It's All I Have to Bring Today !
Group Blog
 
<<
มกราคม 2554
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
25 มกราคม 2554
 
All Blogs
 

เสียงกวาดใบไม้กลางลานวัดป่า สวนสวรรค์แห่งภูพาน

ใบไม้แห่งเหมันต์

โดย : สุชาติ สุขประสิทธิ์



ใบไม้ที่พบเจอ ต่างเคยเป็นส่วนหนึ่งของต้นไม้ ยามลมโยกยังให้ความเย็น แม้แค่มองก็ชื่นตา จนเมื่อปลิดขั้วร่วงหล่นก็เป็นปุ๋ยให้ดินอุดม




เสียงกวาดใบไม้กลางลานวัดป่า

จากตอนสายถึงยามบ่าย ระยะทางยังดูคล้ายจะทอดยาวไปไกล จอดรถถามทางกับชาวบ้านครั้งหนึ่ง ก็ได้ความสบายใจกลับมา ว่าอย่างน้อยก็มาถูกทางแล้ว แต่หลายหมู่บ้านและเถียงนาหลังฤดูเก็บเกี่ยว ราวกับยังกักขังไม่ให้ข้ามพ้นไปได้ดั่งใจหมาย

อาจเป็นหมู่บ้านสักแห่งของ อ.ส่องดาว (จังหวัดสกลนคร) ที่ยาวไปสุดสายตามอง สองฝั่งถนนมองดูแล้วคล้ายกันไปหมด แม้รถจะวิ่งไม่เร็วนัก แต่การเก็บรายละเอียดระหว่างทางก็ไม่ใช่เรื่องง่ายกับนาทีที่ภายในใจพะวงอยู่กับเป้าหมายปลายทาง ตั้งแต่แยกเข้ามายังทางหลวงสายชนบท ก็ดูเหมือนรถจะขับเคลื่อนไปบนความโคลงเคลงเกือบตลอดทาง ด้วยระยะทางสุดท้ายกำลังมีการทำถนน บางช่วงบนพื้นผิวลูกรังยังทิ้งรอยปาดใหม่ๆ ของรถเกรด (Motor Greader) ทำให้รถต้องวิ่งไปบนทางเบี่ยงชั่วคราวที่ไม่ใช่ถนน



คนงานที่กำลังสาละวนอยู่กับงานสร้างทางเหยียดหลังเงยหน้าจากการงานของตน พลางชี้ทางไปประกอบคำอธิบายภาษาถิ่น จัดว่าเป็นเส้นทางข้ามอำเภอที่ทรหดไม่น้อย บางช่วงมองไปไม่เห็นหมู่บ้านเลย เมื่อจินตนาการไปถึงเมื่อหลายสิบปีก่อนก็มั่นใจว่าพื้นที่แถบนี้คงเป็นป่ารกชัฏซึ่งไม่ง่ายที่มนุษย์คนใดจะย่างกรายเข้ามาได้

เส้นทางก่อนถึงจุดหมายบางครั้งก็อธิบายปลายทางได้ในบางส่วน

หมู่บ้านสุดท้ายกับป้ายบ้านเลขที่ ตำบล อำเภอ บอกให้รู้ว่าตอนนี้ได้เข้ามาอยู่ในเขต อ.พรรณานิคม แล้ว อีกไม่นานการเดินทางบนเส้นทางทุรกันดารยาวไกลกำลังจะสิ้นสุดลง

เงียบจนรู้สึกได้เลยว่าการมาถึงครั้งนี้เป็นสิ่งแปลกปลอม ต้องใช้เวลาสักพักปรับตัวปรับใจเพื่อให้ความต่างลดพื้นที่ลง รอบตัวมีแต่ต้นไม้สูงที่ปลิดขั้วคว้างใบแห้งหล่น ก้าวย่างที่เดินย่ำสังเกตพบว่าบนลานดินมีริ้วเส้นลากเป็นทาง เดินไปอีกไม่ไกลได้ยินเสียงกวาดลานวัด จึงกระจ่างใจในความสงสัย

