บทที่ 18 ผ้าไหมลายกนก
ปลายฟ้าเดินโซซัดโซเซเลียบแม่น้ำใหญ่มาด้วยความเหนื่อยอ่อน ดวงตาทั้งสองข้างแดงก่ำและเปียกชุ่มไปด้วยหยาดน้ำตา หยาดน้ำตาที่รินไหลตลอดทางที่หญิงสาวผ่านไป...

ดวงตะวันใกล้จะลาลับขอบฟ้าไปในอีกไม่ช้านี้แล้ว สายลมเย็นๆ ยามค่ำ พัดกระทบร่างบางที่อ่อนล้า เมื่อไร้ซึ่งเรี่ยวแรงที่จะสืบเท้าเดินต่อไปอย่างไรจุดหมาย หญิงสาวจึงล้มครืนลงกับผืนทรายริมฝั่งแม่น้ำโขงในที่สุด...

เรือนหน้าขาวเนียนที่ดูสดใส กลับกลายเป็นเศร้าหมองหดหู่ ใบหน้าที่แนบติดกับพื้นทราย ทอดมองสายน้ำโขงยามเย็นที่กระทบกับแสงแดดเป็นประกายระยิบระยับ

ช่างสวยงามเสียเหลือเกิน...

ไม่รู้ว่าเธอจะมีเวลาได้เห็นภาพอันงดงามเช่นนี้อีกนานสักเท่าไหร่นะ รู้สึกคล้ายกับว่าตัวเองกำลังจะหมดลมหายใจในอีกไม่ช้านี้ หัวใจเต้นอ่อนแรงลงทุกขณะ... เธอไม่อยากจะมีชีวิตอยู่อีกต่อไปแล้ว...

เมื่อปลายฟ้าหลับตาลง... เธอก็เห็นภาพตัวเองกรีดร้องโวยวาย อาละวาดไปทั่ววิมานใต้บาดาลอันงดงามแห่งนั้น บันดาลโทสะใส่พิมพ์วารีผู้เป็นชายาอีกคนของกนกนาคราช เธอผูกจิตอาฆาตหล่อนจนข้ามภพชาติ เหมือนกับที่ผูกจิตให้รักกนกนาคราชทุกชาติไป เธอกลายเป็นหญิงใจแคบ มองไม่เห็นการเสียสละและให้อภัย ความทุกข์ของเธอนั้นสำคัญยิ่งกว่าสิ่งอื่นใด มันสำคัญมากกว่าความสุขของกนกนาคราชซึ่งหมายจะเห็นชายาทั้งสองของเขาปรองดองมีความสุข จนในที่สุดแล้ว เขาก็กลับต้องมาตายแทนพวกนาง... ด้วยเหตุผลเดียวกันกับที่พวกนางแก่งแย่งแข่งขันเพื่อให้ได้ครอบครองเขา เพราะความรักที่มีต่อกันนั่นไง...

รักมากยิ่งกว่าสิ่งอื่นใด...


ธันย์เดินเลียบมาตามริมฝั่งแม่น้ำโขงด้วยหัวใจอันระส่ำระส่าย ชายหนุ่มกวาดสายตามองหาโดยรอบขณะเคลื่อนกายไปตามทาง ไม่รู้ป่านนี้นางฟ้าของเขาจะเป็นอย่างไรบ้าง เธอไปหลบอยู่ที่ไหน ? เขาไม่น่าทำให้เธอโกรธเลย...

“ฟ้า...”

พลันนั้น... เมื่อสายตาเหลือบไปเห็นร่างแบบบางที่นอนตะแคงร่างอยู่ริมฝั่งแม่น้ำใหญ่ ไกลออกไปราวยี่สิบเมตร ธันย์จึงรีบวิ่งตรงไปหาด้วยความตกใจ

ชายหนุ่มช้อนร่างหญิงสาวขึ้นมาอุ้ม ปลายฟ้าปรือตาขึ้นเล็กน้อย ใบหน้าซีดเซียวเรียบเฉยไม่พูดจา ธันย์ได้แต่จ้องมองสองตาคู่นั้นที่ไม่ยอมหันมามองเขา...

“พี่ขอโทษครับ... ทีหลังอย่าทำแบบนี้อีกนะฟ้า”

เขากระชับร่างนุ่มนิ่มให้แน่นขึ้น ศีรษะของปลายฟ้าแนบกับแผงอกชายหนุ่ม ธันย์หันหลังกลับ ก้าวขาเดินตรงสู่ที่พักในขณะที่ตะวันค่อยๆ เคลื่อนคล้อยลอยต่ำลง...



