Music Rest Stop: Guilty Pleasure Edition

ข้อแนะนำก่อนฟังเพลง

1. โปรดอย่าดื่มเครื่องดื่มชูกำลังก่อนฟัง เพราะมันอาจทำให้หัวใจคุณเต้นไม่เป็นระวิง
2. เครื่องแต่งกายที่เหมาะสมสำหรับท่านชาย เสื้อเชิ๊ตผ้าซาตินปกเสื้อไหวพริ้ว, กางเกงรัดรูปลายเสือดาว และวิกผมฟูสีทอง (ถ้าไม่มีก็เอาปลายไม้ถูพื้นมาครอบหัว) ส่วนสำหรับคุณผู้หญิง ขอแนะนำให้ใส่สแปนเด็กส์ และหาเฮดแบนด์มาโพกหัว
3. จินตนาการระหว่างฟังของผู้เขียนข้างล่าง กรุณาอย่าไปสนใจอ่านมากนัก 555+ มาฟังเพลงเพราะๆกันดีกว่า ^^




Make Me Lost Control - Eric Carmen
เปิดด้วยฉากพระเอกของเรื่อง กำลังขับรถสามล้อสีแดงเปิดประทุนลัดเลาะไปตามคลองประปา เขากำลังนึกถึงเรื่องราวความรักระหว่างตัวเองและพรหล้า แฟนสาวซึ่งเคยเป็นนางงามนพมาศปีพ.ศ. 2535 (ตัดสลับกับฉากแฟลชแบ็ค ที่ทั้งคู่กำลังป้อนทุเรียนกันอย่างกระหนุงกระหนิง) ทันใดนั้นเพลงนี้ก็ดังขึ้นจากทรานซิสเตอร์ ที่แขวนอยู่บนกระจกมองข้าง เขาตัดสินใจหมุนปุ่มเพลงให้ดังขึ้นตามเนื้อเพลง พระเอกของเราขับไปเรื่อยๆจนมาถึงคลอง 18 เขาหยุดรถพลางถอนหายใจ ทันใดนั้นเขาก็เหลือบไปเห็นพรหล้า ที่กำลังนั่งมองดวงอาทิตย์ ซึ่งกำลังลดระดับลงไปตอกบัตรในคลองบำบัดน้ำเสียอยู่คนเดียว พระเอกของเรายิ้มมุมปากเล็กน้อย ก่อนที่จะเดินเข้าไปหาเธอเพื่อนั่งดูเป็นเพื่อนเธอ...

Turn the radio up for that sweet sound
Hold me close never let me go
(Keep) keep this feelin' alive
Make me lose control








Don't Stop Believing - Journey
หลังจากที่วงดนตรี The Jonas Sisters เล่นดนตรีในผับโกโรโกโสเสร็จแล้ว พวกเขาก็ออกมาทางประตูหลังที่อยู่ในตรอก และนั่งหมดอาลัยตายอยู่ในมุมมืด พวกเขารู้สึกสงสัยว่า เส้นทางอาชีพนักดนตรีมันมาไกลได้แค่นี้เท่านั้นเหรอ ทันใดนั้นแสงไฟจากถนนก็สว่างจ้าขึ้น พวกเขาเงยหน้ามองดวงไฟนั้นพร้อมกัน ทันใดนั้นหัวหน้าวงก็ลุกขึ้นยืน แล้วหิ้วกีตาร์เดินมุ่งไปสู่แสงไฟ สมาชิกคนอื่นของวงก็ต่างมองหน้ากัน แล้วแบกเครื่องดนตรีของตัวเองเดินตามไป (นอกจากมือกลองที่ต้องวิ่งไปกลับหลายรอบเพื่อขนชุดกลองใส่รถตู้) เมื่อพวกเขาเดินถึงถนนใหญ่ที่ตั้งของเสาไฟที่จุดประกายนั้น ดวงไฟถนนก็เริ่มสว่างไล่ไปทางทิศทางตรงข้ามกับผับโกโรโกโส พวกเขาผยักหน้าให้กัน ก่อนที่มุ่งหน้าไปตามแสงไฟที่ดูเหมือนไม่มีจุดสิ้นสุด (นอกจากมือกลองที่ขับรถตู้ไปจอดรอที่สี่แยกไฟแดงหน้าแล้ว)

