Mint's world.
|
|||
บทที่ 12 ดุจไฟเผา บทที่ 12 ดุจไฟเผา ธันย์มาถึงโรงพยาบาลในตอนเกือบเที่ยงวัน เมื่อทราบห้องที่หญิงสาวพักอยู่แล้ว ชายหนุ่มจึงรีบตรงปรี่เข้าไปหาอย่างรวดเร็ว ภาพที่เห็นคือ ปลายฟ้าในชุดคนไข้ นอนหลับไม่ได้สติอยู่บนเตียงคนไข้ภายในห้องผู้ป่วยอายุรกรรมหญิง น้องฟ้า... เขาอุทานออกมาด้วยความใจหาย ก่อนเอื้อมมือไปจับแขนเย็นชืดของหญิงสาว เมื่อร่างกายได้รับการสัมผัสปลายฟ้าจึงค่อยๆ ลืมตาขึ้น พี่ธันย์... หญิงสาวร้องเรียกเขา ก่อนหยัดกายลุกนั่งและโผเข้ากอดร่างหนาไว้แน่น พี่ธันย์กลับมาหาฟ้าแล้ว พี่ธันย์อย่าทิ้งฟ้านะคะ... เธอว่าเสียงเครือ หยดน้ำตารินไหลเปื้อนเสื้อเชิ้ตสีขาวของชายหนุ่มจนเปียกชุ่ม ธันย์เอาอีกมือลูบแผ่นหลังที่มีผมยาวสลวยปรกทับเบาๆ พี่มาแล้วครับ พี่ไม่ได้ไปไหนเลย แล้วนี่น้องฟ้าไม่ได้เป็นอะไรมากใช่มั้ยครับ... ธันย์ค่อยๆ คลายอ้อมกอดออกเบาๆ คลี่ยิ้มอ่อนโยนเพื่อปลอบขวัญหญิงสาว ปลายฟ้าพยักหน้าหงึกหงักสองสามทีก่อนถอนหายใจยาว ฟ้ามาตามหาพี่ธันย์ที่บ้านของพิมพ์วารี พอรู้ว่าพี่ธันย์ข้ามไปฝั่งลาว ฟ้าเลยจะตามไป... ตามพี่มางั้นเหรอจ้ะ...น้องฟ้าจะตามพี่มาทำไม? ชายหนุ่มย่นคิ้วก่อนที่ปลายฟ้าจะเม้มปากแน่นด้วยความน้อยใจ ดวงตากลมรีทอดมองเขาคล้ายกับจะหยั่งลึกลงไปในใจ ฟ้าเป็นห่วงพี่ธันย์ พี่ธันย์นั่นแหละที่ไม่แคร์ฟ้าเลย ไหนบอกว่าจะมาหาแต่เช้า แต่นี่กลับหนีไปกับผู้หญิงคนนั้น แล้วเมื่อคืนพี่ธันย์ค้างที่ไหนคะ...รู้รึเปล่าว่าฟ้าแคร์พี่มากแค่ไหน... ปลายฟ้า... ชายหนุ่มเรียกชื่อหญิงสาว คำต่อว่าที่ได้ยินทำให้เขานิ่งค้างไปชั่วครู่ ใช่ว่าเขาจะไม่รู้ว่าหญิงสาวคิดกับเขาเช่นไร หากแต่ตอนนี้ชายหนุ่มกลับสับสนความรู้สึกของตัวเอง ความรัก ห่วงใย ในใจดวงนี้ มอบให้กับทั้งปลายฟ้าและพิมพ์วารีอย่างเท่าเทียมกัน... ไม่อยากจะเห็นคนใดคนหนึ่งประสบความทุกข์ใจ ไม่อยากเห็นน้ำตาของเธอทั้งสองคน พิมพ์วารีทราบเรื่องของปลายฟ้าจากปากของอุสา หญิงสาวเดินทางมาที่นี่ เพื่อตามหาธันย์ และนั่งเรือข้ามไปฝั่งลาวทั้งที่พายุเข้าเพื่อตามไปหาเขา... ก่อนที่เรือเธอจะคว่ำ ชาวบ้านแถวนั้นเล่าว่าเธอใจเด็ดไม่น้อย