Create Date : 18 กรกฎาคม 2555
Last Update : 18 กรกฎาคม 2555 20:42:03 น.
Counter : 959 Pageviews.

4 comments
  
“พี่ไม่เข้าใจพิมพ์วารีเลยจริงๆ ว่ากำลังคิดอะไรอยู่ ตัวเองป่วยออกแบบนี้ก็ยังดื้อรั้น ขอออกจากโรงพยาบาลอีก”

พงศกรสะบัดเสียงห้วน ก่อนถอนหายใจยาวหลังระบายความในใจให้กับอุสาได้ฟัง ชายหนุ่มเอนสายตาไปมองร่างระหงที่นั่งทอผ้าไหมของเธอด้วยความตั้งใจ ผ้าไหมสีเขียวคราม ลายกนก ที่พิมพ์วารีตั้งใจทอใกล้จะเสร็จสมบูรณ์ในอีกไม่ช้านี้แล้ว

“เมื่อวาน ตอนที่พี่กรไปเฝ้าพี่พิมที่โรงพยาบาล ยายก็ละเมอร้องไห้อีกนะคะ วันนี้ก็รีบไปวัดแต่เช้า” อุสาว่าขึ้นด้วยสีหน้าเป็นกังวล พงศกรรีบหันขวับมาจ้องหน้าเด็กสาวทันที

อุสารีบเล่าต่ออย่างไม่รอช้า “คุณยายแกกลัวว่าจะมีคนมาเอาพี่พิมไปอยู่ด้วย แกบอกว่าฝันเห็นพี่พิมเป็นพญานาค แล้วก็มีพญานาคผู้ชายแก่ๆ มาบอกแกว่าจะเอาพี่พิมกลับไปอยู่ด้วย...”

“หา... !!!” พงศกรเอามือทาบอกพร้อมกับอ้าปากค้าง นึกไปถึงคำทำนายของหมอดูที่บอกไว้ว่าพิมพ์วารีเคยเกี่ยวข้องและมีสัมพันธ์กับนาคาเมื่อชาติที่แล้ว

“พี่กรเป็นอะไรรึเปล่าคะ ดูหน้าซีดเชียว...” อุสายื่นหน้ามาถามเมื่อเห็นอีกฝ่ายเอาแต่ก้มหน้าคิด

“อ๋อ พี่ไม่เป็นอะไรหรอกจ้ะ เอ่อ...เดี๋ยวพี่ขอตัวไปหาพิศลย์ก่อนนะ ฝากบอกยัยพิมด้วยเดี๋ยวสักสามสี่ทุ่มพี่จะกลับมานอนที่นี่” ชายหนุ่มหยัดกายลุกจากแคร่หน้าบ้านเมื่อสั่งลาเสร็จสรรพ



เมื่อกลับถึงห้อง ปลายฟ้าก็รีบแยกกับชายหนุ่ม กีดกันไม่ให้เขาเข้ามาดูแลตามที่ธันย์ต้องการ ในยามนี้หัวใจของหญิงสาวเต็มไปด้วยความสับสน ภาพของวิศรุตลอยวนเวียนอยู่ในหัวซ้ำแล้วซ้ำเล่า ภาพดวงตาอันคมกริบอำมหิต ซ้อนทับกับภาพครุฑผู้กางปีกสีแดงฉาน มีกรงเล็บและจะงอยปากอันแหลมคมเป็นอาวุธ ไล่ล่าและตามจองล้างเธอจนข้ามภพชาติ

ก่อนที่ภาพนั้นจะพร่าเลือนเคลื่อนหายไป.... หญิงสาวสัมผัสได้ถึงอารมณ์เบื้องลึกที่โหยหาความรักอย่างจริงใจ ความรักจากธันย์ที่มอบให้ เหมือนกับรักแท้ที่ได้รับจากกนกนาคราช ความรักด้วยมิตรภาพที่ใบหม่อนมีต่อเธอ ไม่ต่างกับความสัมพันธ์อันแสนอบอุ่นที่นางนาคาสีเขียวตนนั้นมีให้...

“พิมพ์วารี...”

