|
| 1 | 2 | 3 | 4 |
5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 |
12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 |
19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 |
26 | 27 | 28 | 29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
มอดินแดงแห่งความหลัง 2
ในบรรดาเพลงสถาบันที่พี่ๆกลุ่มสอนให้เราร้องนั้น ไม่ว่าจะเป็นเพลงมาร์ชมหาวิทยาลัย, Boom KKU ,ขวัญมอดินแดง, มหาวิทยาลัยขอนแก่น, มอดินแดง, ร่วมใจมอขอ, และมอดินแดงแห่งความหลัง สำหรับข้าพเจ้าแล้วชอบเพลงมอดินแดงแหงความหลังและมอดินแดงที่สุด มีเรื่องเล่าถึงเพลงมอดินแดงแห่งความหลังเอาไว้ว่า ค่ำคืนของเดือน ธันวาคม พ.ศ.๒๕๑๐ ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่เหน็บหนาวที่สุดของมอดินแดง รุ่นพี่ของเรา ๓ คน ซึ่งเป็นนักศึกษารุ่นแรก กำลังอ่านหนังสือสอบที่เฉลียงหน้าหอสอง ภายหลังการสอบแล้วทุกคนก็จะต้องแยกย้ายจากกันไปตามวิถีทางของตน ตลอด ๔ ปี ผ่านทั้งสุขและเศร้า ด้วยความผูกพัน อาลัย ความเหงา ความมืด และความหนาวเย็นในคืนนั้นจึงถูกกลั่นกรองมาเป็นเพลง ที่มีชื่อว่ามอดินแดงแห่งความหลัง
“...........มอดินแดงยามนี้ คืนนี้เดี๋ยวนี้คงเศร้า ทุกค่ำเช้าแสนปวดร้าวเมื่อเราจากกัน ครั้งก่อนเคยภักดิ์ ร่วมใจรัก ร่วมใจกัน เคยร่วมใจฝันเพื่อสร้างสรรค์สวรรค์แดนดิน......... ”
“พวกคุณทำได้แค่นี้เหรอ....” เสียงนั้นฉุดข้าพเจ้าออกมาจากภวังค์
“เพลงมหาลัยนะครับ ตั้งใจหน่อย .....ทีFour Please ทำไมร้องดังจัง” เสียงเฮรับจากพี่ๆฝั่งโน้นก็ดังประสานขึ้นทันที่ที่ประธานเชียร์พูดจบ
“ผมรู้ว่าพวกคุณเหนื่อย ถ้างั้นผมให้เวลาพักรับประทานอาหารสำหรับวันนี้ .....”
เมื่อพี่ลีดด์ ขึ้นจากสนาม พี่ๆกลุ่มก็กุลีกุจอขนข้าวกล่อง น้ำ ขนม มาให้น้องกลุ่มเหมือนเคย หลายๆกลุ่มคลายเครียดโดยการแปรแถวเป็นตัวอักษรประจำกลุ่ม บางกลุ่มก็ร้องเพลงโดยมีพี่ๆมาเต้นเป็นModel วันนี้เป็นวันสุดท้ายแล้วที่น้องใหม่ปีนี้จะทำการทดสอบเพลงมหาวิทยาลัย สองวันก่อน เราทดสอบเพลงผ่านแค่ ๓ เพลง คือ ร่วมใจมอขอ, Boom KKU, มหาวิทยาลัยขอนแก่น ส่วนวันนี้ช่วงแรกเราผ่านเพลง มอดินแดง ส่วนเพลงมาร์ช, ขวัญมอดินแดง, และมอดินแดงแห่งความหลัง ยังไม่ผ่านซักเพลง
ถึงแม้จะเหนื่อยแต่ข้าพเจ้าก็ทานข้าวได้ไม่มากนัก ไม่ใช่ว่าไม่อร่อยเพียงแต่รู้สึกกังวลเท่านั้นว่าถ้าเองเพลงไม่ผ่านจะเป็นอย่างไร ฝนก็ตั้งเค้าว่าจะตกเสียให้ได้ ถ้าเกิดตกมาจริงๆก็ไม่รู้ว่าจะหลบยังไงไหว
“น้องคะเรามีเวลาไม่มากพอนะคะ ขอให้พี่สตาฟช่วยจัดน้องเข้าระเบียบเชียร์ด้วย อีกสักครู่ประธานเชียระทำการทดสอบเพลงมหาวิทยาลัยค่ะ” เลขานุการเชียร์ประกาศผ่านไมค์ออกมา
เมื่อทุกอย่างพร้อม การทดสอบเพลงก็เริ่มขึ้น เพลงขวัญมอดินแดง ซึ่งเป็นเพลงที่ต้องปรบมือพร้อมๆกัน
“ขวัญเมืองขอนแก่น ไม่มีใดแม้นเหมือนมอดินแดง รื่นรมย์งามสมเป็นแหล่ง ชาวมอดินแดง พร้อมเพรียงแรงภูมิใจ.....
