|
| 1 | 2 | 3 |
4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 |
11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 |
18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 |
25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 | 31 |
|
|
|
|
|
|
|
ใครยากจนกันแน่...ระหว่างชาวนากับมหาเศรษฐี ............
ใครยากจนกันแน่...ระหว่างชาวนากับมหาเศรษฐี มหาเศรษฐีเกือบจะชราผู้หนึ่งสุดแสนจะภูมิใจ ที่ลูกชายวัยห้าขวบของเขากำลังจะได้เข้าเรียนในโรงเรียนชื่อดังซึ่งระดับเศรษฐีอย่างพวกเขาเท่านั้น จึงจะมีปัญญาส่งลูกหลานเข้าเรียนในโรงเรียนนี้ได้ โดยส่วนตัวของเขาเองก็อยากจะสอนให้ลูกชายรู้จักกับชีวิตจริงในโลกควบคู่ไปกับการสอนทฤษฏีในโรงเรียน ในวันหยุดเขาจะตระเวนพาลูกชายคนเดียวไปท่องเที่ยวในสถานที่ต่าง ๆ
. แล้ววันหนึ่งเขาก็คิดถึงหัวข้อการสอนเรื่อง"ความยากจน"เพราะเขามีความเชื่อว่าลูกชายของเขาคงไม่มีวันรู้จักแน่นอน เขาจึงพาลูกชายไปเยี่ยมครอบครัวชาวนาครอบครัวหนึ่ง และพักอยู่กับชาวนาเป็นเวลา 1 วัน 1 คืน ............. เมื่อกลับถึงคฤหาสน์ของเขาในวันต่อมา มหาเศรษฐีก็จะทดสอบว่าลูกชายได้อะไรบ้างจากการไปพักแรมกับชาวนาผู้ยากจน ลูกชายตอบคำถามผู้เป็นบิดาว่า เขาขอขอบคุณเป็นอย่างมากที่ได้พาเขาไปพบกับชาวนาและพักแรมที่นั่นซึ่งทำให้เขาได้พบว่า.... ชาวนามีที่ทำงานเป็นท้องนาที่กว้างใหญ่ ในขณะที่พ่อมีเพียงห้องสี่เหลี่ยมที่แม้จะกว้างแต่ก็ยังน้อยกว่าห้องทำงานของชาวนา....
อาหารที่ชาวนารับประทาน สามารถหาได้ตลอดเวลารอบๆบริเวณบ้านโดยไม่ต้องซื้อหา ในขณะที่บ้านของเรามีตู้เย็นเท่านั้นที่เป็นที่เก็บอาหาร....
. เวลารับประทานอาหารก็มีเพื่อนคุยอย่างพร้อมหน้าพร้อมตาพ่อแม่ลูก ในขณะที่ตัวเองก็ต้องนั่งทานอาหารตามลำพังบนโต๊ะอาหารที่ยาวเกือบสิบเมตร และมีเก้าอี้ว่างเปล่าทั้งสองด้าน..
. ลูกชาวนาที่ซ้อนท้ายจักรยานของพ่อ เขาต้องกอดเอวพ่อให้แน่นเพื่อจะได้ไม่ตกจากจักรยาน แต่เขาเองต้องนั่งในรถที่ใหญ่โตอยู่ข้างหลังเพียงลำพัง โดยมีคนขับรถพาไปทุกที่....
... ชาวนามีแสงดาวแสงจันทร์เป็นโคมไฟส่องสว่างตลอดเวลาในเวลากลางคืนโดยไม่ขาดแคลน แต่เขาก็มีเพียงแสงจากโคมไฟที่ต้องซื้อด้วยเงิน....
