Mint's world.
|
|||
บทที่ 8 ลางสังหรณ์ของพงศกร บทที่ 8 ลางสังหรณ์ของพงศกร พิมพ์วารียกพานดอกบัวขึ้นถวายพระขณะที่หญิงสาวข้างกายยื่นปลายนิ้วแตะรองที่ข้อศอกเธอ เมื่อนั่งฟังธรรมตามตั้งใจแล้วจึงกราบพระเดินลงจากศาลา หญิงสาวสวยแปลกตาทั้งสองนางอดทำให้ชาวบ้านธรรมดาสามัญอดมองเหลียวหลังตามไม่ได้ ด้วยที่ว่าผิวพรรณนั้นผุดผ่องเนียนละเอียดกว่าสตรีชาวนาทั่วไป ซ้ำยังห่มสไบลายประณีตสีเขียวกับชมพูระยิบระยับ คล้ายลูกผู้ดีประหนึ่งขัตติยะนารีที่ไม่ใช่สามัญชน “ต้องขอบใจแม่นางเอราปถมากนะจ้ะ ที่พาข้าขึ้นมาไหว้พระทำบุญที่วัดนี้ นานทีปีหนจะได้มาทำบุญกับเขาบ้าง...” ปลายฟ้าบอกด้วยสีหน้าอิ่มเอม ไม่ต่างอะไรกับคนตรงหน้าเธอ “แล้วที่แม่นางสีรุ้งเล่าว่าตัวเองขึ้นมาเที่ยวเล่นบนเมืองมนุษย์จนเกิดเรื่องนั้น พอจะเล่าให้ข้าฟังได้หรือไม่ว่าเป็นเรื่องเล็กใหญ่ประการใด” “คือว่า...” ปลายฟ้าก้มหน้าน้อยๆ ใบหน้าขาวเนียนดูหดหู่ลงอย่างเห็นได้ชัด เมื่อเงยหน้าขึ้นมาก็ต้องพบกับดวงตาสีเขียวมรกตของพิมพ์วารีที่เฝ้ารอคำตอบ “ข้าบังเอิญไปพบกับครุฑตนหนึ่งเข้าน่ะสิ” “หา...! นี่แม่นางปะกับครุฑเข้ารึนี่” นางนาคาสีเขียวเอามือทาบอกด้วยความตกใจ น้อยครั้งนักที่พิมพ์วารีจะขึ้นบกแล้วไปไหนไกล อย่างมากเธอก็อยู่ในบริเวณป่าและหมู่บ้านใกล้ๆ กับแม่น้ำ “แต่ข้าก็รอดมาได้อย่างหวุดหวิด เพราะพญานาคท่านนั้นมาช่วยไว้...” เรือนหน้านวลเนียนกลับมามีเลือดฝาดอีกครั้ง รอยยิ้มกรุ้มกริ่มที่ประดับบนใบหน้าชวนให้พิมพ์วารีต้องเอียงคอมองอีกฝ่ายอย่างสงสัย “หมายความว่ามีพญานาคสูงบารมีมาช่วยแม่นางงั้นหรือ...” “ใช่จ้ะ” ปลายฟ้าพยักหน้าพร้อมคลายยิ้มกว้าง “ท่านเป็นนาคหนุ่มสีทอง ทั้งรูปงามและจิตใจดี...” “เห็นสีหน้าและแววตาของแม่นางสีรุ้งขณะกล่าวถึงเขาแบบนี้ อย่าบอกนะว่าแม่นางเกิดความเสน่หาในตัวพญานาคท่านนั้นเข้าแล้ว” พิมพ์วารีพูดแหย่จนคนข้างๆ หันมาทำตาค้อนใส่ “ไม่รู้ว่าจะได้พบกันอีกหรือเปล่าน่ะสิแม่นางเอราปถ” ปลายฟ้าบอกอย่างถอนใจ ใบหน้าของเขามันวนเวียนอยู่ในหัวใจเธอไม่ยอมลบเลือนไปเสียที “หากเป็นคู่กันแล้ว ก็คงไม่แคล้วกันดอกจ้ะ เห็นทีว่าข้าจะต้องส่งแม่นางสีรุ้งเพียงเท่านี้ เดินต่อไปอีกไม่กี่สิบเมตรก็จะถึงแม่น้ำแล้ว พอดีข้าต้องไปพบท่านพ่อก่อนตะวันตกดิน” พิมพ์วารีสั่งเสียก่อนบอกลา สองร่างส่งยิ้มให้แก่กัน “ขอบใจแม่นางมากนะจ้ะ ไว้พบกันใหม่....” ปลายฟ้ากล่าวขอบคุณก่อนเดินจากไป เมื่อเห็นนาคสาวต่างถิ่นเดินหายลับกลับลงสู่แม่น้ำไปแล้ว พิมพ์วารีจึงมุ่งหน้าขึ้นไปหาบิดาที่อาศัยอยู่ในถ้ำลึกบนภูสูง ยิ่งเดินเข้าไปใกล้เขตอาศัยของผู้เป็นบิดามากเท่าไหร่ ใบหน้าคมคายก็ยิ่งเครียดเคร่ง ด้วยที่รู้ว่าบิดานั้นมีเรื่องสำคัญจะรับสั่งให้เธอทำแน่ เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับอนาคตของเธอ ซึ่งนาคสาวไม่อยากจะรู้ว่ามันคืออะไร ? “ทำไมถึงมาช้า มัวแต่ไปเที่ยวเล่นที่ไหนพิมพ์วารี...” เมื่อเข้ามาหาแล้วก็ถูกดุ นาคสาวจึงได้แต่ก้มหน้านิ่ง ก่อนเดินมานั่งพับเพียบต่อหน้าผู้เป็นบิดาที่ขนดกายอยู่บนแผ่นหินในถ้ำลึก ร่างนาคาสูงวัยค่อยๆ กลายเป็นมนุษย์ผู้อยู่ในวัยชราภาพ ดวงตาสีเขียวอ่อนหม่นแสงคู่นั้นทอดมองร่างลูกสาวด้วยความเป็นกังวล “ก็เพราะเจ้ายังทำตัวเหมือนเด็กอย่างนี้น่ะสิถึงทำให้พ่ออดห่วงเจ้าไม่ได้...” “ท่านพ่อ...