......ดั่งไม้ยืนต้นทนแห้งแล้งขวัญชาวมอดินแดงล้นอุรา สามัคคีกันใฝ่ฝันศรัทธาทั่วแดนฟ้าแห่งเรา” เหมือนนัดกันไว้เป็นอย่างดี เพลงนี้เราร้องจบ ไม่โดนเก็บกลางครัน เสียงเฮดีใจจากพี่ๆที่มาดูก็ดังขึ้นทันที
“ผมว่ามันคงเป็นเหตุบังเอิญ” ประธานเชียร์ขัด
“คุณต้องแสดงให้เห็นว่านี่ไม่ใช่เรื่องฟลุค ผมขอทดสอบเพลงนี้อีกครั้งครับ” เสียงบ่นอุบจากเพื่อนๆก็ตามมา ว่าประธานเชียร์ไม่มีเหตุผล บ้าอำนาจ
“ขวัญชาวมอดินแดง ไม่เคยแห้งแรงเพราะแรงใจมั่น กาลพฤกษ์งามนั่น หยัดยืนเป็นขวัญน้อมชีวันบูชา.....”
“พอๆ เถอะผมอายเค้า.....พวกคุณอย่าดันทุรังเลย ผมรู้แล้วว่าเมื่อกี้มันเป็นเรื่องบังเอิญ” ประธานเชียร์ให้กำลังใจสุดขีด
“เพลงนี้ผมขอพักเอาไว้ก่อน.....ขอทดสอบเพลงมาร์ชมหาวิทยาลัยครับ”
เมเจอร์ลีดด์ ให้สัญญาณสั่งลุกขึ้น เราก็ลุกอย่างพร้อมเพรียงเป็นเวฟสวยงาม สามสี่ครั้งจนเพื่อนผู้หญิงบางคนเป็นลมจนต้องหามไปพยาบาลที่หลังแสตนด์ เมื่อลุกพร้อมกันแล้ว แต่ก็ยังร้องไม่พร้อมกัน หรือร้องพร้อมกันแต่เสียงไม่ดัง ก็จะโดนประธานเชียร์ที่ตอนนี้บรรดาพวกเราเรียกขานกันในนามฮิตเลอร์สั่งเก็บทุกคราวไป
“ผมอยากรู้จริงๆว่าคุณเข้ามหาวิทยาลัยได้ยังไง เอาไก่แลกมารึเปล่า ร้องเพลงแค่นี้ยังไม่เป็นเลย แล้วจะไปทำอะไรได้ กี่รุ่นมาแล้วที่เค้าผ่านการเชียร์กลาง ผมก็เพิ่งเคยเห็นรุ่นนี้แหละที่ไม่ได้เรื่องที่สุด”
ฝนเริ่มโปรยลงมาเบาๆ หลายคนทำท่าจะลุกขึ้นหลบฝน “เชิญครับ...ถ้าคุณรักสบายก็เชิญ..กลับไปนอนที่หอสบายกว่าใช่มั้ยครับ ผมจะได้บอกรุ่นพี่ๆว่าปีนี้เราไม่มีน้องใหม่ ปีนี้ไม่มีกาลพฤกษ์ช่อที่ ๓๖....” ประธานเชียร์พูดดัก จนไม่มีใครกล้าลุก
“เด็กวิทยาเขตหนองคายครับ เชิญได้แล้วครับ รถมารับท่านกลับไปอาบน้ำนอนแล้วครับ....จะนั่งอยู่ทำไมครับ ผมอนุญาต ไม่มีใครว่าคุณกินแรงหรอกครับ เพราะทุกคนก็กินเหมือนกันหมด” เสียงพี่ๆหัวเราะรับมุขประธานเชียร์ดังมาสำทับ
