www.facebook.com/ibehindyou

ทุก comment ที่คุณให้มา ทำให้เรารู้ว่า เราไม่ได้สนุกกับการเขียน blog แล้วอ่านอยู่คนเดียว

*v* เมื่อ ผม(อยู่ข้างหลังคุณ) โดน สาว(ไกด์ใจซื่อ) แถก (tag) ยังกับ อะไรดี *v*

ว่ากันว่า (copy เขามาอีกที)

"Blog Tag คือการที่ จขบ.ที่ได้รับ Tag จะต้องเล่าเรื่องของตัวเอง (ที่มีน้อยคนที่จะรุ้?) มา 5 ข้อ แล้วส่งต่อให้เพื่อนอีก 5 คน มันคือ บล็อกลูกโซ่ หรือการแปะโป้งกันดีๆ นี่เอง ผู้เริ่มคนแรกคือ Jeff Pulver เขาเรียกมันว่า Blog-Tag: A Game for a Virtual Cocktail Party
ตอนนี้มันขยายวงมาให้บล็อกเกอร์เมืองไทยได้ร่วมค็อกเทลปาร์ตี้เสมือนจริงนี่กันแล้ว"





อุ๊ย !! โดน tag แล้ว นึกว่าจะรอด

เปล่าหรอกครับ ความรู้สึกจริงๆผมไม่ได้เป็นอย่างนั้น ความจริงผมร้อง ไชโย มีคน tag แล้ววววววว

เพราะหลังจาก Blog TAG ระบาด ผมเองได้แต่เฝ้ามองว่าจะมีใครมา TAG เราซะที อยากเผยความลับใจจะขาด จนแล้วจนเล่าก็เข้าใกล้เพลงของน้องพลับที่ว่า ใครๆก็ไม่รักผมแม้แต่พัดลมยังส่ายหน้าเลย

จนกระทั่ง ฝันของน้องพลับก็ได้เป็นจริง เมื่อคุณ สาวไกด์ ให้เกียรติ TAG มา อันที่จริงก็คิดไว้แล้วว่า ถ้าไม่มีใคร TAG เดี๋ยวจะจัดการ TAG ตัวเองซะเลย

พอเขียนครบห้าข้อ ก็เห็นว่า คุณอะไรดี ให้เกียรติ tag มาอีก ว่าจะเขียนรอบเดียว ก็เลยถือโอกาส แถมเป็นข้อย่อยรวมไว้ด้วยเลย

และต่อไปนี้คือ ความลับ 5.5 ประการ ที่คนในชีวิตจริงของผมส่วนหนึ่งคงรู้กันอยู่แล้ว แต่หลายคนรวมถึงเพื่อนๆในไซเบอร์อาจจะยังไม่เคยรู้


1. เธอ กับ รักครั้งแรก


หลังจากมีผลงาน หนังสือรัก จนทำให้หลายคนเข้าใจผิดคิดว่า เป็น กูรูความรัก ที่ประสบความสำเร็จเรื่องรักเป็นอย่างดี มีลูกสามคนพร้อมภรรยาผู้น่ารัก

เปล่าเลย มีคนดีๆผ่านเข้ามาในชีวิตผม และ ผมก็ทำลายความรักให้ย่อยยับอัปราอยู่เสมอๆ ผมเองก็ประสบทั้งรักล้มเหลว ความผิดหวัง และ ความเจ็บปวด จนกระทั่งปัจจุบันก็ยังรอคอยรักครั้งสุดท้ายที่จะเติมเต็มชีวิตเหมือนหลายๆคน อย่างไรก็ตาม ความรักที่ผิดหวังที่ผ่านมาก็ทำให้ได้เรียนรู้และได้อะไรจากมันไปเยอะมาก โดยเฉพาะ ความรักครั้งแรก

รักครั้งแรกของผม คือ เธอที่เรียนชั้นปีเดียวกัน และ ผมแอบประทับใจในวินาทีแรกที่เราได้จับคู่มาเป็นพิธีกรในงานหนึ่งร่วมกัน ยังจำได้ว่า ตอนชวนเธอไปดูหนังด้วยกันสองคนนั้นเป็นเรื่องแทบจะคอขาดบาดตาย จนเมื่อเธอยอมตอบรักว่าจะไปดูการ์ตูน Hercules ด้วยกันสองคน ผมแทบจะกระโดดให้รถกลางสีแยกอุรุพงษ์ชนในวินาทีนั้น , ดอกไม้ที่ให้ปีแรกเป็นดอกไฮยาซินธ์ ดอกไม้ที่มีความหมายว่า เมื่อหมดช่วงอายุของมันหากเก็บหน่อข้างใต้ไว้แช่ตู้เย็น ปีถัดไปมันจะสามารถเติบโตขึ้นมาอีก ผมแอบลุ้นว่าเธอจะเก็บไว้ต่อหรือไม่ (ซึ่งดีใจแทบกระโดดหอเมื่อรู้ว่าเธอเอาเข้าแช่ตู้เย็น) หลังจากนั้นผมรู้จักปากคลองตลาดในวันวาเลนไทน์ปีถัดๆมาก็เพราะเธอ

เธอ กับ รักครั้งแรก เป็น แรงบันดาลใจสำคัญที่ทำให้หลายบทความใน Blog นี้เกิดขึ้น และ เธอคนนี้ก็คือ เธอ ที่อยู่ในบทความ The Notebook และ คือเธอ ที่บอกกับผมว่า "สิ่งที่มีค่าที่สุดสำหรับความรักไม่ว่าจะลงเอยแบบใด...คือความทรงจำดี ๆระหว่างคนสองคน..." และคือ เธอคนเดียวกับที่ปรากฎอยู่ในบทนำใน หนังสือรัก และ คือเธอที่ทำให้ผมรู้ว่า ความรักก็เหมือนต้นไม้ที่มันย่อมมีวันแห้งเหี่ยวตายจากไปหากไม่คอยรดน้ำดูแลให้ดี