ใบไม้แห้งทั้งหมดที่ถูกกวาดด้วยไม้กวาดทางมะพร้าวจะมารวมอยู่ใต้โคนต้นไม้ ไม่มีการเผาทำลาย ปล่อยให้เน่าเปื่อยสลายกลายเป็นปุ๋ยดินแก่ต้นไม้

จะอธิบายด้วยกฎใดก็ตาม แต่ที่นี่ราวกับมีคำตอบอยู่รอบตัวให้พิจารณาผ่านความสงบในทำนองของลมโยกยอดไม้ปลายเหมันต์ และเส้นทางสายอากาศที่ใบไม้แห้งปลิวหล่นสัมผัสผืนดิน

เดินตามทางดินที่สะอาดไร้วัสดุสังเคราะห์ใดๆ มองไปทางไหนก็เห็นแต่ต้นไม้รอบตัว จนถึงหน้าอาคารไม้ยกใต้ถุนสูง อันปรากฏอยู่ท่ามกลางร่มใบของไม้ใหญ่นานาพันธุ์ ณ สถานที่แห่งนี้ ศาลาหลวงปู่มั่น เคยเป็นที่ที่ พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ใช้แสดงธรรมแก่พุทธบริษัทในช่วงเวลาที่ท่านจำพรรษาอยู่ที่นี่ระหว่างปี พ.ศ.๒๔๘๘-๒๔๙๒

แม้ไม่มีโอกาสได้ขึ้นไปข้างบน แต่สายตาสัมผัสก็พบความสะอาดตั้งแต่บันไดทางขึ้นไปยันด้านบนที่เป็นพื้นไม้กระดานมันเงา สถานที่อันเป็นที่ปฏิบัติธรรมของสงฆ์มาแต่ครั้งก่อนกึ่งพุทธกาล ยังทำหน้าที่อยู่ถึงทุกวันนี้ หน้าที่ขัดเกลาให้จิตบริสุทธิ์

ลึกเข้าไปด้านในบนทางเดินเดิม กุฏิไม้ยกใต้ถุนสูงสร้างเมื่อ พ.ศ.๒๔๘๙ โดยการร่วมแรงร่วมใจของชาวบ้าน บ้านหนองผือ ถวายแด่พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ปัจจุบันกรมศิลปากรได้ประกาศขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถาน ตั้งแต่ ๖ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๒๒

การพบและบทลา ถูกกล่าวออกมาในวาระเดียวกัน หลังเดินอยู่พักใหญ่ในรายรอบต้นไม้ที่โอบล้อมดั่งเขตพัทธสีมาของ วัดป่าบ้านหนองผือ มีโอกาสเข้าไปกราบนมัสการหลวงตารูปหนึ่ง กับหลวงน้าอีกหนึ่งรูป ที่ศาลาปลูกติดพื้น หลวงตาแจ้งว่าท่านเจ้าอาวาสเข้ากุฏิไปแล้ว และยังชวนทีเล่นทีจริงว่า “ไม่มีใครคิดอยากบวชบ้างเหรอ” หลายคนมองหน้ากันก่อนยิ้มออกมาโดยไม่ได้พูดคำใด

ตอนที่จะเดินกลับออกมา เสียงกวาดใบไม้ยังดังให้ได้ยินอยู่ที่ไหนสักแห่งในอาณาบริเวณของวัดป่าแห่งนี้ หรือบางทีมันอาจดังมาจากข้างในใจโดยไม่ทันรู้ตัว



ทางเดินสายใบไม้ร่วง

เพียงปีเศษหลังจากครั้งก่อนที่มาเยือน แต่บรรยากาศต้นหนาวของปีนั้นกับปลายหนาวปีนี้มีหลายสิ่งแตกต่างออกไปตามวัฏจักรของการเปลี่ยนแปลง และมีไม่น้อยที่ยังดำรงอยู่ดังเดิมราวไม่แยแสต่อเงื่อนกาล

หากแต่ใบไม้ในเขต อุทยานแห่งชาติภูพาน ดูจะชวนสะดุดตากว่าอื่นใด ทั้งสีสัน ปริมาณ ที่ทาง และการร่วงหล่น