กัดฟันว่ายเข้าฝั่งฝ่ากระแสน้ำอันเชี่ยวกรากจนมาถึงฝั่ง พอมือเอื้อมไปเกาะเถาวัลย์ริมฝั่งได้ก็หมดแรงลงตรงนั้น... พิมพ์วารีถอนหายใจด้วยความเหนื่อยใจ น่าแปลกที่อีกใจก็นึกห่วงใยหญิงสาวผู้ที่หมายจะทำร้ายเธอคนนั้น แต่อีกใจก็กลับชิงชังและน้อยใจ ที่ธันย์เห็นฝ่ายนั้นสำคัญประหนึ่งคนรัก... พิมพ์วารีลุกจากเสื่อผืนน้อยที่ปูริมฝั่งแม่น้ำใหญ่ เดินเนิบนาบตรงไปยังใต้ถุนบ้านก่อนทรุดนั่งลงบนแคร่ตัวเล็ก หยิบเอาผ้าไหมสีน้ำเงินเข้มลายกนกออกมาจากตะกร้าหวายของที่เธอพับเก็บไว้ พิมจำได้บ่อหลาน... ตอนยังน้อย หลานบอกว่าอยากทอผ้าไหมลายกนก... เสียงของยายพันวลีดังขึ้น คนเป็นหลานรีบหันไปหาทันที จ๋า... พิมจำบ่ได้เลย เธอว่า ก่อนเอียงคอเมื่อมองตามสายตาของยายพันวลีไปยังหูกทอผ้าตัวยาวที่ตั้งอยู่ใต้ถุนบ้าน เส้นไหมสีเขียวแมลงทับขึงพาดยาวเป็นวา ความทรงจำครั้งเด็กเมื่อเธอหัดทอผ้าโดยมีมารดาเป็นคนสอนเริ่มผุดขึ้นมาในห้วงคำนึงทีละนิด หลานพิมอยากทอผ้าไหม ลายกนก...ทอได้เพียงคืบแม่เจ้าก็มาจากไปเสียก่อน... ยายพันวลีว่าเสียงราบเรียบ ดวงหน้าที่เต็มไปด้วยริ้วรอยแห่งกาลเวลาคล้ายไร้ซึ่งความรู้สึก หากแต่ภายในแววตาสีเทาหม่นแสงยังคงเจือไปด้วยความโศกเศร้า พิมพ์วารีลุกจากแคร่และเดินไปที่หูกทอผ้าตัวนั้น ก่อนเอามือจับกระสวยและเริ่มทอผ้าผืนนั้นอีกครั้ง... หญิงสาวเมียงมองไปยังผ้าไหมลายกนกสีน้ำเงินเข้ม หัวใจคล้ายบีบคั้นด้วยอารมณ์ของความรักและโหยหา และความรู้สึกสำนึกผิด ความรู้สึกผิดที่ติดค้างตามดวงจิตเธอมาตั้งแต่อดีตชาติ... พิมพ์วารีเริ่มทอผ้าไหมผืนนั้นด้วยจิตใจแน่วแน่ ตั้งใจว่ายังไงก็จะทอให้เสร็จสมดังที่เคยตั้งใจไว้เมื่อนานแล้ว... ผมสังหรณ์ใจยังไงไม่รู้ กลัวว่าจะเกิดเรื่องกับยัยพิมอีก... พงศกรว่าขึ้นลอยๆ ขณะที่สารถีหนุ่มข้างกายกำลังพาเขาเข้าไปในเขตของรีสอร์ทปลายฟ้าในอำเภอเมืองของบึงกาฬ พิศลย์หันมาจ้องเรียวหน้าขาวสะอาดก่อนหันกลับไปจับจ้องเส้นทางข้างหน้าต่อ คุณเคยได้ยินกฎปฏิจจสมุปบาทของพระพุทธองค์มั้ย... พอได้ยินอีกฝ่ายเอ่ยเรื่องหลักคำสอน พงศกรก็ถึงกับย่นคิ้ว เหมือนจะเคยเรียนนะ...