ข้าเพียงแต่นำดอกบัวไปถวายพระเท่านั้น ไม่ได้ไปเที่ยวเล่นอย่างที่ท่านพ่อว่าสักหน่อย” พิมพ์วารีเงยหน้าขึ้นบอก “ไม่ต้องมาเถียงพ่อ...” พออีกฝ่ายตวาดใส่หล่อนก็ต้องก้มหน้างุดด้วยความจำใจ นาคสีเขียวสูงวัยถอนหายใจจนได้ยินเสียง แววตาแห่งความปรารถนาดีทอดมองลูกสาวด้วยความอาวรณ์ “พ่อคงอยู่ได้อีกไม่นาน... จึงอยากสั่งเสียกับเจ้าไว้ซะตั้งแต่ตอนนี้ เมื่อครั้งเจ้าเกิดได้ใหม่ๆ พ่อกับแม่พาเจ้าเดินทางออกมาจากหิมพานต์ แต่ระหว่างทางนั้นก็มีครุฑตนหนึ่งผ่านมาพบเข้า มันหมายจะฆ่าเราทั้งสาม พ่อกับแม่สู้สุดชีวิตก่อนที่ท่านกนกนาคราชจะนำรัตนมณีมาช่วยพวกเราไว้ เราทั้งครอบครัวต่างติดหนี้บุญคุณท่านกนกนาคราช เป็นหนี้บุญที่เราจะต้องตอบแทน... นี่คือสิ่งสุดท้ายที่พ่ออยากจะขอเจ้า” น้ำเสียงสั่นเครือนั้นฉุดให้ใบหน้าคมคายต้องเงยขึ้นมอง พิมพ์วารีไม่เคยรู้เรื่องเหล่านี้มาก่อนเลย... “ในตอนนั้น พ่อกับแม่สัญญากับท่านกนกนาคราชไว้ว่าจะขอเป็นข้ารับใช้ท่าน หากแต่ท่านก็ไม่ต้องการ มาวันนี้ความรู้สึกติดค้างในหนี้บุญคุณมันก็ทำให้พ่อไม่มีความสุข ก่อนที่พ่อจะตายจากไป พ่อได้ส่งสาส์นไปให้กับท่านกนกนาคราชแล้ว ว่าจะยกเจ้าให้ไปคอยรับใช้ในวิมานท่าน...” “แต่ท่านพ่อ...” “พิมพ์วารี... นี่คือสิ่งสุดท้ายที่พ่อจะขอเจ้า ท่านกนกนาคราชเป็นผู้ตั้งอยู่ในคุณธรรม บางที...ท่านอาจจะเมตตา ชุบเลี้ยงเจ้าเป็นชายา เจ้าจะได้อยู่สุขสบาย ขอเพียงทำตามที่พ่อสั่ง เท่านี้พ่อก็ไม่ขออะไรมากแล้วหละพิมพ์วารี...” พงศกรหาเรื่องมาเม้าท์กับนงเยาว์แต่เช้า ขณะที่พิมพ์วารีเข้าไปพบหัวหน้าเรื่องโปรเจ็คท์ใหม่ที่ผ่านการอนุมัติเรียบร้อยแล้ว “นี่พี่เยาว์รู้มั้ย ว่าโปรเจ็คท์ใหม่ที่หัวหน้าจะให้ทำนี่เป็นของใคร...” พงศกรเท้าแขนลงบนโต๊ะทำงานของหญิงรุ่นพี่ อีกฝ่ายทำหน้าเหรอเหราก่อนเปิดแฟ้มที่จะเตรียมเสนอเซ็นต์ขึ้นมาตรวจทานอีกรอบ “ฉันจะรู้กับแกมั้ยล่ะไอ้กร เป็นใครแล้วมันเกี่ยวกับพี่ตรงไหน?” “ไม่เกี่ยวกับพี่ แต่เกี่ยวกับยัยพิมนะสิ... ลูกค้าใหม่ของเราชื่อปลายฟ้า คนที่แย่งผ้าไหมกับยัยพิมนั่นแหละ” “หา...จริงเหรอเนี่ย !” นงเยาว์อ้าปากเหวอก่อนที่พงศกรจะพยักหน้าเนิบนาบ “วันก่อนภัทร์ไปซื้อของที่ห้างฯ ก็เห็นยัยปลายฟ้าอะไรนั่นเดินควงคุณธันย์หน้าบานเป็นกระด้งเลย” ชายหนุ่มทำจมูกฟุดฟิดขณะที่หญิงรุ่นพี่ได้แต่ทำหน้างง “คุณธันย์... ลูกค้าคนก่อนน่ะเหรอ? แล้วเขาสองคนไปเดินห้าง มันเกี่ยวอะไรกับแกล่ะไอ้กร...” “โอ้ยๆๆ พี่เยาวว์นี่ ไม่ได้เกี่ยวกับกรเลยสักนิด แต่เกี่ยวกับยัยพิมล้วนๆ พี่น่ะไม่รู้อะไร เมื่อวานคุณธันย์นัดยัยพิมไปเลี้ยงข้าวกลางวัน เพื่อขอบคุณที่ยัยพิมมอบภาพวาดพญานาคให้เขาน่ะสิ...” “จริงเหรอกร... เอ...ปกติพี่ไม่เคยเห็นพิมออกไปทานข้าวกับผู้ชายสองต่อสองเลยนะ...หรือว่า...” “พี่เยาว์เดาไม่ผิดหรอก ตอนนี้ยัยพิมกำลังตกหลุมรักคุณธันย์เข้าไปเต็มๆ แล้ว และพอได้รู้ว่ายัยปลายฟ้ามาเป็นลูกค้าใหม่ที่บริษัทเราน่ะ กรก็เลยสังหรณ์ใจว่าต่อไป ชีวิตของยัยพิมอาจจะวุ่นวายก็ได้...” “นั่นสิ แล้วนี่เขารู้ใช่มั้ยว่ายัยพิมทำงานที่นี่” “ก็เพราะรู้นี่แหละถึงได้มา...ที่สำคัญคนที่แนะนำทั้งสองคนให้รู้จักกันยังเป็นคุณธันย์อีกต่างหาก” พงศกรสะบัดเสียงห้วน นงเยาว์เอามือเกาท้ายทอยแกรกกรากด้วยความงุนงง “แล้วคุณธันย์เขาไม่รู้หรือไงว่ามีผู้หญิงสองคนกำลังตกหลุมรักเขาน่ะ...” “นั่นแหละคือสิ่งที่กรสงสัย ผู้ชายเงียบขรึม ดูสุภาพอ่อนโยนแบบคุณธันย์ ไม่น่าเป็นพวกชอบจับปลาสองมือ...แต่มันก็อาจจะไม่แน่ กรก็ได้แต่เชียร์ให้ยัยพิมสมหวังในความรักแหละพี่เยาว์” “อืมม์...