(บทที่ 17 ดวงจิตอันมุ่งมั่น)
พงศกรร้องไห้โฮ ก่อนตะลีตะลานวิ่งไปเรียกอุสากับคุณยายพันวลีที่ยังไม่ตื่นนอน เมื่อหญิงชราได้ยินสิ่งที่ชายหนุ่มพูดเท่านั้น ก็พลันได้เป็นลมล้มพับไป พงศกรจึงให้อุสานั่งเฝ้าคุณยายอยู่ที่บ้าน ส่วนตนนั้นรีบวิ่งตรงไปหาพวกชาวบ้านเพื่อขอความช่วยเหลือ

สายฝนซัดสาดรุนแรงลงมาอย่างไม่ลืมหูลืมตา พงศกรยืนหนาวสั่นอยู่บนศาลาริมน้ำหน้าบ้านพิมพ์วารี ขณะที่พวกชาวบ้านได้แต่ยืนชั่งใจอยู่ว่าจะลงไปหาร่างหญิงสาวดีหรือไม่ น้ำกำลังไหลเชี่ยวแรงแบบนี้ ขืนลงไปก็คงจะเอาชีวิตไม่รอดแน่...

“ยัยพิม...” พงศกรทรุดนั่งลงทั้งน้ำตา เมื่อคิดว่าคงไม่สามารถช่วยชีวิตผู้เป็นเพื่อนได้อีกแล้ว ทั้งร่างสั่นเทิ้มเพราะความเสียใจ ก่อนที่พิศลย์จะรีบวิ่งฝ่าสายฝนเข้ามาหาชายหนุ่มบนศาลา ค่อยๆ ประคองร่างที่นั่งร้องไห้ให้ลุกขึ้นด้วยความห่วงใย

“คุณเป็นอะไรพงศกร... มีใครเป็นอะไรงั้นหรือ?” เขาเอ่ยถามด้วยสีหน้าร้อนรน พงศกรหันมาหาพิศลย์ สองตาแดงก่ำคู่นั้นพร่าเลือนด้วยหยาดน้ำตา

“ยัยพิม ยัยพิมกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย...”

น้ำเสียงสั่นเครือที่ได้ยินนั้น ทำเอาหัวใจของพิศลย์หล่นฮวบลงไปกองกับพื้นในทันที ชายหนุ่มเดินตรงไปที่บันไดไม้ซึ่งทอดตัวลงสู่แม่น้ำโขง พิศลย์ยื่นมือลงไปสัมผัสสายน้ำ ก่อนพริ้มตาหลับ อณูอันเย็นเยือกแผ่ซึมเข้าสู่ร่างกาย พร้อมกับมโนภาพของหญิงสาวที่กำลังถูกกระแสน้ำพัดพาไป...

พิศลย์เบิกตาโพลง ก่อนหยัดกายลุกขึ้นยืนและหันกลับมาหาพงศกร

“คุณพิมยังไม่เป็นอะไรครับ... ตามผมมาครับ ตามผมมา...” เขาคว้ามือพงศกรไว้ ก่อนรีบวิ่งดุ่มๆ เลียบไปตามแม่น้ำโขง

กระแสลมแรงตีร่างทั้งสอง สายฝนเทกระหน่ำลงมาอย่างไม่ลืมหูลืมตา หากแต่ว่าพงศกรกลับไม่หวั่นไหว เขาก้าวขาตามพิศลย์ไปจนถึงแก่งหิน เมื่อชายข้างหน้าหยุดกึกและเพ่งมองไปยังแก่งหินนั้น พงศกรจึงตัดสินใจวิ่งลุยลงน้ำ ลัดเลาะไปบนแก่งหินนั้น

“พิม...” ชายหนุ่มร้องสุดเสียง เมื่อแลเห็นร่างของเพื่อนสนิทซุกอยู่ติดแก่งหินในสภาพนอนนิ่งไม่ได้สติ พงศกรรีบวิ่งเข้าไปหาร่างหญิงสาว ก่อนดึงร่างพิมพ์วารีขึ้นจากน้ำอย่างทุลักทุเล พิศลย์รีบวิ่งตามมา กระโจนลงน้ำและดันร่างหญิงสาวขึ้นสู่แผ่นหินด้านบน