ที่ว่าเป็นกฎของธรรมชาติใช่มั้ย หนุ่มหน้าหวานเอ่ยถาม ก่อนที่พิศลย์จะพยักหน้าน้อยๆ ครับ... เมื่อสิ่งนี้มี สิ่งนี้จึงมี เมื่อสิ่งนี้เกิด สิ่งนี้จึงเกิด เมื่อสิ่งนี้ไม่มี สิ่งนี้จึงไม่มี เมื่อสิ่งนี้ดับ สิ่งนี้จึงดับ... น้ำเสียงก้องกังวานดุจดังระฆังคล้ายสะกดให้พงศกรต้องนิ่งค้าง รถยนต์คันงามเลี้ยวเข้ามาจอดด้านหน้ารีสอร์ทสวยที่ตกแต่งใกล้เสร็จสมบูรณ์ มันก็จริงอย่างที่พระพุทธองค์ท่านสอนไว้อยู่หรอกนะ แต่พูดแบบนี้ หมายความว่าจะให้ยัยพิมหยุดงั้นเหรอ?... แต่ยัยพิมรักคุณธันย์มาก ผมยังจำแววตาของยัยพิมตอนที่บอกว่าตัวเองรักคุณธันย์มากแค่ไหนได้ดี... จบคำ พงศกรก็หันมาจ้องหน้าพิศลย์ตรงๆ คุณเคยรักใครมากๆ มั้ยคุณพิศลย์ รักจนสามารถตายแทนได้ สามารทำได้ทุกอย่างเพื่อให้ได้เขามาครอบครองและเพื่อให้เขารักเราแค่คนเดียว... ไม่เคยครับ เพียงแต่ผมรู้จักรักโดยใช้สติ ความรักเป็นกิเลศตัณหา เป็นความอยากได้ อยากมี อยากครอบครองเป็นเจ้าของ มันยิ่งจะทำให้เราเป็นทุกข์ ไม่มีความสุขเลยสักนิด งั้นก็แปลว่ายัยพิมต้องเสียสละให้ปลายฟ้า ตัวเองถึงจะมีความสุขอย่างแท้จริงงั้นสิ... พงศกรกระแทกเสียงใส่เชิงประชดประชัน หากแต่อีกฝ่ายก็กลับผุดยิ้ม ถ้าคุณพิมเข้าใจถึงแก่นแท้ของความรัก มันจะทำให้คุณพิมเป็นสุข... แต่ก็ใช่ว่าความรักของปลายฟ้ากับธันย์จะสมหวังกันง่ายๆ... ปลายเสียงนั้นดูคล้ายกำลังเหม่อลอย ดวงตาของชายหนุ่มเบิกมองไปยังท้องฟ้าที่เริ่มมืดครึ้มด้วยเมฆฝนอีกครั้ง... คุณพูดแบบนี้...เหมือนกับรู้ว่าต่อไปทั้งสองคนนั้นจะเป็นยังไงอย่างนั้นแหละ คำถามของอีกฝ่ายทำให้พิศลย์ต้องหันกลับมาจ้องตาเขา คุณลืมไปแล้วเหรอว่าผมมีอะไรที่พิเศษกว่าคนทั่วไป... พิศลย์ตีคิ้วทีนึง ก่อนที่พงศกรจะยักไหล่ งั้นก็ช่วยบอกทีสิ ว่าต่อไปยัยพิมกับคุณธันย์จะเป็นยังไง ยัยพิมจะสมหวังในรักรึเปล่า... พงศกรเชิดหน้าถามหากแต่พิศลย์กลับหลบสายตาเขาเสียดื้อๆ ใบหน้าอิ่มเอิบมีราศีกลับดูหดหู่ลงไปในฉับพลัน มันเลยพลอยทำให้พงศกรต้องใจเสียตามไปด้วย... คุณอย่าเงียบสิพิศลย์ จะเกิดอะไรขึ้นกับยัยพิมต่อไปงั้นเหรอ?... พงศกรยังคงเค้นถามด้วยความอยากรู้ หากแต่ชายหนุ่มข้างกายกลับเปิดประตูลงจากรถและเปลี่ยนเรื่อง ชวนเขาเดินเข้าสู่รีสอร์ทของปลายฟ้าแทน ทันทีที่ลงจากรถ ใบหม่อนก็รีบวิ่งเข้ามาหาเพื่อนสาวในห้องผู้ป่วยหญิงด้วยความเป็นห่วง ภาพที่เห็นคือหญิงสาวร่างระหงที่นอนหลับด้วยความอิดโรยบนเตียงคนไข้ โดยมีธันย์ รัตนเวคินทร์นั่งเฝ้าอยู่ข้างเตียง ฟ้า... ใบหม่อนสะกิดที่แขนหญิงสาวเบาๆ ภายหลังยกมือสวัสดีชายหนุ่มที่ยืนขึ้นส่งยิ้มให้เธอ ปลายฟ้าค่อยๆ ลืมตาขึ้นอย่างช้าๆ เมื่อรู้เป็นเพื่อนรักจึงฉีกยิ้มกว้างด้วยความดีใจ ใบหม่อน...เธอมาได้ยังไง... มีคนจากโรงพยาบาลโทร.ไปบอกฉัน โทรศัพท์แกตกน้ำใช้การไม่ได้ เขาเห็นนามบัตรฉันในกระเป๋าเงินแกเลยโทร.มาบอกว่าแกจมน้ำ ตกลงเรื่องมันเป็นมายังไงเหรอฟ้า... ใบหม่อนลากเสียงถามด้วยความเป็นห่วง หากแต่ปลายฟ้ากลับก้มหน้านิ่งไม่ยอมปริปากพูด ธันย์เกรงว่าจะขัดจังหวะการสนทนาของหญิงสาวกับเพื่อนสนิทจึงลุกจากเก้าอี้และขอตัวออกไปเดินสูดอากาศข้างนอก อย่าไปนานนะคะพี่ธันย์... ปลายฟ้ายังคงเหนี่ยวรั้งเขาไว้ตามเคย สายตาและกิริยาของเธออดทำให้ใบหม่อนรู้สึกระอาใจไม่ได้ พอชายหนุ่มเดินหายลับไปแล้วคนที่เพิ่งมาถึงจึงได้โอกาสเต็มที่ ทำไมเธอถึงไปพูดกับคุณธันย์เขาแบบนั้นล่ะ ไหนว่าเพิ่งรู้จักกันได้ไม่นาน ฉันสู้อุตส่าห์เกรงใจเขาเท่าไหร่ที่โทร.บอกเขาช่วยมาดูอาการเธอที่โรงพยาบาล... ไม่เห็นต้องเกรงใจ ยังไงพี่ธันย์ต้องมาดูแลฉันอยู่แล้ว อีกอย่าง ฉันกับพี่ธันย์รู้จักกันมาตั้งแต่เด็กๆ แล้ว เพียงแค่มาห่างกันตอนโตเท่านั้น พ่อแม่ของเขาก็เป็นเพื่อนรักของพ่อแม่ฉัน ปลายฟ้าเถียงกลับเสียงแข็ง แล้วนี่เธอไปทำอีท่าไหนถึงได้จมน้ำปลายฟ้า จำได้ว่าเธอว่ายน้ำเก่งกว่าใครในกลุ่ม แถมยังดำน้ำได้อึดกว่าทุกคน...ช่วยเล่าให้ฉันฟังหน่อยได้มั้ยว่ามันเกิดอะไรขึ้น... ใบหม่อนเอาสองมือค้ำบนเตียงของหญิงสาว จดจ้องดวงหน้าขาวเนียนที่เบือนหน้าหนีเพื่อรอคำตอบ ฉันไม่อยากพูด...