พี่เข้าใจนะกร แกต้องอยู่เคียงข้างพิม คอยชี้แนะหากว่าเพื่อนทำผิดพลาด แต่ในบางเรื่อง เพื่อนอย่างเราก็เข้าไปยุ่งมากไม่ได้ ข้อนี้กรเข้าใจใช่มั้ย?” นงเยาวว์เอื้อมมือไปบีบแขนพงศกรเบาๆ ก่อนที่พนักงานหนุ่มจะพยักหน้าน้อยๆ “กรแค่อยากให้ยัยพิมรักเขาอย่างมีสติ... ไม่อยากให้ความรักมันบังตาจนมองไม่เห็นผิดชอบชั่วดี” พอทั้งสองสนทนากันจบ พิมพ์วารีก็เดินออกมาจากห้องผู้เป็นหัวหน้าด้วยสีหน้าเคร่งเครียด เสื้อคอกลมแขนพองสีเขียวสดยับย่นจากการนั่งเอนหลังพิงพนักเก้าอี้เป็นเวลานาน พงศกรเดินเข้าไปหาเพื่อนรักด้วยความเป็นห่วง “ตกลงหัวหน้าว่าไง โปรเจ็คท์นี้จะให้ใครทำ...” พงศกรจ้องเรือนหน้าคมคายเพื่อรอคำตอบ พิมพ์วารีก้มหน้างุด ค่อยๆ ถอนหายใจอันรุ่มร้อนออกมาเบาๆ “หัวหน้าให้เราสองคนดูแลกร...เดี๋ยวอาทิตย์หน้าฉันต้องไปที่รีสอร์ทคุณปลายฟ้า” “พิม...ถ้าแกไม่อยากทำก็บอกหัวหน้าไปตรงๆ ก็ได้นี่ ไม่เห็นจะต้องฝืนรับปากเลย...” ชายหนุ่มรู้ว่าตอนนี้เพื่อนสนิทกำลังรู้สึกเช่นไร หากแต่พิมพ์วารีกลับเงยหน้าขึ้นด้วยสีหน้ามุมั่น “ไม่กร...ฉันจะทำ ถ้าฉันหนีมันก็แปลว่าฉันยอมแพ้ ที่ได้งานนี้มาก็เพราะคุณธันย์เป็นคนแนะนำ ถ้าฉันปฏิเสธไปแล้วคุณธันย์จะคิดยังไง แกไม่ต้องห่วงฉันนะกร...” พิมพ์วารียื่นมือออกไปจับสองมือเพื่อนหนุ่มไว้ พงศกรเม้มปากยิ้ม พยักหน้าให้กับความเด็ดเดี่ยวของหญิงสาว “ฉันจะอยู่เคียงข้างเธอเสมอพิม...” วิศรุตบึ่งมาหาปลายฟ้าที่บริษัทแต่เช้าหากแต่ชายหนุ่มก็กลับผิดหวัง หญิงสาวไม่ได้เข้าออฟฟิศตามที่เขาคาดไว้ “ฉันไม่เชื่อ อย่ามาโกหกดีกว่า คุณปลายฟ้าอยู่ในห้องใช่มั้ย?” ชายหนุ่มในชุดเสื้อเชิ้ตสีแดงฉานตวาดใส่เลขานุการสาวหน้าห้องปลายฟ้า “คุณฟ้าไม่ได้เข้าออฟฟิศจริงๆ ค่ะคุณ” “ถอยไป ฉันจะเข้าไปดูในห้องทำงานของปลายฟ้า” วิศรุตถลาร่างตรงดิ่งเข้าไปภายในห้อง ก่อนจะพบเพียงความว่างเปล่า โต๊ะทำงานที่ตั้งอยู่กลางห้องไร้ร่างของปลายฟ้า ในขณะที่ชายหนุ่มได้แต่ยืนกำมือแน่นอย่างเจ็บใจ ดวงตาที่ลุกโชนประดุจปีศาจร้ายกวาดมองไปรอบห้อง ก่อนจะไปสะดุดเข้ากับผ้าไหมสีน้ำเงินผืนเล็กที่พับวางอยู่บนโต๊ะทำงานของหญิงสาว จู่ๆ ภาพในความฝันก็ฉายวาบขึ้นมาต่อหน้าเขา ภาพที่กนกนาคราชส่งผ้าไหมสีน้ำเงินเข้มผืนนั้นให้ เพื่อแลกกับอิสรภาพของนางนาคาผู้เป็นชายา... กนกนาคราชผู้ที่มีหน้าตาละม้ายคล้ายคลึงกับธันย์ รัตนเวคินทร์ และนางชายาของเขาที่ครุฑหนุ่มตนนั้นหลงรักและหมายปอง ไม่ต่างอะไรกับวิศรุตที่ต้องการครอบครองปลายฟ้าหากแต่เธอกลับไปมอบใจให้กับธันย์จนหมด... ชายหนุ่มก้าวขาฉับๆ เข้าไปหยิบเอาผ้าไหมผืนนั้นมาถือไว้ในมือ เพ่งมองลงไปยังเนื้อผ้าคล้ายกำลังขบคิดบางอย่าง บางที...ผ้าผืนนี้อาจจะมีประโยชน์กับเขาก็เป็นได้ มันอาจจะทำให้เขาใช้มันเพื่อควบคุมเธอ ไม่รู้ว่าทำไมถึงแน่ใจมากขนาดนี้ แต่ภาพความฝัน สิ่งที่รู้สึก เรื่องราวที่ได้เห็นในอดีตชาติ มันก็ทำให้ชายหนุ่มปักใจเชื่อจนยากจะถอนตัว เขาคือครุฑหนุ่มตนนั้น ผู้ที่หมายปองและหลงรักในตัวชายาของกนกนาคราช... “แล้ววันนี้ไม่คิดจะเข้าไปออฟฟิศเลยรึไงฟ้า...” ใบหม่อนเดินเนิบนาบตรงมายังระเบียงกว้าง พร้อมกับแก้วน้ำส้มคั้นสองแก้ว เมื่อยื่นให้ผู้เป็นเพื่อนที่นั่งบนเก้าอี้ไม้ริมระเบียงตัวเองก็ทรุดนั่งลงข้างกัน ปลายฟ้าทอดสายตามองแม่น้ำเจ้าพระยาในยามเย็น ลมเย็นๆ ลอยพัดมาปะทะเรือนหน้านวลเนียนที่กำลังนั่งคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย แต่ทว่าพลันนั้นเองใจก็นึกไปถึงผ้าไหมสีน้ำเงินลายกนกผืนนั้นขึ้นมา... ร่างระหงหยัดกายลุกจากเก้าอี้ด้วยความกระวนกระวาย รีบวิ่งดุ่มๆ เข้าไปในบ้านก่อนคว้าเอากระเป๋าถือใบใหญ่ขึ้นมาค้น