รักครั้งแรกของผมจบลงหลังจากดำเนินมาเป็นเวลา 7 ปี ทุกวันนี้เราก็ยังเจอกันอยู่ เรายังยิ้มให้กันและยังมีความรู้สึกดีๆให้แก่กัน ของขวัญชิ้นล่าสุดที่เธอให้มาคือพวงกุญแจที่เป็นตัวอักษรคำว่า I behind you

ขอบคุณเธอกับรักครั้งแรกที่ทำให้หัวใจของคนที่รู้สึกอะไรไม่ค่อยเป็นกับชาวบ้านอย่างผม ได้รู้จัก ความรัก


1.1 เรื่อง Blog กับ เรื่องรัก


ไม่ใช่แค่ blog เรื่อง the notebook เท่านั้นที่ผมเขียน ชีวิตตัวเองลงไป Blog ตัวเองแห่งนี้ กว่าสองร้อย blog ที่เขียนไปในนี้ เกือบครึ่ง มีเรื่องราวของผมซ่อนแอบไว้ทั้งสิ้น เหมือนมีเรื่องหนังบังหน้า แต่ หลายประโยค หลายตอนนั้น ถ้าอ่านให้ดีจะมี ออกแนวพร่ำเพ้อพรรณนา ระบายความรู้สึก อกหัก รักคุด แอบรัก เจ็บปวด ฯลฯ ซึ่งประโยคเหล่านั้นไม่ได้เกี่ยวอะไรกับตัวละครเลยแม้แต่น้อย แอบสอดแทรกเข้าไปใน blog เนียนๆ ประมาณเป็น Davinci code ที่ต้องแกะรหัสถึงจะเจอ ดังนั้น Blog นี้ไม่ใช่แค่ Blog หนัง แต่ก็เป็น ไดอารี่ส่วนตัวรวมอยู่ด้วยเหมือนกัน


2. เฉียดตาย


ปีแรกของการทำงาน ผมขับรถไปทำงานจากบ้าน ต้องเดินทางบนถนนเส้นมอเตอร์เวย์ไประยองทุกเช้า ใช้เวลาเดินทางประมาณ 50 นาที ปีนั้นยังเป็นปีแรกที่ผมขับรถเอง จำได้ว่าตัวเองขับรถเร็วและมารยาทเลวร้ายประเภท ถ้าเลนขวาใครขับช้าก็จะไปจี้ตูดเขาแล้วเปิดไฟไล่ บางทีปาดไปตัดหน้าเขาเสียด้วยซ้ำ

เช้าวันหนึ่งผมขับรถเลนขวา พร้อมกับฟังเพลงอัลบั้ม Live ริมหาดของ Fat boy slim ซึ่ง ดึ๊ง ดึง ดึ่ง ดึง อิเลคโทรนิคร็อกกันได้ใจ จู่ๆผมก็หันมามองหน้าปัดความเร็วแล้วเห็นว่าตัวเองขับที่ความเร็ว ประมาณ 160 กม.ต่อชั่วโมง จึงคิดว่า เฮ้ย ขับเร็วนี่หว่า ก็เลยเปลี่ยนเลนเข้าเลนกลางแล้วชะลอความเร็ว จู่ๆ ระยะห่างของคันผมกับคันหน้าก็กระชั้นใกล้กัน ซึ่งผมคิดว่าไม่มีปัญหาก็แตะเบรค

พลันนั้น ยางรถผมแตกและรถผมหมุนติ้วจากเลนกลาง ไปเลนซ้าย ข้ามถนนเชื่อมคูตรงกลาง ไป เลนดินข้างทาง แล้ว ไปพลิกคว่ำที่ไร่สัปปะรดทั้งหมดสี่ตลบ วินาทีที่รถหมุนผมยังจำได้ว่าความคิดแว่บเดียวในหัวคือ “ชิบหายแล้ว” วินาที่ที่มันกำลังพลิกคว่ำทีละตลบ ผมคิดอ้อนวอนในใจว่า “ได้โปรดหยุดเสียที” แล้วเมื่อหยุดผมเดินออกมาแล้วรีบมองเข้าไปในรถเพราะไม่แน่ใจว่าตัวเองตายไปแล้วหรือยัง เผื่อจะเห็นว่ามีร่างตัวเองติดข้างใน (ตลกตัวเองว่าคิดไปได้งัยฟระเนี่ยตอนนั้น)

รถพังยับ แว่นที่ใส่กระเด็นไกลออกจากรถหลายเมตรตั้งแต่ตอนรถคว่ำ กระจกแตกหมดทุกบาน เสื้อผ้าที่แขวนไปหล่นกระจัดกระจาย ซีดีเกลื่อนทั่วไร่สับปะรด ยางคู่หน้าแตก หลังคาบุบ ฯลฯ โชคดีมาก ผมหัวแตกเพียงเล็กน้อย และ โชคดีที่สุดที่ไม่มีใครนั่งอยู่ด้วย เพราะถ้ามีคอหักแน่นอนเนื่องจากหลังคาบุบมากยกเว้นตรงคนขับ

เลือดไหลหยดติ๋งๆจากที่หัว ในขณะที่ผมโทรไปบอกที่บ้านด้วยคำพูดที่สั้นที่สุดที่จะไม่ทำให้พ่อแม่ตกใจว่า ตอนนี้รถคว่ำแต่ตัวไม่เป็นอะไร แล้วผมก็ได้ยินเสียงแม่เหมือนร้องเสียงดังละล่ำละลักถามพร้อมร้องไห้ว่าเป็นอะไรหรือเปล่า

นับจากนั้นมา ผมตั้งปณิธานไว้ว่า จะไม่ขับรถเร็วอีกต่อไป และ จะไม่ยอมเป็นอะไรจากฝีมือการขับรถตัวเองอีก และ ไม่ต้องการโทรไปแจ้งข่าวเช่นนี้ให้พ่อและแม่ต้องตกใจหรือเสียใจเด็ดขาด