มันผ่านไปแล้วก็ช่างมันเถอะ... ไม่ได้ ใบหม่อนตะคอกเสียงกร้าวจนปลายฟ้าต้องหันขวับมามองด้วยความตกใจ ปกติเพื่อนเธอคนนี้ใจเย็นยิ่งกว่าใคร นี่เป็นครั้งแรกที่ปลายฟ้าเห็นใบหม่อนแสดงอาการขึ้งโกรธเป็นฟืนเป็นไฟแบบนี้ นี่ฉันอุตส่าห์ทิ้งงานมา เดินทางจากกรุงเทพฯ เพื่อมาหาเธอที่นี่ กะอีแค่จะเล่าให้เพื่อนฟังแค่นี้เธอยังทำไมได้เหรอปลายฟ้า... น้ำเสียงตัดพ้อนั้นทำให้ปลายฟ้าต้องเม้มปากและก้มหน้านิ่งด้วยความสำนึก คนบนเตียงถอนหายใจแรงจนได้ยินเสียง ดวงตากลมรีเบิกมองออกไปนอกหน้าต่างก่อนเริ่มเล่า เมื่อวันก่อน...ฉันตามไปเอาผ้าไหมกับพิมพ์วารีถึงที่บ้าน แต่แม่นั่นกลับไม่ให้ ฉันเลยเอาภาพวาดที่มันวาดให้พี่ธันย์มาฉีกทิ้งต่อหน้ามัน... ฟ้า... นี่แกทำถึงขนาดนี้เลยเหรอ... ใบหม่อนเอามือทาบอก หรี่ตามองผู้เป็นเพื่อนอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตา หากแต่ภายในดวงตาคู่นั้นกลับซ่อนความเจ็บปวดชอกช้ำเอาไว้มากกว่าความสะใจ แต่มันก็ฉีกผ้าไหมของฉันทิ้งเหมือนกันนะใบหม่อน... มันฉีกผ้าของฉันทิ้ง ! มือที่วางอยู่บนผ้าปูเตียงกำแน่นขณะที่หยดน้ำตาค่อยๆ รินไหลลงมาจากขอบตาที่ร้อนผ่าว สิ่งที่ได้ยินทำให้ใบหม่อนต้องอ้าปากค้างด้วยความตกใจ แล้วเรื่องจบลงยังไง... ผู้เป็นเพื่อนเลื่อนมือไปบีบกำปั้นของปลายฟ้าเพื่อให้หญิงสาวคลายความโกรธขึ้ง ฉันผลักมันตกน้ำ ในตอนนั้นคิดอะไรไม่ออกเลย คิดแต่จะฆ่ามันให้ตาย อยากจะกดน้ำมันให้ตาย แต่มันก็กลับว่ายน้ำหนีไปได้ และสายน้ำกลับซัดร่างฉันออกห่างจากฝั่ง ฉันพยายามว่ายกลับเข้าฝั่งแต่กระแสน้ำกลับแรงขึ้นจนฉันตกใจ ฉันเห็นแววตาของพิมพ์วารีในตอนนั้น... เธอเองก็อยากจะให้น้ำพัดฉันออกไปกลางแม่น้ำโขง อยากจะให้ฉันจมน้ำตายเหมือนกัน แต่ว่า...พี่ธันย์ก็เข้ามาช่วยฉันไว้ได้ทัน ปลายฟ้าคลี่ยิ้มมาดมั่นเมื่อพูดจบ ขณะที่ใบหม่อนถอนหายใจเบาๆ จินตนาการถึงภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตามคำบอกเล่าของเพื่อนสนิท แล้วเรื่องที่แกจมน้ำวันนี้ล่ะ คุณธันย์เขาไม่รู้เรื่องใช่มั้ย... ใบหม่อนเอียงคอก่อนที่ปลายฟ้าจะเม้มปากแน่น นังพิมพ์วารีมันหลอกให้พี่ธันย์ตามมันข้ามไปฝั่งลาวเพื่อจะได้พ้นสายตาฉัน ฉันนั่งเรือตามไปแต่เรือเกิดคว่ำเพราะพายุ... แล้วทำไมถึงไม่รอให้พายุสงบค่อยตามไป พี่ธันย์กับคุณพิมเขาอาจจะไปทำธุระก็ได้...