“ยัยพิม...แกต้องไม่เป็นอะไรนะ” พงศกรตบหน้าหญิงสาวเบาๆ หากแต่อีกฝ่ายก็กลับไม่ได้สติ พงศกรจึงปั๊มหัวใจพิมพ์วารี สักพักหญิงสาวจึงสำลักน้ำที่กลืนเข้าไปออกมา ก่อนเบิกตามองเพื่อนหนุ่มที่นั่งอยู่ตรงหน้า พงศกรคลายยิ้มทั้งน้ำตา ค่อยๆ ประคองร่างพิมพ์วารีให้ลุกนั่งด้วยความดีใจ

“พระแม่คงคามาช่วยไว้ มัจจุราชไม่ยอมรับตัวไป...เพราะยังไม่ถึงคราวเคราะห์จริงๆ เพียงแต่มีบางอย่างต้องการจะดึงวิญญาณคุณกลับไปอยู่กับเขาด้วย...” พิศลย์เอ่ยด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา เกลียวเมฆสีดำครึ้มค่อยๆ เคลื่อนหายไปจากท้องฟ้า สายฝนที่ซัดสาดเริ่มเบาบางลง

พงศกรหันหน้ามามองเขาด้วยสีหน้าและแววตาอันสับสน ขณะที่พิมพ์วารีได้แต่ก้มหน้านิ่ง อัศจรรย์กับสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเอง... ใครกันเล่าที่ช่วยเธอให้รอดพ้น ทั้งที่ใจเธอไม่ปรารถนาจะอยู่บนโลกใบนี้ต่อไปอีกแล้ว

“ใคร ใครจะมาเอายัยพิมไป...” พงศกรร้องถาม พิศลย์เองก็นิ่วหน้าอย่างคิดไม่ตกเช่นกัน เมื่ออีกฝ่ายไม่ยอมตอบชายหนุ่มจึงหันมาหาพิมพ์วารี

“ทำแบบนี้ทำไมพิม...ทำไมต้องคิดสั้นแบบนี้ด้วย ถ้าเธอเป็นอะไรไปแล้วคนข้างหลังเขาจะอยู่ยังไง ใครจะดูแลยายเธอ คิดบ้างรึเปล่า...”

คำต่อว่าของผู้เป็นเพื่อนทำให้หญิงสาวน้ำตานองหน้า ความเจ็บช้ำ อัดแน่นจนเกินจะบรรยาย ร่างเล็กนั้นสั่นเทิ้มเพราะความเสียใจพร้อมด้วยบรรยากาศที่เหน็บหนาว พิศลย์จึงเสนอให้พงศกรรีบประคองร่างพิมพ์วารีกลับบ้านโดยเร็วที่สุด...



Create Date : 16 กรกฎาคม 2555
Last Update : 16 กรกฎาคม 2555 16:42:42 น.
Counter : 669 Pageviews.

4 comments
  
“ผมควรบอกเรื่องนี้กับไอ้ธันย์รึเปล่า...”

พิศลย์เอ่ยขึ้นอย่างลอยๆ หลังจากที่นำตัวพิมพ์วารีส่งโรงพยาบาลเพราะอีกฝ่ายมีอาการไข้ขึ้น พงศกรที่เพิ่งละจากเตียงของเพื่อนสนิทสูดลมหายใจเข้าปอดจนสุด ดวงตามุ่งมั่นหันมาประสานสายตากับพิศลย์

“คุณต้องบอกเรื่องนี้กับคุณธันย์ ที่ยัยพิมคิดสั้นก็เพราะเขาเป็นต้นเหตุ ผมไม่สนว่าตอนนี้คุณธันย์จะกำลังมีความสุขกับปลายฟ้าอยู่รึเปล่า แต่ยังไงคุณก็ต้องบอก”

พงศกรเน้นเสียง อีกฝ่ายได้ยินดังนั้นถึงกับก้มหน้าเงียบ ก่อนเดินหนีออกมาและกดโทรศัพท์ไปหาเพื่อนรัก

เมื่อธันย์รับสาย พิศลย์ก็ไม่รีรอที่จะแจ้งข่าวครั้งนี้

“ธันย์...ฉันมีเรื่องสำคัญจะบอก เรื่องร้าย...”

ชายหนุ่มปลายสายนิ่วหน้า รู้สึกใจหายวาบขึ้นมาทันที มือซ้ายของธันย์ยังคงถือผ้าไหมลายกนกที่พิมพ์วารีให้เขามา ขณะทอดสายตาเหม่อมองบรรยากาศริมฝั่งแม่น้ำโขง ณ รีสอร์ทของปลายฟ้าที่บึงกาฬ

“เรื่องอะไรงั้นเหรอพิศลย์...”