จนอาจารย์ฝ่ายกิจการนักศึกษากับพี่ๆจากวิทยาเขตหนองคาย เข้ามาตามน้องถึงแสตนด์ แต่ก็ไม่มีทีท่าว่าใครจะลุกขึ้นกลับ
“พวกคุณจะนั่งอยู่ทำไม แล้วคืนนี้จะนอนไหน....” ใครคนหนึ่งวิ่งไปที่ไมค์หน้าแสตนด์ “หนูเป็นตัวแทนวิทยาเขตหนองคายค่ะ พวกหนูจะยังไม่กลับจนกว่าจะปิดเชียร์ เราทิ้งเพื่อนไม่ได้หรอกค่ะ ขออนุญาตอาจารย์และพี่ๆนะคะ ขอพวกหนูอยู่ต่อ เรื่องที่นอนไม่ต้องห่วง เราพักกับเพื่อนที่ขอนแก่นได้ ขอให้เราได้อยู่ช่วยเพื่อนนะคะ เราก็เลือดสีอิฐเหมือนกันเราจะไม่ยอมทิ้งกันค่ะ” เสียงปรบมือดังกึกก้อง เพราะซาบซึ้งกับน้ำใจที่เด็ดเดี่ยวของเพื่อนวิทยาเขตหนองคาย ที่แม้จะอยู่ไกลแต่ก็เข้ากลุ่มสัมพันธ์และเชียร์ไม่เคยขาด
“ได้...แต่ผมไม่รับประกันนะครับว่าพวกคุณอยู่แล้วเพื่อนจะร้องเพลงผ่าน ผมขอทดสอบเพลงมอดินแดงแห่งความหลัง....”
ฝนยังรินมาไม่ขาดสาย...แต่ทุกคนก็ยังอยู่ครบ ตั้งแต่น้องใหม่, พี่สตาฟที่คอยลุ้นอยู่ด้านหลัง พี่ลีดด์ที่เต้นกลางสายฝนและสนามหญ้าเฉอะแฉะ จนหน้าและผมที่อุตสาห์แต่งมาสวยๆเมื่อตอนเย็น มาตอนนี้หาเค้าไม่ได้ พี่ๆที่มารอดูน้องใหม่ที่ทั้งโห่และโอ๋ก็ยังไม่ไปไหน รวมถึงประธานเชียร์ฮิตเลอร์ที่ยืนโดดเด่นอยู่ฝั่งโน้น ก็ยังคอยถากถางไม่ขาดปาก
“ยามนี้จำไกลดวงใจของฉันหมองไหม้ แสนเศร้าฤทัยสุดหักใจหลงรักไม่คลาย แต่ก่อนนั้นความสัมพันธ์เคยแนบแอบกาย หักใจไม่วายอยากเยี่ยมกรายหายเศร้าระทม....... ”
“เสียงมดเดินบนโพเดียม ยังดังกว่าเสียงคุณอีก” ประโยคเด็ดหลุดมาจากปากประธานเชียร์อีกครั้ง เราร้องซ้ำไปซ้ำมาไม่จบเพลงเสียที ความอ่อนล้า อิดโรยทั้งกำลังกายและกำลังใจ คืบคลานเข้ามาแทนที่ เพื่อนผู้หญิงหลายคนก็เป็นลม และเป็น”ไฮเปอร์” เพื่อนผู้ชายหลายคนกัดฟันกรอด บ่นอยากจะชกหน้าประธานเชียร์ให้หายเจ็บใจ
“จะสามทุ่มครึ่งแล้ว แต่พวกคุณยังไม่ผ่านสักเพลงใครรู้เค้าคงภูมิใจแย่ ผมว่าโอกาสที่พวกผมให้คุณ มันคงไม่มีค่าอะไรสินะ พวกคุณถึงไม่ใช้มันให้เกิดประโยชน์สูงสุด นั่งลงเถอะครับ ไม่ต้องระเบียบเชียร์หรอก จะทำอะไรก็ตามสบาย พวกคุณไม่ผิดหรอก” พวกเราก็นั่งลงตากฝนฟังเขาพูดต่อ