หญิงสาวเอ่ยชื่อศัตรูที่รังเกียจชิงชังเป็นนักหนา ก่อนจะประหลาดใจกับตัวเอง เมื่อชั่วพริบตาที่หลับตาลง เธอก็กลับเห็นภาพตัวเองกำลังแหวกว่ายเล่นน้ำเคียงข้างไปกับพิมพ์วารี สายน้ำเย็นใสไหลเอื่อยๆ ไหลผ่านร่างของเธอทั้งสองที่ต่างก็ยิ้มแย้มมีความสุข เธอหันไปยิ้มให้พิมพ์วารี อีกฝ่ายก็หันมาส่งยิ้มให้เธออย่างอบอุ่น ปลายฟ้ารู้สึกได้ถึงความสุขและหวังดี เป็นความสัมพันธ์ฉันท์มิตรที่ปราศจากมารยาและไร้ซึ่งความริษยา

อยากจะย้อนเวลากลับไปเสียเหลือเกิน หากเหตุการณ์ในอดีตเคยเป็นเช่นนั้น แล้วทำไมหนอปัจจุบันเราทั้งสองถึงไม่ได้เป็นมิตรต่อกัน... นั่นก็เพราะเธอทั้งหมด เหตุเกิดจากเพียงเพราะเธอเห็นความสุขของตัวเองเป็นใหญ่ ความรักของพิมพ์วารีที่มีต่อธันย์ซึ่งเธอคิดว่ามีเพียงน้อยนิด แต่ความจริงกลับยิ่งใหญ่และงดงามมากกว่าเธอหลายร้อยเท่านัก...
โดย: ผีเสื้อสีดำ วันที่: 18 กรกฎาคม 2555 เวลา:20:42:31 น.
  
พิมพ์วารีนั่งมองผืนผ้าสีเขียวครามยาวเป็นวาด้วยความภาคภูมิ ผ้าไหมลายกนกของเธอที่ถักทอด้วยความปราณีตและตั้งใจ หญิงสาวนั่งพับผ้าพร้อมกับรอยยิ้มแห่งความอิ่มเอมและปลอดโปร่ง แม้ร่างกายจะอ่อนแอลงทุกขณะหากแต่หัวใจกลับเบิกบานเป็นสุข ภาพที่เธอนึกไปถึงตอนนี้ กลับยิ่งทำให้เธอคลี่ยิ้มตลอดเวลา...

พิมพ์วารีพับผ้าวางไว้ข้างกาย ก่อนหยิบเอากระดาษและปากกา มาเขียนข้อความเพื่อนำไปให้ผู้ที่เธอจะมอบผ้าไหมผืนนี้ได้อ่าน ขณะเดียวกันหญิงสาวก็หวนนึกไปถึงภาพขณะที่เธอและปลายฟ้าพบผ้าไหมสีน้ำเงินเข้มลายกนกผืนนั้นในร้านขายผ้า ก่อนยื้อยุดกันอย่างเอาเป็นเอาตาย จนสุดท้ายมันก็ฉีกขาดออกจากกัน

แม้เธอจะเป็นฝ่ายได้ครอบครองผืนผ้าที่ฉีกขาด และเป็นผู้ทำลายผ้าอีกส่วนที่ปลายฟ้าหวงแหนนักหนาด้วยมือของเธอเอง เหมือนกับที่เธอทำให้หล่อนเจ็บปวด ด้วยการแย่งของอันเป็นที่รักเมื่ออดีตชาติที่ผ่านพ้นมา...

ความรู้สึกละอายแก่ใจและอยากจะชดใช้บาปกรรมนั้น ยังคงติดตรึงอยู่ในดวงจิตของพิมพ์วารีเสมอมา พิมพ์วารีในร่างนาคาสาวเมื่อชาติที่แล้ว เคยตั้งใจไว้ว่าจะทอผ้าไหมเพื่อมอบให้กับปัทมลดาเพื่อนรัก มอบให้เธอใส่ในงานวันวิวาห์กับกนกนาคราชผู้เป็นที่รัก

จนเมื่อถึงคราวนี้... พิมพ์วารีในชาตินี้ก็ได้ทอผ้าไหมสีเขียวครามลายกนกจนเสร็จสิ้นสมดังที่ตั้งใจไว้แล้ว...