ทำไมเธอถึงใจแคบอย่างนี้ปลายฟ้า ฉันน่ะเหรอใจแคบใบหม่อน... ฉันรู้ว่าพิมพ์วารีคิดยังไงกับพี่ธันย์ แล้วจะให้ฉันปล่อยผู้ชายที่ฉันรักไปกับผู้หญิงอื่นสองต่อสองได้ยังไง ปลายฟ้าขบกรามแน่น ดวงตากลมรีอัดแน่นไปด้วยความโกรธแค้น ลุกโชนด้วยไฟแห่งโทสะที่มิอาจดับมอดลงได้ แล้วเธอถามคุณธันย์รึยัง ว่าเขาถูกคุณพิมบังคับหรือว่าเต็มใจไป... คำถามของใบหม่อนทำให้ปลายฟ้าต้องหันมาขึงตาใส่ผู้เป็นเพื่อน...ดวงตากลมรีเบิกกว้าง เปล่งประกายสีรุ้งเลื่อมระยับ ล้อมรอบนัยน์ตาดำที่ทรงอำนาจจนคนถูกมองรู้สึกชาวาบไปทั่วทั้งร่างกาย... อากาศยามเย็นในตอนนี้ช่างดูขมุกมัวน่าอึดอัดยิ่งนัก ธันย์หันซ้ายขวาด้วยอาการหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูก ทั่วทั้งกายมันร้อนวูบวาบดุจกำลังมอดไหม้ในกองไฟ ร่างสูงสง่าหันกลับไปยังตึกผู้ป่วยด้วยความอาวรณ์ ถ้าเขาหายไปเพียงชั่วครู่...ปลายฟ้าก็คงไม่ทุกข์ร้อนสาหัสหรอกนะ เมื่อตัดสินใจแน่วแน่แล้ว ธันย์จึงก้าวขาดุ่มๆ เดินออกจากโรงพยาบาล ตรงสู่รถยนต์คันงามและขับออกไปด้วยอาการอยู่ไม่เป็นสุข จุดมุ่งหมายนั้นคือเรือนไม้หลังย่อมของพิมพ์วารีและบรรยากาศริมน้ำโขงอันสงบสุข... ขณะที่ใบหม่อนหลบสายตาของผู้เป็นเพื่อน โทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น พอเห็นเป็นเบอร์ธันย์หญิงสาวจึงรีบกดรับสายโดยเร็ว ค่ะ... ไปแค่แป๊บเดียวใช่มั้ยคะ เดี๋ยวดิฉันจะบอกฟ้าให้นะคะ มีเรื่องอะไรเหรอ...เกี่ยวกับฉันใช่มั้ย? ปลายฟ้าร้องถามทันทีที่ใบหม่อนกดวางสายไป คนที่นั่งข้างเตียงช้อนสายตาขึ้นจ้องมองเธอตรงๆ คุณธันย์ขอตัวไปทำธุระ อีกสักสองสามชั่วโมงถึงจะกลับมาเยี่ยมเธอใหม่ ไปทำธุระ พี่ธันย์บอกรึเปล่าว่าไปที่ไหน... ปลายฟ้าขึงตา เอ่ยถามรัวเร็วด้วยความร้อนรนก่อนที่เสียงแหบห้าวของวิศรุตจะดังขึ้น ก็คงไปหาคนที่เขาคิดถึงน่ะสิครับ... คุณเองก็น่าจะรู้ ใบหน้าคล้ำเข้มได้รูป ประดับไปด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ ดวงตาคมกล้าจ้องมองหญิงสาวประหนึ่งเหยื่อสาวที่ไร้ทางสู้ ร่างสูงใหญ่ในชุดเชิ้ตสีแดงเข้มสาวเท้าเนิบนาบเข้ามาหาปลายฟ้า ขณะที่ปลายหม่อนรีบลุกขึ้นยืนและขึงตาใส่เขาอย่างไม่พอใจนัก คุณมาที่นี่ทำไม...