2.1 รถของผม และ ตัวผม


รถของผมคือนิสสัน เซฟิโร่ รุ่นเก่าเกือบสิบปีสีน้ำตาลบรอนซ์ ส่วนตัวผมสูง186 ซม. หนัก 67 กก.ใส่แว่นเนื่องจากทั้งสั้นทั้งเอียง ไปไหนมาไหนจะเห็นสะพายกระเป๋าสีดำติดตัวตลอดเวลา ในกระเป๋าจะมีสมุดเล่มเล็กๆสีเขียวที่จะหยิบเอามาจดอะไรที่นึกได้ หรือ แม้กระทั่งในโรงหนังหากมีอะไรที่เด็ดๆและกลัวจะพลาดก็จะล้วงเอามาจดไว้ก่อน


3. "ผมอยู่ข้างหลังคุณ"


ชื่อนี้ตอนตั้งขึ้นมาไม่นึกว่ามันจะสะดุดตาอะไรมากมาย มารู้ทีหลังว่าเป็นชื่อที่คนสนใจบ่อยๆ จนเคยมีคนตั้งกระทู้ถามความหมาย บ้างก็เดาว่า ผมทำงานในโรงหนังเป็นคนฉายหนัง บ้างก็คิดว่ามาในสไตล์อบอุ่นคอยดูแลอยู่ข้างหลัง บ้างก็อุปมาเหมือนนั่งดูหนังอยู่แถวหลังคอยเฝ้าดูอยู่ และ ทำให้ msn ผมประสบเหตุการณ์ซ้ำเป็นพักๆเพื่อเข้ามาถามกันตรงๆว่า เป็นเกย์หรือเปล่า (ไม่ช่ายยยยเฟร้ย)

ความจริงแล้ว ชื่อนี้มีที่มาจากชื่อหนัง (ซึ่งก็ไม่ใช่ Brokeback mountain)

ผมเคยมี log in ในพันทิปอยู่สองสามชื่อนั่นคือ @bc , cul-de-s@c ตั้งแต่ยุคพันทิปหน้าดำ ส่วนใหญ่ก็อ่านเสียมากกว่า จนวันหนึ่งเมื่อหลายปีก่อน ผมเกิดอยากตั้งกระทู้ขึ้นมา ปรากฏว่าจำพาสเวิร์ดเข้าล็อกอินตัวเองไม่ได้ ก็นั่งคิดนอนคิดอยากได้ชื่อใหม่เป็นภาษาไทยคูลๆจี๊ดๆจ๊าบๆและเกี่ยวกับหนังด้วย คิดแล้วคิดอีกก็คิดไม่ออก (ผมรู้สึกว่าการคิดชื่อนี่เป็นสิ่งที่ยาก เพราะพอมาตอนตั้งชื่อหนังสือ ก็เป็นงานยากสาหัส สงสัยว่าตอนมีลูกนี่คงเป็นงานยากโคตรอีกเรื่อง)

จนกระทั้งค่ำคืนหนึ่งที่ผมหยิบม้วนวิดิโอ The ring เวอร์ชั่นญี่ปุ่น คืนนั้นเริ่มต้นประมาณสี่ทุ่ม ผมทำเป็นใจกล้า ปิดไฟดูคนเดียว ประสบการณ์ค่ำคืนนั้นเกือบทำให้ผมช็อคตายคาจอ เมื่อดูๆไปก็ดันทะลึ่งมีเสียงโทรศัพท์เข้ามาที่บ้านเหมือนในหนัง และวันนั้นผมก็จัดให้ หนังเรื่องนี้เป็นหนังสยองขวัญที่ทำให้ผมกลัวได้มากสุด (ตอนนั้น ผีผมยาวชักกระตุก ยังไม่ฮิต ดังนั้นถ้าหยิบเรื่องนี้มาดูตอนนี้อาจไม่น่ากลัวแล้ว)

คืนนั้นเป็นผลให้ผมได้ชื่อ log in มา ด้วยรู้สึกว่า ชื่อไทยชื่อนี้มันให้อารมณ์ขนพองสยองเกล้าดี หากนั่งอ่านกระทู้ นั่งพิมพ์งาน นั่งดูหนังโปรด นั่งโหลดคลิปโป๊ นั่งโชว์เว็บแคม นั่งกินแหนมเล่นเน็ต นั่งเช็ดโต๊ะทำงาน แล้ว รู้สึกว่า มี “ผมอยู่ข้างหลังคุณ”


3.1“ผมอยู่ข้างหลังคุณ”


ไม่เคยคิดจะเป็นนักวิจารณ์หนัง จนถึงตอนนี้มีคนถามว่างานเขียนของตัวเองเรียกว่าเป็นนักวิจารณ์หนังได้หรือยัง ก็ยัง กระด๊ากใจ ที่จะตอบรับ เพราะตัวเองนั้นไม่เคยไปเรียนวิชาที่เกี่ยวกับภาพยนตร์อะไรทั้งสิ้น ที่เขียนก็เป็นจากมุมมองตัวเองและจากความรู้ในด้านของตัวเองที่เรียนมา จึงทำให้เวลาใครมาขอคำแนะนำหรือคำปรึกษาเพื่อนำส่งอาจารย์ จะรู้สึก กระด๊ากใจ อีกครั้ง เพราะกลัวว่าจะทำให้น้องเค้าสอบตก เพราะมันไม่มีหลักการใดๆทั้งสิ้น อาชีพที่ตอนเด็กๆเคยฝันอยากทำคือ เป็น ครีเอถีบ แบบว่า ออกแบบงานโฆษณา หรือ คิดคำพูดเท่ๆคูลๆชิวๆจ๊าบๆเจี๊ยกๆอะไรเทือกนั้น แต่ด้วย ข้อจำกัดที่เกิดมาในครอบครัวไม่ร่ำรวย เป็นลูกคนเดียว พ่อแม่จึงอยากให้มีอาชีพที่มั่นคง จึงทำให้เส้นทางชีวิตต้องเดินไปในสิ่งที่ตัวเองไม่ได้อยากจะเป็น ก็เลยตามเลย ปีแรกของการเอ็นทรานซ์ ผมติดคณะทันตกรรม ก่อนจะซิ่วในปีถัดมา


