|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 |
7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 |
14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 |
21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 |
28 | 29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
Yoosu Fiction[Suonare L'amore] Part 6
Suonare L'amore
Titile: Suonare L'amore Part 6 Author: Angel Midori Genre: Romantic Drama Rating: PG-13 - NC-17 Pairing: YooSu Note : ฟิค TVXQ และ Y ค่ะเผื่อใครหลงเข้ามา..
************************************
เสียงเพลงของไชคอฟกี้ ที่บรรเลงจากวงออเครสต้าชื่อดัง ถูกเปิดผ่านจากเครื่องเสียงชั้นดีที่วางไว้มุมห้องทำงานสีโทนน้ำตาลแก่ กำลังค่อย ๆ ถูกเบาเสียงลง และนั่นก็สามารถดึงความสนใจ ให้คนที่กำลังนั่งก้มหน้าก้มตาอ่านเอกสารรายงานบัญชีของสถาบันอยู่ต้องเงยหน้าขึ้นมา เพื่อมองคนที่ถือวิสาสะเบาเพลงที่เค้ากำลังฟังอยู่
“นี่.. ตอนนี้กำลังติดเด็กอยู่เหรอ เห็นคนเค้าลือกัน” คนถือวิสาสะที่นอนตีขาไปมาราวกับเป็นเด็กเล็ก ๆ บนโซฟาตัวยาว ถามคำถามพุ่งใส่เสียจนไม่ทันให้ตั้งตัว และนั่นก็ทำให้คนถูกถามถึงกับเลิกคิ้วประหลาดใจ
“ผมจะเอาเวลาที่ไหนไปคบใคร นั่งทำงาน อ่านเอกสารทั้งวี่ทั้งวันแบบนี้ คุณฮีไปฟังใครมา”
คนที่ถูกเรียกว่าคุณฮี หยักไหล่ใส่ราวกับไม่ยี่หระกับคำถามที่อีกฝ่ายถามคืนมา
“ฉันไม่ได้หมายความว่านายติดเด็กแบบที่นายเข้าใจ ฉันหมายความว่านายติดเด็กจริงๆ เห็นเค้าคุยกันว่านายรับอุปการะเด็กเอาไว้คนนึง หาทุนให้ แถมยังดูแลค่าใช้จ่ายให้ทั้งหมดอีกด้วย แต่พวกนั้นมันไม่สำคัญหรอก มันสำคัญที่ว่า เค้าว่ากันว่านายสอนเปียโนให้เด็กนั่นด้วย ทั้งๆ ที่บรรดาไฮโซ คนดัง มหาเศรษฐี ตั้งหลายคนมาขอให้นายไปสอนลูกหลานเค้า แต่นายปฏิเสธหมด นายบอกเองว่าไม่ชอบสอนใคร แต่คราวนี้กลับมาสอนเด็กคนนี้ มันธรรมดาที่ไหนกัน สำหรับปาร์คยูชอนคนที่ฉันรู้จักมาทั้งชีวิต”
ปาร์คยูชอนยิ้มบาง ๆ ให้กับอีกฝ่าย หลังจากฟังคำพูดยืดยาวนั่น และพลางคิดว่าที่อีกฝ่ายพูดมานั้นก็ถูก อย่าว่าแต่คนอื่นจะคิดว่าแปลกเลย ตัวเค้าเองก็ยังรู้สึกแปลกใจตัวเอง ที่อยู่ดีๆ ก็ลุกขึ้นมาใส่ใจ สนใจเรื่องคนอื่น ทั้งๆ ที่เมื่อก่อนเค้าไม่เคยสนใจใครนอกจากตัวเอง ถ้าจะให้ยกเว้นอีกคนที่เค้าต้องสนใจ หรือจริงๆ น่าจะเรียกว่าจำเป็นต้องสนใจก็คงที่นอนคุยกับเค้าอยู่นี่แหละ