. ชาวนามีรั้วบ้านเป็นแม่น้ำ ภูเขาที่กว้างสุดลูกหูลูกตา แต่เขาเองกลับมีเพียงแค่กำแพงบล็อคในพื้นที่ไม่กี่ไร่ ......................... ลูกชาวนามีเพื่อนเล่นเป็นจิ้งหรีดหิ่งห้อยนับร้อยนับพัน แต่เขาเองกลับไม่มีใครเลย เขาขอบคุณพ่ออีกครั้งที่ทำให้เขารู้คำตอบว่า.... จริงๆแล้ว....เรายากจนกว่าชาวนามาก
......................... เรื่องนี้ คงทำให้ได้แง่คิดอะไรดีๆกับสังคมในยุคสมัยนี้กับการสอนคน
เพราะทุกวันนี้คนส่วนใหญ่ มักคำนึงถึงวัตถุจนหลงลืมสิ่งงดงามที่อยู่รอบๆตัวเองที่เรามักมองข้าม
แม้กระทั่งเรื่องจิตใจ ทั้งๆที่เป็นส่วนสำคัญ มีความละเอียดอ่อนมาก บางเรื่องให้คุณค่ามากมายแก่เรา
น่าเสียดาย วันเวลาผ่านไป กว่าเราจะรู้สึกสิ่งดีๆ เริ่มหดหายไปจากสังคม ทุกอย่างเกือบจะสายเกินไป จะเป็นวันวาน วันนี้หรือพรุ่งนี้
ขอเพียงเราได้คิดดี ทำในสิ่งดีๆกับแผ่นดินไทยผืนนี้ แค่นี้ก็มีความสุขแล้ว เพราะก็สวรรค์อยู่ในอก นรกอยู่ในใจแค่ส่วนแบ่งบางๆในใจเราเท่านั้น แต่ขึ้นอยู่กับว่าเราจะคิดได้หรือไม่เท่านั้น แวะมาอ่านแล้ว ถูกใจก็อย่าลืมคอมเม้นกันด้วยนะขอรับ
Create Date : 25 มีนาคม 2550 |
Last Update : 25 มีนาคม 2550 20:25:13 น. |
|
1 comments
|
Counter : 486 Pageviews. |
 |
|
|
โดย: อ้น..เอง IP: 58.9.252.154 วันที่: 6 พฤศจิกายน 2554 เวลา:13:56:59 น. |
|
|
|
|
|
|
|
Location :
กรุงเทพฯ Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]

|
อยากแนะนำตัวเล็กๆน้อยๆ ไม่ได้เป็นอะไรยิ่งใหญ่ เพียงมีรักความจริงใจ เสียงเพลง ธรรมชาติและออกกำลัง ที่สร้างเสริมสุขภาพกาย และจิตใจให้เข้มแข็ง ที่สำคัญ ยินดี รับฟังทุกปัญหา อยากเป็นเหมือน"ศิราณี" แต่ขอเป็นแค่"ศิลาอาสน์" เป็นก้อนหินก้อนหนึ่ง ที่อยู่ใต้ต้นไม้ร่มเย็น ทนทานทุกสภาวะไว้รองรับ ไม่ว่าจะร้อน สายฝน หนาวเย็น ยามที่ใครมีทุกข์ หรือสุข ก็แวะมาพักทักทายกันได้ พักให้คลายหายเหนื่อย เสริมพลังใจก่อนก้าวเดินต่อไป เพราะ"บนเส้นทางนี้ไม่เดียวดาย" แม้หนทางข้างหน้าจะยาวไกล จะขอเป็นเพื่อนเดินเคียงตลอดไป และหวังทุกคนที่แวะเข้ามา คงจะไม่ปล่อยให้เดียวดายเช่นกัน
|
|
|
|
|
|
|
ใครยากจนกันแน่...ระหว่างชาวนากับมหาเศรษฐี
มหาเศรษฐีเกือบจะชราผู้หนึ่งสุดแสนจะภูมิใจ
ที่ลูกชายวัยห้าขวบของเขากำลังจะได้เข้าเรียนในโรงเรียนชื่อดังซึ่งระดับเศรษฐีอย่างพวกเขาเท่านั้น จึงจะมีปัญญาส่งลูกหลานเข้าเรียนในโรงเรียนนี้ได้
โดยส่วนตัวของเขาเองก็อยากจะสอนให้ลูกชายรู้จักกับชีวิตจริงในโลกควบคู่ไปกับการสอนทฤษฏีในโรงเรียน ในวันหยุดเขาจะตระเวนพาลูกชายคนเดียวไปท่องเที่ยวในสถานที่ต่าง ๆ
.