4. กิน


ผมชอบการกินมากรองๆจากการดูหนัง ห้องก้นครัวในพันทิป คือ ห้องที่ผมแอบไปเก็บข้อมูลบ่อยมาก แล้ว พอได้เป้าหมายหากราคาไม่เกินกำลัง จะต้องรีบหาโอกาสไปลองลิ้มชิมรส อยู่เสมอๆ แถมบางครั้งก็เผลออยู่ในกลุ่ม รสนิยมสูงรายได้ต่ำเนืองๆ เพราะ ดูรูปอาหารแล้วพาลน้ำลายไหลแบบควบคุมไม่อยู่ ล่าสุด พออ่านกระทู้เห็น ทาโกะยากิ และ ราเม็ง ที่ร่ำลือในกระทู้ในห้องก้นครัว ก็รีบแจ้นไปเปิปมาอย่างรวดเร็ว ถึงจะชอบกิน แต่โรคประจำตัวก็ดันเกี่ยวกับท้องไส้ นั่นคือเป็นโรค irritable bowel disease ที่จะท้องผูกสลับท้องเสีย และ มีข้อจำกัดในการกิน เช่น น้ำอัดลมจะกินไม่ได้เพราะจะทำให้ปวดท้อง หลายหนที่ผมสั่งน้ำเปล่าคนมักเข้าใจผิดว่าเป็น หนุ่มรักสุขภาพ เปล่าเลย กินน้ำอัดลมเกินขนาดเมื่อไหร่ ท้องเป็นเรื่องทุกที

4.1 ขี้(กลัวและกังวล)


ผมเป็นคนขี้กลัวและขี้กังวลอย่างร้ายกาจ เช่น ก่อนจะทำหนังสือออกมาก็ถามความเห็นคนนับสิบเพราะกลัวว่าจะออกมาไม่ดี กลัวว่าสนพ.จะไม่สนใจ กลัวว่าขายไม่ออกเราจะทำให้สนพ.เขาเดือดร้อน , ถ้าแอบชอบใครจริงๆเป็นเรื่องหนักหนาสาหัสที่จะจีบหรือบอกเขาจริงๆส่วนใหญ่ก็ได้แต่แอบมอง ถ้าโทรหรือคุยก็ไม่กล้าคุยอะไรมากกลัวเขาจะเบื่อ , ถ้าอยากแสดงความเห็นในที่ประชุมต้องรอคนน้อยๆหรือมีคนถามถึงจะเอ่ยปากออกมาทั้งที่มีความคิดอยู่ในหัว , ไม่อยากเด่นมากกลัวคนหมั่นไส้ ฯลฯ จนทำให้คนใกล้ตัวหลายคนรำคาญมาหลายทีหลายหน


5. หยิ่ง หรือ ฮา


หากมีคนพูดถึงผม คำกล่าวจากคนสองคน อาจทำให้คนฟังต้องงงนึกว่าเขาพูดถึงคนละคนกัน ข้อหาที่โดนบ่อยมากจากคนกลุ่มหนึ่งคือ ดูหยิ่ง ไม่สุงสิงกับใคร เดาใจไม่ถูก อะไรประมาณนี้ เป็นผลมาจากหน้าตาที่ไม่ได้ยิ้มแย้มเท่าไหร่ (มีแต่คนบอกให้ฉีกยิ้มบ่อยๆ) และวัยเด็กที่เติบโตมาแบบไม่มีพี่ไม่มีน้องไม่มีเพื่อนบ้าน อาศัยอยู่ในไร่กันสามคนพ่อแม่ลูก จึงทำให้ผมเองปรับตัวกับผู้คนทั่วไปไม่ง่ายนักเวลาอยู่กับคนอื่นๆ สมัยเด็ก ผมมักเล่นกับ หมา ไก่ และ ปีนต้นไม้ เช่น ขึ้นไปนั่งเก็บกระท้อนกินเล่น ฯลฯ (ประมาณ เมาคลี ลูกหมาป่า)

ตอนโตแล้ว การเข้าสังคมจึงเป็นงานหนักหนางานหนึ่ง ซึ่งมันก็ทำให้ดูเกร็งๆและเหมือนหยิ่งๆ แท้จริงแล้วคือ กลัวและกังวลไม่รู้จะพูดจะคุยอะไร จนเวลาเจอใครก็มักจะยืนเงียบๆยิ้มๆมึนๆแทน และ จะเป็นคนแรกที่แอบแว่บออกมาจากงานเลี้ยงหรืองานสังสรรค์กลับบ้านก่อนเสมอ บางทีโต๊ะจีนยังไม่หมดก็เคยหนีกลับก่อนมาแล้ว เพราะจะรู้สึกอึดอัดและทำตัวไม่ถูก

แต่ถ้าเพื่อนด้วยกันจะสงสัยมากว่าข้อหา หยิ่ง มาจากไหน เพราะตัวจริงที่เห็นออกจะฮาๆบ้าๆบอๆทะลึ่งลามกเพ้อเจ้อไปวันๆ แถม เดาใจสุดจะง่ายดายเป็นอย่างยิ่ง

5.1 คนนี้แหละ ผมอยู่ข้างหลังคุณ (คนซ้ายมือนะ )





...ครบห้าข้อที่จัดการ แฉ ตัวเองไปเรียบร้อยโรงเรียน tag คุณสาวไกด์ และ คุณอะไรดี

ความลับที่มีก็หมดเนื้อหมดตัวชั่วคราว ดังนั้น หากมีใครมา tag เพิ่มขอขี้โกงเอาในนี้ตอบซ้ำแล้วกันเน้อ

ห้าคนต่อไปนี้ ขออภัยที่ต่อส่งต่อ ขอทำตัวไม่รู้ไม่ชี้ว่าคุณโดนไปหรือยัง เอาเป็นคนใกล้ตัวนี่แหละดีสุดอิๆ

ลิปดา-พิลิปดา
nanoguy
azzurrini
บลูยอชท์
OncE UPoN'-'a MaN






ขอฝาก"หนังสือรัก"ไว้กับผู้อ่านด้วยเน้อ กับ พ็อกเก็ตบุ้คเล่มแรก ที่หยิบยกความรักและความสัมพันธ์ในภาพยนตร์ มาช่วยให้คุณเข้าใจตัวเองและคนรอบข้าง ได้มากขึ้นและลึกซึ้งกว่าเดิม