“ถ้าคุณฮีรู้จักเด็กคนนั้น คุณก็จะรู้ว่าทำไมผมถึงทำแบบนั้น”
“ทำไม”
“เค้าเหมือนกับผม...........เค้าเหมือนกับเด็กชายปาร์คยูชอน” ไม่ใช่แค่คำพูดที่ตอบกลับมา หากแต่ปาร์คยูชอนได้ตอบคำถามกลับมาพร้อมกับแววตาหม่นแสง
อาจเพราะนี่เป็นคิมฮีชอล เค้าจึงเข้าใจความหมายนั้นจากปาร์คยูชอน เค้ารู้ดีว่าอีกฝ่ายโหยหาอะไร และอีกฝ่ายต้องการอะไร
หากแต่ถึงแม้ฮีชอลจะดูเหมือนเป็นคนเข้าใจในตัวอีกฝ่ายดี เพราะเค้าเป็นคนใกล้ชิดและเข้าถึงอีกฝ่ายได้มากที่สุดก็ตาม แต่จริงๆ แล้ว ปาร์คยูชอนมักมีเส้นเขตแดนส่วนตัวที่กันเค้าไว้ไม่เคยให้ก้าวข้ามไปในเขตแดนนั้น รวมถึงเรื่องนี้ด้วยที่อีกฝ่ายเหมือนกำลังสร้างเขตแดนเล็กๆ กันคนอื่นไว้
ยูชอนไม่เคยบอกเรื่องเด็กคนนี้กับเค้าสักนิด แม้แต่ปรึกษาก็ไม่เคย แต่จริงๆ แล้วยูชอนแทบไม่เคยคิดจะปรึกษาเค้าสักเรื่องอยู่แล้ว ที่ผ่านมามีแต่เค้าที่คอยวิ่งทำตัวไปเป็นที่ปรึกษาให้เสียเองทั้งนั้น
“ฉันอยากเจอเด็กคนนั้น”
“เอาไว้สักวัน คุณฮีคงได้เจอเค้า” ปาร์คยูชอนตอบโดยไม่ใส่ใจที่จะมองอีกฝ่าย เค้าเลือกที่จะกลับไปก้มหน้าก้มตาเซ็นต์เอกสารต่อ
“ไม่เบื่อเหรอ ที่มานั่งก้มหน้าก้มตาเซ็นต์เอกสารเป็นลุงแก่แบบนี้”
“เบื่อก็ต้องทำ รับหน้าที่เค้ามาแล้วนิ”
“ทำไมไม่กลับไปเล่นเปียโน”และด้วยคำถามนี้จึงดึงให้คนที่พยายามนั่งจดจ่อกับเอกสาร ค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมาได้
“คุณก็รู้ว่าผมเล่นไม่ได้”
“ไม่ใช่นายเล่นไม่ได้ แต่นายไม่เล่นเองยูชอน วันก่อนฉันเพิ่งคุยกับซีวอน เค้าบอกว่า นายไม่ค่อยไปตามนัด เลิกเสียทีเหอะไอ้การเรียกร้องความสนใจแบบนี้ นายโตแล้ว นายอย่ามาประท้วงด้วยการทำร้ายตัวเองแบบนี้”
“ผมไม่ได้ประท้วงใคร และผมก็ไม่ได้เรียกร้องความสนใจจากใคร อย่ามาพูดกับผมอย่างนี้”
“ฉันเป็นใครปาร์คยูชอน ทำไมฉันจะไม่รู้ว่านายทำไปทำไม ที่นี่ไม่ใช่ที่ ๆ นายควรมาอยู่ตอนนี้ บนเวทีนั่นต่างหากที่ตอนนี้นายควรจะอยู่”คิมฮีชอลลุกขึ้นมายืนตวาดลั่น พร้อมกับชี้นิ้วออกไปที่นอกห้องทำงาน