ไม่มีนักท่องเที่ยวคนเดินทางกลุ่มอื่นเข้ามาค้างพัก บริเวณบ้านพักและลานกางเต็นท์อันกว้างใหญ่จึงยิ่งดูเวิ้งว้างกว้างขยายออกไปอีกตามจินตนาการ เสียงล้อรถบดทับใบไม้แห้งดังตลอดทางไปยังจุดพักแรม ขณะแดดอ่อนเริ่มลาแสงไปพร้อมสายลมเย็นที่กำลังพัดโชยมาเยือน

จนถึงเช้าวันใหม่ เมื่อก้าวเดินไปบนทางที่ยามนี้ลมหนาวพัดใบไม้หล่นลงมาทับถมจนมองไม่เห็นพื้นดิน แต่ในความเป็นจริงทางเดินต่างๆ ก็ยังดำรงอยู่

ไม่เห็นใช่ว่าไม่มี

ใบไม้แห้งที่มาจากหลายต้น หลากพันธุ์ มีสีสันต่างไปเฉพาะต้น แม้ในความต่างหากแต่ยังสามารถมองเห็นได้ด้วยสายตาของคนธรรมดา ที่เดินช้าพินิจในเบื้องหน้า รอบตัว กระทั่งทางที่ย่ำผ่านมาแล้ว แดดสวยให้แสงเป็นความอบอุ่น ในคาบเวลานั้น แม้ลมโยก หากบนยอดไม้ไร้สำเนียง ด้วยเสียงอยู่บนลานหิน เสียงใบไม้ชื้นน้ำค้างฟังนุ่ม แต่ไม่นานเมื่อแสงแดดกลืนซับจนใบไม้แห้ง เสียงนั้นจะเปลี่ยนไป

คราทอดสายตามองไปจากชะง่อนผา ระยะใกล้ตายังเห็นเรือนยอดเป็นสีเขียว แต่เมื่อไกลออกไปสีของใบไม้ป่าก็เปลี่ยนเป็นส้ม แสด สลับแดดเช้าเคล้าน้ำตาล เป็นอีกเสน่ห์ของป่าในเดือนหนาว

อุทยานแห่งชาติภูพานตั้งอยู่บน เทือกเขาภูพาน มีพื้นที่ครอบคลุมหลายอำเภอของสกลนครและกาฬสินธุ์ หินแต่ละก้อนที่วางตัวสูงพ้นลานกว้าง บางก้อนมีไลเคน ตะไคร่เกาะอยู่ ใบไม้แต่ละใบขนาดใหญ่มากที่วางก่ายทับกันอยู่ กลืนลานหินในบริเวณกว้าง ขณะบางมุมที่เผยเห็นเนื้อหินจึงให้ความรู้สึกต่างไป

ก้าวไปบนทางเดินสายใบไม้ร่วง เชื่อมต่อกันใต้ก้านกิ่งไม้ใหญ่เล็ก ทางเดินไร้ชื่อ ไม่มีใครสวนทางให้พบเจอ ปราศจากบทสนทนา สงบจากความวุ่นวายทั้งปวง มีเพียงเสียงใบไม้สัมผัสย่างก้าว และเมื่อหยุดเดิน ใบไม้รอบตัวก็ไร้เสียง

เมื่อก้าวเท้าออกเดินอีกครั้ง ใบไม้ขยับที่เคลื่อนไป แต่เส้นทางไม่เปลี่ยนทิศ

สายลมของการเดินทางพัดพาให้มาหยุดอีกครั้งที่ โค้งปิ้งงู เห็นรถราขับวนไปตามถนนสวนทางกันไปมา โดยเฉพาะรถพ่วงกว่าจะเคลื่อนที่ผ่านถนนช่วงนี้ไปได้ดูช่างยากเย็น แต่บนความไม่ประมาท รถทุกคันสามารถผ่านไปได้อย่างปลอดภัย ที่ หลักกิโลเมตรยักษ์ ผู้คนจอดรถเพื่อถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึก ว่าครั้งหนึ่งได้เดินทางผ่านมาที่นี่
บนถนนที่ได้ชื่อว่าคดโค้ง และการสร้างสิ่งที่เป็นจุดเด่นขึ้นมาจึงกลายเป็นสัญลักษณ์ของเส้นทางสายนี้ไปโดยปริยาย