หากแต่ค้นเท่าไหร่หญิงสาวก็กลับไม่พบเจ้าผ้าไหมสีน้ำเงินผืนนั้น... “หาอะไรเหรอฟ้า...” ใบหม่อนที่เดินตามเข้ามาเอ่ยถาม ก่อนที่ปลายฟ้าจะเทข้าวของภายในกระเป๋าลงพื้นด้วยความร้อนรน “ไม่นะ.... หายไปไหน ผ้าไหมของฉันหายไปไหน...” “ผ้าไหมเหรอ... ผ้าไหมลายกนกผืนนั้นของเธอหายไปงั้นเหรอ?” ใบหม่อนทรุดกายลงนั่งเคียงข้างผู้เป็นเพื่อนที่ก้มมองใต้โซฟา “ใช่... ฉันเอามันใส่ไว้นะกระเป๋า แต่ทำไมถึง...” ปลายฟ้าลากเสียงค้าง เมื่อภาพตอนที่เธอหยิบผ้าผืนนั้นขึ้นมาชื่นชมขณะนั่งพักอยู่ในห้องทำงานที่บริษัท ปลายฟ้าเอื้อมมือไปหยิบเอากระเป๋าสตางค์และกุญแจรถ ก่อนหยัดกายลุกขึ้นยืน จากนั้นจึงวิ่งดุ่มๆ ออกจากบ้านไปอย่างไม่ได้ล่ำลาผู้เป็นเพื่อน... พิมพ์วารีได้แต่ยืนถอนหายใจหลังจากที่รถยนต์เกิดดับลงกลางทาง จุดที่จอดรถนั้นก็เป็นป่าเปลี่ยวและไม่มีไฟฟ้า ถึงแม้จะมีรถราผ่านไปมามากมายก็เถอะ แต่เธอก็อดใจเสียไม่ได้... ก่อนที่จะมีรถยนต์หรูคันงามชะลอมาจอดอยู่ด้านหลัง พร้อมกับชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ที่เปิดประตูรถเดินลงมาหาหญิงสาว พิมพ์วารีใจเต้นแรง เมื่อมองจากกระจกหลังก็ยิ่งตกใจเมื่อชายคนนั้นคือ ผู้ชายที่คุยกับปลายฟ้าที่ร้านอาหารเมื่อวันก่อน... เขาต้องการอะไรกันแน่ ? วิศรุตย่อตัวลงเล็กน้อยขณะยื่นหน้าเข้าไปใกล้กระจกรถของหญิงสาว ยื่นมือไปเคาะให้เธอลดกระจกรถลงเพื่อที่เขาจะได้สนทนากับเธอได้... พิมพ์วารีหันมากดโทรศัพท์หาพงศกร ก่อนเอื้อมอีกมือไปกดกระจกรถ “มีอะไรเหรอคะ...” เอ่ยถามเสียงสั่นเครือ ก่อนที่อีกฝ่ายจะยักคิ้ว “ผมเห็นคุณจอดรถเลียบข้างทาง พอดีจำทะเบียนรถได้ ว่าเป็นรถของคนรักคุณธันย์ รัตนเวคินทร์ เลยจอดรถและลงมาดู เผื่อว่าคุณอาจต้องการความช่วยเหลือน่ะครับ” คำพูดของเขาทำให้ทั้งร่างของหญิงสาวนิ่งค้างไปในบัดดล มือที่ยกโทรศัพท์แนบหูพลันได้วางลงกับเบาะนั่ง ดวงตากลมโตหันมาสบสายตากับวิศรุตตรงๆ “ผมอาจจะพอช่วยคุณได้บ้าง...ไม่มากก็น้อย” รอยยิ้มของเขาซ่อนความหมายบางอย่างเอาไว้ หากแต่คำพูดเมื่อครู่นั้นกลับทำให้หัวใจของพิมพ์วารีพองโตขึ้นมา หญิงสาวตัดสินใจลงจากรถและยอมเปิดกระโปรงรถให้ชายหนุ่มดูอาการเจ้ายานพาหนะที่เกิดดับกลางทาง จนสุดท้ายวิศรุตก็แก้ไขได้สำเร็จ “ขอบคุณมากนะคะ...” เธอว่าเสียงใส ก่อนที่อีกฝ่ายจะยิ้มเรียบๆ ส่งให้ มือหนาล้วงเอาผ้าไหมผืนน้อยที่พับเก็บไว้ในกระเป๋ากางเกงออกมาซับเหงื่อที่หน้าผากขณะที่พิมพ์วารีได้แต่ยืนมองอย่างตาค้าง ผ้าไหมลายกนกผืนนั้น... ผ้าที่กนกนาคราชใช้ห่อรัตนมณีเพื่อจะนำไปถวายแด่องค์วิรูปักษ์ แต่กลับถูกครุฑใจร้ายใช้อุบายแย่งมณีล้ำค่านั่นไปก่อนฆ่ากนกนาคราชจนสิ้นใจตาย ทิ้งเพียงผืนผ้าให้ชายาทั้งสองที่ต้องอยู่อย่างหัวใจสลายดูต่างหน้า... ชายหนุ่มค่อยๆ พับผ้าไหมอย่างช้าๆ ขณะที่สายตาเหลือบมองพิมพ์วารีเป็นระยะ “ถ้าไม่มีอะไรแล้ว...ผมลากลับล่ะนะครับ” วิศรุตถอยหลังเตรียมเดินกลับสู่รถแต่ทว่าอีกฝ่ายก็รั้งไว้เสียก่อน “เดี๋ยวค่ะ เดี๋ยว...” เสียงเรียกของเธอทำให้ชายหนุ่มหยุดกึก ร่างที่หันหลังไปแล้วผุดยิ้มเยือกเย็น ค่อยๆ หันกลับมาวางสีหน้าปกติ ขณะที่พิมพ์วารีได้แต่จ้องมองไปที่ผ้าไหมผืนนั้น ในกระเป๋าเสื้อของเขา “ถ้าไม่เป็นการรังเกียจ แวะไปดื่มน้ำ ทานกาแฟที่บ้านฉันก่อนก็ได้นะคะ อยากตอบแทนคุณที่ช่วยฉัน...” วิศรุตจุดยิ้มมุมปาก ก่อนหัวเราะน้อยๆ “นึกว่าคุณจะไม่ชวนเสียแล้วสิครับ...” “ขับตามมานะคะ... อีกไม่กี่กิโลฯ ก็ถึงคอนโดฉันแล้ว” ปลายฟ้ามาถึงบริษัทในที่สุด แต่ทว่าพนักงานกลับเหลือเพียงไม่กี่คน ห้องทำงานของเธอถูกปิดไฟและล็อคอย่างแน่นหนา เมื่อหญิงสาวไขกุญแจเข้าไปแล้ว ก็รีบตรงดิ่งไปยังโต๊ะทำงาน มองหาผ้าไหมผืนนั้นที่หวงแหนสุดชีวิต แต่ก็กลับไม่พบมัน “ไม่สิ...