ทำความรู้จัก 3 ศิลปินนิรนาม ที่เฉิดฉายบนเวทีรำลึก The King of Pop




ผู้เขียนเพิ่งได้ดูพิธีกรรมที่จัดให้กับ The King of Pop ไมเคิล แจ็คสัน ซึ่งในงานก็มีทั้งพี่น้อง, เพื่อนศิลปิน, ผู้เคยร่วมงาน และผู้ที่ได้รับแรงบันดาลใจ มาร่วมแสดงดนตรีกันมากมาย เช่น Mariah Carey, Usher, Jennifer Hudson, Lionel Richie, John Meyers, Stevie Wonder รวมถึง Jermaine Jackson

แต่สองเพลงสุดท้ายซึ่งได้แก่ We Are the World และ Heal the World ก็มีกลุ่มนักร้องที่ผู้เขียนไม่คุ้นหน้า (อีกทั้งCBS ก็ไม่ขึ้นชื่อเสียงเรียงนามให้เราดูอีกต่างหาก) แต่ยังโชคดีที่ทางเว็บไซต์ MTV ได้มาไขข้อข้องใจ โดยแนะนำให้เราได้รู้จักกับศิลปินที่ผู้เขียนรู้สึกติดใจสามคน ซึ่งเมื่อได้ลองฟังผลงานส่วนตัวของพวกเขาแล้ว ก็ยิ่งทำให้สนใจมากขึ้นเป็นทวีคูณ




Judith Hill อาจเป็นศิลปินโนเนมที่โดดเด่นที่สุด สำหรับใครก็ตามที่ดูพิธีกรรมนี้จนจบ โดยเธอได้ร้องนำเพลง We Are the World และยังยืนอยู่ตรงกลางในช่วงระหว่างร้องเพลง Heal the World ซึ่งถ้าไม่เกิดโศกนาฏกรรมเสียก่อน เธอก็จะทำหน้าที่เป็นนักร้องแบ็คอัพให้กับทัวร์ This Is It ที่จะเกิดขึ้นในลอนดอน

ในเว็บไซต์ส่วนตัว Judith Hill ได้เล่าถึงประวัติของนักร้องคนนี้ว่า เธอถูกเลี้ยงอยู่ในคอบครัวนักดนตรี โดยแม่ของเธอนั้นอพยพมาจากญี่ปุ่น และแต่งงานกับพ่อที่อยู่ในวง funk ในยุค 70 หลังจากจบการศึกษาระดับมหาวิทยาลัยแล้ว เธอก็ตัดสินใจมุ่งหน้าไปประเทศฝรั่งเศส และได้ร่วมงานกับนักร้องที่ชื่อ Michel Polnareff

Hill เล่าว่า "ฝรั่งเศสเป็นสถานที่ที่ให้กำเนิดเรื่องราวมากมายในชีวิตของฉัน ทุกสิ่งทุกอย่างตั้งแต่การตามหารักแท้ การนั่งอยู่บนฟุตบาทกับพวกยิปซี การวิ่งหนีเอาตัวรอดจากพวกนักเลงหัวไม้ ซึ่งการได้รับประสบการณ์เหล่านี้ในประเทศที่สวยงาม ทำให้ฉันกลับมายังอเมริกาเยี่ยงเศรษฐีเลย"

แวะไปเยี่ยมเยียน Official website ของเธอได้ที่นี่



คลิ๊ปการแสดงสดของเธอในบาร์แห่งหนึ่ง





นักร้องคนที่สองที่ผู้เขียนรู้สึกติดใจคือ Dorian Holley ซึ่งเป็นคนร้องท่อนที่สามของ We Are the World โดยเขาเป็นแบ็คอัพให้กับ ไมเคิล แจ็คสัน มาหลายทัวร์แล้ว และยังเคยปรากฏตัวให้เราเห็นมากบ้างจากเรียลลิตี้อย่าง So You Think You Can Dance อีกทั้งไปเป็นโค้ชเสียงให้กับเรียลลิตี้สุดฮิต American Idol ใน 4 ซีซั่นล่าสุด

นอกจาก ไมเคิล แจ็คสัน แล้ว เขายังเป็นแบ็คอัพให้กับศิลปินชื่อดังมากมาย เช่น Queen Latifah, Rod Stewart, James Taylor, Lionel Richie, Don Henley, Linda Rondstadt และศิลปินชื่อดังอีกมากมาย จนเมื่อปลายปีที่แล้ว หลังจากการเป็นนักร้องแบ็คอัพมาทั้งชีวิต เขาก็ได้ออกอัลบั้มแรกที่ชื่อ Independent Film

แวะไปเยี่ยม Official website ของเขาได้ที่นี่




Hit Man เพลงจากอัลบั้มชุดแรก





คนสุดท้ายคือสาวลุ๊คพังค์ร็อควัย 24 ปีจากออสเตรเลียที่ชื่อ Orianthi Panagaris (อ่านไงว่ะ) ที่เพิ่งเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของการทัวร์ This Is It ของ ไมเคิล ที่จะจัดขึ้นในลอนดอน โดยเธอเป็นที่รู้จักของหลายคนก่อนใครเพื่อน ก็จากฟุตเตจการซ้อมของ ไมเคิล ที่หลุดออกมาทางอินเตอร์เน็ตนั้นเอง