Dont stop believin
Hold on to the feelin
Streetlight people








You're the Voice - John Farnham
ตั้งแต่เข้าตรู่ เราเห็นผู้คนในบ้านพากันแต่งองค์ทรงเครื่อง พวกเขาทำอะไรกัน ? มีชายคนหนึ่งเปิดประตูบ้านออกมา เขามองไปทางซ้ายก็เห็นอีกชายอีกคนหนึ่งออกมา พอเขามองไปทางขวาก็เห็นคนป้าอีกคนออกมา พวกเขาเดินออกมายืนอยู่บนถนน ก่อนที่จะพร้อมใจกันเดินไปทางทิศตะวันออก ระหว่างที่สามคนนี้มุ่งหน้าก็เริ่มมีกลุ่มคนเดินตามมาสมทบเรื่อยๆ จากสามเป็นสิบ จากสิบเป็นร้อย จากร้อยเป็นพัน จนในที่สุดพวกเขาเดินมาถึงท่าอากาศยา.... โอเค ดูเหมือนว่าเรื่องที่เล่ามานี้ จะให้ความหมายตรงกันข้ามกับเนื้อเพลงอย่างสิ้นเชิง

We're all someone's daughter
We're all someone's son
How long can we look at each other
Down the barrel of a gun?








We're Not Gonna Take It - Twisted Sister
ในห้องเรียนหนึ่ง มีแม่ชีใจร้ายกำลังด่าจนแทบกินหัวนักเรียน แต่ดูเหมือนว่าทุกคนจะไม่ได้ยินเสียงเธอ พวกเขาเห็นแต่ nunzilla ที่กำลังทำปากขมุบขมิบ ทันใดนั้นนักเรียนคนหนึ่งก็ลุกขึ้นยืนแล้วตระโกนว่า "We're not gonna take it !!!" จากนั้นก็เดินออกจากห้อง นักเรียนที่เหลือซึ่งทำหน้าตะลึงในวินาทีแรก ก็แปรเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มในวินาทีต่อมา พวกเขาลุกขึ้นยืนกันทีละคนสองคน พร้อมตะโกนประโยคเดียวกันออกมาใส่หน้า nunzilla...

we're not gonna take it, no!
no, we ain't gonna take it
we're not gonna take it anymore







Every Rose has it's Thorn - Poison
หลับตาชูไฟแช็ค โบกไปมาพร้อมกับผู้ชมอีกหมื่นชีวิต “เอวี่โร้ดดดดด แฮส อิส ทอร์นนนนนน”






Create Date : 30 พฤษภาคม 2552
Last Update : 30 พฤษภาคม 2552 18:32:38 น. 27 comments
Counter : 1260 Pageviews.

 
ดูเหมือนว่าต้องกดเข้าไปใน imeem อีกทีเพื่อฟังเต็มๆนะครับ ^^


โดย: BloodyMonday วันที่: 30 พฤษภาคม 2552 เวลา:18:38:29 น.  

 
เข้ามาใช้พื้นที่โฆษณา

Smiley  ขอความช่วยเหลือ เล็กๆน้อยๆ


 จากคอหนังจ้า Smiley


ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา


ได้ดูหนังเรื่องอะไรมาบ้างเอ่ย..



มาช่วยกันลงคะแนน


เพื่อค้นหา 20 อันดับ


สุดยอดหนังของปีกันเถอะ



เราต้องการคุณ!!


คลิ๊กที่รูป เพื่อไปยังกระทู้เก็บคะแนนเลยจ้า






โทษที เดี๋ยวก็จะสรุปครึ่งปีแล้ว อยากให้มีคนลงคะแนนเยอะๆ


โดย: จูริง วันที่: 30 พฤษภาคม 2552 เวลา:19:44:18 น.  

 
โทษที เมื่อกี้ลืมลงลิงก์





โดย: จูริง วันที่: 30 พฤษภาคม 2552 เวลา:19:47:18 น.  