(วางขายตามร้านหนังสือทั่วไปแว้ว)
เมื่อ "หนัง" ให้อะไรมากไปกว่า "ความบันเทิง"





ชวนไปอ่านบทความเรื่องอื่นๆ คลิก >> หน้าสารบัญ

ชวนคลิก ชวนคุยกับเจ้าของ Blog ที่ --> หน้าแรก

รวบรวมรายชื่อหนังเรื่องเก่าๆที่เคยเขียนไว้แล้วที่ ---> ห้องเก็บหนัง




ขอคิดค่าบริการต่อการอ่าน 1 หน้าในอัตราเพียง

ความเห็น
ของคุณมีประโยชน์กับผู้อ่านคนถัดมา คำทักทายของคุณเป็นกำลังใจให้ผู้เขียน คำติชมหรือคำแนะนำของคุณจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงพัฒนาหากคุณเข้ามาอ่านครั้งถัดไป


Create Date : 15 มกราคม 2550
Last Update : 15 มกราคม 2550 1:33:34 น. 24 comments
Counter : 1109 Pageviews.

 
แวะมาอ่านเป็นครั้งแรกค่ะ สะดุดใจกับชื่อบล็อคมานานแล้ว แต่ยังไม่ว่างเข้ามา มาคราวนี้ได้รู้จักกับเจ้าของบล็อค เป็นคนน่าสนใจจริงๆค่ะ เสียดายไม่ได้อยู่เมืองไทย ไม่งั้นจะรีบออกไปหา หนังสือรัก มาอ่านซะหน่อย อิอิอิ


โดย: deeda IP: 90.7.218.120 วันที่: 15 มกราคม 2550 เวลา:1:17:49 น.  

 
แวะมาอ่านค่ะ .... ในที่สุดก็รู้แล้วว่าทำไมถึงเป็น
"ผมอยู่ข้างหลังคุณ"


โดย: kenmania IP: 58.8.93.47 วันที่: 15 มกราคม 2550 เวลา:1:27:37 น.  

 
จะเชยมั้ยคะ ถ้าจะบอกว่า เพิ่งเคยมาเยี่ยมชมblog คุณ ผมอยู่ข้างหลังคุณ เป็นครั้งแรก หลังจากที่เห็นชื่อมาซักระยะแล้ว

ชอบจังค่ะ ชอบแนวการเขียนดี ขอ add ละกันนะคะ ^^ (ขอกันดื้อๆ ไม่มีไรให้ ปั๊มนิ้วไว้ก่อนละกัน หยวนๆ )

เห็นช่วงนี้เค้าฮิต Tag กัน เคยอ่านมาไม่กี่คน แต่ของคุณพี่นี่ อ่านแล้วชอบที่สุดเลยแหล่ะ เริ่มต้นด้วยเรื่องรักครั้งแรกแล้ว ทำให้อยากอ่านข้อต่อไปต่อ (เพราะประทับใจในรักครั้งแรกเหมือนกันค่ะ แต่เพิ่งเลิกกับรักแรก รักครั้งสองครั้งสามจึงยังไม่เกิดขึ้นในเร็ววัน )

ว่าแต่ คนหรือเปรตคะน่ะ สูงจริงเชียว สูงไม่เผื่อแผ่คนเตี้ยเลยนะคะ แฮ่ๆๆ


โดย: mini mini วันที่: 15 มกราคม 2550 เวลา:6:53:32 น.  

 
ผมชอบข้อ2.1คร้าบ เพราะมันก็เป็นรถรุ่นเดียวกับรถผมเหมือนกัน ว่าแต่พี่ใช้ตัวปีใหนอ่ะครับ


โดย: หลานยายจุล วันที่: 15 มกราคม 2550 เวลา:8:02:15 น.  

 
ที่ผมเข้ามาเนี่ย เหมือนกับจะมีลางบอกเหตุอะไรบางอย่าง ซึ่งชวนให้รู้สึกว่าผมต้องคลิกเข้ามาอ่าน

แล้วมันก็มีอะไรที่มากกว่าให้ผมต้องอ่าน ...เมื่อคุณผมอยู่ฯ tag ผมอีกต่อกันซะอย่างงั้นเยยอ่า

ผมเพิ่งมารู้ไม่กี่วันนี้เอง ว่าตอนนี้ที่นี่เขากำลังฮิต tag กัน...(หลบไปอยู่หลังเขา ไม่ได้เล่นเน็ตเกือบอาทิตย์ไม่ได้รู้ความเป็นไปอะไรบ้างเลย) และก็ไม่คาดคิดด้วยว่า จะมีใครมา tag ผม (อันเนื่องด้วยตัวกระผมเป็นคนที่ไม่เข้าตาใครๆ ก็เลยคิดน้อยใจว่าคงไม่มีใครมาเล่นกับเราหรอกมั้ง)

แล้วในที่สุด ผมก็โดนเข้าจนได้ ...การโดนครั้งนี้ไม่รู้สึกแค้นใจอะไร กลับดีใจเหมือนลิงได้กล้วยแขก (???) ประหนึ่งซาบซึ้งซะด้วยซ้ำ ที่ได้เล่นกับเขาซักที เย้!!! ขอบคุณคร้าบบบบ

วันพรุ่งนี้ วันครู ผมจะกตัญญูมาชดใช้ การโดน tag ให้นะครับ...


โดย: OncE UPoN'-'a MaN ...เข้ามายินยอมโดน tag ซะโดยดี IP: 202.57.142.4 วันที่: 15 มกราคม 2550 เวลา:9:06:20 น.  

 
เป็น แถก ที่ยาวมากกกกกกกกกกกก

แต่อ่านแล้วเพลินดีค่ะ
ชอบ


โดย: BBwindy วันที่: 15 มกราคม 2550 เวลา:9:12:39 น.  