อย่างไรก็ตาม เธอก็เคยร่วมงานกับ Prince ภายใต้สังกัดเดียวกันมาแล้ว รวมถึงได้รับคำสรรเสริญจาก Santana (ซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะดูเหมือนว่าสไตล์ของเธอ จะได้รับแรงบรรดาลใจมาจากศิลปินคนนี้เต็มๆ) รวมถึงได้เป็นการเล่นเปิดให้กับกีตาร์กูรูอย่าง Steve Vai และ Eric Clapton และเธอก็ยังเล่นกีตาร์ให้กับสาวผู้ชนะ American Idol อย่าง Carrie Underwood บนเวทีแกรมมี่อีกด้วย โดย Orianthi ก็เพิ่งทำอัลบั้มชุดแรกออกมาเมื่อไม่นานมานี้

แวะไปเยี่ยม Official website ของเธอได้ที่นี่



คลิ๊ปที่ลุง Santana ออกมาช่วยโปรโมตให้เธอ พร้อมกับลีลาการเล่นพอหอมปากหอมคอ



Create Date : 10 กรกฎาคม 2552
Last Update : 10 กรกฎาคม 2552 18:44:47 น. 21 comments
Counter : 1391 Pageviews.

 
ขอบคุณนะคะ


โดย: onsutee วันที่: 10 กรกฎาคม 2552 เวลา:21:54:08 น.  

 
ยังไม่ได้ดูคลิปหรือข่าวงานไมเคิลซักแอะเลยครับ
T_T"

แต่ไอเดียดีนะ เอาบรรดาแบ็คอัพมาร้องนำ เดี๋ยวตามไปหาดูซักหน่อยดีกว่า


โดย: เอกเช้า IP: 124.120.191.201 วันที่: 11 กรกฎาคม 2552 เวลา:12:14:48 น.  

 
^
^
ตอนยิงสดผมก็ไม่ได้ดูครับ (ได้ยินจากดีเจวิทยุว่า กว่าจะจบก็ตี 3 โน้นเลย) แต่โหลดมานั่งดูคืนต่อมา... ถ้าพูดถึงอารมณ์ร่วมแล้ว นับได้ว่าเป็นพิธีกรรมที่กินใจมากๆๆ แต่ถ้าวัดจากการแสดงสด ก็ยังถือว่ากลางๆอยู่ครับ โดยเฉพาะเจ๊มาลัยที่เสียงลุ่มๆดอนๆมาก (ถ้าเจ๊แกไม่มีลูกเล่นแพรวพราวละก็แย่แน่ๆเลย), เจนนิเฟอร์ ฮัดสัน ก็เหมือนไม่ค่อยมีอารมณ์ร่วมยังไงไม่ทราบ ส่วนจอห์น เมเยอร์นี้ก็มาแปลก แม้ว่าไอเดียจะโอเค แต่ผลลัพท์ถือว่าสอบตกจริงๆ ในขณะเดียวกันศิลปินที่เหลือแสดงสดได้กระแทกใจมากครับ ผมชอบตอนสตีวี่ วันเดอร์ร้องที่สุดแล้ว ^^

อ๋อ ส่วนตอนที่ผมอ้างในเอนทรี้นี้คือคลิ๊ปนี้นะ




โดย: BloodyMonday วันที่: 11 กรกฎาคม 2552 เวลา:12:33:50 น.  

 
ขอบคุณมากครับที่มาบอกข่าวกัน ผมกำลังอยากรู้เลยครับว่าพวกเขาเป็นใครกัน??? (จริงๆก็อยากรู้แค่คนแรกน่ะครับ ==*)

Judith Hill - คนนี้อยากรู้จักมากสุดครับเพราะหน้าตาเอเซียๆ แต่ไปร้องเพลงในงานระดับโลกแล้วก็เ่ด่นมากๆเสียด้วยสิ เสียงก็ดี ยิ่งได้ฟังเพลงจากคลิปแล้ว ผมว่าผมคงต้องไปลองตามฟังเพลงของเธอบ้างแล้วละครับ ^^

Dorian Holley - ตอนดูในงาน (แบบสั้นๆ)อืมม เสียงแกดีจริงๆครับ

Orianthi Panagaris - ถ้าผมฟังแต่เสียงกีตาร์เจ๋งๆ ยังไงก็คงมั่นใจว่าเป็น Santana แน่ๆครับ แต่เห็นในคลิปแล้วเธอเก่เท่ห์ดีครับ

จะไปหาโหลดแบบเต็มๆมาดูบ้างครับ เชื่อว่าต้องมีน้ำตาตก...


โดย: Seam - C IP: 115.87.130.211 วันที่: 11 กรกฎาคม 2552 เวลา:14:03:09 น.  