“ความผิดทั้งหมดมันเกิดจากคนที่สอนต่างหากที่ได้เรื่อง ไม่มีระเบียบ ไม่เป็นตัวอย่างที่ดี สตาฟ....สตาฟ” เสียงเขาดุดันขึ้นเรื่อยๆ พี่ๆสตาฟวิ่งตื๋อออกมาจากหลังแสตนด์โกลาหล
“นี่ยังไงล่ะ ขนาดพี่ยังไม่พร้อมกันเลย จัดแถวสิ ยืนยังกะมาดูหมอลำ จัดแถว..” “เฮ้” “ช้าๆ....ยังช้าอีก ก็เพราะมีพี่แบบนี้ไง น้องถึงได้ไม่ผ่าน อ้าวยังมีอีกคน ไปไหนมาครับจีบน้องอยู่เหรอ วิ่งเร็วๆสิเพื่อนรออยู่” พี่ๆกว่าร้อยคนออกมายืนเรียงหน้ากระดานคอตกต่อหน้าน้องๆกลุ่มตัวเอง ไม่เหลือเค้าความสนุกสนานขี้เล่นเหมือนก่อน
“หัวหน้าสตาฟ ประธานเทคนิคเชียร์ครับ จะว่ายังไง” ประธานเชียร์เสียงเข้ม ใครคนหนึ่งในนั้นวิ่งออกมาที่หน้าไมค์
“กระผมในฐานะหัวหน้าสตาฟ ขอรับผิดแต่เพียงผู้เดียวครับ ผมปล่อยให้พี่สตาฟเล่นกับน้องมากไป จนลืมการสอนเพลง ผมขอลงโทษลุกนั่งสิบเท่ารุ่นครับ ” แล้วเขาก็ลุกนั่งต่อหน้าพี่สตาฟ ไม่ทันอึดใจก็มีอีกคนวิ่งมาที่หน้าไมค์
“กระผมในฐานะประธานเทคนิคเชียร์ ผมไม่วางแผนการซ้อม และอบรมที่ดีให้กับสตาฟและน้องใหม่ ผมขอรับผิดในสิ่งที่ทำทั้งหมด ผมขอลงโทษตัวเองลุกนั่งสิบเท่ารุ่นครับ” ว่าแล้วก็วิ่งไปสมทบกับหัวหน้าสตาฟกอดคอกันลุกนั่ง ไปได้ไม่ถึงสองเท่ารุ่นก็พากันล้มแต่ก็ประคองกันนับใหม่ พี่สตาฟหลายคนเริ่มขออนุญาตช่วยเพื่อนลุกนั่งด้วย จาก หนึ่ง เป็น สอง เป็น สาม และในที่สุดพี่ๆก็กอดคอกันลุกนั่งด้วยกันทั้งสนาม
“พวกคุณอย่าทำเลย มันทุเรศสายตา ลุกนั่งก็ยังไม่พร้อมกัน ผมขอสั่งให้หยุด....ได้ยินมั้ยครับ หน้าที่ของพวกคุณจบแล้ว คุณไม่มีศักดิ์ศรีพอที่จะเป็นพี่สตาฟได้ ผมขอป้ายสตาฟคืนครับ ผู้นำเชียร์ครับเชิญทดสอบเพลงต่อ” เพลงมอดินแดงแห่งความหลังดังขึ้นอีกครั้ง น้องใหม่ทุกคนแหกปากร้องแทบสุดเสียง ขณะที่พี่ๆด้านหน้าเป็นลมร่วงราวใบไม้ ฝ่ายพยาบาลต้องลากกันโกลาหล บางคนหมดแรงเกลือกกับโคลนดินแดงของสนามกีฬา บ้างก็ตะโกนบอกให้น้องร้องดังๆด้วยน้ำตา บ้างก็กอดกันร้องไห้ แต่ปากยังร้องเพลงมอดินแดงแห่งความหลังกับน้อง