“เรื่องคุณพิม... ฟังฉันให้ดีนะ เมื่อเช้านี้คุณพิมเธอกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย”

พลันนั้น... หัวใจของชายหนุ่มก็หล่นฮวบลงไปกองกับพื้น มืออันสั่นเทานั้นทำให้ผ้าไหมสีน้ำเงินเข้มผืนนั้นหลุดลอยไปกับสายลมแรง

สองตาของเขาเบิกค้าง ขณะที่พิศลย์เอ่ยบอกรายละเอียดของเรื่องที่เกิดขึ้น เขาได้แต่จ้องมองผ้าผืนนั้นปลิวไปกับสายลม ก่อนตกลงยังแม่น้ำใหญ่ รู้สึกใจหายวาบ คล้ายว่ากำลังจะสูญเสียของที่รักที่สุดไป โดยไม่มีทางจะได้มันกลับคืนมา...

“แต่ตอนนี้คุณพิมไม่เป็นอะไรแล้ว กำลังพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล...ถ้าหากแกว่าง ก็อยากให้แกมาเยี่ยมเขาสักหน่อย เผื่อว่าอะไรๆ มันจะดีขึ้นบ้าง”

พิศลย์เงียบไปครู่หนึ่ง ขณะรอฟังอีกฝ่ายว่าจะมีทีท่าเช่นไร แต่เมื่อธันย์เงียบไปนานเขาก็ยิ่งรู้สึกกังวลขึ้นมา

“ธันย์...ว่ายังไง...แกจะเอายังไงต่อไป”

“ตอนนี้คุณพิมอยู่ที่ไหน อยู่โรงพยาบาลบึงโขงหลงใช่มั้ย ฉันจะรีบไปเดี๋ยวนี้เลย”
โดย: ผีเสื้อสีดำ วันที่: 16 กรกฎาคม 2555 เวลา:16:43:10 น.
  
ใบหม่อนตั้งใจเดินทางมายังรีสอร์ทของปลายฟ้าด้วย เพราะอยากมาดูให้เห็นกับตาว่ารีสอร์ทแห่งใหม่ของเธอนั้นน่าอยู่เพียงใด สองสาวกำลังนั่งอ่านหนังสือนอกระเบียง บนห้องสวีทที่ปลายฟ้าเปิดให้ใบหม่อนเข้าพักเป็นคนแรก ฝ่ายใบหม่อนนั้นก็เอาแต่นั่งดูกระเป๋าและเสื้อผ้าคอเล็กชั่นใหม่ ส่วนปลายฟ้าหลังจากอาบน้ำอาบท่าเสร็จก็รีบตรงมายังตู้กระจกใบเล็ก ที่ใส่เจ้างูน้อยสีรุ้งตัวใหม่ที่เพิ่งซื้อมาได้ไม่นาน

หญิงสาวนั่งชันเข่า ก่อนยื่นหน้าเข้าไปใกล้ตู้กระจก งูตัวนี้เป็นสายพันธุ์เดียวกับที่เธอเคยมอบให้กับธันย์ แต่ตัวมันยังเล็กกว่ามาก

“ทำอะไรน่ะปลายฟ้า... อย่าบอกนะว่ากำลังคุยกับงู”

ใบหม่อนทักขึ้นอย่างยิ้มๆ สายตายังคงจับจ้องกับนิตยสารตรงหน้าโดยหารู้ไม่ว่าเพื่อนรักของเธอกำลังเพ่งจิต ประสานสายตากับงูในตู้กระจก

พลันนั้น... มือเรียวสวยก็ค่อยๆ กำแน่นเข้าหากัน ใบหน้าขาวเนียนเครียดขรึมบีบคั้นด้วยความโกรธเคือง ก่อนหยัดกายลุกขึ้นยืนและมองเหยียดไปทางประตูห้อง

“เป็นอะไรไปฟ้า...ดูทำหน้าทำตาเข้าสิ” ใบหม่อนลุกขึ้นยืนก่อนวางนิตยสารลงบนโต๊ะ ปลายฟ้าเดินไปหยิบเอากระเป๋าถือใบเล็ก ก่อนตรงไปยังประตูห้อง

“จะไปไหนฟ้า” ใบหม่อนเดินตาม ก่อนคว้าแขนอีกฝ่ายไว้

“ไปตามพี่ธันย์กลับมา...” ปลายฟ้าว่าเสียงกระแทก ใบหม่อนนิ่วหน้าด้วยความงุนงง รีบปราดไปยืนขวางอีกฝ่ายไว้