 
ผมมีโอกาสนั่งดูการถ่ายทอดสดเลยครับ จบเอาเกือบตี 3 จริงๆ -*-

ตอนที่สตีวี่ วันเดอร์ก็ถือว่าเป็นอีก 1 เพลงที่สุดยอดจริงๆครับ
(ส่วนเจนนิเฟอร์ ฮัดสันนี่ เหมือนไปโกธรใครมา -*- แถมการแสดงเต้นประกอบรอบๆตัวเธอก็ขาดๆเกินๆชักกล
แต่เพลงที่ผมชอบที่สุดเป็นเพลงคู่ของมาราย แคร์รี่ครับ
คงเพราะด้วยตอนแรกที่ดูการถ่ายทอดยังคิดไม่ออกวาเขาจะมาอาลัยกันยังไง

เดาๆเอาว่าคงจะมีคนออกมาพูดๆไปเรื่อยๆ ไม่คิดว่าจะมีใครออกมาร้องเพลงด้วย
พอมารายออกมาร้อง(เป็นเพลงแรก...หรือเปล่าไม่รู้ แต่ผมเปิดมาเจอเป็นเพลงแรก) ก็เลยถึงขั้นตัวชาเลยครับ
ระหว่างที่ฟังนี่ ร้องไห้เลยจริงๆ ร้องเลยครับ 555+ สุดยอดจริงๆ

คือพอฟังเพลงแล้วคิดตามไป...เพราะ ณ ตอนนี้ ไม่ว่าจะร้องเรียกยังไง ไมเคิลก็ไม่มายืนใกล้ๆแล้ว
(แล้วที่ผ่านมาเวลาแกเรียกพี่ไมเคิลเค้ามาหรือไง)
แต่พอคิดดีๆ ถ้าเราร้องเรียก ไมเคิลก็มาเหมือนอย่างที่เพลงบอกนะครับ
แค่เราร้องเรียกไมเคิลผ่านบทเพลงต่างๆใน CD หรือไฟล์ MP3

ในแง่ของโลกดนตรีแล้ว ผมภูมิใจเอามากๆเลยครับ ที่ได้เกิดทันยุคของไมเคิล แจ็คสัน
ได้ฟังเพลงยุคแรกๆของเขา ได้อยู่ในช่วงเวลาที่เขาโด่งดังสุดขีด ได้เล่นเกมไมเคิล แจ็คสันด้วย
และได้อยู่ดูพิธีไว้อาลัยการจากไปของเขา...

...
...
กดดูคลิปของ Judith Hill แล้วอยากทำให้ผมอาบน้ำแต่งตัวออกไปเที่ยวบาร์เป็นครั้งแรกในชีวิตเลยครับ
(ระหว่างที่พิมพ์เมนต์นี้อยู่ ผมก็กดฟังคลิปของเธอวนไปวนมาหลายรอบแล้วเนี่ย 555+)
ส่วน Orianthi Panagaris นี่...เท่ห์จับใจเลยครับ นั่งดูคลิป 8 นาทีครึ่งแล้วอึ้งเลย อยากเล่นได้เท่ห์แบบนี้มั่งจัง 555+

ไปเรื่องไมเคิลซะไกลเลยผม
อันที่จริงที่ผมแวะเข้ามาวันนี้เพราะบังเอิญได้ไปเจอใบปิดหนังเรื่อง 500 days of summer มา

//img20.imageshack.us/img20/6590/500daysofsummerposter.jpg

เลยกะจะมาแอบย่องเข้าหลังบ้าน กดหาเอนทรี่เก่าๆที่คุณเลยเขียนถึงมาอ่านซ้ำ 555+
(แต่พอแวะมาเจอทั้งไมเคิล + ที่กล่องเมนต์ยังมีภาพจากหนังอีก...เป็นภาพที่ฮา + น่าขมขื่นยังไงชักกลนะ)
เอาเป็นว่าจะขอรบกวนรื้อหาเอนทรี่เก่าๆอ่านนะครับ ขอรับปากวาจะไม่รื้อให้รก อ่านจบก็จะเก็บเข้าที่
แต่ไม่รับประกันว่าจะไม่ขโมยแง่คิดไปเขียนตามนะครับ 555+

ก็กับ 500 days of summer นี่ไม่รู้ผมเป็นอะไร ขนาดยังไม่เคยดูก็ยังอยากจะเขียนถึงให้ได้แล้วอ้ะ 555+


โดย: ขอรบกวนทั้งชุดนอน วันที่: 11 กรกฎาคม 2552 เวลา:15:08:21 น.  

 
Seam - C
คือความจริงผมก็อยากรู้จักแค่คนแรกเหมือนกันครับ แต่พอดีไหนๆก็จะแนะนำแล้ว เอาอีกสองคนที่ผมรู้สึกติดใจด้วยซะเลย ^^

ไปหาบิดขี้เกียจได้เลยครับ หุหุ (แต่ตั้งสองจิ๊กแหนะ ==')

ชุดนอน
ความจริงแล้วผมรู้สึกติดใจ Judith Hill คนเดียวแหละครับ แต่พอค้นหาข้อมูลนักร้องนิรนามคนอื่นแล้วดูน่าสนใจ ก็เลยหยิบมาพูดถึงกันเพิ่มอีกนิดหน่อย ไม่รู้ว่าคุณชุดนอนแวะไปที่เว็บเธอรึยัง เพราะยังมีเพลงเพราะๆอีกสองสามเพลงให้ฟังกันนะครับ ผมว่าทั้งรูปลักษณ์และน้ำเสียงของเธอ ดูไปก็คล้ายๆกับอลิเชีย คีย์นะ (แต่อย่าไปเปรียบเลยดีกว่า Judith Hill ก็คือ Judith Hill ไม่ใช่ใครคนอื่น)