หญิงสาวสอดจดหมายใบเล็กไว้ในผืนผ้า ก่อนยื่นมือเอาปลายนิ้วไล้สัมผัสอาภรณ์ผืนงามทั้งน้ำตา... หากว่าปลายฟ้านำผ้าผืนนี้ไปตัดเป็นชุดเจ้าสาว เธอคงสวยสง่างดงามยิ่งกว่าหญิงใด หากธันย์ใช้ผ้าผืนนี้พาดบ่า ทับกับเสื้อขาวของผู้เป็นเจ้าบ่าว ก็คงจะสวยงามน่าดู สมควรเป็นคู่กันโดยไร้ที่ติ...



พงศกรไม่ได้กลับไปนอนค้างที่บ้านของพิมพ์วารีตามที่บอกกับอุสาไว้ ด้วยที่ว่านั่งคุยกับพิศลย์จนเพลิน ครั้นจะขอตัวกลับ อีกฝ่ายก็ไม่ยอมให้กลับ ด้วยที่ว่าพายุกำลังพัดเข้าพอดี ขับรถตอนกลางค่ำกลางคืนแถมฝนก็ตกหนักเอาแบบนี้ อันตรายยิ่งนัก...

“ผมสังหรณ์ใจยังไม่รู้ นี่ถ้ายัยพิมเป็นอะไรไปล่ะก็... ผมจะไม่มีวันให้อภัยคุณเลยนะ” พงศกรหันมาทำตาเขียวใส่ ภายหลังจากยืนอยู่ริมหน้าต่างภายในบ้านของพิศลย์ ทอดสายตามองสายฝนอยู่นานโข

เมื่อได้ยินอีกฝ่ายเอ็ดแบบนั้น พิศลย์ก็ถึงกับก้มหน้าเงียบ นั่นยิ่งทำให้พงศกรเริ่มมองเขาอย่างสงสัย ชายหนุ่มร่างบางรีบสาวเท้าเดินเข้ามาหา ยื่นมือไปจับแขนพิศลย์

“คุณเห็นอะไรใช่มั้ย...บอกมาซิว่าคุณเห็นอะไร บอกผมมาเดี๋ยวนี้ว่าต่อไปชีวิตยัยพิมจะเป็นยังไง...”

“เอ่อ... ใครว่าล่ะ ผมไม่เห็นอะไรทั้งนั้นหละครับ” เขารีบแก้ตัวเจื่อน ก่อนเดินหนีตรงไปยังห้องครัว

“เอากาแฟสักแก้วมั้ยคุณกร ผมว่าคืนนี้คุณคงนอนไม่หลับ ตีสองมีบอลนัดสำคัญเลย...ดูด้วยกันนะครับ” เขาร้องบอกขณะเดินดุ่มๆ จากไป พงศกรได้แต่ถอนหายใจยาว ก่อนเอี้ยวตัวไปคว้าเอากระเป๋าสะพายใบใหญ่

“เชิญดูไปคนเดียวเถอะ...ผมขอตัวโทร.หายัยพิมก่อน กลัวว่ายัยนั่นจะไม่สบายขึ้นมาอีก” จบคำ พงศกรก็หยิบเอาโทรศัพท์มือถือออกมากดโทร.หาเพื่อนรัก หากแต่ว่าก็กลับไม่มีสัญญาณ พักใหญ่จึงได้ทิ้งกายลงบนโซฟาด้วยสีหน้าเหนื่อยหน่าย ก่อนที่พิศลย์จะยื่นกาแฟหอมกรุ่นส่งให้พร้อมกับรอยยิ้ม

“ทุกอย่างล้วนดำเนินไปตามวิถีทางของมัน อย่างเช่นฝนตก คุณจะไปห้ามไม่ให้มันตกก็ไม่ได้...” คนที่กำลังจิบกาแฟเข้าปากแทบสำลัก พงศกรรีบวางถ้วยกาแฟลงบนโต๊ะตรงหน้า พร้อมกับหันมามองคนข้างๆ ตาขวาง

“จะพูดอะไรก็พูดมา ไม่ต้องมาเปรียบเปรยแบบนี้ คนยิ่งใจไม่ค่อยดีอยู่ด้วย” ในแววตาของพงศกร เจือไปด้วยความหวาดกลัวและเศร้าใจ เศร้าใจเพราะสงสารกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับผู้เป็นเพื่อนที่เขารักมากคนหนึ่ง

“ผมแค่อยากอธิบายให้คุณเข้าใจวิถีทางของธรรมชาติ อยากให้คุณมีสติ หากคุณมีสติ คุณก็จะไม่หวั่นไหวเมื่อพานพบกันเหตุการณ์ไม่คาดฝัน...”