 
อ๊ะ เรื่องเพลง ไม่ค่อยสันทัด

จะบอกว่า ตย.หนังที่ไปแปะไว้ในบล็อคคุณอป.น่ะ โว้... โคตรคัลท์เลย เลือดสาดกระจายท่วมจอสุดๆ ท่าทางตอนถ่ายจะสนุกกันมาก

อืม... ไม่ถนัดเพลงสากลจริงๆนะ แต่ไอ้จินตนาการระหว่างฟังของแต่ละเพลงนี่ สุดยอดดดดดด

ชอบจินตนาการในเพลงที่ 3 จัง 5555++


โดย: แฟนเพลง เอ๊ย แฟนผมฯ IP: 222.123.113.107 วันที่: 30 พฤษภาคม 2552 เวลา:20:39:06 น.  

 
https://www.bloggang.com/mainblog.php?id=busabap&month=30-05-2009&group=7&gblog=11


โดย: baareeraa วันที่: 30 พฤษภาคม 2552 เวลา:23:23:14 น.  

 
เพลงฟังได้แค่ 30 วิ ผมจึงต้องรีบอ่านจินตนาการของคุณ BdMd โดยไว ซึ่งลำบากแต่ก็สนุกดีครับ ^^

ไม่ค่อยสันทัดเรื่องเพลงครับ แต่พอรับรู้ได้ถึงตอนนั่งฟังเพลงไป จินตนาการไป พร้อมๆรอยยิ้มมีความสุขที่มุมปากไป ทำเอามีีความสุขไปด้วยเลยครับ

สำหรับคนเหล็กภาคนี้นั้น เห็นคุณ BdMd ไปเม้นต์ในบล็อคผมแล้วทำเอาชะงักไปแป๊ปนึงครับ มันแย่ขนาดนั้นเลยหรือครับนี่? เปอร์เซ็นต์การได้ดูในโรงสำหรับผมคงตกฮวบแน่ๆครับ (เพราะมีหนังเรื่องอื่นๆที่น่าสนใจกว่าอีกตั้งเยอะ)



โดย: Seam - C IP: 58.9.235.62 วันที่: 31 พฤษภาคม 2552 เวลา:0:29:41 น.  

 
หนายย...อัพบล็อกแล้วเหรออ...เอิ๊กกก..

ทำมายตัวหนังสือมันลอยๆ... ดูคนเหล็กกแล้วเหรออ...

อยากดูบ้างง...เอิ๊กก... alka seltzer ช้านอยู่หนายย... โอ๊กกกก



โดย: อป (apple_cinnamon ) วันที่: 31 พฤษภาคม 2552 เวลา:2:40:33 น.  

 
ขอโทษ อ่านไม่รู้เรื่องจิงๆ เดี๋ยวพรุ่งนี้มาใหม่เน้ออ..


โดย: อป (apple_cinnamon ) วันที่: 31 พฤษภาคม 2552 เวลา:2:41:39 น.  

 
I see dead people.... no...wait.... I see green fairies...lots and lots of green fairies...

sorry, i kept hitting enter too quick...can you delete my comments please.... so sorry na ja...

promise this won't happen again... it goes against all blogging ettiquette

Duh...like i will remember anything tomorrow... 5555 but seriously can you delete my comments? I sound like a total idiot, even worse, a very annoying idiot - -"

i'll make it up to you.... will buy you a beer or something..stronger...hehehe


โดย: อป (apple_cinnamon ) วันที่: 31 พฤษภาคม 2552 เวลา:2:49:39 น.  

 
จูริง
ไปให้คะแนนแล้วจ้าาา

แฟนผมฯ
ความจริงเพลงที่ 3 นึกถึงว่าคนกลุ่มนี้เดินไปจับมือกับคนอีกกลุ่มนึง แต่คิดไปคิดมาแล้วมันเป็นไปไม่ได้ยิ่งกว่า คิมจองอิล จับมือกับ บารัค โอบาม่า ซะอีก 55+

Seam - C
สงสัยต้องกดเข้าไปในตัว imeem อีกทีครับ ถึงสามารถฟังเพลงเต็มๆได้... ส่วนคนเหล็กภาคนี้ ผมว่าเป็นหนังซัมเมอร์เรื่องแรกเลยครับ ที่รู้สึกผิดหวังสุดๆ แซม เวอร์ธิงตัน ดูมีราศีและเป็น next big thing มากๆ แต่เรื่องนี้เหมือนพี่แกกำลังแสดงละครเวทีอยู่ซะงั้น

อปอช.
Hahaha+ I won't delete it la It reminds me of that awful movie "What Happens in Vegas" when they completely wasted, and then woke up getting married. I hope this morning u already checked ur ring finger, right?