ต้องการอะไรอีก หญิงคนไข้ตวาดใส่หน้าอย่างไม่เกรงใจ หากแต่วิศรุตก็กลับยิ้มเย่าะใส่อย่างไม่แยแสกับคำปรามาส ผมก็แค่เป็นห่วงคุณเท่านั้น ตามประสาคนเคย... ชายหนุ่มลากเสียง สายตาเจ้าเล่ห์แฝงเลศนัยน์คู่นั้นทำให้ปลายฟ้าต้องสะบัดหน้าหนีไม่อยากต่อความ วิศรุตหันไปมองใบหม่อนด้วยหางตา คล้ายจะบอกให้อีกฝ่ายถอยออกไปตามมารยาทหากแต่ว่าอีกฝ่ายก็กลับยืนปักหลักอยู่เคียงข้างเพื่อนสนิทอย่างไม่ทอดทิ้ง ชายหนุ่มแสยะยิ้มใส่หญิงที่ยืนประจันหน้า ก่อนหันหน้ามาหาปลายฟ้า หรี่ตาจ้องมองเธอคล้ายจะหยั่งลึกลงไป ในจิตใจที่กำลังว้าวุ่น แล้วนี่...นายธันย์ไปไหนซะหละครับ เมื่อกี้ตอนเดินเข้ามา เห็นเขากำลังขับรถออกไป ท่าทางรีบร้อนเสียด้วย คำพูดของเขาทำให้ปลายฟ้าต้องรีบหันขวับมาประสานสายตา หัวใจดวงน้อยของเธอ เริ่มระส่ำระส่ายขึ้นมาอีกครา วิศรุตจุดยิ้มเมื่อทำให้หญิงสาวว้าวุ่นใจได้ตามที่หมาย สงสัยคงไปหาคุณพิมพ์วารี...บังเอิญว่าหลายวันก่อนผมพบกับเธอเข้า เลยได้พูดคุยกัน ผมเลยได้รู้ว่า...เธอเองก็รักใคร่ชอบพอในตัวคุณธันย์ ดูๆ ไปแล้ว สองคนนี้ก็เหมาะสมกันดีนะครับ...หรือคุณว่ายังไง ปลายฟ้า อย่ามายั่วให้ฉันโมโหหน่อยเลย ต่อให้มีผู้หญิงอีกเป็นสิบมาหลงรักพี่ธันย์แล้วคิดเหรอว่าฉันจะแคร์ ปลายฟ้าตอกกลับอย่างไม่แยแส ก่อนยิ้มเย่าะอีกฝ่ายที่หน้าเสียไม่เป็นท่า วิศรุตได้แต่กัดฟันและฝืนยิ้มส่งให้ด้วยความเจ็บใจ แล้วคุณจะทำอะไรได้...ตอนนี้ตัวเองนอนซมอยู่อย่างนี้ ป่านนี้สองคนนั้นเขาคงมีความสุขกันไปแล้วล่ะมั้ง... วิศรุตหัวเราะเย้ยหยันขณะที่ปลายฟ้าได้แต่กัดฟันด้วยความเจ็บแค้น ร่างกายรุ่มร้อนไม่เป็นสุข เมื่อนึกถึงภาพของสองหนุ่มสาวกำลังกอดรัดกันอย่างสุขสม ถ้าคุณไม่ได้ตั้งใจจะมาเยี่ยมปลายฟ้าเพราะเป็นห่วง แต่แค่มากลั่นแกล้งให้เพียงเพื่อให้ทุกข์ใจ ก็เชิญกลับไปเถอะค่ะ ใบหม่อนแทรกขึ้นเสียงแข็ง หญิงสาวทั้งสองจ้องมองวิศรุตด้วยความรังเกียจเดียดฉันท์ เหล่าคนไข้และญาติที่มาเยี่ยมได้ยินการสนทนาของทั้งสามต่างก็จ้องมองชายหนุ่มด้วยสายตาหมิ่นเหม่ วิศรุตจึงจำต้องเดินกลับออกมาด้วยความขุ่นเคือง