หลายคนเห็นภาพสะเทือนใจนี้ถึงกับหลั่งน้ำตาด้วยความสงสารพี่ๆ
“ครั้งหนึ่ง เคยตรึงเคยคะนึงซาบซึ้งวิญญา ร่มกาลพฤกษ์เฝ้าแต่นึกไม่หวนคืนมา แสนเศร้าอุราสุดปรารถนาใฝ่หามาชม......” แม้จะร้องจบแต่เราก็ต้องร้องซ้ำไปซ้ำมาอีกครั้ง
“อกเอ๋ยเคยชมเคยชิดเคยเชยเคยใกล้ ครั้งก่อนแต่ไรฝากหัวใจเฝ้ารักรำพัน ถิ่นสุขสันต์ดังวิมานเหนือคำจำนรรจ์ ร่มสวรรค์ดังฟ้านั้นเสกสรรประทาน”
“อดีตสตาฟครับ กลับไปได้แล้วครับ อย่าอยู่ให้รกหูรกตา....พวกคุณ...นักศึกษาใหม่ก็พอแล้วครับผมทนฟังต่อไปไมได้อีกแล้ว คุณอย่าเอาเพลงมหาลัยของผมมาร้องเล่นอีกเลย ผมขอร้องล่ะ กลับไปอาบน้ำนอน รอเปิดเทอมแต่งชุดนักศึกษาไปเรียนเถอะครับ แต่ขอร้องว่าอย่าไปบอกใครล่ะว่าเป็นนักศึกษารุ่นนี้ ผมอายแทน” พี่ๆสตาฟที่เหลือจากเป็นลมพากันหิ้วปีกออกจากสนาม หลายคนหันมามองกลุ่มตัวเองแล้วปาดน้ำตาที่ไหลจนตาแดงก่ำ
“ยามนี้จำไกล ดวงใจของฉันหมองไหม้ แสนเศร้าฤทัยสุดหักใจหลงรักไม่คลาย แต่ก่อนนั้นความสัมพันธ์เคยแนบแอบกาย หักใจไม่วายอยากเยี่ยมกรายหายเศร้าระทม.....” เรายังร้องเพลงต่อด้วยเสียงทั้งหมดที่มี เพื่อนผู้หญิงหลายคนร้องไห้จนไม่อาจร้องเพลงต่อได้ แต่ก็ไม่ยอมไปไหน แม้ประธานเชียร์จะไล่ให้กลับ แต่เราก็ยังแหกปากร้องเพลงต่อไปจนกว่าจะจบเพลง
“พอแล้วครับ จะห้าทุ่มแล้วครับ มันไม่มีประโยชน์อะไรที่พวกคุณจะร้องต่อ เวลาของคุณหมดแล้วครับ เวลาได้พิพากษาทุกคนแล้ว หน้าที่ของสตาฟ,ลีดด์,เทคนิคเชียร์ และหน้าที่ของผมก็จบลงตรงนี้แล้วอย่างสมบูรณ์ ไม่มีใครจะบอกได้ว่าพวกคุณจะเป็นกาลพฤกษ์ช่อใหม่ได้อย่างเต็มภาคภูมิหรือไม่ นอกจากตัวของพวกคุณเองที่จะมีสำนึกว่าเลือดสีอิฐนั้นเข้มข้นแค่ไหน ผมขอปิดการเชียร์กลางเพียงเท่านี้.....”