Oh, and that's a promise, right? Can't wait to see you wasted hehe... (but I think I will passed out long before you 555+)


โดย: BloodyMonday วันที่: 31 พฤษภาคม 2552 เวลา:10:50:30 น.  

 
^
OMG! that wasn't me...that was my evil twin sister!!


โดย: อป (apple_cinnamon ) วันที่: 31 พฤษภาคม 2552 เวลา:11:27:29 น.  

 
ขะ ขะ ขอโทษที เผลอกระหน่ำกดเอ็นเตอร์อีกแล้ว *พิมพ์ต่อไปอย่างใช้สติและความระมัดระวังยิ่งชีพ*

ลบเม้นต์ที่มันเกินๆออกมาให้ด้วนน้าา อายคนเค้า (ป่านนี้คนเค้ารู้กันหมดแล้ว ยังมีอะไรเหลือให้อายอีกเหรอยะ กรั่กๆๆ)

ah..the good old spandex and big hair... i think only slash can pull off the look..and maybe john bon jovi (i used to have a poster of him in my bedroom la)

ชอบเพลงสุดท้าย ลีดกีตาร์ขึ้นมาก็โดนใจ ^^ อป.โยกหัวและโบกเทียนพรรษา

-------------------

เด็กหญิงแอปเปิ้ลอบเชยถักเปียสองข้างถือตระกร้านุ่งผ้าถุงเดินกลับจากที่ทำงาน ระหว่างทางได้ยินเสียงโหวกเหวกโวยวายดังมาจากร้านเล็กๆริมน้ำแห่งหนึ่งในเชียงใหม่


โดย: อป (apple_cinnamon ) วันที่: 31 พฤษภาคม 2552 เวลา:11:40:35 น.  

 
บอกวัยเจ้าของบล็อกนิดๆไหมอะคะ หรือว่าไปลองเอาเพลงเก่าๆมาฟัง อุอุ


โดย: cottonbook วันที่: 31 พฤษภาคม 2552 เวลา:11:55:48 น.  

 
^
(oopss..i did it again...maybe your blog's too ENTER-sensitive 55) continue...

I tried to understand this,
I thought that they were out of their minds.
How could I be so foolish (how could I),
to not see I was the one behind.

เด็กหญิงแอปเปิ้ลอบเชยก้าวเท้าเข้าไปในร้านอย่างหวั่นๆ ทันใดนั้นเสียงเพลงก็กระทบแล้วหู เด็กน้อยรีบทิ้งตะกร้า สลัดผ้าถุง เข้าไปโยกหัวอยู่หน้าเวที

Yea they were dancin' and singin' and movin' to the groovin'
And just when it hit me somebody turned around and shouted
Play that funky music white boy

(เฮ้ออ จะโพสต์เพลงก็โพสต์ไม่ได้)




ps. ring finger, checked... under blanket, checked...safe!!

ปลล.ขอเพลงโยกหัวอีกเดี๋ยวจะเข้ามาฟังต่อ


โดย: อป (apple_cinnamon ) วันที่: 31 พฤษภาคม 2552 เวลา:11:57:14 น.  

 
^
^
โห Play that Funky Music นี้ล่วงเลยเข้าสู่ยุค 70 เลยนะ พอดีเราเกิดไม่ทันอ่ะ หุหุ ^^

If you wear spandex and big hair, u could be one of teen pop from 80s ! (i'm thinking about Debbie Gibson hehe...)

จะบอกว่านักร้องนำวงสุดท้ายที่อปอช.พูดถึง สมัยเอ๊าะๆหน้าตาหวานนนมาก (ประมาณ เอคเซล โรส เมื่อ 20 ปีที่แล้วได้เลย) ไว้เดี๋ยวจะโพสรูปให้เชยชมที่บล็อคนะ ^^


โดย: BloodyMonday วันที่: 31 พฤษภาคม 2552 เวลา:12:25:07 น.  

 
ขอแปะนะ ...


โดย: renton :: somewhere out there! - IP: 125.26.132.113 วันที่: 31 พฤษภาคม 2552 เวลา:13:10:35 น.  