“ถ้าผมเลือกได้ผมจะมาอยู่ตรงนี้ไหม”ปาร์คยูชอนตอบกลับเสียงดังเช่นกัน เค้ากำมือแน่นเสียจนแทบจะจิกเล็บลงบนฝ่ามือ ความรู้สึกเจ็บร้าวในอกค่อยๆ เล่นงานเค้าขึ้นมา และถึงแม้เค้าอยากจะสะกดอารมณ์ของเค้ามากเพียงใด หากแต่ความรู้สึกเดือดดาลที่คิมฮีชอลปลุกปั่นขึ้นมานั้นก็ยากเกินกว่าที่จะควบคุม
“ทำไมนายจะเลือกไม่ได้ ที่เป็นอยู่ตอนนี้นายก็เลือกเอง ทำไมนายไม่รักตัวเอง และถ้าไม่คิดห่วงตัวเองก็ควรคิดถึงคนอื่นบ้าง”
“ผมมีใครจะต้องให้คิดถึง”
ปาร์คยูชอนกัดฟันตอบ เค้าค่อยๆ ดึงมือมากุมไว้ที่อกข้างซ้ายของเค้า พร้อมกับหอบหายใจถี่ เค้ารู้สึกเหมือนกำลังมีใครมาบีบที่หัวใจเค้า และเมื่อคิมฮีชอลเห็นดังนั้นเค้าก็ลนลานรีบวิ่งไปโอบอีกฝ่ายไว้
“ยา ๆ ๆ นายอยู่ไหนยูชอน”ปาร์คยูชอนตอบโดยการเอื้อมมือไปหยิบกล่องยาบนโต๊ะทำงาน หากแต่คิมฮีชอลรีบคว้ามือสั่นๆ นั้นไว้ เค้าจัดให้ปาร์คยูชอนนั่งพิงพนักพิงและจับยาวางใต้ลิ้นให้อีกฝ่ายอย่าชำนาญ
“ฉันขอโทษ ฉันควรจะรู้ว่าไม่ควรทำให้นายโมโห”คิมฮีชอลพึมพำเบาๆ ให้กับคนที่นั่งหลับตานิ่งเพื่อรอให้ยาออกฤทธิ์ ยูชอนเอื้อมไปคว้ามือของฮีชอลไว้และพยายามที่จะบีบมือนิ่มนั้นเบาๆ เพื่อเป็นการบอกอีกฝ่ายว่าไม่เป็นไร...
************************
ตลอดระยะเวลาร่วมเดือนที่จุนซูมาเป็นนักเรียนที่นี้ เค้ารู้สึกว่าตัวเองได้เรียนรู้อะไรมากขึ้น เป็นผู้ใหญ่มากขึ้น เข้มแข็งมากขึ้น เพราะต้องรับผิดชอบตัวเองไปเสียทุกเรื่อง และต้องตกอยู่ในสภาะกดดันอยู่บ่อยๆ ยังดีที่ยังมีปาร์คยูชอน ผู้ปกครองและอาจารย์จำเป็นของเค้าอีกคนที่คอยช่วยเหลือ และเป็นที่ปรึกษาให้เค้า
การเรียนที่นี่ไม่ใช่แค่เรื่องการเรียนเท่านั้นที่ทำให้จุนซูกดดัน หากแต่เรื่องเพื่อนก็เป็นอีกเรื่องที่ทำให้เค้ารู้สึกกดดันอีกด้วย คลาสไวโอลินยังคงน่าสยองเสมอสำหรับจุนซู ถึงแม้ตอนนี้เพื่อนๆ จะเริ่มคุยกับเค้า ปรึกษาพูดคุยกันระหว่างการเรียน หากแต่เมื่อใดที่เค้าได้รับคำชม ความคาดหวังจากอาจารย์มัตซึอุระ เพื่อนๆ ก็ยังคงมีสายตาประหลาดส่งให้เค้าเสมอ และนั่นคือสิ่งที่จุนซูไม่เคยชอบเลย แต่ยังโชคดีที่อาการแบบนี้มันไม่ตามไปกดดันเค้าในวิชาอื่น ๆ อีก และก็ยังโชคดีขึ้นไปอีกที่ตอนนี้เค้าเริ่มมีเพื่อนบ้างแล้ว
