ่ายมารู้ก็จะรีบหนีไปทันที เมื่อเราฝึกเช่นนี้จนถึงจุดหนึ่งเราจะรู้สึก โล่งอก ขึ้นมาอย่างน่าอัศจรรย์ เป็นความโล่งอกสบายๆ อยู่เรื่อยๆ ไม่อยากเอาเรื่องเอาราวกับใคร มีความสุขกับใจของตนเองได้
"จริงๆแล้ว รักแท้มีจริงหรือเปล่า"
หนุ่มสาวเมื่อตกลงมาอยู่ในสภาวะคู่กัน ต่างต้องตระหนักรู้ว่าแต่ละคนแตกต่างกันเปรียบได้กับชิ้นส่วนอุปกรณ์ในโรงงานที่ต่างกัน แต่เมื่อนำมาประกอบกันแล้วจะต้องสามารถใช้การได้ดี ดังนั้นทั้งสองฝ่ายจะต้องเต็มใจที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเองให้เข้ากันได้
ธรรมชาติการคบกันของหนุ่มสาวนั้น แตกต่างจากการคบกันแบบเพื่อน แบบพ่อ แม่ ญาติพี่น้อง ดังนั้นความดึงดูดกันจะมีอายุจำกัดจึงต้องเฝ้าเติมเหตุปัจจัยที่จะรักษาความดึงดูดเอาไว้ เฝ้าเติมไปจนล้าเมื่อใด ในที่สุดมันจะหมดลง เพราะความรักแบบนี้มีอายุได้นานเท่าที่เหตุปัจจัยยังคงอยู่
สิ่งที่ทำให้คู่รักดำรงอยู่ด้วยกันได้ คือบุญที่ทำให้ต่างฝ่ายต่างรู้สึกกลมกลืน กลมเกลียวกัน เป็นหนึ่งเดียวกัน หรือใกล้เคียงความเป็นหนึ่งเดียวกันมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
บุญในที่นี้คือ การคิด การพูด การทำในสิ่งที่จะทำให้ความรู้สึกมีความดึงดูดต่อกัน ไม่ใช่การใส่บาตรหรือถวายสังฆทานเพราะสิ่งนี้จะสร้างอารมณ์หวานขึ้นมาได้ชั่ววูบใหญ่ๆ แต่ความรู้สึกที่เป็นรากแก้วหยั่ง ลึกลงไปอยู่ด้วยกัน ต้องอาศัยความคิด คำพูด และการกระทำที่ดีต่อกัน ในทางที่มีความนุ่มนวล ในทางที่เป็นมิตร โดยทั้งคู่ต้องปรับตัวเข้าหากัน ปรับคลื่นความคิด ปรับคำพูด และปรับการกระทำให้กลมกลืน กลมเกลียว และหยั่งรากอยู่ด้วยกัน นั่นคือความหมายของคู่รักที่แท้ ซึ่งไม่ได้มีอยู่อย่างถาวร มันมีการดำรงอยู่แค่อายุของบุญอันเกิดจากการปรับได้แล้วของความคิด คำพูด และการกระทำเท่านั้น นี่คือสิ่งที่พระพุทธศาสนาสอนไว้ว่า ทุกสิ่งทุกอย่างมีรากมาจากความคิด คำพูด และการกระทำ
เมื่อเกิดปัญหาในภาวะคู่ขึ้นมา เราต้องตระหนักรู้ว่านั่นเป็นความผูกพันระดับหนึ่ง มีความอดทนต่อการแตกร้าวระดับหนึ่ง เราควรมองให้ถูกจุดว่าเรากำลังยึดถือในสิ่งที่ไม่สามารถยึดถือได้ เราต้องทำความเข้าใจตั้งแต่ต้นว่าเราต่างเป็นคนแปลกหน้าที่มาคบกัน เป็นความตกลงร่วมกัน สิ่งที่เกิดขึ้นสามารถเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา
"เราควรปฏิบัติอย่างไรกับรักที่ไม่ราบรื่น สมหวัง"
ในอีกทางหนึ่ง เรารู้แล้วว่าภาวะคู่ผูกพันด้วยสายใย จึงเป็นไปได้ที่จะสร้างเสริมสายใยขึ้นมาใหม่อย่างไม่จำกัด
เดิมมีสายใยที่เรามองไม่เห็นด้วยตาเปล่าอยู่ก่อน จากบุญเก่าในอดีตที่ทำไว้ระหว่างกัน เราจะวัดระดับว่าสายใยหนาแน่นแข็งแรงเพียงใด ก็ด้วยการลองเจอปัญหา หรือเจอสิ่งที่ไม่ชอบในตัวอีกฝ่าย แล้วดูว่าสามารถรับได้แค่ไหน โดยเฉพาะที่ต้องเจอซ้ำๆ ถ้าความอดทนต่ำก็แปลว่าสายใยผูกพันไม่ได้เหนียวแน่นหรือแข็งแรงอะไรเลย แต่หากยังรักมากอยู่อีก ใจเราจะยิ่งอดทนสู้มากขึ้น
แต่หากหมดแรงที่จะรัก ก็ไม่มีเหตุผลใดที่จะต้องฝืน เพราะฝืนแล้วเราจะต้องทุกข์ เป็นธรรมชาติที่หลังจากร่วมคบหากันไปสักระยะตัวตนของทั้งคู่จะแสดงออกมา ตรงนั้นเราต้องเชื่อสามัญสำนึกแล้วว่าเราสามารถที่จะรับได้ไหม เมื่อหลังจากพยายามอดทนกล้ำกลืนระยะหนึ่งแล้วไม่มีอะไรดีขึ้น บางทีการลองห่างกันไปบ้างเพื่อรักษาจิตใจก็อาจเป็นวิธีรักษาความรักไว้ แต่ถ้ากลับมาร่วมทางกันอีกครั้ง ให้ต่ออายุรักด้วยความตื่นรู้ที่จะละบาป ละเวร เลิกแล้วต่อกัน เปลี่ยนเป็นคิดดี พูดดี ทำดีต่อกัน การจากกันชั่วคราวของเรา จะเท่ากับเป็นการปล่อยให้ความรักตายไป เพื่อให้มันเกิดใหม่อย่างไร้มลทินในวันหนึ่ง
เราสามารถพัฒนาความรักฉันคู่รักขึ้นมาได้ ด้วยการพยายามตื่นรู้ที่จะแปรเปลี่ยนทุกเรื่องราว ทุกการกระทำต่อกันให้ดีขึ้น เมื่อละความหลงออกแล้วความตระหนักรู้ในสัจธรรมแห่งความเปลี่ยนแปลงก็จะเข้ามาแทนที่ คุณค่าสูงสุดของรักแท้ คือการมีกันและกัน เตือนสติกันและกัน ประคับประคองและเกื้อกูลกันบนเส้นทางที่สูงขึ้น จนกว่าจะถึงความสิ้นสุดแห่งทุกข์คือพระนิพพาน การพากันรักพระนิพพานนั่นแหละคือรักอันเหนือรักอย่างแท้จริงอันเป็นความรักที่จะพัฒนาตัวมันเองให้แผ่กว้างไปสู่สรรพชีวิต ไม่จำกัดอยู่แต่กับคู่รักเท่านั้น จึงมีแต่ได้กับได้ เพราะแม้ยังไปไม่ถึงฝั่ง อย่างน้อยที่สุดก็ได้ชื่อว่ารักจะเป็นสุข ไม่ใช่รักจะเป็นทุกข์เยี่ยงคนหลงทาง หาทางออกยังไม่เจอ
การที่จะให้คนอื่นมีความสุขนั้น การกระทำที่สำคัญคือการให้
ความรักยังเป็นสิ่งสวยงาม เพียงแค่เราเข้าใจ เรียนรู้ และอยู่กับความรัก โดยไม่ปิดประตูตายสำหรับมัน แล้วบางทีความรักจะทักทายและส่งรอยยิ้มและความสุขให้กับเรา
แค่รักตัวเองให้เป็น ก็มีค่ามากพอแล้วสำหรับผม.