อ่า ผมรู้สึกไม่ชอบตอนเจ๊มาลัยเลยล่ะครับ 55+ ไม่รู้เหมือนกันว่าเธอยังเสียใจหรือเตรียมตัวไม่ดีกันแน่ เสียงของเธอถึงได้ pitch ขนาดนั้นน และนอกจากสตีวี่แล้ว ผมว่าพี่ชายของ ไมเคิล แกก็ร้องซะเราน้ำตาซึมเลยนะครับ เพราะว่าก่อนหน้านี้ บรูคส์ ชิลด์ ก็บอกว่าเพลง Smile ของชาร์ลี แช็ปปลิ้น เป็นเพลงที่ ไมเคิล ชอบที่สุด ต่อมา เจอร์เมน ก็ขึ้นมาร้องเลย... และตอนจบอีกที่น้องปารีสขึ้นมาพูดถึงคุณพ่อสองประโยค ผมว่าใครที่ดูอยู่ก็คงต้องเศร้าน้ำตาซึมกันถ้วนหน้าเลยครับ T-T

จะเรียกว่าผมเกิดทันก็ทัน หรือคิดอีกทีก็อาจไม่ทัน (ยังไง) แต่ที่มั่นใจอย่างนึงก็คือสิ่งที่เค้าอุทิศให้รับวงการดนตรีโลก มันมากมายมหาศาลจนผมคิดว่า ในอีกทศวรรษนับจากนี้ก็คงไม่มีศิลปินคนใดที่จากไป ทุกชีวิตในโลกจะอาลัยอาวรณ์ได้ขนาดนี้แล้วล่ะครับ

พูดถึงหนังของซูอี้และJGLเรื่องนั้น คุณชุดนอนรู้ไหมว่าในใจลึกๆแล้ว ผมไม่อยากดู (500) Days of Summer เลยนะ เพราะมันอาจจะไม่ได้ดีอย่างที่คาดหวังเอาไว้ก็ได้ คุณชุดนอนเคยเป็นแบบนี้บ้างไหม 55+ (ส่วนเรื่องที่จะหยิบไอเดียไปเขียนยังไง อย่าลืมมาเรียกผมไปอ่านด้วยละกัน ^^)


โดย: BloodyMonday วันที่: 11 กรกฎาคม 2552 เวลา:18:12:25 น.  

 
อันที่จริงตอนของมาลัยนี่ ล่าสุดมีข่าวออกมาแล้วครับ
เธอออกมาขอโทษแฟนๆ ที่ร้องเพลงได้ไม่สมศักดิ์ศรีกับงานไว้อาลัยเลย
เธอให้เหตุผลว่าเธอรู้สึกสะเทือนใจมากเสียจนไม่อาจจะเก็บอาการได้น่ะครับ

แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังชอบช่วงของเธอนะ อาจจะเป็นเพราะผมชอบเพลงที่เธอร้องก็ได้
มันเข้ากับอารมณ์ของการสูญเสียดีมั่งครับ T-T

ส่วน 500 Days of Summer นี่ ถ้ารอไปนานๆก็มีอาการหวั่นๆเหมือนกันครับ
เหมือน แฮปปี้ โก ลักกี้ เลย มีแต่คนบอกว่าดี หน้าหนังเยี่ยมจนก่อนดูหวั่นๆกลัวจะไม่สนุกจริง
และแล้วก็... ... ...555+ (ไม่โทษหนังๆ เพราะงานนั้นผมดูแล้วไม่เข้าใจสารเอง)
กับ 500 Days of Summer นี่ตอนแรกไม่คิดว่าจะเป็นนะ เพราะรู้สึกเฝ้ารออยากดูมากๆ

แต่ตอนนี้พอคุณมาทัก...เริ่มรู้สึกแล้วครับ...!! 555+


โดย: ขอรบกวนทั้งชุดนอน IP: 124.121.183.39 วันที่: 11 กรกฎาคม 2552 เวลา:18:36:45 น.  

 


โปสเตอร์ UK ของภาพยนตร์เรื่อง (500) Days of SUmmer ดูเหมือนว่าเวอร์ชั่นนี้จะขาย JGL กันสุดๆ ^^


โดย: BloodyMonday วันที่: 11 กรกฎาคม 2552 เวลา:23:16:48 น.  

 
แน่นอนล่ะ ฉันคนนึงที่อยากดูหนังเรื่องนี้ เพราะหนุ่มคนนี้

โปสเตอร์เก๋ดีง่ะ

อ้อ ขอบคุณที่แวะไปเบิร์ธเดย์นะจ้ะ


โดย: จูริง วันที่: 12 กรกฎาคม 2552 เวลา:5:28:52 น.  