เราจำได้ว่าวางมันไว้บนโต๊ะ มันต้องอยู่บนโต๊ะ...” เมื่อหาสิ่งที่ต้องการไม่พบ มือเรียวจึงปัดป่ายแฟ้มเอกสารที่กองอยู่ลงพื้นด้วยอารมณ์เกรี้ยวกราด ก่อนกดโทรศัพท์ไปหาเลขานุการคนสนิทที่รับผิดชอบดูแลสิ่งของภายในห้องเธอ “ประภา...เธอเห็นผ้าไหมสีน้ำเงินของฉันมั้ย...ผ้าไหมที่วางอยู่บนโต๊ะน่ะ” ตวาดถามผู้เป็นลูกน้องจนเธอสะดุ้งโหยง รีบตอบกลับมาอย่างกระอึกกระอัก “ไม่นี่คะคุณฟ้า ตอนเย็นที่ประภาเข้าไปดูแฟ้มบนโต๊ะ ก็ไม่เห็นมีผ้าไหมที่คุณฟ้าว่าเลย...” “จะไม่มีได้ยังไง ก็ฉันวางอยู่บนโต๊ะ เธอเป็นเลขาฯ ภาษาอะไร ข้าวของเจ้านายทำไมถึงไม่ดูแลรักษาให้ดี นี่ถ้าเกิดว่าผ้าฉันหายไปล่ะก็ ฉันไล่แกออกแน่...” “คุณฟ้าคะ...ใจเย็นๆ ก่อนค่ะ ประภาไม่ทราบจริงๆ อีกอย่างวันนี้ก็มีท่านประธานและแขกอีกคนที่มาขอพบคุณ เข้าไปในห้องทำงานคุณด้วย...” พอได้ยินดังนั้นดวงตากลมรีก็เบิกโพลงขึ้นมา “ใคร...แขกที่ว่านั่นเป็นใคร...” “เอ่อ...รู้สึกว่าจะชื่อคุณวิศรุตนี่แหละค่ะ บอกว่าเป็นเพื่อนกับคุณฟ้า ประภาบอกว่าคุณฟ้าไม่เข้าออฟฟิศเขาก็ไม่เชื่อ เดินบุ่มบ่ามผลักประตูเข้าไปในห้องทำงานคุณ สักพักถึงเดินออกมา ประภาไม่เห็นเขานำอะไรติดมือออกมาด้วยเลยไม่ได้ติดใจอะไร แต่ก็ไม่แน่ว่าเขาอาจจะ...” ไม่ทันจะพูดจบผู้เป็นเจ้านายก็กดวางสายไปเสียก่อน มือเรียวเสียวกำโทรศัพท์มือถือไว้แน่น จนมันแทบจะแตกคามือเสียให้ได้ พิมพ์วารียื่นกาแฟอุ่นๆ ส่งให้ชายหนุ่ม ขณะที่ตัวเองยกชาเขียวกลิ่นหอมขึ้นจิบเบาๆ แทน วิศรุตกวาดสายตามองห้องขนาดพอเหมาะของหญิงสาว ก่อนมาหยุดสายตาอยู่ที่วงหน้าสีน้ำผึ้งนวลเนียนตรงหน้า “วันนั้น...ผมบังเอิญไปทานอาหารที่ร้านนั่น เลยได้เห็นคุณกับคุณธันย์นั่งทานข้าวกันอยู่ แล้วจู่ๆปลายฟ้าก็เข้ามาแทรก...” วิศรุตร่ายด้วยน้ำเสียงเยียบเย็น พิมพ์วารีระบายลมหายใจออกเบาๆ ด้วยที่ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายต้องการจะสื่ออะไร “ผมกับปลายฟ้า...เราสองคนเคยรักกันมาก่อน แต่ก็เลิกรากันไปได้หลายปีแล้วหละครับ หากแต่ว่าตอนนี้ผมต้องการเธอมาก และไม่อยากให้เธอตกไปเป็นของคนอื่น...” เขาบอกด้วยสีหน้ามุ่งมั่นเด็ดขาด พิมพ์วารีได้ยินดังนั้นก็ถึงกับเบิกตาโพลง “ผมรู้ว่าปลายฟ้าคิดยังไงกับคุณธันย์ คุณเองก็น่าจะรู้เหมือนกัน และก็คง...ไม่อยากจะให้คุณธันย์ตกไปเป็นของใคร ใช่มั้ยครับคุณพิมพ์วารี...” แขกหนุ่มลากเสียง สายตาเจ้าเล่ห์หรี่มองหญิงสาวขณะที่พิมพ์วารีจ้องหน้าเขาอย่างไม่กระพริบตา ชายหนุ่มผายยิ้มเจ้าเล่ห์ ก่อนหยิบผ้าไหมสีน้ำเงินลายกนกส่งให้ “วันนี้ผมไปหาฟ้าที่บริษัท แต่บังเอิญเห็นเจ้านี่มันหล่นอยู่เลยเก็บมา ตั้งใจว่าจะคืนให้เธอ แต่พรุ่งนี้ผมต้องเดินทางไปประชุมที่ต่างจังหวัด คงไม่สะดวกเท่าไรนัก ได้ยินว่าตอนนี้คุณเป็นมัณฑนากรดูแลการตกแต่งรีสอร์ทของปลายฟ้าอยู่ ยังไงแล้ว...ผมรบกวนคุณนำผ้าไหมผืนนี้ส่งคืนให้ปลายฟ้าด้วยนะครับ...” ช่วงระหว่างที่วิศรุตสาธยาย จุดสนใจของหญิงสาวก็มีเพียงผ้าไหมผืนนั้น ตาทั้งสองข้างคล้ายถูกตรึงไว้ด้วยแรงดึงดูดอันมีอาณุภาพมหาศาล ความรู้สึกหวงแหนและอยากครอบครองทวีขึ้นในหัวใจที่เต้นระรัว พิมพ์วารียื่นมือออกไปรับ สัมผัสนุ่มลื่นนั้นทำให้เธอผายยิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัว ในที่สุด...