 
เอามาให้เปรียบเทียบ อันไหนเพราะกว่ากัน 555+


Don't Stop Believing (live) - Journey



Don't Stop Believing - Family Guy
^
^
ในทรูถึงตอนนี้ยังเนี่ย


โดย: BloodyMonday วันที่: 31 พฤษภาคม 2552 เวลา:13:31:02 น.  

 
5555++ เห็นด้วยกับความเห็นที่มีต่อคนเหล็กทุกประการ ดูแล้วก็รู้สึก นึกแล้วว่า McG คงทำได้แค่นี้ (อยากให้ผู้กำกับ Wanted มาทำจัง อย่างน้อยฉากแอ๊คชั่นคงมีอะไรให้อื้อหือ อื้อฮือ บ้าง) แล้วไอ้ฉากไคลแม๊กซ์นั่นน่ะ นี่ไคลแมกซ์แล้วเหรอแก...

Drag me to hell ไม่พลาดแน่นอน แต่เห็นตย.หนังแล้วนึกถึงหนังเก่าเรื่องนึง (ชื่ออะไรน๊า?...) ที่พระเอกโดนยิปซีสาปให้ผอมน่ะ ไม่รู้ว่าอารมณ์หนังมันจะคล้ายๆกันมั๊ย?


โดย: แฟนผมตัวดำ วันที่: 31 พฤษภาคม 2552 เวลา:13:47:18 น.  

 
โอ๊ววว ย้อนไปไกลเลยนะเนียะ
ไม่รู้จักซ๊ากกะอัน .. แรงตั้งแต่อ่านหัวพาดเอาไว้ 3 ขั้อนั้นแล้วล่ะฮะ

เอ๊าะ อ่อ
คาซาเบน อ่ะได้ฟังแระแต่เต็มๆ ยังไม่ได้อิน
แต่โดยรวมชอบมากๆ เก๋าดี ย้อนยุคสุดกู่อีกแล้วว

ย้อนรอยด้วยสองชุดหลัง มานั่งฟังใหม่
นั่งไทม์แมชชีนอีกแล้วครับท่าน อิอิ



โดย: ฮาโร IP: 58.8.53.20 วันที่: 31 พฤษภาคม 2552 เวลา:14:03:03 น.  

 
^
"เห็นตย.หนังแล้วนึกถึงหนังเก่าเรื่องนึง (ชื่ออะไรน๊า?...) ที่พระเอกโดนยิปซีสาปให้ผอมน่ะ ไม่รู้ว่าอารมณ์หนังมันจะคล้ายๆกันมั๊ย?"

อ๊างงง คุณแฟนผม เรื่องนั้นน่าจะ Thinner ของลุงคิงน่ะค่ะ มีฉากลุงคิงโผล่มาด้วยน้าาา

เหอๆ หนอนหนังสือมาตอบคำถามให้ทากหนังเฉยเลย ^^


โดย: อป (apple_cinnamon ) วันที่: 31 พฤษภาคม 2552 เวลา:14:24:44 น.  

 
^
เค้าไม่อยากเป็นเจ๊เด็บบี้ กิบสันอ่ะ ถ้าให้เป็นทีนป็อบขอเป็นคนนี้แทน ตอนเจ๊ยังสาว

Photobucket

รูปที่เอามาแปะไว้เท่มั่กๆ อ๊างง (ความเป็น product of the 80's เริ่มฉายแวว)

วันวานยังหวานอยู่...

Photobucket

ปล.แล้วรีเควสเพลงง่าา เอามาแปะเพิ่มให้ฟังด้วย รำลึกความหลัง 555


โดย: อป อะเกน (apple_cinnamon ) วันที่: 31 พฤษภาคม 2552 เวลา:15:30:49 น.  