 
+ จะผิดไหม ถ้าผมจะบอกว่าผมแทบไม่ได้มีส่วนร่วมกับอารมณ์ของขาวโลกในประเด็นนี้เลย (แบบว่า out of music มั่กๆ ส่วน MJ ก็ไม่ถึงกับปลื้ม แค่รู้จักเพลงเค้าบางเพลง) ... แต่ก็ขอบคุณนะครับ สำหรับการเอาเกร็ดข้อมูลมาแนะนำกัน

+ 555 จะบอกว่าสำหรับประเด็นแบบที่คุณ BdMd กลัวเกี่ยวกับ 500 days ผมก็เคยเป็นครับ พักหลังๆ เลยจะไม่พยายามคาดหวังอะไรล่วงหน้าไว้กับหนังเรื่องไหนทั้งสิ้น แหะๆ

+ โอววว! โปสเตอร์เท่ห์คอตรรรรร แต่หนังอีกเรื่องที่ JGL แสดงแล้วผมหวั่น (กว่าเรื่องนี้เยอะ) ก็คือ G.I. Joe อ่ะดิครับ ถ้ามันเละแบบหนังพล็อตทำนองนี้อีกหลายๆ เรื่องก่อนหน้านี้ละก็ แทนที่จะแจ้งเกิด (ในบทตัวร้ายตัวเอ้ของเรื่อง) ก็จะกลายเป็นแป้กแทนอ่ะดิครับ เหอๆ


โดย: บลูยอชท์ วันที่: 13 กรกฎาคม 2552 เวลา:1:17:36 น.  

 
เมื่อเร็วๆนี้ที่โรงอาหารบริษัท เพื่อนร่วมงานหญิงต่างแผนกคนหนึ่งสบถ (จริงๆอยากใช้คำว่า "สำรอก")ออกมาทันทีที่เห็นภาพข่าวของ MJ ใน TV ว่า "รำคาญจริงๆเลยข่าวของไอ้บ้านี่ ตายๆไปก็ดีแล้ว อาลัยอาวรณ์กันอยู่ได้..."

นั่นเป็นอีกครั้งในชีวิตที่ผมต้องใช้ความพยายามในการควบคุมสติอย่างมหาศาล ใจอยากจะย้อนออกไปเหลือเกิน "ก็ถ้าเป็นงานศพแก ก็คงไม่มีใครอาลัยอาวรณ์หรอก"

ไม่เข้าใจคนแบบนี้เลยจริงๆ



โดย: แฟนผมฯ IP: 202.134.119.218 วันที่: 13 กรกฎาคม 2552 เวลา:10:08:02 น.  

 
กำลัง บิต อยู่ครับ อิอิ

กี๊ดดดด โปสเตอร์..


โดย: Seam - C IP: 58.11.27.194 วันที่: 13 กรกฎาคม 2552 เวลา:11:31:23 น.  

 

สั้นๆ นะเฮีย ... ไม่ได้ดูเลย พิธีนี้

แต่ก่อนจะไป ขอเซฟรูปนะ อิอิ



โดย: renton_renton วันที่: 13 กรกฎาคม 2552 เวลา:12:50:01 น.  

 
บลูยอชท์
ผมเองก็ไม่ได้ตั้งความหวังกับหนังเรื่องใดเรื่องหนึ่งมานานแล้วครับ (น่าจะตั้งแต่หนังเพลงเรื่องนั้นของพี่บาซเลยมั้ง) แต่พอดีเรื่องนี้องค์ประกอบต่างๆที่ชอบมารวมตัวกันพอดี ทั้งเนื้อเรื่อง ทั้งสองดารานำ ทั้งเพลงประกอบ ทั้งการโปรโมต ผลมันก็เลยเป็นอย่างที่เห็น... ส่วน G.I. Joe นั้นยืนอยู่ตรงข้ามกับการคาดหวังเลยครับ 55+ ซึ่งก็น่าจะทำให้ตัวเองรู้สึกเพลิดเพลินได้อยู่เหมือนกัน (เอ แต่ก็ไม่แน่ ดูอย่างมัมมี่ 3 อุตส่าห์ปิดสมองก่อนเข้าไปดู มันก็ยังอุตส่าห์แทรกซึมเข้าไปสร้างความปวดเศียรเวียนเกล้าอยู่ซะนานเลย 55+)

แฟนผม
โห อ่านแล้วรู้สึกอยากออกตังค์ค่ารถให้ชีขึ้นมากทม. แล้วให้ผมเอารองเท้ายัดสิ่งที่ชีเรียกว่าปาก (แต่ผมเรียกว่าตูด) จังครับ และไม่รู้ว่าเป็นเพราะมันออกมาจากข้างล่างรึเปล่า ชีเลยใช้ลำไส้ใหญ่คิดแทนสมอง ก่อนที่จะพ่นสิ่งปฏิกูลแบบนี้ออกมา... ผมไม่เข้าใจคนแบบนี้เหมือนกันครับ แต่ก็ยังโชคดีที่ตัวเองมีเรดาร์คอยจับไอ้พวกนี้อยู่ ก็เลยทำให้ผมสามารถหลีกห่างออกมา ก่อนที่จะต้องได้ยินอะไรเช่นนี้

Seam - C
สู้ๆครับ ^^ สำหรับโปสเตอร์ใบนี้ ก็มาอยู่บน desktop แทนที่โปสเตอร์เรื่อง Wristcutters: A Love Story ที่ติดอยู่มาประมาณปีนึงเรียบร้อยแล้วครับ ฮ่าๆ

เรนตั้น
อืมม มันมีแบบ UK Quad (แนวนอน) ด้วยนะ ลองไปหาเซฟดูได้ ^^


โดย: BloodyMonday วันที่: 13 กรกฎาคม 2552 เวลา:13:34:03 น.  