ที่มา : //dungtrin.com/index.php?option=com_content&view=article&id=809:%E0%B9%81%E0%B8%84%E0%B9%88%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B9%89-%E0%B8%81%E0%B9%87%E0%B9%84%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%87%E0%B8%97%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%81&catid=80:scoop&Itemid=283
เรื่องที่รู้วันนี้ตอนนี้ ฉันก็มีแต่ความอุ่นใจ รักที่เราให้กันคือสิ่งดีงาม แม้สุดท้ายจะเหลือพียงฝัน หรือจะเป็นอย่างไรก็ตาม ฉันจะทำวันนี้ให้ดีดังใจ
Create Date : 10 กันยายน 2553 |
Last Update : 10 กันยายน 2553 7:33:06 น. |
|
45 comments
|
Counter : 3859 Pageviews. |
|
|
|
โดย: ณ ปลายฉัตร วันที่: 10 กันยายน 2553 เวลา:7:40:46 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 10 กันยายน 2553 เวลา:8:01:13 น. |
|
|
|
โดย: fonrin วันที่: 10 กันยายน 2553 เวลา:8:11:45 น. |
|
|
|
โดย: ละอองเวลา วันที่: 10 กันยายน 2553 เวลา:8:28:47 น. |
|
|
|
โดย: แฟนหล่อ วันที่: 10 กันยายน 2553 เวลา:8:42:53 น. |
|
|
|
โดย: chenyuye วันที่: 10 กันยายน 2553 เวลา:8:53:02 น. |
|
|
|
โดย: kapeak วันที่: 10 กันยายน 2553 เวลา:8:53:30 น. |
|
|
|
โดย: บ้าน-หวาน-หวาน (kwan_chat ) วันที่: 10 กันยายน 2553 เวลา:9:01:59 น. |
|
|
|
โดย: แม่หมู (jamaica ) วันที่: 10 กันยายน 2553 เวลา:10:52:38 น. |
|
|
|
โดย: หัวใจแก้ว วันที่: 10 กันยายน 2553 เวลา:12:44:26 น. |
|
|
|
โดย: บ้าน-หวาน-หวาน (kwan_chat ) วันที่: 10 กันยายน 2553 เวลา:14:10:20 น. |
|
|
|
โดย: หน่อยอิง วันที่: 10 กันยายน 2553 เวลา:14:14:17 น. |
|
|
|
โดย: หมีสีชมพู วันที่: 10 กันยายน 2553 เวลา:15:16:06 น. |
|
|
|
โดย: pragoong วันที่: 10 กันยายน 2553 เวลา:15:41:16 น. |
|
|
|
โดย: กิ่งฟ้า วันที่: 10 กันยายน 2553 เวลา:15:46:09 น. |
|
|
|
โดย: panwat วันที่: 10 กันยายน 2553 เวลา:15:49:35 น. |
|
|
|
โดย: eroz_killer วันที่: 10 กันยายน 2553 เวลา:17:05:52 น. |
|
|
|
โดย: Megeroo วันที่: 10 กันยายน 2553 เวลา:18:00:40 น. |
|
|
|
โดย: อิ ส ร ะ ช น ตั ว โ ต เ ต็ ม วั ย . . ไม่ ใ ช่ ใ ค ร . . . มัน คื อ . . (เป็ดสวรรค์ ) วันที่: 10 กันยายน 2553 เวลา:18:30:00 น. |
|
|
|
โดย: โลมาบินได้ (โลมาบินได้ ) วันที่: 10 กันยายน 2553 เวลา:18:44:40 น. |
|
|
|
โดย: JewNid วันที่: 10 กันยายน 2553 เวลา:19:07:30 น. |
|
|
|
โดย: sweety_pub วันที่: 10 กันยายน 2553 เวลา:19:51:46 น. |
|
|
|
โดย: เริงฤดีนะ วันที่: 10 กันยายน 2553 เวลา:21:22:13 น. |
|
|
|
โดย: ก้างติดคอ วันที่: 10 กันยายน 2553 เวลา:21:25:15 น. |
|
|
|
โดย: ลุงแอ๊ด วันที่: 10 กันยายน 2553 เวลา:22:03:08 น. |
|
|
|
โดย: กลิ่นดอย วันที่: 10 กันยายน 2553 เวลา:22:20:38 น. |
|
|
|
โดย: In the past วันที่: 10 กันยายน 2553 เวลา:22:42:49 น. |
|
|
|
โดย: ทีแปลง วันที่: 10 กันยายน 2553 เวลา:23:39:52 น. |
|
|
|
โดย: aungsi วันที่: 11 กันยายน 2553 เวลา:0:15:38 น. |
|
|
|
โดย: หัวใจแก้ว วันที่: 11 กันยายน 2553 เวลา:1:15:06 น. |
|
|
|
โดย: ณ ปลายฉัตร วันที่: 11 กันยายน 2553 เวลา:7:29:06 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 11 กันยายน 2553 เวลา:8:10:24 น. |
|
|
|
โดย: พระจันทร์ของขวัญ (Great_opal ) วันที่: 11 กันยายน 2553 เวลา:8:22:42 น. |
|
|
|
|
|
|
|
ชอบคุณดังตฤณค่ะ
ข้อคิดของคุณดังตฤณกินใจและเข้าใจได้ง่ายเสมอ
คนที่โหยหาความรัก
อาจต้องการความสุขใจแค่มีใครให้คิดถึง...กระมังคะ อิอิ
(นอกเรือ่งๆๆๆ ) แฮ่ๆๆ