พิศลย์ประสานสายตากับพงศกร จู่ๆ ชายหนุ่มฝ่ายตรงข้ามก็ได้เห็นภาพที่ไม่คาดคิด เช้าตรู่ในวันที่มีเม็ดฝนโปรยปราย หญิงสาวสวยในชุดผ้าไหมสีเทาหม่น เดินถือผ้าไหมสีเขียวเข้ม ตรงมาหาสตรีผู้งดงามอีกคน ก่อนที่เธอจะล้มลงไปกับพื้น...

“ยัยพิม...” พงศกรอุทานออกมาพร้อมกับหยดน้ำตาที่ร่วงเผาะลงมาอย่างไม่รู้ตัว ไม่ทันไรไฟฟ้าก็ดับพรึบลง สองหนุ่มได้แต่ลนลานหาเทียนจุด การจราจรภายนอกเป็นอัมพาต เพราะเกิดอุบัติรถยนต์ชนเสาไฟฟ้า ทั้งยังมีต้นไม้ใหญ่น้อยที่โดนภัยจากพายุ หักโค่นล้มขวางถนนหลายสิบต้น จวนใกล้รุ่งสางไฟฟ้าถึงมา พงศกรรีบเก็บข้าวของ เดินทางไปหาพิมพ์วารีด้วยความร้อนใจ หัวใจตอนนี้ว้าวุ่นกังวลเป็นที่สุด กลัวว่าจะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นกับผู้เป็นเพื่อน...
โดย: ผีเสื้อสีดำ วันที่: 18 กรกฎาคม 2555 เวลา:20:42:47 น.
  
เช้าตรู่ของวันนี้ธันย์ก็ได้รับโทรศัพท์จากพิศลย์ผู้เป็นเพื่อนรัก บอกให้เขารีบเดินทางมายังบ้านพักริมฝั่งแม่น้ำโขงของพิมพ์วารีโดยเร็วที่สุด โดยกำชับว่าห้ามพาปลายฟ้ามาด้วยโดยเด็ดขาด ก่อนเน้นเสียงท้ายประโยคว่า...

“คุณพิมกำลังแย่... นี่อาจจะเป็นครั้งสุดท้ายที่นายจะได้พบเธอ” สิ้นเสียงพิศลย์ โทรศัพท์มือถือก็พลันหลุดมือชายหนุ่มลงพื้น

ธันย์ไม่คิดอะไรอีกต่อไป ในหัวของเขามีเพียงพิมพ์วารี พิมพ์วารีที่เขาจะต้องรีบไปหาโดยเร็วที่สุด ทุกวินาทีที่ยานพาหนะขับเคลื่อนไปนั้น หัวใจของเขาเจ็บปวดรวดร้าวอย่างถึงที่สุด รู้สึกว่ากำลังจะสูญเสียเธอไปในอีกไม่ช้านี้แล้ว...

“ไอ้ธันย์มาแล้ว...” พิศลย์ร้องขึ้น เมื่อเห็นรถยนต์ของเพื่อนหนุ่มขับเข้ามา พงศกรที่ประคองร่างพิมพ์วารีอยู่บนแคร่หันตามมาอย่างมีความหวัง ธันย์รีบวิ่งกระหืดกระหอบตรงเข้ามาหา ภาพที่ได้เห็นทำให้เขาใจหายวาบ เรือนหน้าสีน้ำผึ้งคมคายที่เคยเห็น กลับดูซีดเซียวน่าเป็นห่วง พงศกรค่อยๆ ประคองร่างหญิงสาวให้เดินมาหาชายหนุ่ม ก่อนส่งเธอให้กับธันย์

พิมพ์วารีจับมือธันย์ไว้ ก่อนที่ชายหนุ่มจะดึงร่างอรชรมากอดไว้แน่น พงศกรที่ยืนมองอยู่เบื้องหลังแทบน้ำตาซึม พิศลย์จึงพาเขาให้ออกมาจากบริเวณนั้น...