 
เรนตั้น
รับแซ๊บ ^^

cottonbook
เจ้าของบล็อควัยยังละอ่อนอยู่ครับ แต่ดูเหมือนหน้าตาและสภาพร่างกายจะไม่ค่อยเห็นด้วย 55+

แฟนผมตัวดำ
อยากให้ เจมส์ คาเมรอน กลับมากำกับครับ แต่มันคงเป็นไปไม่ได้ TT ส่วนตาแม็คจี ผมว่าให้แกกลับไปทำหนังแนวนางฟ้าชาร์ลีท่าจะเหมาะกว่า 55+... ส่วนหนังที่สงสัยนั้น อปอช.เค้ามาช่วยเฉลยให้แล้วครับ ^^ (บอกตามตรงว่าผมยังไม่รู้เลย 55+)

ฮาโร
เน๊อะ ยังไม่อินเหมือนกัน ว่าจะใส่เอ็มพีสามฟังระหว่างไปทำงาน การฟังจากหูฟังน่าจะช่วยให้เก็บรายละเอียดได้อย่างใกล้ชิด (ส่วนสองชุดหลังไม่รู้เอาไปเก็บไว้ที่ไหนแล้ว หุหุ)

อปอช.
ว้าา โดนแย่งซีนตอบไปซะแล้ว (แต่ความจริงเรายังนึกไม่ออกเลย ว่ะฮ่าๆ)... อย่าไปขุดความหลังอันขมขื่นของเจ๊อลานิสเลยครับ เพราะรู้สึกว่าเธอยังปวดใจทุกครั้ง ที่มีคนแบรนด์เธอว่า Canadian's Debbie Gibson 55+... อ้อ แล้วก็ไปแปะเพลงตามรีเควสแล้วนะ ^^


โดย: BloodyMonday วันที่: 31 พฤษภาคม 2552 เวลา:17:49:15 น.  

 
โว๊ว เอนทรี่นี้มันรีโทรดีจริงๆ

แบบว่าเครื่องตายกายที่แนะนำให้ใส่มา...ถ้าเจอใครใส่ชุดแบบนี้บ้างแถวๆนี้ คงตกใจน่าดู

ปล. ดีใจจริงๆที่ Come Back 2 Me โด่งดังที่ไทย เพราะที่ญี่ปุ่นนี่กระแสอูเบาบางมากๆ

ถึงแม้มันจะไม่ใช่เพลงโปรดที่สุดของอู แต่เวลาได้ยินเพลงนี้ทีไรมันรู้สึกดีใจทุกทีเลย

ดีล่ะ อูจะได้ดังๆต่อๆไป หุหุหุ


โดย: Unravel วันที่: 31 พฤษภาคม 2552 เวลา:22:29:28 น.  

 
โฮ่ย ดึกแล้ว คงอีกนาน(เมื่อไหร่???)ถึงจะได้กลับมาฟังเพลงอย่างเต็มๆ

ตอนจบออกแนว dead poets society เชียว


โดย: nanoguy IP: 125.24.110.123 วันที่: 1 มิถุนายน 2552 เวลา:2:21:13 น.  

 
โอ้ ฟังเพลงกันคนละแนวเลย


โดย: grappa วันที่: 1 มิถุนายน 2552 เวลา:9:06:12 น.  

 
โอ้วว เฮียนักร้องวง steelheart เสียงสูงสะใจมากก ถึงท่อน "forgive ME..." กระจกที่บ้านสั่นพั่บๆเลย ชอบๆ แต่เค้าว่าเสียง Axl เมื่อก่อนมันเถื่อนแบบกระชากๆกว่านะ ราวกับจะร้องให้หลอดเสียงแตกกันไปข้าง (อป.วิจารณ์เพลงไม่เป็น - -") แต่เสียงเฮียไมเคิลแกหวานกว่า เหมาะกับบัลลาด

อ่านแฟนเพลงบรรยายแล้ว... อยากกินเหล้า


โดย: อป (apple_cinnamon ) วันที่: 2 มิถุนายน 2552 เวลา:8:16:32 น.  

 
^
เหวออออ!!!! ทำไมรูปมันใหญ่อย่างนี้ เราไปเอามาจาก photobucket อ่ะ

ยานแม่ถึงBdMd ลบด่วนนนนนนนน

แต้งกิ้ว แอนด์ ซอรี่


โดย: อป (apple_cinnamon ) วันที่: 2 มิถุนายน 2552 เวลา:8:32:13 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

BloodyMonday
Location :
Imaginationland, Valley of Bliss China

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]






-= M & M in Nutshell =-


Gentlemen Broncos (2009)


You could have brain tumor by watching this contaminated turd. Nothing in Gentlemen Broncos pays off, it’s incoherent mess, and chock-full of incredibly annoying characters. You will not only loath this movie, but it also makes you want to punch someone who responsible for this abomination in the face.