“จุนซูมานั่งตรงนี้” เรียววุคตบเก้าอี้ข้างตัวเค้าเบาๆ เป็นสัญญาณให้จุนซูนั่งลง และเมื่อเห็นดังนั้นเด็กหนุ่มก็วางถาดอาหารลงนั่งข้างเรียววุคทันที โดยมีฮยอกแจตามลงมานั่งประกบเค้าอีกข้าง
ถึงแม้ฮยอกแจกับเรียววุคอาจจะเคยมีทัศนคติที่ไม่ดีกับเค้า แต่พอได้พูดคุยกันก็กลับทำให้ทั้งคู่มาสนิทกับจุนซูได้ไม่ยาก แต่คนที่จะสนิทด้วยยากหน่อยก็คงเป็นโจคยูฮยอน อาจเป็นเพราะฝ่ายนั้นพูดน้อย ไม่ค่อยแสดงอารมณ์ มันก็เลยยิ่งทำให้จุนซูไม่รู้จะเข้าหาอีกฝ่ายได้ยังไง รวมถึงอีกฝ่ายเองก็เหมือนตั้งตนเป็นคู่แข่งกับจุนซู ทั้งๆ ที่จุนซูกลับคิดว่าเค้าเองไม่มีอะไรที่จะแข่งกับคยูฮยอนได้ด้วยซ้ำ
“เฮ้ย ๆ ซองมิน ทงเฮ ทางนี้ ๆ” เสียงตะโกนของลีฮยอกแจดังข้ามไปยังอีกฝากของคาเฟทีเรีย และนั่นก็ทำให้หนุ่มหน้าหวานสองคนรีบโบกไม้โบกมือตอบเป็นสัญญาณว่าได้ยินแล้ว
ลีซองมินกับลีทงเฮ สองหนุ่มจากห้อง C ที่มักจะมาร่วมมื้ออาหารกลางวัน และอาหารค่ำด้วยกันเสมอ จริง ๆ คงต้องบอกว่าเป็นจุนซูต่างหากที่ไปร่วมมื้ออาหารกับพวกเค้า นอกจากลีซองมิน กับลีทงเฮแล้ว ก็ยังมีชิมชางมินอีกคนที่มักมาร่วมโต๊ะด้วย แต่บางทีเจ้าตัวก็ไปกินกับเพื่อนร่วมห้อง A อย่างเช่นวันนี้
เพื่อนกลุ่มนี้ถึงไม่ได้เรียนห้องเดียวกันแต่ก็สนิทกันมาก เพราะทุกคนในกลุ่มล้วนแต่เคยเรียนดนตรีโรงเรียนเดียวกันมาก่อน และมีบางคนด้วยซ้ำที่เรียนโรงเรียนมัธยมต้นเดียวกัน
“นายกินอะไรน่ะจุนซู”ซองมินชะโงกหน้ามามองในถาดอาหารของจุนซู ก่อนจะเดินลงไปนั่งข้างๆ คยูฮยอน
“โอจิงโง โบกึม”
“อืมน่ากินดี กินบ้างดีกว่า”ซองมินบอกแล้วก็ลากทงเฮวิ่งลั้นล้าออกไปจากโต๊ะ ทิ้งให้คยูฮยอนหัวเราะเบาๆ ตามอีกฝ่ายไป
น่าแปลกที่เสือยิ้มยากอย่างคยูฮยอนมักจะหัวเราะได้เสมอเมื่อมีลีซองมินอยู่ใกล้ๆ
มื้ออาหารที่นี่แสนจะประหลาดเสมอในสายตาจุนซู เพราะมองไปโต๊ะข้างๆ ก็เห็นรุ่นพี่ปีสามนั่งกินข้าวไปดีดกีตาร์ไป หันไปอีกด้านเห็นรุ่นน้องสองคนกำลังซ้อมทรัมเป็ตกันอย่างเมามันทั้งๆ ที่อาหารยังเต็มถาด ส่วนที่โต๊ะของเค้ายิ่งประหลาดกว่าเมื่อฮยอกแจที่กินอาหารเสร็จแล้ว กำลังนั่งเป่าโอโบกล่อมเพื่อน ๆ ที่ยังกินไม่เสร็จ โดยมีคนนู้นคนนี้คอยสั่งว่าจะให้เป่าเพลงอะไร
“ถ้าจะซ้อม ทำไมนายไม่ไปซ้อมที่ห้องซ้อม นี่โต๊ะกินข้าว”คยูฮยอนคงสุดจะทนที่ต้องนั่งฟังอีกฝ่ายเป่าโอโบอยู่ตรงข้ามกับตัวเอง
