เรื่องศาสนานี่ ถ้าคิดคนละด้าน
ก็ถกกันไม่จบหรอกค่ะ

เพราะเป็นเรื่องของความเชื่อและใจของแต่ละคน

ผมจะตามไปอ่านกระทู้ตาม link นั้นนะ

แต่รู้สึกว่า กระทู้นั้นโดนลบไปแล้วมั้งครับ เพราะผมดูไม่ได้น่ะ

เห็นด้วยกับคุณ แมวโต๋เต๋ นะครับว่า ถ้ามองกันคนละด้าน แล้วยิ่งถ้ามีจิตยึดมั่นในความเห็นตน ไม่เปิดใจมองโดยรอบแล้วละก็

ถกกันไม่จบหรอกครับ

ส่วนเรื่องบัวเหล่าที่ 5 นั้น ผมว่า คงไม่จำเป็นต้องตั้งใหม่ก็ได้กระมังครับ เพราะว่าบัวเหล่าที่ 4 ก็ไม่มีวันเรียนรู้ธรรมอะไรได้อยู่แล้ว

ทว่าเท่าที่นจำได้ ทางฝ่าย"มหายาน" ไม่เชื่อเรื่องบัว 4 เหล่า กล่าวคือ ไม่เชื่อว่าจะมีคนที่สอนไม่ได้เลย ไม่มีบัวเหล่าที่ดักดาน ไม่มีคนที่ต่ำกว่าเหล่าที่สาม

---

ส่วนเรื่องคัมภีร์ไบเบิ้ล เป็นบันทึกหรือเป็นนิทานหรือไม่นั้น ขอไม่ตอบในที่นี้ ทว่า มีการเขียนอรรถุกถา อธิบายคัมภีร์ไบเบิ้ลแบบพิสดารมาก ๆ อยู่เหมือนกัน

เช่นว่า ที่บอกว่าสร้างภายใน 7 วัน โดยสร้างตามลำดับนั้น ในเล่มนั้นอธิบายว่า 1 วันนั้น ตามทฤษฎี relativity แล้ว วันสำหรับผู้สร้างก็ดำเนินตามนั้น แต่ถ้าสัมพัทธ์กับผู้สังเกตึแล้ว ก้จะนานหลายปี

การสร้างสัตว์ ก็บอกว่าเป็น cloning หรือที่บอกว่า พระเจ้าสร้างมนุษย์โดยอิงจากรูปร่างของพระเจ้า ก็อธิบายว่า มันก็คือ cloning เช่นกัน (จึงได้รูปร่างเหมือนพระเจ้า)

นอกจากนี้ยังอธิบายว่า คัมภีร์ไบเบิ้ลนี้ดัดแปลงจากคัมภีร์ของยิว ซึ่งในคัมภีร์ของยิวนั้น พระเจ้าชื่อว่า Elohim ซึ่งเป็น พหูพจน์ ไม่ใช่เอกพจน์ ดังนัน จึงมีกลุ่มคนกลุ่มหนึ่ง ช่วยกันสรรสร้างโลกนี้ขึ้น ผ่านการทดลองทางวิทยาศาสตร์

ซึ่งหนังสือเล่นที่ว่าเขียนโดยลัทธิหนึ่ง อืมไม่พูดต่อนะครับ กลัวคนเข้าใจผมผิดอีก ไม่อยากทะเลาะด้วยอีกแล้ว

ทว่า ผมอ่านเล่นสนุก ๆ ราวกับอ่านนิยายวิทยาศาสตร์ครับ อ่านไปก็นึกว่า อืม ช่างเป็นอรรถกถา ที่พยายามเอาความรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในปัจจุบัน ไปอธิบายเหตุการณ์ในคัมภร์นั้น

ลัทธินั้นพยายามดึงกลุ่มคนที่คิดว่า ไบเบิ้ล ไร้สาระ ไปเป็นพวกครับ โดยได้กลุ่มนักวิทยาศาสตร์หลายกลุ่มไปอยู่ด้วย โดยใช้หนังสือเล่มนี้เป็นสือ

ทว่า ผมพอจะจับได้ว่าหนังสือเล่มนี้เขียนแบบไม่บริสุทธิ์ใจเท่าไหร่ และจับได้ว่าน่าจะโกหก เช่นประเด็น พระพุทธเจ้าเป็น cloning ของใครสักคน โดยบอกว่า พระสังกัจจายน์คือพระพุทธเจ้า !!! ประสาท !!!)

ผมเคยพูดถึงใน blog คุณ Magravine แล้ว (นานแล้วนะ) ไม่เล่าต่อละ กลัวโดน เจ้าของ blog ว่า

เราเป็นคนนึง ที่ไม่เชื่อในศาสนา และไม่เห็นความจำเป็น (ในส่วนตัว) ของการมีศาสนา เพราะเราเชื่อเพียงว่า หากคนเราเข้าใจธรรมชาติของความเป็นไป และไม่มุ่งร้ายต่อผู้อื่น รู้จักเสียสละความต้องการส่วนตัวเพื่อให้สังคมส่วนรวมอยู่ด้วยกันได้ เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว ไม่ต้องมีพระเจ้า ไม่ต้องมีลัทธิ ไม่ต้องมีคัมภีร์ ไม่ต้องมีปาฏิหาริย์ ไม่ต้องมีนรก ไม่ต้องมีสวรรค์

แต่ในทางปฏิบัติคงเป็นไปไม่ได้ เพราะถึงแม้แต่ละตัวบุคคลจะฉลาดล้ำสักเพียงใด เมื่อมาอยู่รวมกันเป็นกลุ่มกลับพลันไม่ต่างจากฝูงตัวอะไรซักอย่าง หรืออาจจะแย่กว่าด้วยซ้ำ มีแก่งแย่ง มีอิจฉา มีคดโกง มีแทงข้างหลัง ขนาดมีศาสนาแล้วยังเอาไม่อยู่เลย..

ไม่หรอกครับ เรารู้จักกันเพียงตัวอักษร
เป็นสหายความคิด

Now NIKE designers in the play the role of team of engineers, for the super racing - kobe Bryant, according to the changing of the game, to choose the corresponding shoe.The Zoom Kobe 2 three versions of the design.
Salomon //www.salomonshoes.name