BloodyMonday Rating:



Fantastic Mr. Fox (2009)


Imagine if Akira got Live-Action treatment by... say Alfonso Cuarón, you know how awesome it might be? That’s what happened to "Fantastic Mr. Fox". Wes Anderson's auteur perfectly captured the quirkiness and blissful tone of the material. Its stop-motion technique might be a little crude and... somewhat unsophisticated, but that's the charm of it. You’ll feel like pop-up book unveiled before your eyes. This is an exceptional animation of the year.

BloodyMonday Rating:



Planet 51 (2009)


ถ้าถามว่าสนุกไหม? ก็โอเค ทุกอย่างถอดแบบมาจาก Shrek มุขที่อ้างอิงวัฒนธรรมป็อป ตัวละครสมทบที่น่าสนใจกว่าตัวเอก กราฟฟิคที่สอบผ่านฉลุย (ถ้าไม่ไปวัดกับพิกซาร์) แต่ถ้าถามว่าต้องดูไหม? ..... เอาเป็นว่าเวลาชั่วโมงครึ่ง ทำอะไรที่มีประโยชน์กว่านี้ได้เยอะแยะ

BloodyMonday Rating:



It's Complicated (2009)


รู้สึกสนุกกับการได้เห็นป้าเมอรีล เข้าโหมดแอ๊บเด็ก (อีกแล้ว) ในขณะเดียวกัน อเล็กซ์ บอลด์วิน และ จอห์น ครากินสกี้ ก็ขโมยซีนได้ตลอด แต่มันจะเกิดอะไรขึ้นถ้าหนังยาว 2 ชั่วโมงมีเรื่องให้เล่าแค่ 15 นาที... It's Complicated อาจเหมือนคนกินไวอากร้าแล้วเข้านอน คึกตลอดคืนแต่มันจะมีประโยชน์อะไร?

BloodyMonday Rating:



Up in the Air (2009)


Up in the Air is a blockbuster movie for people who think blockbuster movies are dumb, as it chock full of brilliantly written dialogue, and acting showcase for three talented actors (especially star-making turn by Anna Kendrick). But in the end, there's little to love, not so much story to chew on (plus disappointing third act), and no real connection to the meaning of human interaction as it intended to be.

BloodyMonday Rating:



I Love You, Beth Cooper (2009)


Cliché-ridden plot about a bunch of annoying characters get together in one idiotic circumstance, "I Love You, Beth Cooper" is shameless exploitation & biggest insult to 80s teen flicks. It's like memorizing magic trick from internet, hoping to perform like David Copperfield. Neither sense of wonder nor magic flare happens here. Only good thing is, it makes me wanna cleanse my soul with genuine 80s teen movie night marathon.

BloodyMonday Rating:



Everybody's Fine (2009)


Meh. The movie serious lack of originality & characters development. Only Robert De Niro comes out fine in this schmaltzy, "Lifetime" movie-of-the-week plot.

BloodyMonday Rating:



Paper Heart (2009)


Twee delight... That's only two words I can think of right now.

BloodyMonday Rating:



Adam (2009)


A perfect companion to Mary & Max (one of the best animation of 2009), Adam is star-crossed love story (pun intended) between Adam, Asperger's Syndrome bearer, and Beth, free spirit woman. The picture wouldn’t be this intimate without stunning performance by Hugh Dancy. On the other hand, the lack of depth on why Beth would love someone like Adam, preventing me from wholeheartedly embraces her choice in the end (which is nice & perfect but requires a leap of faith). Otherwise, this is touching romantic film, which putting its feet firmly on the ground, making the world full of hope and seems nicer place to live.

BloodyMonday Rating:



The Invention of Lying (2009)


Expected to be like “Click” or “Yes Man”, where high-concept plot turned into endless gags, with moral lesson (forcefully) shoving down your throat. But "The Invention of Lying" is thinking man’s film. The whole concept is not seeing how first lying man exploits the ability. But it's about him finding the way not to lie, in order to find genuine happiness. Great stuff.