สองหนุ่มสาวจูงมือกันเดินเลียบไปตามฝั่งแม่น้ำโขง แม้ว่าจะรู้สึกเหนื่อยหอบเพียงใด แต่พิมพ์วารีก็กลั้นใจเดินไปตามเขา จนกระทั่งสองขาอ่อนเปลี้ยหมดแรงและล้มลง ธันย์จึงได้ย่อตัวลงช้อนร่างของเธอขึ้นมาอุ้มไว้

ชายหนุ่มมองเรือนหน้าซีดเผือดของหญิงสาวที่ยังคงปั้นยิ้มไม่รู้สึกเจ็บปวด ก่อนที่หยดน้ำตาจะรินไหลลงมาจากหางตา เมื่อพิมพ์วารีได้เห็นน้ำตาเขา ก็ยิ่งทำให้เธอหดหู่ใจ หญิงสาวจึงยื่นมือสั่นเทาไปเช็ดมันออกเบาๆ

“คุณห้ามร้องไห้นะคะ ฉันไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย... ไปตรงนั้นค่ะ พิมอยากไปนั่งตรงนั้น...” พิมพ์วารีชี้มือไปที่เนินทรายซึ่งมีหญ้าสีเขียวอ่อนปกคลุม ธันย์รีบปั้นยิ้มทั้งที่น้ำตาคลอเบ้า ก่อนพยักหน้ารับคำ และอุ้มร่างพาหญิงสาวเดินไป

ร่างอรชรที่หนาวสั่นซุกอยู่กับร่างใหญ่เพื่อให้ความอบอุ่น ธันย์โอบแขนของเขากอดร่างพิมพ์วารีไว้แน่น ขณะที่หญิงสาวก็พิงศีรษะลงซบกับบ่าชายหนุ่ม ทอดสายตาเหม่อมองแม่น้ำโขงยามเช้าที่มีหมอกสีเทาจางๆ เคลื่อนลอยพลิ้วผ่าน...

“ทำไมบรรยากาศวันนี้ถึงดูอึมครึมหดหู่จังเลยนะคะ... คุณอุตส่าห์มาหาพิมทั้งที ไม่รู้ว่าต่อไป เราสองคนจะได้มีโอกาสมานั่งด้วยกันแบบนี้รึเปล่า...” ริมฝีปากซีดขาวเอื้อนเอ่ยแผ่วเบา ธันย์ยกมือขึ้นสัมผัสปอยผมดำขลับเบาๆ

“มาสิครับ ผมจะมาหาคุณพิมทุกวัน จะมานั่งดูแม่น้ำโขงกับคุณ แล้วคุณต้องพาผมเที่ยวรอบเมืองบึงกาฬ พาไปเยี่ยมญาติๆ คุณที่เมืองลาวอีกด้วยนะครับ คุณรู้รึเปล่าว่าผมมีความสุขมากแค่ไหน มีความสุขมากแค่ไหนที่ได้อยู่กับคุณ...” น้ำเสียงท้ายประโยคเริ่มสั่นเครือ หยดน้ำตาของเขา หลั่งไหลพร่างพรูลงมาจนเปียกชุ่ม

“ฉันอยากให้คุณรู้ว่า... นับแต่พ่อของฉัน คุณคือผู้ชายที่ฉันรักมากที่สุดในชีวิต” พิมพ์วารีจับมือชายหนุ่มไว้แน่น ก่อนสูดอากาศเย็นชื้นเข้าไปทั้งน้ำตา เธอตั้งใจซึมซับบรรยากาศและไออุ่นของเขาไว้ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ก่อนที่เธอจะไม่มีโอกาสนั้นอีก...



ปลายฟ้าลุกขึ้นมาใส่บาตรแต่เช้า ภายหลังจากที่นอนร้องไห้เสียใจมาทั้งคืน ก่อนกลับเข้าห้องพักเพื่อผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดทำงาน แต่จู่ๆ เมื่อกำลังเปิดประตูบานเลื่อนซึ่งเป็นกระจกเพื่อรับลม ก็มีงูเขียวตัวน้อยเลื้อยเข้ามาหยุดอยู่ต่อหน้า หญิงสาวถอยหลังไปหนึ่งก้าว เบิกตาจ้องมองอสรพิษน้อย ขณะที่มันชูหัวขึ้น ประสานสายตากับเธอ...

พลันนั้น... หญิงสาวก็ได้เห็นเรือนหน้าอันซีดขาวของพิมพ์วารี ที่กำลังนอนซมใกล้สิ้นใจ รอคอยให้เธอไปหาเพื่อสั่งลา... ปลายฟ้าสัมผัสและรู้สึกได้ถึงมิตรภาพอันแสนหอมหวานนั้น มิตรภาพระหว่างเธอกับพิมพ์วารีที่เคยเกิดขึ้นมาเนิ่นนาน... จิตใจที่สงบเยือกเย็นขึ้น ทำให้เธอมองเห็นในสิ่งที่ไม่เคยเห็น ทำให้เธอได้คิดในสิ่งที่กระทำลงไป...