เธอก็ได้ผ้าไหมอีกส่วนที่ฉีกขาดกลับคืนมา... วิศรุตหยัดกายขึ้น ก่อนบอกลาหญิงสาวด้วยรอยยิ้ม พร้อมกับกำชับเสียงหนักว่า “อย่าลืมส่งให้ปลายฟ้ากับมือนะครับ คิดว่าคงเป็นของสำคัญสำหรับเธอแน่...” คำสั่งเสียนั้นทำให้ดวงหน้าคมคายเคร่งขรึมขึ้นมา ก่อนที่ร่างสูงสง่าจะเดินละลิ่วออกจากบ้านไป ทุกอย่างที่วางไว้มันดำเนินไปตามเกมของวิศรุตอย่างไม่มีผิดเพี้ยน รถยนต์สีบรอนซ์คันงามมาจอดขวางอยู่หน้าประตูบ้านเขา เมื่อชายหนุ่มดับเครื่องรถและเปิดประตูลงไป หญิงสาวร่างสูงระหงก็ตรงปรี่เข้ามาหาด้วยความเดือดดาล “โอ้โห...ดูท่าวันนี้ฝนคงจะตกหนักนะครับ คุณถึงได้อุตส่าห์มารอผมแบบนี้...” เจ้าของบ้านหนุ่มหัวเราะเสียงใส สายตาเจ้าเล่ห์นั้นแทบจะทำให้ปลายฟ้าอยากจะกระโจนเข้าไปฉีกเนื้อเขาออกเป็นชิ้นๆ “ของฉันอยู่ไหน เอาคืนมาเดี๋ยวนี้” เสียงตวาดที่ดังก้องนั้นไม่ได้ทำให้วิศรุตสะทกสะท้านเลยแม้แต่น้อย ชายหนุ่มค่อยๆ ก้าวขาเข้าไปใกล้ขณะที่ลมแรงเริ่มพัดกระหน่ำเข้าใส่ เกลียวเมฆสีดำเข้มบิดม้วนรวมตัวกันอยู่บนฟ้า ปิดกั้นจันทราและดวงดาราให้สาดแสงลงสู่ผืนดิน ปลายฟ้าเดินปรี่เข้าไปใส่อย่างไม่เกรงกลัว ดวงตากลมรีกระทบกับแสงแปลบปลาบของสายฟ้าเป็นประกายรุ้งระยับ มือน้อยนั้นผลักอกวิศรุตอย่างแรง เชิดหน้าจ้องมองอย่างเอาเรื่อง “อย่าคิดว่าฉันกลัวคุณนะวิศรุต อย่าคิดว่าคุณรังแกคนอื่นได้ฝ่ายเดียว ฉันจะบอกเป็นครั้งสุดท้าย ส่งผ้าไหมของฉันมาเดี๋ยวนี้” แววตาอาฆาตแค้นนั้นยิ่งทำให้เปลวไฟในหัวใจของวิศรุตลุกโชน สายตาที่ไม่เหลือเยื่อใยของเธอเปรียบดังมีดที่กรีดลงกลางใจก็มิปาน... “ผมเกรงว่าคุยกันตรงนี้จะไม่สะดวกสักเท่าไหร่ ไปคุยกันในบ้านดีกว่ามั้ย...” ชายหนุ่มฝืนยิ้มอ่อนโยนหากแต่ปลายฟ้ากลับไม่หลงกล “ฝันไปเถอะว่าฉันจะกลับเข้าไปเหยียบบ้านคุณอีก ฉันบอกให้คืนผ้าไหมฉันมาไง” “เอ... อะไรที่ทำให้คุณคิดว่าผมเอาของคุณไปล่ะ จู่ๆ จะมากล่าวหากันแบบไม่มีหลักฐานได้ยังไง” “ก็เมื่อวานคุณเข้าไปในห้องฉัน แล้วของๆ ฉันก็หายไป ถ้าไม่ใช่คุณเอาไปแล้วจะเป็นใคร เลิกยุ่งวุ่นวายกับชีวิตฉันซักทีเถอะวิศรุต อย่าทำให้ฉันต้องเกลียดคุณไปมากกว่านี้เลย...” น้ำเสียงเหยียดหยันนั้นทำให้ชายหนุ่มต้องกำมือแน่นอย่างแค้นเคือง วิศรุตสูดลมหายใจเข้าปอดจนสุด ก่อนก้าวถอยหลังพร้อมยิ้มเย่าะ “ถ้าคิดว่าผ้านั่นอยู่กับผม ก็ตามมาเอาในบ้านสิ” ร่างระหงที่ยืนนิ่งสั่นเทิ้มด้วยความโกรธเคืองที่ทวีความรุนแรงขึ้น ก่อนที่วิศรุตจะหันหลังกลับและเดินดุ่มๆ เข้าบ้านจากไป ปลายฟ้าได้แต่ยืนกำมือแน่นอย่างทำอะไรไม่ได้ เธอจะไม่ปล่อยให้เขาเอาผ้าไหมของเธอไปเด็ดขาด จะไม่ปล่อยให้ใครได้แตะต้องมัน... มันเป็นของเธอเพียงคนเดียวเท่านั้น ! ธันย์ รัตนเวคินทร์ ไม่คิดเลยว่าภาพพญานาคสีเขียวที่กำลังเล่นน้ำกลางสายธารใหญ่ภาพนี้ จะดึงดูดให้เขาได้จดจ้องอยู่กับมันร่วมชั่วโมง ลายเส้นอันแสนประณีตบรรจง การลงสีและองค์ประกอบที่ลงตัว คล้ายฉุดดึงชายหนุ่มเข้าสู่บรรยากาศอันแสนสุขในภาพนั้น... จนกระทั่งเสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น ความสงบที่ก่อตัวขึ้นจึงเลือนหายไป “อ้าวน้องฟ้า โทร.หาพี่มีเรื่องอะไรรึเปล่าจ้ะ?” ธันย์ทักเสียงใส ขณะหย่อนกายลงนั่งบนโซฟาตัวยาว “ค่ะ ฟ้ามีเรื่องอยากจะปรึกษาพี่ธันย์ มีเรื่องอยากจะให้พี่ธันย์ช่วยนิดหน่อย ตอนนี้พี่ธันย์อยู่บ้านรึเปล่าคะ...” ปลายสายเอ่ยถามด้วยอาการร้อนรน ชายหนุ่มย่นหัวคิ้วน้อยๆ ก่อนเอ่ย “ใช่ครับ ตอนนี้พี่อยู่บ้าน ว่าแต่...