“ไม่ได้ซ้อม แค่อยากเป่าให้ฟังเฉยๆ”
“ถ้าอย่างนั้นก็พอ ฉันไม่อยากฟังแล้ว” ลีฮยอกแจแลบลิ้นปลิ้นตา ทำท่าเหมือนอยากจะเขกหัวเพื่อนหน้าหล่อ เมื่อตอนอีกฝ่ายก้มหน้าลงไปเล่นเกมส์ในมือ แล้วฮยอกแจก็ค่อย ๆ บรรจงเก็บโอโบลงเข้าในกล่อง แต่ในระหว่างที่เจ้าตัวเลื่อนกล่องให้มาอยู่ด้านข้าง ก็บังเอิญดันกองหนังสือของจุนซูให้ตกลงที่พื้น
“เฮ้ย!! ขอโทษเดี๋ยวฉันเก็บเองจุนซู”ฮยอกแจบอกแล้วก็รีบก้มลงไปหยิบหนังสือใต้โต๊ะ หากแต่พอเค้าจะกลับมาวางคืนที่เดิม สายตาของเค้าก็พลันไปเห็นหนังสือทฤษฏีดนตรี และหนังสือ Exam pieces ในการเตรียมสอบวัดระดับไวโอลินวางไว้อยู่
“นายจะสอบวัดระดับเหรอจุนซู”
“อืม ฉันจะสอบวัดระดับ”
“ทำไมนายไม่ไปสอบปลายปีล่ะ สอบช่วงกลางปีมันชนกันกับสอบปลายภาคของเรานะ”เรียววุคหันไปบอกจุนซู และตอนนี้กลายเป็นทั้งโต๊ะหันมาให้ความสนใจกับเรื่องสอบของจุนซูทั้งหมด
“ฉันอยากลองสอบดู ฉันไม่เคยสอบมาก่อนเลย”
“ห๊า...จริงเหรอ”ลีทงเฮเป็นคนอุทานขึ้นมา เค้าเองก็เรียนเอกไวโอลินถึงจะต่างคลาสกันกับจุนซู และคยูฮยอนแต่เค้าก็เคยเห็นฝีมือการเล่นของจุนซู เค้าจึงไม่คิดว่าคนที่เล่นไวโอลินได้ในระดับนี้ จะไม่เคยผ่านการสอบวัดระดับมาเลย
“อืม ฉันไม่เคยเลย”
“ที่โรงเรียนสอนไวโอลินนาย ไม่ได้พาไปสอบเหรอ”
“ฉันไม่เคยเรียนที่โรงเรียนน่ะทงเฮ ฉันเรียนไวโอลินกับคุณปู่”ทงเฮพยักหน้ารับรู้ พลางคิดว่าคุณปู่ของจุนซูคงต้องเก่งมากแน่ๆ
“แล้วนายจะไปสอบตอนนี้ นายอ่านหนังสือเองเหรอ หรือใครติวให้นาย”เรียววุคถามด้วยความสงสัย ส่วนใหญ่คนที่จะไปสอบมักจะต้องติวก่อน น้อยคนนักที่จะไปลุยด้วยตัวเอง และแม้ถึงจะมาเรียนที่นี่ ไม่ได้เรียนที่โรงเรียนที่สอนหลักสูตรเฉพาะการสอบ แต่ที่สถาบันก็มีการจัดติว การเตรียมพร้อมสอบวัดระดับให้ แต่ก็ต้องเป็นเทอมหน้า
“เออ คุณยูชอนเค้าบอกจะติวให้”
“ห๊า คุณยูชอนปาร์คยูชอนอะน่ะ”ลีซองมินถามเสียงสูงทันที
“อืมใช่”จุนซูพยักหน้าตอบ เค้าคิดเอาไว้แล้วเชียวว่าถ้าบอกว่าเป็นผู้อำนายการที่นี่ติวเค้า พวกนี้จะต้องทำเสียง หรือสีหน้าเช่นนี้ แต่จะไม่บอกก็ไม่ได้
“แต่เค้าเป็นนักเปียโนนะ”
“คุณยูชอนสีไวโอลินได้ด้วย คุณยูชอนสอบไวโอลินได้ระดับ 5”