 
น้องคนสุดท้ายนี่ชื่อเธออ่านไม่ออกจริงๆนะ

ง่า... กล่องคอมเม้นต์รูปได้ใจมากก เอามาจากหนังเรื่องไรเอ่ย ท่าจะเลือดโชก (ห้ามตอบว่าบรูโน่ - -)

ปร.ตอนเดินช้อปปิ้งเจอน้ำหอมยี่ห้อใหม่ตามกระแสมาก ชื่อกลิ่น "yes we can" ข้างหลังเป็นธงชาติอเมริกัน ท่าทางฉีดแล้วเลือดรักชาติคงพลุ่งพล่าน หวังว่าคงไม่มีคนไทยหัวใสทำน้ำหอมสีต่างๆออกมาขายเล่นมั่ง




โดย: อป (apple_cinnamon ) วันที่: 13 กรกฎาคม 2552 เวลา:18:05:11 น.  

 
Judithเธอน่ารักมากๆค่ะ
ตอนที่ดูถ่ายทอดสด..ยังคิดว่าเธอโดดเด่นมาก
และอีกวัน 2 วัน ถัดมา รายการET
Entertainment Tonight เอาเธอมาเดี่ยวร้อง+เล่น piano
ในรายการด้วย...
หน้าตาผสมออกมาสวยแปลกดี



LATOYA JACKSON วัย 53 ปี ออกมาแถลงข่าว
การตายของไมเคิลอาจเป็นการฆาตกรรม


โดย: เริงฤดีนะ วันที่: 13 กรกฎาคม 2552 เวลา:22:12:15 น.  

 
เย้ย แม่ Orianthi Panagaris (ชื่อเริ่ดเกินไปละ) นี่หน้าเหมือนปารีส เวอร์ชันปากบวมกว่าเลยอ่ะ

ดีนะที่สะพายกีต้าร์ ไม่ได้อุ้มหมากระเป๋าlol


โดย: อันราเวล IP: 58.92.90.52 วันที่: 13 กรกฎาคม 2552 เวลา:22:13:17 น.  

 
Page นี้เป็น page แรก ที่ผมคลิก
หลังจากที่ search ด้วย GoogleTh จากคำว่า Judith Hill
ต้องขอขอบคุณ คุณ BloodyMonday สำหรับความรู้ครับ
อยากทราบมาหลายคืนแล้ว ว่าเธอเป็นใคร ร้องเพลงเพราะจริงๆ..

คลิปงาน memorial ของ MJ ก็ตามเก็บใน YouTube หมดแล้ว
ส่วนมากมีแค่ช่วงเพลงปิด สองเพลง
ผมอยากทราบว่ามีเวปนอกเวปใดที่เปิดให้ download งานไว้อาลัย แบบเต็มๆ มั่งไหมครับ?
ผมอยากจะเก็บเอาไว้ เพราะผมเองก็เป็นคนหนึ่งที่เห็น MJ เป็นศิลปินในดวงใจเหมือนกัน


ปล. Orianthi Panagaris ผมพยายามอ่าน ได้ใจความว่า "โอเรียนติ ปานาการิส"..
โอ้ววว เธอเป็นคนออสเตรเลีย หรือชาวมองโกเลียล่ะนี่..


โดย: Takumi IP: 118.172.51.70 วันที่: 14 กรกฎาคม 2552 เวลา:2:27:21 น.  

 
ขอตอบที่ได้เมนต์ไว้นะครับ
กับ Happy-Go-Lucky นั้น หลังจากดูจบแบบงงๆมึนๆ
ผมก็ไปหาบทวิจารณ์มาอ่านทันทีเลยครับ (เรียกว่า เพราะอยากรู้จัดๆเลยว่าทำไมคนถึงว่ามันคือหนังดี)
พอได้อ่านบทวิจารณ์ของคุณวาริน(ใน Starpics)แล้ว ก็ถึงบางอ้อ...อ๋อ เอ๊ย อ้อ...

เข้าใจถ่องแท้ทั้งโลกสุดแฮป์ปี้รั่วๆของนางเอก โลกสุดดาร์ทมืดมนของครูสอนขับรถ
และการกระทบกระทั่งกันของโลกทั้ง 2 ใบที่เกิดขึ้นในหนัง
(ส่วนในกระทู้ที่คุณเอามาฝากนั้น ผมมีโอกาสอ่านตั้งแต่ตอนที่มันถูกโพสต์เลยครับ
ยังแอบดีใจที่มีคุณอยู่ในนั้น ตอนไล่อ่านทีละอันดับยังมีเฮว่า "นักเขียนคนนี้ชั้นรู้จักเฟ้ย!!" 555+ )

เพียงแต่ทั้งนี้ทั้งนั้น การที่ผมไม่เคยหยิบ Happy-Go-Lucky มาดูอีกเป็นรอบที่ 2 เลยก็ด้วย 2 สาเหตุ

1. เข้าใจสารจของหนังแล้ว และไม่เห็นควมจำเป็นหรือมีความสนุกใดๆดลใจให้อยากจะดูอีกรอบ