BloodyMonday Rating:



Give ‘Em Hell Malone (2009)


This is one damn frustrating experience. It’s like watching an infant trying to stand up and walk. They would take a few steps then fall their asses. In fact, kiddie film like “Bugsy Malone” has done better job paying a tribute to film noir than this borefest.

BloodyMonday Rating:



Zombieland (2009)


ถ้าอังกฤษมีหนังซอมบี้ฮาแตกอย่าง Shaun of the Dead แล้ว ทำไมอเมริกาจะมีบ้างไม่ได้... Zombieland คือการผสมผสานระหว่างบรรดาหนังซอมบี้เก่าๆ เข้ากับทัศนคติของคนสร้างที่อาจดูหนังแนวนี้มากเกินความจำเป็น จนสามารถสร้างหนังซอมบี้ที่เข้าใจสิ่งที่ตัวเองเป็น และเล่นสนุกไปกับกฏพื้นฐานของซอมบี้ได้อย่างเต็มที่ ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องยกความดีให้สี่นักแสดงนำ โดยเฉพาะ วู้ดดี้ ฮาเรลสัน (เขาเกิดมาเพื่อบทนี้) ที่ช่วยกันสร้างมนต์เสน่ห์ ให้กับการเดินทางในโลกไร้มนุษย์ได้อย่างเต็มที่

ถึงแม้พลังงานที่ขับเคลื่อนจะมาหมดเอาดื้อๆในองค์สุดท้าย เมื่อฉากใหญ่ในสวนสนุกถูกทำขึ้นเพื่อแสดงฉากการฆ่าซอมบี้เด็ดๆ (ซึ่งไม่ใช่จุดเด่นสำหรับเรื่องนี้เลย) แต่โดยรวมแล้วมันก็ไม่ใช่ข้อแก้ตัว ที่บรรดาแฟนซอมบี้จะมาพลาดหนังเรื่องนี้... อ้อ แล้วหนังยังมีดารารับเชิญสุดเซอร์ไพรซ์ ที่สร้างเสียงฮาที่สุดในเรื่องได้จากประโยคสุดท้ายอีกด้วย

BloodyMonday Rating:



Frequently Asked Questions About Time Travel (2009)


เมื่อเพื่อนสามคนก๊งเบียร์กันในผับแล้วเจอสาวฮ็อต (แอนนา ฟาริส) ที่อ้างว่ามาจากอนาคตจนเกิดรอยแยกของเวลา ทำให้ทั้งสามต้องท่องไปทั้งโลกในอนาคตและอดีตจนวุ่นวาย...

หนังมีไอเดียกิ๊บเก๋ ทำออกมาได้สนุกสนานสไตล์ซิตคอมอังกฤษ โดยเฉพาะการนำกฏเหล็กต่างๆจากหนังที่เกี่ยวกับการท่องเวลา (ดูเหมือนว่า Back to the Future จะเป็นแรงบรรดาลใจหลัก) มาปู้ยี้ปู้ยำอย่างเมามัน ถึงแม้ว่าตลอดเวลาการรับชมจะให้ความรู้สึก เหมือนตัวเองกำลังดูซีรี่ย์ทางโทรทัศน์ แต่มันก็คือตอนที่ฮาที่สุดของซีซั่น แถมเอฟเฟ็คที่ใช้ก็มีคุณภาพจนคาดไม่ถึง

BloodyMonday Rating:



Looking for Eric (2009)


มีความรู้สึกว่าหนังเรื่องนี้มองโลกในแง่ดีเกินบรรยากาศโดยรวม จริงอยู่ว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่ลงเอยด้วยดีในตอนสุดท้ายนั้น สามารถสร้างความสุขและรอยยิ้มให้กับคนดู แต่จากสถานการณ์ในเรื่องและบริบทที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ มันยากที่จะทำใจเชื่อในสิ่งที่เห็น โดยเฉพาะพล็อตรองเกี่ยวกับปืน ซึ่งถ้าถูกตัดออกไปและหนังยังดำเนินเรื่องอย่างที่เป็นอยู่ Looking for Eric ก็น่าจะเป็นหนังฟีลกู้ดที่อบอุ่นที่สุดเรื่องหนึ่งของปีเลยทีเดียว

BloodyMonday Rating:


~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~
Group Blog
 
<<
พฤษภาคม 2552
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
30 พฤษภาคม 2552
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add BloodyMonday's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.