 
รู้สึกดีใจประการหนึ่ง

คนที่เราโดนแท็ก (ดูเหมือนว่า) เต็มใจที่จะคุย+เล่าแบบยาวๆ ทั้งนั้นเลย ดีใจอย่างยิ่งค่ะ


อ่านข้อ ๑ แล้วรู้สึกว่าไม่น่าเชื่อจริงๆ ค่ะ จริงง่ะ ยังไม่มีแฟนรึ ไม่น่าเชื่อๆๆๆๆ

แต่อ่านแล้วรู้สึกดีที่คุณกับรักครั้งแรกยังคงเป็น "เพื่อน" ที่ดีต่อกันค่ะ



อ่า..ไอ้โรค irritable bowel disease เนี่ย เราก็เป็นแหละ แต่เพิ่งรู้ว่ามันมีโรคนี้และชื่อโรคนี้อะค่ะ


โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 15 มกราคม 2550 เวลา:10:15:24 น.  

 
หนุกดีค่ะ หุหุ


โดย: แพนด้ามหาภัย วันที่: 15 มกราคม 2550 เวลา:11:35:59 น.  

 
ตามเข้ามาอ่านแถกครับ



โดย: keano (jonykeano ) วันที่: 15 มกราคม 2550 เวลา:11:58:29 น.  

 
โดนไปแว้วค้าบ คลิกไปอ่านที่บล๊อกได้เลย เหอๆๆ...
พี่บลูฯก็โดนผมแถกไปเรียบร้อย ไม่รู้ป่านนี้ไปจัดการบล๊อกตัวเองให้หายร้างหรือยัง


โดย: nanoguy (nanoguy ) วันที่: 15 มกราคม 2550 เวลา:12:11:57 น.  

 
หลังจากหายหน้าจาก internet ไปกว่าครึ่งเดือน
ไม่ได้รู้จัก tag อะไรกับเค้าเลย
กลับมาแบบงงๆ คราวนี้
ได้อ่าน tag ของพี่จขบ.กะของคุณสาวไกด์แบบขำๆ เพลินๆ
ไม่ได้คิดเลยว่า
บุคคลที่ไม่ค่อยปรากฏตัวตนอย่างเราได้รับเกียรติโดน tag ด้วยเหรอเนี่ย
ความรู้สึกแรกก็คือ "ดีใจจังที่โดน tag กะเค้าด้วย
อย่างน้อยก็ไม่ใช่บุคคลที่โลกลืม โฮะๆ"
แถมคนที่ tag เรา ยังเป็นบุคคลโด่งดังที่มีรางวัลพ่วงท้าย
และต่อเนื่องมาจากคุณสาวไกด์ซึ่งก็เป็นบุคคลที่ได้รับรางวัลมาอีกเช่นกัน
แอบทึกทักเอาเองว่า ดูดีมีชาติตระกูลเหมือนกันนะเรา เพราะมาจากสายรางวัล อิอิ
(เอ๊ หรือที่จริงคือเพราะบุคคลดังๆ คนอื่นเค้าโดน tag กันไปหมดแล้ว
เลยเหลือแต่ noname อย่างเราเนี่ย)

แต่เอาเหอะค่ะ ไหนๆ ก็ได้รับเกียรตินี้มาแล้ว
หลังจากที่ประกาศปิดบล็อคตัวเองไป
ก็เลยคงถือโอกาสนี้เอาฤกษ์เอาชัยอัพซะเลย

"ขอบคุณพี่จขบ.มากๆนะคะ"
ขอเวลาซักพักนึงนะพี่นะ

แต่ก่อนจะอัพของตัวเองที่โดน tag
ก็มีความกังวลเกิดขึ้นในใจ
เนื่องจากว่าปกติมีบล้อกนี้อยู่บล้อกเดียวแหล่ะค่ะที่เข้ามาวนเวียนอ่านเป็นประจำ
ก็เลยไม่รู้จะ tag ต่อใครดี
เพราะพี่บลูฯ หรือน้องนาโนฯ ก็โดนไปแล้ว

เอาเป็นว่าจะไปนั่งนึกความลับตัวเอง
พร้อมๆกับบุคคลที่จะโดนรับช่วงด้วยละกัน
แล้วไงถ้าพิมพ์เสร็จแล้ว
จะกลับมาแปะลิงค์ให้ต่อนะคะ

ขอบคุณอีกครั้งค่า
เย้ๆ



โดย: ลิปดา-พิลิปดา IP: 161.200.255.162 วันที่: 15 มกราคม 2550 เวลา:13:17:11 น.  

 
แว่บเข้ามาอ่าน Tag ของ จขบ. ครับ เรื่องแรกนี่ซึ้งเลยทีเดียวนะครับ ว่าแต่รูปสุดท้ายเนี่ย ไหงไปยืนข้างหลังหุ่นล่ำๆ ขนาดนั้นน่ะครับ เล็งอะไรอยู่หรือเปล่า เอิ๊กกกกกกก (ล้อเล่นนะครับผม)


โดย: เข็มขัดสั้น วันที่: 15 มกราคม 2550 เวลา:13:50:46 น.  

 
เข้ามาอ่าน tag ของจขบ.ค่ะ หลังจากติดตามผลงานมานาน


โดย: LuckyMoby วันที่: 15 มกราคม 2550 เวลา:17:47:34 น.  

 
อัพเรียบร้อยแร้วค่ะสดๆร้อนๆ

เรียนเชิญที่ https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=arcminute&group=3 เลยนะคะ


โดย: ลิปดา-พิลิปดา IP: 161.200.255.162 วันที่: 15 มกราคม 2550 เวลา:20:59:27 น.  

 
1. อันนี้เคยเห็นแว้บๆไหนหนังสืออนุสรณ์รุ่นพี่ล่ะ ฮิ ฮิ

2. โอ้....ดีจังค่ะที่ไม่เป็นอะไร น่ากลัวมากๆ

3. อันนี้เคยรู้แล้ว

4+5 อืม...ดูไม่ค่อยออกนะคะเนี่ย แต่เพื่อนๆเราไม่รู้สึกว่าพี่หยิ่งนะคะ แค่รู้สึกว่าดูโรคจิตเท่านั้นเอง ha ha
(แต่อ่านแล้วสมเป็น 6 จริงๆ อิ อิ)

ปล. เราเขียน blog tag แล้วน้า อย่าลืมไปอ่านบ้างนะคะ


โดย: azzurrini(login ไม่ได้ง่ะ) IP: 202.28.181.9 วันที่: 15 มกราคม 2550 เวลา:22:43:01 น.  