น้องฟ้ามีเรื่องอะไรเหรอ?” “คือ... เอาไว้ให้ฟ้าไปเล่าให้พี่ธันย์ฟังที่บ้านได้มั้ยคะ ฟ้าจะรีบไปหาพี่ธันย์เดี๋ยวนี้....” “ได้จ้ะ” พอชายหนุ่มรับคำ หญิงสาวก็กดวางสายไปในทันที ดวงตากลมรีหันมาเบิกมองบ้านหลังงามของวิศรุตด้วยสายตาอาฆาต ก่อนหันหลังเดินกลับสู่รถยนต์ ขับมุ่งไปหาชายหนุ่มให้เร็วที่สุด และปลายฟ้าก็มาถึงบ้านของธันย์เร็วกว่าที่ชายหนุ่มคิดไว้มาก หญิงสาวรีบวิ่งเข้ามาหาเขาด้วยสีหน้าเป็นเดือดเป็นร้อน แววตาที่เจือไปด้วยความวิตกกังวลนั้นอดทำให้ธันย์สงสัยไม่ได้ “ฟ้าลืมของไว้ที่ห้องทำงาน แต่วันนี้ก็มีคนเอาของนั้นไปค่ะ มันสำคัญกับฟ้ามาก พี่ธันย์ช่วยเป็นธุระเรื่องนี้ให้หน่อยได้มั้ยคะ...” หญิงสาวทรุดนั่งลงบนโซฟาในห้องรับแขก ธันย์นั่งลงฝั่งตรงข้ามกันโดยมีภาพพญานาคสีเขียวเล่นน้ำแขวนเหนือศีรษะ “ของ... ใครเอาของสำคัญของน้องฟ้าไปอย่างนั้นเหรอจ้ะ” ธันย์ย่นคิ้ว จ้องมองดวงหน้าขาวเนียนเพื่อรอคำตอบ ขณะที่หญิงสาวได้แต่อ้ำอึ้งไม่กล้าพูด เมื่อนึกถึงเรื่องราวในอดีตระหว่างเธอกับวิศรุต “เอ่อ...คือ เขาเป็นผู้ชายคนหนึ่งน่ะค่ะ เป็นเพื่อนห่างๆ เพียงแต่เขาตามราวีฟ้าไม่เลิก ฟ้าไม่ชอบเขาแต่เขาก็ยังดันทุรัง นี่ก็คงเป็นแผนที่เขาคิดจะให้ฟ้าเข้าไปหาเขาที่บ้าน...” ปลายฟ้ากัดฟันพูด วิศรุตคงคิดไม่ถึงแน่หากเธอจะพาธันย์ไปทวงเอาผืนไหมคืนถึงบ้านเขา “แล้วน้องฟ้าอยากให้พี่ทำยังไง...” ในสุ้มเสียงนั้นซ่อนความแข็งกระด้างเอาไว้ สายตาหวงแหนและสีหน้าเอาจริงเอาจังของเขา ทำให้หญิงสาวใจชื้นขึ้นมา “พี่ธันย์ช่วยไปเป็นเพื่อนฟ้าหน่อยค่ะ ฟ้าไปหาเขาแล้วแต่เขาไม่ยอมคืนให้ ถ้าคราวนี้พี่ธันย์ไปด้วยเขาคงยอมคืนและไม่กล้ามายุ่งฟ้ากับอีก...” ปลายฟ้าร้องขอด้วยสีหน้าและแววตา หญิงสาวเปรียบเสมือนดอกไม้งามที่กำลังจะถูกย่ำยี แล้วจะให้เขาทนนิ่งดูดายได้อย่างไร “ตกลงจ้ะ...พี่จะไปเป็นเพื่อนฟ้าเอง แล้วผู้ชายคนนั้น...เขาชื่ออะไรจ้ะ” ชายหนุ่มหยัดกายขึ้น ทอดมองร่างอรชรที่นั่งวางหน้านิ่งด้วยความกดดัน “เขา... เขาชื่อวิศรุตค่ะ พี่ธันย์คงจำเขาได้...” สิ้นประโยคนั้น ธันย์ก็รู้สึกหนาวยะเยือกไปทั่วสรรพางค์กายชั่วขณะ เสมือนดวงจิตหล่นฮวบกลับไปสู่ภพภูมิเดิมเมื่ออดีตชาติ ภาพนกยักษ์ที่ใช้กรงเล็บและจะงอยปากอันแหลมคม ฉีกทึ้งลงไปยังเนื้อหนังของเขาจนสิ้นใจตาย มันทำให้ความรู้สึกหวาดเกรงก่อตัวขึ้นในจิตใจอย่างไม่รู้ตัว แต่ทว่า...บัดนี้หญิงสาวที่เขาห่วงใยกำลังตกอยู่ในอันตราย จะให้เขาทิ้งเธอให้เผชิญกับชายผู้โหดร้ายเพียงลำพังอย่างนั้นหรือ? “ฟ้าคอยพี่แป๊ปนึงนะจ้ะ เดี๋ยวพี่มา” ธันย์ยิ้มเรียบๆ ก่อนเดินดุ่มๆ ออกจากห้องรับแขก ตรงสู่ห้องนอนเพื่อไปหยิบเอาปืนพกสั้น ขณะที่ปลายฟ้าหันมากดรับสายโทรศัพท์จากเบอร์ลึกลับที่โทร.เข้ามา “ผมรู้ว่าตอนนี้คุณกำลังทำอะไร... เผอิญว่าเมื่อกี้ผมเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าฝากผ้าไหมผืนนั้นไปกับคนอื่นแล้ว” คนที่กำลังถือโทรศัพท์มือถือแนบหูรู้สึกชาวาบไปทั้งใบหน้า ดวงตากลมรีทั้งสองข้างเบิกค้างอยู่กลางอากาศ “แกเอาให้ใคร เอาผ้าไหมของฉันไปให้ใคร...” ปลายฟ้าตะคอกถาม เสียงนั้นดังไปเข้าหูคนที่กำลังไปหยิบเอาของสำคัญในห้องนอน “ก็มัณฑนากรสาวคนนั้นไง ผู้หญิงคนที่หน้าตาสวยคมคาย ใส่ชุดสีเขียว ที่มาในงานของคุณธันย์วันนั้นน่ะ คุณน่าจะรู้จักดีนะ...เพราะเมื่อวานนี้คุณก็ไปขัดจังหวะหล่อนกับคุณธันย์ที่ร้านอาหาร” “วิศรุต... นี่คุณอย่าบอกนะว่าตอนนี้ผ้าไหมของฉันอยู่กับ...” “ใช่... ผมฝากให้คุณพิมพ์วารี เผอิญพบเธอเข้าอย่างบังเอิญน่ะครับ เดี๋ยวพรุ่งนี่เธอคงนำไปคืนคุณ เพราะได้ยินว่าจะต้องนัดคุยงานเรื่องการตกแต่งรีสอร์ทคุณที่บึงกาฬไม่ใช่เหรอ... เสร็จธุระแล้วแค่นี้นะครับ เดี๋ยวผมจะโทร.