หลากใบไม้ หลายพืชพันธุ์ในสวนสวรรค์แห่งภูพาน

เมื่อแลกบัตรเป็นที่เรียบร้อยแล้วก็สามารถเดินเข้าไปชมด้านในได้ทันที คล้ายเดินอยู่ในสวนป่าที่ปกคลุมไปด้วยสีเขียวของใบไม้ พืชพันธุ์นานาชนิดเติบโตอยู่บนแผ่นดินอันอุดมสมบูรณ์ ยืนมองไม้ใหญ่ที่ต้องแหงนมองคอตั้งบ่า แดดเช้าส่องผ่านพุ่มใบและเครือเถาไม้เลื้อยก่อนทิ้งลำลงมาสัมผัสผืนดิน

ตามทางเดินลึกเข้าไปด้านใน เริ่มเห็นภาพดอกไม้บานที่ภูพานราชนิเวศน์ เป็นดอกไม้หลากสีที่ผลิดอกงดงามเต็มที่ ยามได้เห็นใจจึงอ่อนโยน

ถนนที่เป็นทางเดินนำไปสู่สะพาน ใบไม้แห้งปลิดขั้วหล่นเกลื่อนอยู่ประปราย พุ่มดอกใบของต้นไม้สานคลุมให้ร่มเงาในบริเวณนั้น ขณะที่บางส่วนเผยแสงแดดให้เล็ดลอดลงมาได้อย่างพอเหมาะพอดี ไม่มีใครสามารถกะเกณฑ์เรื่องทำนองนี้ได้ การได้เดินผ่านไปในพิกัดเช่นนั้นคงไม่ใช่ความเพ้อฝัน หากจะถือว่าเป็นการเติมเต็มบางสิ่งให้ชีวิต ส่วนจะเป็นด้านใดใครผู้ก้าวเดินย่อมเข้าใจดี

แม้พื้นสะพานจะเป็นไม้ แต่ราวทั้งสองด้านเป็นเหล็กที่ถูกลดความแข็งแกร่งลงด้วยสีเขียว จนกลืนไปกับพื้นที่รอบบริเวณ โดยเฉพาะสนามหญ้าที่ขนาบอยู่สองฝั่ง

บนสะพาน กลีบของเฟื่องฟ้าหล่นสีขาวและชมพูลงมาบนพื้นไม้ แม้ไม่ได้งามอยู่บนลำต้นสูงสง่า แต่ความงามบนทางเดินใช่ไร้ค่าราคามอง ราวเดินผ่านไปในแดนฝันทอดข้ามธารที่ไร้ระดับน้ำในฤดูหนาว จนถึงบริเวณสามแยกที่หัวมุมถนน ได้พบการจัดสวนประดิษฐ์ เป็นเครื่องหมายประจำพระตำหนักภูพานราชนิเวศน์ เป็นรูปยอดพระธาตุเชิงชุมล้อมรอบด้วยพระมหามงกุฎ

พระตำหนักภูพานราชนิเวศน์ ตั้งอยู่บนเทือกเขาภูพาน สร้างขึ้นในปี พ.ศ.๒๕๑๘ จุดเด่นที่สำคัญคือเรื่องการจัดภูมิทัศน์ ซึ่งอาศัยสภาพพื้นที่เป็นพื้นฐาน และอาศัยสภาพผิวหน้าดินเป็นหลักในการปลูกดอกไม้ประดับ ส่วนพระตำหนักหลังแรกที่สร้างขึ้นในปี พ.ศ.๒๕๑๘ คือ พระตำหนักปีกไม้ เป็นรูปแบบล็อกเคบิน