ไฟทั้งสนามดับลง เสียงประธานเชียร์เงียบลง เหลือเพียงเสียงร้องเพลงมอดินแดงแห่งความหลังอีกครั้งจนจบเพลง ความมืดเข้าครอบคลุมทุกอย่าง ไม่มีใครสักคนที่จะลุกขึ้นกลับหอพัก ข้าพเจ้าสับสนว่านี่มันอะไรกัน มันจบลงแล้วเหรอ ความทุ่มเทพยายามทั้งหมดของเราตั้งแต่กลุ่มสัมพันธ์จนถึงเชียร์กลางกว่า ๖ วัน มันส่งผลอย่างนี้เหรอ ......................
พลัน! แสงจากเทียนเล่มเล็กๆ กับเสียงเพลงมอดินแดงแห่งความหลังจากพี่สตาฟของเรา ที่เดินออกมาจากด้านหลังแสตนด์มายืนอยู่ข้างๆพวกเรา ก็ส่องสว่างไล่ความมืดมนและหนาวเย็น แปรเป็นความอบอุ่น เพลงมอดินแดงแห่งความหลังค่อยๆกระหึ่มขึ้นอีกครั้งด้วยเสียงของน้องพี่มอดินแดง
เหมือนมีก้อนอะไรมาติดที่คอข้าพเจ้า กับน้ำตาที่ไม่รู้มาจากไหน ข้าพเจ้าร้องไห้อย่างไม่อายเหมือนกับเพื่อนอีกหลายๆคน น้องบางคนโผเข้ากอดพี่ร้องไห้ราวกับจะปลดปล่อยทุกอย่าง
พบจบเพลงเสียงปรบมือโห่ร้องก็ดังขึ้นแทนที่ และเสียงเพลงคึกคักก็ถูกเปิดขึ้น ทุกคนก็วิ่งกรูไปรวมกันที่สนาม สไลด์ภาพกิจกรรมตั้งแต่วันที่เราเข้ามอ จนถึงวันเชียร์ก็ถูกฉายขึ้นบนจอหนังขนาดใหญ่ เสียงเฮมีขึ้นเป็นระยะๆที่มีรูปกลุ่มตัวเองหรือรูปพี่ๆบนจอ หลายๆกลุ่มพากันเต้นตามเพลงเพลงแดนซ์อย่างสนุกสนาน
มันจบลงแล้ว...ตอนนี้ข้าพเจ้าเป็นกาลพฤกษ์ช่อใหม่อย่างเต็มภาคภูมิแล้ว......
ข้าพเจ้าเพิ่งรู้ว่ามันไม่ได้อยู่ที่การร้องเพลงผ่าน หรือร้องเพลงเสียงดัง แต่มันอยู่ที่ใจของเราได้หล่อหลอมเป็นหนึ่งเดียว และร้องเพลงออกมาจากใจที่เต็มเปี่ยมด้วยความรักและภาคภูมิใจในมอดินแดงแห่งนี้ ที่ที่จะเป็นบ้านหลังที่สอง ที่เราต้องใช้ชีวิตอีก ๔ ปี ข้าพเจ้าเช็ดคราบน้ำตาสุดท้ายแล้ววิ่งไปสมทบกับเพื่อนที่ด้านล่าง ............................. ฟ้ายังไม่สาง แต่ข้าพเจ้าสวมเสื้อสตาฟ ห้อยป้าย สูดลมหายใจเข้าเต็มปอด ก่อนจะรีบบึ่งออกไปกับเพื่อนลีดด์และสตาฟใหม่ที่สถานีรถไฟ เพราะวันนี้เป็นวันที่น้องจะเข้ามอ กาลพฤกษ์ช่อใหม่กำลังจะบานประดับใจชน อีกครั้ง...