พิมพ์วารีสั่งลาอุสาให้ดูแลหูกทอผ้าของเธอในขณะที่เธอไม่อยู่ โดยหญิงสาวสัญญาว่าจะกลับมาทอผ้าไหมผืนนี้ให้เสร็จ เพียงขอตัวไปสะสางงานที่คั่งค้างให้เรียบร้อยเสียก่อน... มันคล้ายเป็นดังคำสัญญาที่ฝังอยู่ในใจของเธอ ที่จะต้องทอผ้าผืนนี้และมอบให้กับใครสักคน... ใครสักคนที่เธอติดหนี้กรรมเขาอยู่ และเมื่อธันย์มาถึงบ้านไม้ริมแม่น้ำใหญ่ เขาก็ต้องพบกับความผิดหวัง เมื่อทราบว่าหญิงสาวเดินทางจากไปแล้ว ชายหนุ่มจึงเดินสีหน้าเหนื่อยหน่ายกลับมายังรถยนต์ ใบหน้าหล่อเหลาคร้ามคมหันไปมองสายน้ำโขงในยามเย็นด้วยความว้าเหว่ แม่น้ำใหญ่ทอดตัวยาวไปไกลแสนไกล วันนี้กลับไม่งดงามเหมือนที่เขาเคยรู้สึก แต่กลับเงียบเหงาอ้างว้างเสียนี่กระไร... เขาทำอะไรให้พิมพ์วารีไม่สบายใจรึเปล่า ? หรือเธอจะโกรธเคืองเขาที่หนีมาอย่างกะทันหัน แต่เธอคงไม่ใช่ผู้หญิงใจแคบแบบนั้น เธอคงเห็นใจและเข้าใจ เรื่องที่หญิงสาวเดินทางจากไปเพื่อเคลียร์งาน อาจไม่เกี่ยวกับเรื่องที่ปลายฟ้าจมน้ำวันนี้ก็ได้... โพสต์กระทู้ในพันทิพไม่ขึ้นทำไงดีอ่า...
โดย: ผีเสื้อสีดำ วันที่: 28 มิถุนายน 2555 เวลา:0:35:55 น.
ลองพยายามโพสต์ซ้ำดูจ้า
โดย: ชมภัค IP: 110.49.241.162 วันที่: 28 มิถุนายน 2555 เวลา:8:32:24 น.
เหมือนเดิมอ่าคับพี่ชมฯ....
ผมแจ้งทางเว็บเค้าแล้วนะ แต่ตอนนี้กระทู้ก็ยังไม่ขึุ้นอีกอ่า ><" โดย: ผีเสื้อสีดำ วันที่: 28 มิถุนายน 2555 เวลา:21:07:08 น.
//www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12306178/W12306178.html
โดย: ผีเสื้อสีดำ วันที่: 29 มิถุนายน 2555 เวลา:17:58:33 น.
แบ่งเนื้อหาโพสต์แบ่งเป็นช่วง ๆ ไม่ต้องโพสต์ทีเดียวหมด อาจพบปัญหาบางประการ เพราะตอนนี้ก็เห็นระบบเป็นปกติ ท่านอื่น ๆ โพสต์ ๆ ๆ ขึ้นมาเต็มไปหมด
โดย: ชมภัค IP: 110.49.248.84 วันที่: 1 กรกฎาคม 2555 เวลา:21:55:51 น.
|
ผีเสื้อสีดำ
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?] จงทำในสิ่งที่คุณคิดว่า... ทำไม่ได้ Group Blog All Blog
Friends Blog
Link MY VIP Friend |
||
Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved. |