2. ตอนที่ดูจบรอบแรก ด้วยความมึนๆไม่เข้าใจ เลยยกแผ่นให้พี่ชายไปดู...แล้วมันก็ดองยาวไม่คืนอีกเลย...555+


ป.ล. ผมคงห่างบล็อกแกงค์ไปนานเกินจริงๆ
ขนาดวิธีการโพสต์รูปลงเมนต์ยังทำพลาดเลย(ไปเอาโค้ดภาพโปสเตอร์ผิดโค้ดมาลงซะนี่ -*-)

ป.ล.2 แว่บไปที่เว็บของ Judith Hill มาแล้วครับ ไปตั้งแต่ตอนที่อ่านเอนทรี่นี้ครั้งแรกเลย
ชอบเสียงของเธอจริงๆ ยิ่งกับเพลง Crazy 'Bout You อึม ทำเอากาแฟอร่อยขึ้นอีก 35% เลยครับ


โดย: ขอรบกวนทั้งชุดนอน IP: 124.121.188.99 วันที่: 14 กรกฎาคม 2552 เวลา:8:40:04 น.  

 
น้อง ออเรียนธี่ น่ารักมาก ผู้หญิงเก่ง เท่ ดู ๆ ไปก็คล้าย Avril นะครับ


โดย: นัท IP: 124.122.121.186 วันที่: 1 พฤศจิกายน 2552 เวลา:1:24:22 น.  

 
แต่ว่าผมไปดูมาแล้ว This is it เจ๋งอ่ะ ชอบมาก


โดย: นัท IP: 124.122.121.186 วันที่: 1 พฤศจิกายน 2552 เวลา:1:26:20 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

BloodyMonday
Location :
Imaginationland, Valley of Bliss China

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]






-= M & M in Nutshell =-


Gentlemen Broncos (2009)


You could have brain tumor by watching this contaminated turd. Nothing in Gentlemen Broncos pays off, it’s incoherent mess, and chock-full of incredibly annoying characters. You will not only loath this movie, but it also makes you want to punch someone who responsible for this abomination in the face.

BloodyMonday Rating:



Fantastic Mr. Fox (2009)


Imagine if Akira got Live-Action treatment by... say Alfonso Cuarón, you know how awesome it might be? That’s what happened to "Fantastic Mr. Fox". Wes Anderson's auteur perfectly captured the quirkiness and blissful tone of the material. Its stop-motion technique might be a little crude and... somewhat unsophisticated, but that's the charm of it. You’ll feel like pop-up book unveiled before your eyes. This is an exceptional animation of the year.

BloodyMonday Rating:



Planet 51 (2009)


ถ้าถามว่าสนุกไหม? ก็โอเค ทุกอย่างถอดแบบมาจาก Shrek มุขที่อ้างอิงวัฒนธรรมป็อป ตัวละครสมทบที่น่าสนใจกว่าตัวเอก กราฟฟิคที่สอบผ่านฉลุย (ถ้าไม่ไปวัดกับพิกซาร์) แต่ถ้าถามว่าต้องดูไหม? ..... เอาเป็นว่าเวลาชั่วโมงครึ่ง ทำอะไรที่มีประโยชน์กว่านี้ได้เยอะแยะ

BloodyMonday Rating:



It's Complicated (2009)


รู้สึกสนุกกับการได้เห็นป้าเมอรีล เข้าโหมดแอ๊บเด็ก (อีกแล้ว) ในขณะเดียวกัน อเล็กซ์ บอลด์วิน และ จอห์น ครากินสกี้ ก็ขโมยซีนได้ตลอด แต่มันจะเกิดอะไรขึ้นถ้าหนังยาว 2 ชั่วโมงมีเรื่องให้เล่าแค่ 15 นาที... It's Complicated อาจเหมือนคนกินไวอากร้าแล้วเข้านอน คึกตลอดคืนแต่มันจะมีประโยชน์อะไร?

BloodyMonday Rating:



Up in the Air (2009)


Up in the Air is a blockbuster movie for people who think blockbuster movies are dumb, as it chock full of brilliantly written dialogue, and acting showcase for three talented actors (especially star-making turn by Anna Kendrick). But in the end, there's little to love, not so much story to chew on (plus disappointing third act), and no real connection to the meaning of human interaction as it intended to be.

BloodyMonday Rating:



I Love You, Beth Cooper (2009)


Cliché-ridden plot about a bunch of annoying characters get together in one idiotic circumstance, "I Love You, Beth Cooper" is shameless exploitation & biggest insult to 80s teen flicks. It's like memorizing magic trick from internet, hoping to perform like David Copperfield. Neither sense of wonder nor magic flare happens here. Only good thing is, it makes me wanna cleanse my soul with genuine 80s teen movie night marathon.

BloodyMonday Rating:



Everybody's Fine (2009)


Meh. The movie serious lack of originality & characters development. Only Robert De Niro comes out fine in this schmaltzy, "Lifetime" movie-of-the-week plot.

BloodyMonday Rating:



Paper Heart (2009)


Twee delight... That's only two words I can think of right now.