“ห๊า...พระเจ้าเค้าจะเก่งไปไหน นี่อัจฉริยะชัด ๆ”คิมเรียววุคอุทานขึ้นมาทันที
“นี่จุนซู อาจารณ์อึนจีบอกฉันว่า ผอ.สอนเปียโนให้นาย เรื่องนี้ก็เป็นเรื่องจริงน่ะซิ” คิมจุนซูพยักหน้าตอบคำถามของลีซองมิน
“ให้ตายเหอะนายโชคดีมากเลย ที่ได้เรียนกับคนเก่งระดับเค้า ฉันยังอยากเรียนเปียโนกับเค้าเลย เมื่อปลายปีก่อน ผอ. มาเล่นโชว์ในงานโรงเรียนฉันยังประทับใจอยู่เลย เค้าเก่งมากจริงๆ ฉันดีใจที่ได้ดูเองกับตา แต่ตั้งแต่นั้นมา เค้าก็ไม่เคยเล่นอีกเลย”ลีซองมินเอื้อมมือมาจับมือจุนซูที่นั่งอยู่ตรงกันข้ามและเขย่าเบาๆ การแสดงออกเช่นนั้นทำให้จุนซูรับรู้ได้ว่าอีกฝ่ายปลื้มปาร์คยูชอนแค่ไหน
ไม่แปลกที่ลีซองมินจะปลื้มปาร์คยูชอนมากขนาดนี้ เพราะลีซองมินเองก็เป็นนักเปียโน ฉะนั้นเค้าย่อมที่มองอีกฝ่ายเป็นไอดอลอยู่แล้ว
“จุนซู แล้วจุนซูรู้ไหมว่าทำไม ผอ.ถึงพักการแสดงเปียโน ตั้งแต่เค้ามาเป็น ผอ.ที่นี่เค้าก็ไม่แสดงเปียโนอีกเลย แถมจริงๆ เค้าเองก็ยังไม่เหมาะจะมาเป็น ผอ.ตั้งแต่อายุแค่นี้ด้วย”
“ไม่ ฉันไม่รู้”จุนซูส่ายหัวเป็นการตอบคำถามให้ซองมิน
“ขนาดนายสนิทขนาดนี้ยังไม่รู้เลยเหรอ”เรียววุคบ่นเบาๆ เมื่อได้ยินคำตอบปฏิเสธจากจุนซู
“หรือจะเป็นอย่างที่เค้าลือกันจริงๆ”
“ลือว่าอะไรเหรอฮยอกแจ”
“อ้าว..อย่าบอกว่าไม่รู้นะจุนซู”
“ไม่รู้”นี่เป็นอีกครั้งที่เด็กหนุ่มต้องส่ายศีรษะตอบกลับไป และก็เป็นการยืนยันได้ว่า จุนซูไม่รู้อะไรเกี่ยวกับปาร์คยูชอนเอาเสียเลย พอมารับรู้แบบนี้ก็ทำให้จุนซูรู้สึกน้อยใจขึ้นมา ทั้งๆ ที่รู้ดีว่าไม่ควรจะรู้สึก
“ก็ที่เค้าลือกันว่า คุณยูชอนคบหาอยู่กับคุณคิมฮีชอลไง”
“คิมฮีชอลไหนเหรอ”
“นายไม่รู้จักจริงๆ เหรอจุนซู คิมฮีชอลลูกชายคนเล็กของคิมโฮจุน เจ้าของสถานีโทรทัศน์ไง”
“เดี๋ยวอะไรนะ เมื่อกี้นายบอกว่าคุณยูชอนคบหาคุณคนนั้น แล้วนายก็บอกว่าเค้าเป็นลูกชายของคุณอะไรนั่น”จุนซูส่งน้ำเสียงสูงกับคำพูดประหลาดนั่นของลีฮยอกแจ เค้าคิดว่าอีกฝ่ายคงพูดอะไรผิดแน่นอน