....... เขียนเมื่อ 5 เม.ย. 48
Create Date : 27 มีนาคม 2549 |
Last Update : 1 มิถุนายน 2553 0:47:46 น. |
|
20 comments
|
Counter : 1083 Pageviews. |
 |
|
|
โดย: เสือจ้ะ วันที่: 27 มีนาคม 2549 เวลา:20:26:22 น. |
|
|
|
โดย: mimu (mimu ) วันที่: 19 ตุลาคม 2549 เวลา:7:29:52 น. |
|
|
|
โดย: paula IP: 58.8.78.29 วันที่: 28 มกราคม 2550 เวลา:22:39:18 น. |
|
|
|
โดย: นิว IP: 203.144.135.241 วันที่: 5 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:17:51:10 น. |
|
|
|
โดย: 36คือกัน IP: 202.12.97.116 วันที่: 19 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:15:42:17 น. |
|
|
|
โดย: ป้า หอ ๑๘ IP: 58.147.80.97 วันที่: 19 มีนาคม 2550 เวลา:1:23:37 น. |
|
|
|
โดย: กาลพฤกษ์33 IP: 202.183.233.12 วันที่: 30 มิถุนายน 2550 เวลา:14:55:36 น. |
|
|
|
โดย: kku35 IP: 202.143.164.30 วันที่: 22 ธันวาคม 2550 เวลา:20:30:04 น. |
|
|
|
โดย: จูน IP: 203.150.84.166 วันที่: 19 เมษายน 2551 เวลา:23:05:33 น. |
|
|
|
โดย: เลือดสีอิฐ IP: 118.174.163.46 วันที่: 11 พฤษภาคม 2551 เวลา:15:49:49 น. |
|
|
|
โดย: เด็กใหม่ ประติมากรรม มข 51* IP: 125.26.138.23 วันที่: 25 พฤษภาคม 2551 เวลา:2:29:42 น. |
|
|
|
โดย: กาลพฤกช่อ 45 IP: 202.12.97.117 วันที่: 3 กรกฎาคม 2551 เวลา:15:24:42 น. |
|
|
|
โดย: เก๋ไก๋ IP: 61.19.222.31 วันที่: 5 สิงหาคม 2551 เวลา:16:42:07 น. |
|
|
|
โดย: nu 29 IP: 118.173.237.220 วันที่: 8 มีนาคม 2552 เวลา:17:33:20 น. |
|
|
|
โดย: Major3*KKU*2009 IP: 192.168.103.157, 61.7.191.254 วันที่: 5 มิถุนายน 2552 เวลา:21:56:23 น. |
|
|
|
โดย: Z. IP: 125.24.13.65 วันที่: 9 พฤศจิกายน 2552 เวลา:11:10:37 น. |
|
|
|
โดย: KKU #40 IP: 61.91.248.195 วันที่: 10 ธันวาคม 2554 เวลา:11:18:16 น. |
|
|
|
โดย: ED13 KKU28 IP: 223.205.101.27 วันที่: 24 พฤษภาคม 2555 เวลา:22:38:54 น. |
|
|
|
โดย: ED.13 KKU.18 IP: 223.205.101.27 วันที่: 24 พฤษภาคม 2555 เวลา:22:42:23 น. |
|
|
|
|
|
|
|
From K From K From KKU and Who and who are We can See can See Hey Ha Ha Ha We are KhonKaen
ฮือๆๆๆ คิดถึงจังเลย ...
ฝากรับน้องด้วยนะจ๊ะ...