BloodyMonday Rating:



Adam (2009)


A perfect companion to Mary & Max (one of the best animation of 2009), Adam is star-crossed love story (pun intended) between Adam, Asperger's Syndrome bearer, and Beth, free spirit woman. The picture wouldn’t be this intimate without stunning performance by Hugh Dancy. On the other hand, the lack of depth on why Beth would love someone like Adam, preventing me from wholeheartedly embraces her choice in the end (which is nice & perfect but requires a leap of faith). Otherwise, this is touching romantic film, which putting its feet firmly on the ground, making the world full of hope and seems nicer place to live.

BloodyMonday Rating:



The Invention of Lying (2009)


Expected to be like “Click” or “Yes Man”, where high-concept plot turned into endless gags, with moral lesson (forcefully) shoving down your throat. But "The Invention of Lying" is thinking man’s film. The whole concept is not seeing how first lying man exploits the ability. But it's about him finding the way not to lie, in order to find genuine happiness. Great stuff.

BloodyMonday Rating:



Give ‘Em Hell Malone (2009)


This is one damn frustrating experience. It’s like watching an infant trying to stand up and walk. They would take a few steps then fall their asses. In fact, kiddie film like “Bugsy Malone” has done better job paying a tribute to film noir than this borefest.

BloodyMonday Rating:



Zombieland (2009)


ถ้าอังกฤษมีหนังซอมบี้ฮาแตกอย่าง Shaun of the Dead แล้ว ทำไมอเมริกาจะมีบ้างไม่ได้... Zombieland คือการผสมผสานระหว่างบรรดาหนังซอมบี้เก่าๆ เข้ากับทัศนคติของคนสร้างที่อาจดูหนังแนวนี้มากเกินความจำเป็น จนสามารถสร้างหนังซอมบี้ที่เข้าใจสิ่งที่ตัวเองเป็น และเล่นสนุกไปกับกฏพื้นฐานของซอมบี้ได้อย่างเต็มที่ ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องยกความดีให้สี่นักแสดงนำ โดยเฉพาะ วู้ดดี้ ฮาเรลสัน (เขาเกิดมาเพื่อบทนี้) ที่ช่วยกันสร้างมนต์เสน่ห์ ให้กับการเดินทางในโลกไร้มนุษย์ได้อย่างเต็มที่

ถึงแม้พลังงานที่ขับเคลื่อนจะมาหมดเอาดื้อๆในองค์สุดท้าย เมื่อฉากใหญ่ในสวนสนุกถูกทำขึ้นเพื่อแสดงฉากการฆ่าซอมบี้เด็ดๆ (ซึ่งไม่ใช่จุดเด่นสำหรับเรื่องนี้เลย) แต่โดยรวมแล้วมันก็ไม่ใช่ข้อแก้ตัว ที่บรรดาแฟนซอมบี้จะมาพลาดหนังเรื่องนี้... อ้อ แล้วหนังยังมีดารารับเชิญสุดเซอร์ไพรซ์ ที่สร้างเสียงฮาที่สุดในเรื่องได้จากประโยคสุดท้ายอีกด้วย

BloodyMonday Rating:



Frequently Asked Questions About Time Travel (2009)


เมื่อเพื่อนสามคนก๊งเบียร์กันในผับแล้วเจอสาวฮ็อต (แอนนา ฟาริส) ที่อ้างว่ามาจากอนาคตจนเกิดรอยแยกของเวลา ทำให้ทั้งสามต้องท่องไปทั้งโลกในอนาคตและอดีตจนวุ่นวาย...

หนังมีไอเดียกิ๊บเก๋ ทำออกมาได้สนุกสนานสไตล์ซิตคอมอังกฤษ โดยเฉพาะการนำกฏเหล็กต่างๆจากหนังที่เกี่ยวกับการท่องเวลา (ดูเหมือนว่า Back to the Future จะเป็นแรงบรรดาลใจหลัก) มาปู้ยี้ปู้ยำอย่างเมามัน ถึงแม้ว่าตลอดเวลาการรับชมจะให้ความรู้สึก เหมือนตัวเองกำลังดูซีรี่ย์ทางโทรทัศน์ แต่มันก็คือตอนที่ฮาที่สุดของซีซั่น แถมเอฟเฟ็คที่ใช้ก็มีคุณภาพจนคาดไม่ถึง

BloodyMonday Rating:



Looking for Eric (2009)


มีความรู้สึกว่าหนังเรื่องนี้มองโลกในแง่ดีเกินบรรยากาศโดยรวม จริงอยู่ว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่ลงเอยด้วยดีในตอนสุดท้ายนั้น สามารถสร้างความสุขและรอยยิ้มให้กับคนดู แต่จากสถานการณ์ในเรื่องและบริบทที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ มันยากที่จะทำใจเชื่อในสิ่งที่เห็น โดยเฉพาะพล็อตรองเกี่ยวกับปืน ซึ่งถ้าถูกตัดออกไปและหนังยังดำเนินเรื่องอย่างที่เป็นอยู่ Looking for Eric ก็น่าจะเป็นหนังฟีลกู้ดที่อบอุ่นที่สุดเรื่องหนึ่งของปีเลยทีเดียว

BloodyMonday Rating:


~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~
Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2552
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
10 กรกฏาคม 2552
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add BloodyMonday's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.