 
เข้ามาบอกคุณผมอยู่ฯ ว่า ผมแถกเสร็จแล้วนะครับ
เข้าไปดูผมแถกที่นี่เลยครับ...

https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=onceupon&group=1&month=01-2007&date=16&blog=1


โดย: OncE UPoN'-'a MaN วันที่: 16 มกราคม 2550 เวลา:9:16:08 น.  

 
อุๆ ... คงเหลือกระผม คนที่ได้รับเกียรติการถูก tag จากคุณ จขบ. ที่เข้ามาอ่านและเขียนเป็นคนสุดท้าย ... พอดีเมื่อวานผมลางานไปทำธุระมา เลยไม่ได้เปิดเน็ตใช้มา 3 วันเต็มๆ เลยน่ะครับ แต่น้องกุ้งโทรไปบอก ก็เลยทราบว่าตัวกระผมเองก็ถูก tag เรียบโร้ยแล้ว ... ก็ต้องขอขอบคุณ คุณ จขบ. และน้องนาโนฯ ด้วยนะคับ สำหรับจดหมายลูกโซ่ ... เอ๊ย การ tag ในครั้งนี้ ... ส่วนบล็อกกระผม แหะๆ ละอายจัง มันร้างมาเป็นปีๆ แล้วเจงๆ ด้วยจิ ไม่มีเวลา (และอารมณ์) จะไปอัพบล็อกตัวเองเลยอ่ะคับ ... สู้สิงสถิตย์อยู่ในบล็อกชาวบ้าน (อย่างบล็อกนี้) ยังสบายใจกว่าตั้งเยอะ 555 ...

ถึงแม้ผมจะพอมีหัวข้อในใจอยู่แล้ว แต่คงต้องใช้เวลาเขียนซักพัก แล้วช่วงนี้ก็งานค่อนข้างยุ่งด้วย ถ้าเขียนเสร็จแล้วจะมาแจ้งนะคร้าบ ... และขอแซวคุณ จขบ. ในหัวข้อที่เล่ามา (ซะเพลินเชียว) ดังนี้
1. อ่านแล้วซึ้งดีครับ
1.1 โห ... เพิ่งรู้นะเนี่ย ว่ามีแอบซุกไดอะรี่ด้วย เนียนเจงๆ 555

2. อ่านแล้วน่ากลัวมากครับ และโชคดีสุดๆ ที่ไม่เป็นอะไรมาก ... รถผม (ที่เคยมีอยู่คันเดียวในชีวิต - ตอนนี้คุณพ่อใช้อยู่) เป็นรถกระบะเล็ก เหยียบเร็วไม่ได้ มันจะปลิว เคยลองเหยียบมิดคันเร่งทีนึง ที่เส้นกบินทร์ฯ-ปากช่อง เพราะมันเป็นทางตรงตลอด ได้ความเร็วที่ 160 ยังเสียวแทบตาย
... สมัยวัยรุ่น ผมก็ขับค่อนข้างเร็วนะครับ (เคยโดนจับความเร็ว 3-4 ครั้งเหมือนกัน) 120-140 ... แต่พอเห็นเพื่อนๆ เกิดเรื่องในหลายๆ กรณี บวกกับวัยวุฒิที่มากขึ้น ทำให้ตอนนี้ลดลงเหลือประมาณ 80-120 แล้วล่ะครับ (โชคดีที่เคยถูกชน แต่ไม่เคยขับคว่ำ)

3. + 3.1 อันนี้พอจะทราบอยู่แล้ว แต่เขียนไว้ตรงนี้ก็ดีครับ เวลาผู้มาอ่านบล็อกนี้ทีหลังได้อ่าน จะได้ไม่จินตนาการไปในแนวอีโรติค (แถบหุบเขาหลังหัก) อีก

4. ส่วนผมชอบหม่ำจำพวกขนมหวาน และเบเกอรี่ครับ กินได้เกือบทุกอย่าง (จนกลัวจะเป็นเบาหวาน และคอเลสเตอรอล + ไตรกลีเซอไรด์ค่อนข้างสูง) ... ทุกวันนี้โรคจิตขนาดเวลาไปงานสัปดาห์หนังสือ ก็จะต้องซื้อหนังสือสูตรเบเกอรี่ +ค็อกเทล (ลดราคา) มาเก็บไว้ จนได้ 10-20 เล่มแล้วมั้งเนี่ย (ทั้งๆ ที่ยังไม่เคยลงมือทำครัวเองซักที! นอกจากตระกูลไข่)
ส่วนน้ำ - น้ำอัดลมผมก็แทบจะเลิกดื่มไปแล้วครับ ขมๆ อย่างกาแฟก็ไม่ค่อยชอบ ชาพอได้ ... แต่ตอนนี้ที่ไปได้ดีกับผมที่สุด ก็เลยเป็นน้ำเปล่า กับน้ำผลไม้ (และเหล้าค็อกเทล แหะๆ)

5. ตอนเด็กๆ ... ผมก็มีอาการแบบเดียวกันเลยครับ (เพราะเป็นโรคขาดความมั่นใจในตัวเองอย่างรุนแรง - ว่าจะเอาไปเป็นคำตอบ tag ด้วย) เข้าสังคมไม่ค่อยเป็น รู้สึกอึดอัด ... ทุกวันนี้เวลาผมกลับไปอยู่ในวงเพื่อนเดิมๆ สมัยเด็กๆ เหมือนพวกเค้าก็ยังมองผมแบบนั้นอยู่ ... แต่ตอนนี้ ถ้าเป็นวงเพื่อนสนิท และคนที่คุ้นชินแล้ว ... แหะๆ ... น้ำไหลไฟลามทุ่งอ่ะคับ ... เพื่อนซี้ๆ นี่ เคยนอนคุยกันสารพัดเรื่อง จนสว่างคาตามาหลายทีแล้วง่ะ


โดย: บลูยอชท์ IP: 202.69.140.233 วันที่: 16 มกราคม 2550 เวลา:14:07:43 น.  