แล้ววันหนึ่งเขาก็คิดถึงหัวข้อการสอนเรื่อง"ความยากจน"เพราะเขามีความเชื่อว่าลูกชายของเขาคงไม่มีวันรู้จักแน่นอน
เขาจึงพาลูกชายไปเยี่ยมครอบครัวชาวนาครอบครัวหนึ่ง และพักอยู่กับชาวนาเป็นเวลา 1 วัน 1 คืน
.............
เมื่อกลับถึงคฤหาสน์ของเขาในวันต่อมา
มหาเศรษฐีก็จะทดสอบว่าลูกชายได้อะไรบ้างจากการไปพักแรมกับชาวนาผู้ยากจน
ลูกชายตอบคำถามผู้เป็นบิดาว่า เขาขอขอบคุณเป็นอย่างมากที่ได้พาเขาไปพบกับชาวนาและพักแรมที่นั่นซึ่งทำให้เขาได้พบว่า....
ชาวนามีที่ทำงานเป็นท้องนาที่กว้างใหญ่
ในขณะที่พ่อมีที่ดินและบ้านจัดสรรทั่วประเทศรวมแล้วเป็นร้อย ๆ เอเคอร์..ซึ่งมันมากกว่านาของชาวนา....
อาหารที่ชาวนารับประทาน สามารถหาได้ตลอดเวลารอบๆบริเวณบ้านโดยไม่ต้องซื้อหา
ในขณะที่บ้านของเรามีเงินซื้ออาหารอะไรกินก็ได้ทั้งในประเทศและต่างประเทศ..ได้ไม่มีที่สิ้นสุด...เพราะรวย....
.
เวลารับประทานอาหารก็มีเพื่อนคุยอย่างพร้อมหน้าพร้อมตาพ่อแม่ลูก
ในขณะที่ตัวเองก็ต้องนั่งทานอาหารบนโต๊ะอาหารที่ยาวเกือบสิบเมตร และมีเพื่อนฝูงมากมายที่มาหาเรา.(เพราะกรูรวย)เก้าอี้ไม่มีที่ว่างเปล่าทั้งสองด้าน..
.
ลูกชาวนาที่ซ้อนท้ายจักรยานของพ่อ เขาต้องกอดเอวพ่อให้แน่นเพื่อจะได้ไม่ตกจากจักรยาน แต่เขาเองต้องนั่งในรถที่ใหญ่โตอยู่ข้างหลังที่ขนาบข้างไปด้วยดาราสาวสุดสวยหุ่นเซ็กซี่ไม่ซ้ำหน้า...โดยเขาต้องคอยประคองนมของสาวเจ้าไว้..ไม่ให้หลุดจากปาก โดยมีคนขับรถพาไปทุกที่....
...
ชาวนามีแสงดาวแสงจันทร์เป็นโคมไฟส่องสว่างตลอดเวลาในเวลากลางคืนโดยไม่ขาดแคลน แต่เขาก็มีเพียงแสงไฟจากเธค..ที่ปลุกอารมณ์ให้แดนซ์กระจาย..ที่ต้องซื้อด้วยเงิน....
.
ชาวนามีรั้วบ้านเป็นแม่น้ำ ภูเขาที่กว้างสุดลูกหูลูกตา แต่เขาเองกลับมีเพียงแค่กำแพงบล็อคในพื้นที่ไม่กี่เอเคอร์ ซึ่งมีเพียงงานปาร์ตี้...สวนสนุก..สนามกอล์ฟ สนามบอล..โรงหนังส่วนตัว..ฮาเร็มเลี้ยงสาว ๆ และสิ่งอำนวยความสะดวกทุก ๆ อย่างในโลก...ตามแต่เงินที่เราจ่ายไป
.........................
ลูกชาวนามีเพื่อนเล่นเป็นจิ้งหรีดหิ่งห้อยนับร้อยนับพัน แต่เขาเองกลับมีเพียงเพื่อนที่เป็นมนุษย์ ที่เราสามารถพูดด้วยกันได้รู้เรื่อง หรือถ้าอยากได้สัตว์เป็นเพื่อน..ก็เอาเงินซื้อสัตว์มาเลี้ยงที่บ้าน.ทำเป็น..สวนสัตว์ย่อย ๆ ก็ได้..เขาขอบคุณพ่ออีกครั้งที่ทำให้เขารู้คำตอบว่า....
มิน่าล่ะ...คนมันถึงอยากจะรวย...กันนัก
.........................