งูเขียวตัวนั้นค่อยๆ เลื้อยหนีออกไปจากห้อง ก่อนจะนอนแน่นิ่งบนก้อนกรวดริมระเบียง ทันทีที่เห็นมันสิ้นใจตายไปต่อหน้า ปลายฟ้าก็รีบฉวยเอากุญแจรถ และขับตรงไปยังบ้านพักของพิมพ์วารีโดยเร็วที่สุด
โดย: ผีเสื้อสีดำ วันที่: 18 กรกฎาคม 2555 เวลา:20:43:07 น.
  
ธันย์อุ้มร่างหญิงสาวกลับมานอนพักที่บ้าน แต่พิมพ์วารีก็ไม่ยอมขึ้นไปนอนบนห้อง รั้งเขาให้พาเธอนอนชมสายน้ำโขงบนแคร่ตัวเขื่องหน้าบ้าน โดยมีผ้าไหมลายกนกสีเขียวครามวางอยู่เคียงข้าง

“คุณธันย์คะ คุณช่วยหลบไปหน่อยได้มั้ยคะ ปลายฟ้ากำลังมา ฉันไม่อยากให้เธอเห็นคุณอยู่กับฉัน ไม่อยากเห็นเธอเสียใจอีก...” พิมพ์วารีหันไปบอกชายหนุ่มที่นั่งกอดเธอไว้เบาๆ

ธันย์ได้ยินดังนั้นก็ถึงกับเบิกตาโพลง แต่เมื่อเห็นสายตาแน่วแน่ของหญิงสาวจึงค่อยๆ คลายอ้อมกอดออกจากร่างเธอ พิมพ์วารีหันไปหยิบเอาผ้าไหมของเธอก่อนกัดฟันลุกขึ้นยืน ขณะที่พงศกรหันขวับไปมองยังถนนหน้าบ้านหลังจากได้ยินเสียงรถยนต์ขับเข้ามา พิศลย์ส่งสายตาให้ธันย์เข้าไปหลบในพุ่มไม้ข้างๆ เรือน ขณะที่พิมพ์วารีทอดสายตาไปยังร่างระหงที่กำลังเดินละลิ่วตรงเข้ามา

บรรยากาศยามเช้าที่มีฝนตกปรอยๆ สตรีผู้งดงามสองนางยืนประจันหน้ากันโดยมีสายน้ำโขงเป็นฉากหลัง ปลายฟ้าทอดมองพิมพ์วารีด้วยสายตาอาทร ขณะที่พิมพ์วารีก็ทอดมองเธอด้วยความสำนึกผิดและเห็นใจ

เหมือนว่าทุกร่างที่ยืนอยู่ ณ ที่นั้นจะหยุดหายใจไปชั่วขณะ ปลายฟ้าเองก็ได้แต่ยืนนิ่ง ระหว่างที่ประสานสายตากับพิมพ์วารี ภาพของเธอทั้งสองขณะว่ายน้ำเคียงข้างกันไปในลำน้ำโขงก็ปรากฏขึ้นมาในห้วงคำนึง ก่อนกลายเป็นภาพที่ทั้งคู่ ทรุดนั่งร้องไห้เมื่อสูญเสียชายอันเป็นที่รักไป...

พิมพ์วารีสูดลมหายใจเข้าปอดจนสุด ก่อนคลี่ยิ้มหนักแน่น บนมือทั้งสองที่แบออกคือผ้าไหมลายกนกที่เธอตั้งใจทอให้ปลายฟ้า... หญิงสาวก้าวขาเดินตรงไป ร่างกายที่สั่นเทิ้มใกล้หมดแรง กัดฟันเดินต่อไปจนถึงตัวปลายฟ้าในที่สุด

ปลายฟ้าจ้องมองเธอด้วยความงุนงงสงสัย หัวใจเธอเริ่มเต้นแรงไม่เป็นจังหวะ ความเกลียดชังที่มีไม่หลงเหลืออยู่ในหัวใจดวงนี้อีกแล้ว...