 
เรียบร้อยแล้วขอรับ ผลการแถกของผม คลิกไปตามชื่อ หรือตามลิงค์นี้ไปได้เลย (คำเตือน : ต้องมีเวลาซักครู่ เพราะมันยาวถึงยาวมาก)
https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=lifesosimple&group=1

และเนื่องจากบางคนอาจไม่ได้คลิกเข้าไปอ่าน ดังนั้นขอแจ้งไว้ตรงนี้ว่า ผู้โชคดี (เหรอ?) ที่ถูกผม tag ต่ออีก 5 ท่าน (หายากมั่กๆ เพราะส่วนใหญ่โดนไปทั่วถ้วนหน้าเกือบยกบล็อกแก๊งแว้ว) มีรายชื่อดังต่อไปนี้ ...
The Invisible girl (คนนี้เพื่อนผมเอง)
SnowBelL
ayres
aorengja
hAmlet

ดังนั้น ขอให้ผู้ถูก tag โปรดปฎิบัติหน้าที่ต่อด้วยนะขอรับ ... และถ้าเขียนเสร็จแล้ว มาแจ้งหรือทำลิงค์ไว้ที่หน้านี้ก็ดีนะครับ เพื่อนๆ จะได้เข้าไปตามอ่านกันอ่า


โดย: บลูยอชท์ (ล็อกอินอยู่ ทำไมถามชื่ออีกหว่า?) IP: 202.69.140.233 วันที่: 18 มกราคม 2550 เวลา:14:09:33 น.  

 
สวัสดีค่ะ
ได้อ่านอัตชีวประวัติ ของคุณผมอยู่ข้างหลังคุณ แล้ว บังเกิดความซาบซึ้งใจอย่างมาก คุณช่างเขียนได้งดงามจับใจยิ่งนัก ก่อให้เกิดแรงบันดาลในชีวิตหลายต่อหลายอย่างของข้าพเจ้า
รวมทั้งได้อุทาหรณ์สอนใจในหลายเรื่อง ทั้งความรัก อุบัติเหตุการขับรถ รวมถึงการดูแลตัวเองในเรื่องสุขภาพกาย และสุขภาพใจ ช่างเป็นบทความที่ยอดเยี่ยม สมกับที่ได้รับรางวัลอันเกริกเกียรติ มาตลอด 2 ปีนี้
ข้าพเจ้ารู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้มีโอกาส มาเจอคุณซึ่งเป็นบุคคลที่ทรงคุณค่า และผลงานของคุณที่ทรงคุณค่าอย่างหาใครเสมอเหมือนได้ยากยิ่ง

ดังนั้นข้าพเจ้าหวังเป็นอย่างยิ่งว่าคุณผมอยู่ข้างหลังคุณจะอยู่คู่กับพวกเราชาวbloggang และ ชาวไทย และ สร้างสรรค์สิ่งดีๆ ที่เปี่ยมไปด้วยคุณภาพเช่นนี้ตลอดไป

ปล. แหมเขียนถึงแต่เธอคนนั้นซะหวานหยดย้อยเลยนะจ๊ะ อย่างนี้เธอคนอื่น ก็น้อยใจแย่แล้วจ้า


โดย: Mr.Bear's dream วันที่: 21 มกราคม 2550 เวลา:15:04:06 น.  

 
อ่านแล้วอมยิ้มคะ

ชอบมวยปล้ำหรอคะ หลานชายสองคนก็ชอบคะ
ดูมวยปล้ำได้ทุกวัน เล่นก็เล่นเกมส์มวยปล้ำ

แวะมาทักทายคะ สบายดีนะคะ


โดย: แสงไร้เงา วันที่: 22 มกราคม 2550 เวลา:7:07:41 น.  

 
* เอ่อ หมอคะ หนักเท่ากันเลย อายนะเนี่ย หมอผอมจัง

* รู้ความลับแล้วว่า ทำไมดูหนังรอบเดียวเก็บได้ทุกเม็ด แอบจดนี่เอง แล้วจดได้ไงมืดๆคะเนี่ย สงสัยใช้ปากการุ่นมีโคมไฟในตัว

* หมอเก่งด้านสื่อสารด้วยตัวอักษรมากค่ะ เล่มหน้าออกแนวขำขันดีมั้ยคะ หมอแถกได้ฮาจริงๆ


โดย: JJoy IP: 125.25.94.51 วันที่: 23 มกราคม 2550 เวลา:10:42:42 น.  

 
สวัสดีค่ะ
เพิ่งได้เข้ามาอ่านบล็อกคุณค่ะ
เคยเห็นชื่อล็อกอินคุณแล้วก็แอบคิดว่า
อืมม ..เหมือนหนังผีเลยนะคะ แบบชอบแอบมาหลอน เวลาดูหนังน่ากลัวจะชอบนั่งชิดกำแพงค่ะ (ด้านที่ไม่มีหน้าต่างด้วยนะคะ กลัวโผล่มาทางหน้าต่าง)
พออ่านtagแล้วก็ใช่จริงๆด้วยแหละ


โดย: แป้ง IP: 124.120.74.58 วันที่: 24 มกราคม 2550 เวลา:1:16:53 น.  

 
ขำดีค่ะ
ว่าแต่...หน้าตาไม่หน้าเป็นคนโรแมนติกได้เลยนะเนี่ย... อุ๊บส


โดย: The SoVo (http://kangalala.spaces.live.com/) (The SoVo ) วันที่: 17 กรกฎาคม 2550 เวลา:18:27:41 น.  

 
หลงทางมาอ่าน อิอิ


โดย: daisy IP: 125.25.204.171 วันที่: 7 สิงหาคม 2550 เวลา:5:09:13 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

"ผมอยู่ข้างหลังคุณ"
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 72 คน [?]




New Comments
Group Blog
 
<<
มกราคม 2550
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
15 มกราคม 2550
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add "ผมอยู่ข้างหลังคุณ"'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.