เป็นที่แน่นอน วัยขนาดนี้ ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนร่วมเรียนหรือเพื่อนร่วมงาน
ส่วนใหญ่ก็จะมีครอบครัวมีลูกกันแล้ว เพราะวัยมันได้แล้วหล่ะ
ซึ่งถ้ามีเวลาว่าง หรือฤกษ์งามยามดี
ก็จะมาเม้าส์มอยเรื่องครอบครัวให้กับคนมีครัวครอบและบรรดาสาวโสดฟัง
ซึ่งส่วนใหญ่เราก็จะเป็นหนึ่งในคนที่จะโดนเป่าหูอยู่เสมอๆ
คำเดิมๆ
แกอ่ะอยู่โสดดีแล้ว โสดดีแล้วอย่าหาเรื่องเลย
แกดูฉันสิ .......
นี่คือคำเกริ่นของบรรดาคุณเพื่อนที่เข้าสมาคนคุณแม่ลูกอ่อนไปแล้ว
พอประโยคนี้ขึ้นมา เตรียมทำใจรับฟังละครชีวิตได้เลย
แกดูฉันสิ หลังจากนั้นก็สาธยายตั้งแต่ตอนท้องยันวินาทีที่คลอดลูก
ลามมาจนถึงการเลี้ยงลูก อ่ะยาววววไป
และก็จะจบลงด้วยประโยคเบสิค
ฉันอยากโสดเหมือนแกอยากไปไหน ทำอะไรก็ได้
คนในอยากออกคนนอกอยากเข้า
ถ้าแกไม่เชื่อแกลองดูก็ได้
เอิ่มมมมมมมม แล้วแบบนี้อิคนโสดจะพูดอะไรได้
นอกจากคิดในใจ
ด้านดีๆทำไมเมิงงงไม่ยอมพูดกันบ้าง

เวลาเจอเพื่อนๆหรือแม้กระทั้งคุยไลน์กัน
ก็จะต้องมีเรื่องนี้ในหัวข้อสนทนา
ซึ่งคือแบบว่า นานๆเจอกันที ได้ฟีงกันทียังพอจิตแข็งอยู่
แต่นี่คุณแม่ลูกอ่อนทั้งหลาย เล่นมาบรรยายกันไนกลุ่มไลน์
เกือบทู๊กกกกวัน
เวลาไปเที่ยวกับคุณแม่ทั้งหลาย
บรรดาคนโสดก็ต้องกลายเป็นคุณแม่จำเป็น
เพราะคุณแม่ตัวจริงโยนลูกมาให้เลี้ยง
โดยให้เหตุผลว่า ลองเลี้ยงดูจะได้ตัดสินใจถูก
คือ มันใช่ใช่มะ กับเหตุผลนี้
ถามกันสักคำยัง ว่าโอเคไหม
แต่ทริปที่ไปเที่ยวแล้วมีเด็กๆไปด้วย
ก็สร้างความสนุกสนานให้กับบรรดาน้าๆป้าๆได้ดีทีเดียว
เหมือนตอนนี้มันอยู่ในยุคที่
หลานๆมองป้าน้าๆ กินขนมถุง
พร้อมสายตามี่ทีคำถามว่า ไหนบอกว่าไม่มีประโยชน์ แล้วกินกันทำไม
เด็กเกิดความสับสน 5555
คือจบทริปแต่ละครั้ง ต้องให้พ่อแม่ไปจูนความคิดลูกๆใหม่
เพราะสิ่งที่พ่อแม่บอกลูกๆว่าไม่ดี ไม่ควรทำ
คือสิ่งที่ป้าๆน้าๆทำให้เห็น
เป็นพ่อเป็นแม่ต้องดูแลลูกๆ เป็นห่วงตลอด