พิมพ์วารียื่นผ้าผืนนั้นส่งให้พร้อมกับเปล่งวาจาเป็นครั้งสุดท้าย “ผ้าไหมลายกนกผืนนี้ ฉันตั้งใจทอให้เธอกับคุณธันย์ ให้เธอใส่ในวันวิวาห์กับคุณธันย์ ขอให้รับผ้าผืนนี้ไป เพื่อบอกว่าเธออโหสิกรรมให้กับทุกสิ่งที่ฉันได้ทำให้เธอต้องเจ็บปวดใจ ทั้งจากชาติที่แล้วก็ดี... และชาตินี้ก็ดี...”

ปลายฟ้าจ้องลึกลงไปภายในดวงตาของพิมพ์วารี ก่อนยื่นมือออกไปรับผ้าไหมผืนนั้นมาถือไว้ พิมพ์วารีปล่อยมือลงแนบกายพร้อมกับคลายยิ้มด้วยความอิ่มเอมใจ ก่อนที่ร่างอันอ่อนแรงนั้นจะล้มฮวบลงตรงหน้าปลายฟ้า... พร้อมกับลมหายใจเฮือกสุดท้ายที่หมดสิ้นลง...

“พิม...” ธันย์ร้องออกไปสุดเสียง ร่างที่หลบซ่อนอยู่นั้นถลาออกมาประคองร่างหญิงสาวทั้งน้ำตา ขณะที่ปลายฟ้าได้แต่ยืนนิ่งด้วยความตกใจ เธอจ้องมองชายหนุ่มอันเป็นที่รัก ที่กำลังร้องไห้เสียใจอย่างที่เธอไม่เคยเห็น หันไปมองใครต่อใครอีกมากมายที่ต่างกรูเข้ามาหาร่างที่นอนแน่นิ่งบนพื้นตรงหน้าเธอ

“พิมพ์วารี...” หยดน้ำตาร่วงเผาะลงมาจากสองตาของปลายฟ้า สู่ผ้าไหมสีเขียวลายกนกที่เธอถือไว้ในมือ ก่อนที่หญิงสาวจะปราดตรงเข้าไปหาร่างนั้น วางผ้าไหมไว้แนบกายและเอื้อมมือไปจับมืออันเย็นเฉียบของพิมพ์วารีไว้

“พิมพ์วารี... เธออย่าเป็นอะไรไปนะ ฟื้นขึ้นมาสิ จะหนีกันไปแบบนี้ไม่ได้นะ ลุกขึ้นมาด่ามาว่าฉันสิ ฉันทำให้เธอเจ็บไม่ใช่เหรอ ฉันต่างหากที่ควรจะเป็นฝ่ายทำแบบนี้... ฉันต่างหากที่จะต้องเป็นฝ่ายขอโทษเธอ...”

ปลายฟ้าน้ำตาร่วงพรู ธันย์ที่ประคองร่างที่ไร้วิญญาณของพิมพ์วารีไว้อยู่ต้องได้เบือนหน้าหนีด้วยความสลดใจอย่างถึงที่สุด พงศกรนั่งจับมือพิมพ์วารีอยู่อีกข้าง ร้องไห้สะอึกสะอื้นไม่ยอมหยุด ไม่ต่างกับยายพันวลีและอุสา

ปลายฟ้าเลื่อนมือขึ้นมาสัมผัสเรือนหน้าหญิงสาวผู้ลาจากไปเบาๆ ดวงหน้าเนียนสวยบิดเบี้ยวไม่เป็นรูป รู้สึกคล้ายกับว่าหัวใจถูกบดขยี้ไม่มีชิ้นดี หญิงสาวดึงรั้งเอาร่างอันไร้วิญญาณนั้นมาก่อนไว้แน่นทั้งน้ำตา

“ฉันยังไม่ได้ขอโทษเธอเลยพิมพ์วารี... ฉันขอโทษที่ทำให้เธอต้องเจ็บ ขอโทษในทุกสิ่งที่ฉันได้ทำกับเธอลงไป... ให้อภัยฉันด้วยนะ...”
โดย: ผีเสื้อสีดำ วันที่: 18 กรกฎาคม 2555 เวลา:20:43:23 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ผีเสื้อสีดำ
Location :
ศรีสะเกษ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]



จงทำในสิ่งที่คุณคิดว่า...

ทำไม่ได้
กรกฏาคม 2555

1
2
3
4
5
7
8
9
10
11
13
15
17
19
20
21
22
24
25
26
27
28
29
30
31
 
 
MY VIP Friend