“ก็ไหนเธอบอกว่าคุณธันย์นั่งวาดรูปอยู่หน้ารีสอร์ทไง จะไปตามเขากลับมา...พูดแปลกๆ”

“ใครว่า... นังนั่นมันล่อให้พี่ธันย์ไปหามัน ฉันจะไปตามพี่ธันย์กลับมา” ปลายฟ้าแกะมือใบหม่อนออก ก่อนผลักประตูห้องออกไป ขณะที่ผู้เป็นเพื่อนรีบกระหืดกระหอบวิ่งตามปลายฟ้าไปอย่างติดๆ



เมื่อมาถึงโรงพยาบาล ธันย์ก็รีบตรงดิ่งไปหาหญิงสาวทันที หากแต่ก็ได้รับคำตอบจากพงศกรว่าพิมพ์วารีนั้นหลับใหลไม่ได้สติเพราะไข้ขึ้นสูง หมอบอกว่าเธออาจเป็นปอดบวมได้

“ทำไมพิมถึงคิดสั้นได้... เพราะผมเป็นต้นเหตุใช่มั้ย ผมทำให้คุณพิมต้องเป็นแบบนี้” ธันย์กัดฟันแน่น ได้แต่ทอดมองหญิงสาวที่นอนซมอยู่บนเตียงคนไข้อย่างรู้สึกผิด

“เรายังไม่รู้สาเหตุนะธันย์ รอให้คุณพิมเธอฟื้นก่อน รอให้เธอพร้อมแล้วเราค่อยคุยกัน” พิศลย์แทรกขึ้นเบาๆ เพื่อปลอบใจเพื่อนหนุ่มก่อนที่พงศกรจะถอนหายใจฟุดฟิดใส่ เดินหนีออกมาสูดอากาศที่หน้าตึกเพราะกลัวว่าจะระงับอารมณ์ไม่อยู่

และขณะที่สองหนุ่มกำลังเดินตามออกมานั้น สายตาพงศกรก็เหลือบไปเห็นปลายฟ้าที่กำลังเดินดุ่มๆ ตรงมาหาด้วยสีหน้าและแววตาอันเดือดพล่าน

“พี่ธันย์อยู่ไหน... เพื่อนของแกเอาพี่ธันย์ของฉันไปไว้ที่ไหน” ปลายฟ้าตะคอกถามเมื่อมาหยุดอยู่ตรงหน้าพงศกร

“มาที่นี่ทำไม จะมาฆ่ากันให้ตายเลยใช่มั้ย...” พงศกรขึงตาใส่ ก่อนที่ธันย์จะปราดเข้ามาขวางปลายฟ้าไว้ เมื่อหญิงสาวได้พบหน้าชายหนุ่ม จึงมองเขาด้วยสายตาน้อยเนื้อต่ำใจ

“พี่ธันย์หนีฟ้ามาทำไม หนีฟ้ามาหาพิมพ์วารีใช่มั้ย...”

“ฟ้า... พี่ไม่ได้หนีนะ พี่แค่มาเยี่ยมคุณพิมเท่านั้น คุณพิมเธอไม่สบาย”

“เขาเกี่ยวข้องอะไรกับเรา ทำไมพี่ธันย์ต้องมาหาเขาด้วย เราสองคนกำลังจะหมั้นกันนะคะ พี่ธันย์จะเอายังไงกันแน่ พี่ธันย์รักใครกันแน่...”

ความในใจที่เก็บซ่อนไว้ในส่วนลึกสุดของหัวใจถูกถ่ายทอดออกมาจนหมด มันทำให้ธันย์ต้องนิ่งค้างพูดอะไรไม่ออก รู้สึกจุกอยู่ที่อกและลำคอ หัวใจอันสับสนบีบคั้นรุนแรงเกินจะบรรยาย

“ไม่ตอบ... ก็แสดงว่ารักเขามากกว่าฟ้า” หญิงสาวเอ่ยเสียงสั่นเครือ หยดน้ำตาไหลรินลงอาบแก้มเนียนขาวที่แดงก่ำ ดวงตาอันแสนเจ็บช้ำของปลายฟ้า ทำให้ธันย์มิอาจกล้าสบสายตา

“แล้วพี่ธันย์จะต้องเสียใจ... พี่ธันย์จะต้องเสียใจที่ทำกับฟ้าแบบนี้”

ปลายฟ้าสะบัดตัวหนีและเดินละลิ่วหนีไป ธันย์ได้แต่ทอดมองเธอเดินจากไป เสียงหัวใจบอกให้รีบวิ่งตามเธอไป หากแต่อีกเสียงกับบอกให้หยุดยืนอยู่ตรงนี้ รออยู่ตรงนี้จนกว่าพิมพ์วารีจะฟื้นจากพิษไข้...
โดย: ผีเสื้อสีดำ วันที่: 16 กรกฎาคม 2555 เวลา:16:43:33 น.
  