หาคุณใหม่” สิ้นสุดการสนทนาปลายฟ้าก็แทบจะเหวี่ยงโทรศัพท์ในมือทิ้งด้วยอารมณ์วู่วาม และก็เสมือนมีอะไรดลใจให้ร่างที่กำลังสั่นเทิ้มด้วยความโกรธ แหงนหน้าขึ้นจ้องมองภาพพญานาคสีเขียวที่ธันย์ติดไว้บนผนังห้อง พลันนั้น...แรงบีบอัดในกายของหญิงสาวก็ระเบิดออกมาในที่สุด เธอตรงปรี่เข้าไปหามัน ก่อนยื่นมือไปดึงลงมาสุดแรงและฟาดลงกับพื้นห้องจนกระจกที่ปิดรูปภาพแตกละเอียดไม่มีชิ้นดี ธันย์รีบวิ่งออกมาดูด้วยความตกใจ แวบแรกที่เห็นภาพที่เขาชื่นชมนักหนาหล่นอยู่กับพื้นก็เสมือนฉุดเอาหัวใจของเขาหล่นฮวบลงตามไปด้วย แววตาหดหู่เงยขึ้นจ้องหน้าหญิงสาวคล้ายอยากให้อีกฝ่ายอธิบาย ปลายฟ้าได้แต่ยืนตัวสั่นอย่างทำอะไรไม่ถูก ยิ่งเห็นสายตาหมิ่นเหม่ที่เขาจ้องมองมา เธอก็ยิ่งรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนอื่นไกลที่เขาไม่รู้จัก “คือ... คือว่าฟ้าแค่อยากเอื้อมไปปลดมันลงมาดูใกล้ๆ แต่เผอิญมันหลุดมือฟ้าน่ะค่ะ” หญิงสาวตอบเสียงค่อย ก่อนก้มลงหยิบเศษกระจกออกจากภาพวาดนั้น ธันย์พยายามสูดลมหายใจเข้าออกช้าๆ ระงับความโกรธที่พุ่งพล่านให้หยุดนิ่ง ก่อนเดินเข้าไปหาเธอและย่อตัวลงข้างๆ กายหญิงสาว “ไม่เป็นไรจ้ะ ไว้เดี๋ยวเสร็จธุระน้องฟ้าแล้วค่อยกลับมาทำก็ได้” มือหนาเอื้อมไปแตะต้นแขนนุ่มนิ่มเบาๆ ปลายฟ้าหันหน้ามาหาเขา ในดวงตาคู่นั้นของเธออัดแน่นไปด้วยความลำบากใจที่ไม่สามารถบอกให้เขาได้รับรู้ได้... “ฟ้าคงไม่รบกวนพี่ธันย์แล้วหละค่ะ... ของชิ้นนั้นไม่ได้อยู่กับวิศรุตแล้ว ขอโทษด้วยที่มารบกวนพี่ธันย์ซะดึกดื่น เดี๋ยวภาพนี่ฟ้าจะเอาไปเข้ากรอบให้ใหม่นะคะ” ปลายฟ้าค่อยๆ หยิบเอาเศษกระจกออก ในขณะที่คนข้างกายได้แต่นั่งนิ่งไม่ปริปากพูด เมื่อเสร็จแล้วหญิงสาวจึงยกภาพนั้นมาถือไว้แนบกาย “ฟ้ากลับนะคะ...” เอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงอ่อนแรง ความอัดอั้นและหม่นหมองใจฉายชัดในแววตาจนชายหนุ่มรับรู้ได้ แต่ธันย์ก็กลับทำอะไรไม่ได้นอกเสียจากมองดูเธอเดินจากไปเพียงเท่านั้น... มีใครมาอ่านบ้างมั้ยเนี่ย ><"
โดย: ผีเสื้อสีดำ วันที่: 6 มิถุนายน 2555 เวลา:22:07:37 น.
อ่านสิ. ชอบมากๆค่ะ เป็นกำลังใจให้เขียนนิยายสนุกๆต่อไปค่ะ
โดย: พี่แอน IP: 166.147.114.151 วันที่: 7 มิถุนายน 2555 เวลา:9:19:29 น.
อ่านสิ. ชอบมากๆค่ะ เป็นกำลังใจให้เขียนนิยายสนุกๆต่อไปค่ะ
โดย: พี่แอน IP: 166.147.114.151 วันที่: 7 มิถุนายน 2555 เวลา:9:19:32 น.
ชอบเรื่องนี้สุดๆค้าาาาาา
โดย: เก๋ IP: 166.147.114.151 วันที่: 7 มิถุนายน 2555 เวลา:9:22:05 น.
ขออนุญาตฝากเพจหน่อยนะค่ะ^___^
สวัสดีค่ะ ของฝากเนื้อฝากตัวด้วยค่ะ เป็นกลุ่มทีมงานที่ช่วยเหลือ นักเขียนที่อยากจะทำให้นิยายของตัวเองออกมาเป็นรูปเล่ม ไม่ว่าจะทำเก็บไว้อ่านเอง หรือให้แฟนๆ นิยายได้มีไว้สะสม แต่ไม่รู้ว่าจะเริ่มยังไงดี เรารับจัดทำหนังสือ ซึ่งให้คำปรึกษาและรับจัดการในทุกขั้นตอนค่ะ ไปเยี่ยมไปคุยกันได้นะค่ะ https://www.facebook.com/bookcreation โดย: bookcreation IP: 118.173.182.129 วันที่: 8 มิถุนายน 2555 เวลา:11:32:21 น.
ครับ
โดย: มิ้นท์ / ผีเสื้อสีดำ IP: 103.3.66.19 วันที่: 9 มิถุนายน 2555 เวลา:13:41:58 น.
|
ผีเสื้อสีดำ
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?] จงทำในสิ่งที่คุณคิดว่า... ทำไม่ได้ Group Blog All Blog
Friends Blog
Link MY VIP Friend |
||
Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved. |