ลมหายใจจากมวลดอกไม้ทำให้ราวกับได้ก้าวเดินไปในดินแดนในนิทาน ไม้เถาที่พันเลื้อยจากโคนไม้ใหญ่นำสายตาให้ติดตามไล่มองขึ้นไปยังเบื้องบนปลายยอด ก่อนกลับมาสบตากับสนามหญ้าเขียวในสวนที่จัดแต่งไว้อย่างลงตัว

เดินได้เรื่อยๆ พบเห็นในความงดงามแห่งพืชพันธุ์ ที่ทางแยกใต้ร่มไผ่ คนกวาดใบไม้ยังทำหน้าที่อย่างแข็งขัน จังหวะมือที่กำไม้กวาดไล่ต้อนใบไม้มารวม ขณะที่พื้นถนนปราศจากใบไม้ หากแดดสายยังส่องอยู่อย่างไม่แยแสต่อใดๆ คนกวาดใบไม้ไม่สามารถไล่ต้อนลำแสงไปได้ด้วยไม้กวาดในมือ แสงแดดจึงยังปรากฏความละมุนในทุกที่ทางที่ตามอง
เป็นภาพติดตาที่ยังนึกถึงได้เสมอแม้ผ่านช่วงเวลานั้นมาแล้ว
# # #

ใบไม้ที่พบเจอ ได้รู้สึก ต่างเคยเป็นส่วนหนึ่งของต้นไม้ ยามลมโยกยังให้ความเย็น แม้แค่มองก็ชื่นตา จนเมื่อปลิดขั้วร่วงหล่นก็เป็นปุ๋ยให้ดินอุดม แต่ละหน้าที่กระบวนการยังประโยชน์ให้มนุษย์อย่างเหลือแสน เรื่องง่ายๆ ที่อาจเผลอไผลละเลยให้ค่าใส่ใจ แต่กับการเดินทางในหลายสถานที่ภายในจังหวัด สกลนคร ได้เดินช้าๆ ในดินแดนที่ยังมีต้นไม้ให้เห็น จึงมีช่วงเวลาสำหรับการเริ่มต้นคิด

จังหวะคว้างปลิวจากกิ่งก้านก่อนร่วงสู่ดิน หากสายตาได้สัมผัสในช่วงเวลานั้น จะพบว่ามันนำพาไปสู่การเดินทางอีกลักษณะที่แสนตราตรึง

☆☆ -Credit : //www.bangkokbiznews.com

☆☆ -จิม ทอมป์สัน ฟาร์ม โชว์ความงามวิถีเกษตร


☆☆ - ล่องแม่น้ำสะแกกรัง แหล่งทำมาหากิน ของชาวอุทัยธานี


☆☆ -ม่วนชื่น...หลี่ผี-สะบายดี...คอนพะเพ็ง...อรุณรุ่งที่เมืองปาเซ

☆☆ - รถไฟความเร็วสูงจากโตเกียวเข้าสู่เขตพื้นที่ของจังหวัดนีกาตะ


-เที่ยวเมืองเชียงแสนสัมผัสหนาวที่ดอยแม่สลอง

- ไหว้พระ ชมเมือง แช่น้ำร้อนเมืองอุทัย!!!

- เที่ยว"หอฝิ่น" สามเหลี่ยมทองคำ......

- หนีเที่ยว“เขาค้อ”มุมมองใหม่.........

- ผักหลากสี ศิลปะกลางทุ่ง........

-ประเทศ ภูฏาน หรือ ราชอาณาจักรภูฏาน




 

Create Date : 25 มกราคม 2554
0 comments
Last Update : 26 กุมภาพันธ์ 2554 5:23:19 น.
Counter : 4438 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะ VIP Friend
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 


Turtle Came to See Me
Location :
พัทลุง Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 42 คน [?]





★ที่มา ล็อกอิน ★Turtle Came to See Me ★( บทกวี Poem )
เป็นหนังสือ สำหรับเยาวชน
★Turtle Came to See Me
แต่งโดย :Margrita Engle
★★★★



BlogGang Popular Award #11

BlogGang Popular Award #12
Friends' blogs
[Add Turtle Came to See Me's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.