ปลายฟ้าขับรถกลับมาที่รีสอร์ท แต่ขณะกำลังไขกุญแจห้องก็กลับถูกร่างหนาล็อกตัวไว้จากด้านหลัง ก่อนผลักเธอให้เข้าไปภายในห้องนอน และหันมากดล็อกห้องขณะที่หญิงสาวได้แต่ยืนอึ้งด้วยความตกใจ

“วิศรุต...”

ปลายฟ้าผงะออกด้วยความกลัว วิศรุตจ้องมองดวงหน้าขาวเนียนตรงหน้าพร้อมกับยิ้มเหยียด

“จะตามไปหาเขาทำไม... เห็นแล้วใช่มั้ยว่าเขาไม่ได้รักคุณ คุณจะหลอกตัวเองไปถึงไหน”

“แล้วมายุ่งอะไรเรื่องของฉัน ออกไปเดี๋ยวนี้นะ...คุณไม่มีสิทธิ์มาทำอย่างนี้กับฉันที่นี่”

“ทำไมผมจะไม่มีสิทธิ์ ผมจะทำอะไรกับคุณก็ได้...”

เขาขบกรามแน่น ก่อนตรงปรี่เข้าไปผลักร่างเล็กจนล้มลงยังเตียงนอนด้านหลัง ก่อนจะโถมร่างทาบทับปลายฟ้า ตรึงแขนทั้งสองข้างของเธอไว้จนหญิงสาวไม่สามารถขยับไปไหนได้

“ปล่อยฉันนะวิศรุต... คุณมันบ้า คุณมันเลว เลวยิ่งกว่าสัตว์เดรัจฉาน...”

คำท่าดอนั้นยิ่งทำให้ดวงตาคมกริบกลายเป็นสีแดงฉานดุจเปลวเพลิง

“ถ้าผมมันเป็นสัตว์เดรัจฉาน แล้วคุณล่ะ... คุณมันก็เลวเหมือนผมน่ะแหละ อย่าคิดนะว่าผมจะปล่อยให้ไอ้ธันย์มันได้ครอบครองตัวคุณง่ายๆ”

วิศรุตปล่อยมือออกจากท่อนแขนกลมกลึง ก่อนเอื้อมลงมาฉีกเสื้อเชิ้ตสีชมพูผืนบางจนกระดุมหลุดออกจากกัน ปลายฟ้าทั้งดิ้นรนและกรีดร้อง หากแต่ก็มิอาจสู้แรงชายหนุ่มได้ หยดน้ำตารินไหลพร่างพรูลงมาเป็นสาย เมื่อโครงหน้าคมคายซุกไซ้ไปบนซอกคอเนียนขาว ไล่เลื้อยเรื่อยลงมาสู่เนินอก เคล้นคลึงไปทั่วทั้งร่างกายด้วยตัณหาที่เข้าครอบงำ

“ช่วยด้วย... พี่ธันย์... ช่วยฟ้าด้วย...”

หญิงสาวสะอื้นไห้ สองมือยังคงดันแผงอกหนานั้นไว้สุดแรง แต่ก็มิอาจทัดทานแรงปรารถนาของวิศรุตได้ หัวใจดวงน้อยถูกย่ำยีไม่มีชิ้นดี มันย่อยยับป่นปี้ไปพร้อมกับเรือนร่างที่ถูกกระทำอย่างไร้ความปราณี...
โดย: ผีเสื้อสีดำ วันที่: 16 กรกฎาคม 2555 เวลา:16:43:48 น.
  
ธันย์ทรุดนั่งอยู่ข้างเตียง สองมือก็กุมมือของพิมพ์วารีไว้พร้อมกับลูบเบาๆ สองตาเอาแต่จ้องเรือนหน้าสีน้ำผึ้งที่บัดนี้ซีดเผือดด้วยพิษไข้ พงศกรขอตัวกลับบ้านเพื่อไปดูอาการคุณยายพันวลี ขณะที่พิศลย์ต้องเดินทางไปส่งใบหม่อนที่รีสอร์ทก่อนที่ทั้งคู่จะรีบโทร.มาหาธันย์ด้วยความร้อนใจ

“คุณปลายฟ้าเธอหายไปไหนไม่รู้ ตอนนี้คุณใบหม่อนกำลังให้พวกคนงานออกตามหาอยู่ กลัวว่าจะออกไปเดินเล่นแถวนี้แล้วพลัดตกน้ำตกท่า...” พิศลย์เอ่ยผ่านโทรศัพท์ด้วยความร้อนรน ธันย์ค่อยๆ วางมือพิมพ์วารีลงบนเตียงและลุกขึ้นยืน ก่อนสาวเท้าเดินออกจากห้อง

“น้องฟ้าหายไปงั้นเหรอ? หายไปได้ยังไง...แล้วนี่ออกตามหากันดีแล้วรึยัง”

“หาแล้ว... พอมาถึง ก็ไม่เจอเธอแล้ว แต่ว่ารถยนต์เธอก็จอดอยู่ที่นี่นะ ฉันถึงสงสัยไงว่าเธออาจจะออกไปเดินเล่นแถวนี้ แต่ว่านี่มันก็ค่ำแล้วนะไอ้ธันย์ หกโมงเย็นแล้ว”

ธันย์นิ่วหน้าด้วยความกังวล หัวใจตอนนี้นึกไปถึงปลายฟ้าซึ่งไม่รู้ว่าจะเป็นตายร้ายดีเช่นไร ไม่รู้ว่าจะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นรึเปล่า... ชายหนุ่มหันกลับมายังหน้าห้องพักคนไข้ ก่อนตัดสินใจเดินกลับเข้าไปหาหญิงสาวที่ค่อยๆ ลืมตาขึ้นช้าๆ

“พิม...คุณตื่นแล้วเหรอครับ ผมมาเยี่ยมนะ...เป็นยังไงบ้าง”

ธันย์รีบจับมือพิมพ์วารี เมื่อหญิงสาวได้เห็นหน้าเขาก็คลี่ยิ้มด้วยความดีใจ หากแต่ว่าภายในดวงตาคู่นั้นของเธอกลับเต็มไปด้วยความเจ็บปวดรวดร้าว

พิมพ์วารีจ้องมองธันย์แน่นิ่ง ก่อนที่หยดน้ำตาจะรินไหลลงมาจากขอบตาร้อนผ่าว

“กลับไปค่ะ... กลับไปเดี๋ยวนี้”

น้ำเสียงแหบเครือนั้นทำให้ธันย์ต้องย่นคิ้ว พิมพ์วารีพริ้มตาหลับ ก่อนบีบมือธันย์และสูดลมหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่

“คุณกลับไปหาปลายฟ้าเถอะค่ะ ไม่ต้องห่วงฉัน... เธอกำลังแย่ แย่ยิ่งกว่าฉันเสียอีก...”

หญิงสาวพูดทั้งที่ยังหลับตา ขณะที่หัวใจของธันย์เต้นแรงขึ้นอย่างบอกไม่ถูก พิมพ์วารีค่อยๆ ลืมตาขึ้นช้าๆ ประสานสายตากับเขาอย่างจริงจัง

“ฉันเคยทำผิดต่อเธอ ไม่อยากจะทำให้เธอต้องเป็นทุกข์เพราะฉันอีก คุณธันย์เข้าใจใช่มั้ยคะ...”

พิมพ์วารีบอกเขาด้วยสายตามุ่งมั่น ธันย์ซาบซึ้งและเข้าใจความหมายนั้นดี... และมันก็ยิ่งทำให้เขารู้สึกละอายแก่ใจจนยากจะให้อภัยตัวเองได้อีก... เขาทำให้ผู้หญิงถึงสองคนต้องมาเจ็บ ทำให้ผู้หญิงที่รักเขาสุดหัวใจต้องเจ็บปวด...
โดย: ผีเสื้อสีดำ วันที่: 16 กรกฎาคม 2555 เวลา:16:45:34 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ผีเสื้อสีดำ
Location :
ศรีสะเกษ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]



จงทำในสิ่งที่คุณคิดว่า...

ทำไม่ได้
กรกฏาคม 2555

1
2
3
4
5
7
8
9
10
11
13
15
17
19
20
21
22
24
25
26
27
28
29
30
31
 
 
MY VIP Friend