“ก็ใช่นะซิเค้าลือกันว่า ผอ.คบกับคุณฮีชอล แล้วโรงเรียนนี้น่ะ พ่อของคุณฮีชอลก็ถือหุ้นอยู่ ถึงไม่ใช่หุ้นใหญ่ก็เหอะ แล้วที่ ผอ.มาเป็น ผอ.ที่นี่ได้ก็เพราะบารมีบ้านคุณฮีชอล ปกติธรรมดาจะมาเป็นได้เหรอ การเป็น ผอ.ที่นี่นอกจากวัยวุฒิแล้ว คุณวุฒิ แล้วบารมีก็ต้องมี ผอ. ถึงจะเก่งแต่ก็ยังเด็ก แล้วก็ไม่ได้มีบารมีมากอะไรขนาดนั้น เค้าลือกันมานานแล้วเรื่องนี้ รวมถึงการที่ ผอ.ดังขนาดนี้ได้ก็เพราะได้รับการสนับสนุนจากสถานีโทรทัศน์ของครอบครัวคุณฮีชอลนี่แหละ แล้วสาเหตุที่เค้าเดากันว่าทำไมไม่กลับไปเล่นเปียโน ก็อาจเป็นเพราะเรื่องธุรกิจ ทางครอบครัวคุณฮีชอลอาจอยากได้โรงเรียนนี้ แล้วก็เลยส่ง ผอ.ให้มาบริหารเพื่อคานอำนาจผู้ถือหุ้นรายอื่น”
เสียงพูดของลีฮยอกแจตอนนี้เหมือนเสียงลมเบา ๆ พัดผ่านเข้ามายังสมองของจุนซู เพราะแค่คำยืนยันคำแรกว่า ปาร์คยูชอนคบหากับผู้ชายด้วยกันนั้น มันก็ทำให้จุนซูรู้สึกเหมือนหูอื้อ และรู้สึกสั่นในอก เค้าไม่เคยคิดมาก่อนว่ายูชอนจะเป็นเกย์ และนี่น่าจะเป็นเรื่องสุดท้ายด้วยซ้ำที่เค้าจะคาดถึง เรื่องนี้มันน่าประหลาดใจมากจนเค้าตกใจ หากแต่ก็มีอีกความรู้สึกที่นอกเหนือความตกใจที่มันเจือปนอยู่ในใจเค้า ความรู้สึกอึดอัด เจ็บแปลบ และสูญเสีย
“คุณยูชอนเป็นเกย์เหรอ”อยู่ดีๆ จุนซูโพล่งถามขึ้นมากลางวง ขัดเสียงพูดของลีฮยอกแจที่ยังคงคุยเรื่องข่าวก๊อซซิปของปาร์คยูชอนอยู่
“ถ้าคบกับคุณฮีชอลจริงก็คงเป็น”
“ไม่น่าเชื่อ”จุนซูส่ายหัวเบาๆ ประกอบคำพูด
มันไม่ใช่แค่ไม่น่าเชื่อสำหรับจุนซู แต่จุนซูไม่อยากจะเชื่อเสียมากกว่า
“ถ้านายได้เห็นคุณฮีชอล นายอาจจะเปลี่ยนความคิด”
“ทำไมเหรอ”
“คุณฮีชอลเป็นผู้ชายที่สวยมาก สวยกว่าผู้หญิงเสียอีก ทั้งรวย ทั้งหน้าตาดี มีการศึกษา จริงๆ ถ้ามองข้ามเรื่องเป็นเกย์ไป พวกเค้าก็เหมาะกันดี แต่อย่างว่ายังไงสังคมก็ยากที่จะรับ”
จุนซูรีบพยักหน้าหงึกหงักรับคำทันที ขนาดเค้าที่ได้ยินยังรู้สึกประหลาดและยากจะรับเลย
“ฉันไม่เคยคิดว่าคุณยูชอนจะเป็นเกย์ เค้าดูไม่ใช่จริงๆนะ แล้วฉันว่ามันประหลาดมากถ้าเค้าจะเป็น”
“แล้วคนเป็นเกย์มันต้องเป็นยังไง”อยู่ดีๆ คยูฮยอนที่เงียบไปนานก็ถามขึ้น
“ก็..............อาจต้องดูนุ่มนิ่มมั่ง ไม่ซิ ฉันไม่รู้”
“ถ้าอย่างนั้นนายก็อย่ามาตัดสินว่ามองแบบไหนถึงเป็น หรือถึงจะไม่เป็น หรือจริงๆ นายรังเกียจเกย์”
“เปล่านะ เปล่า แค่ฉันไม่คุ้น ฉันไม่คิดว่าฉันจะเจอกับคนใกล้ตัว ฉันว่ามันต้องรู้สึกแปลก ๆ แน่ ถ้าฉันเจอผู้ชายเป็นแฟนกัน”จุนซูตอบอึกอักอย่างสับสน เค้าพยายามคิดว่าไอ้อาการอึดอัดในใจตอนนี้ อาจเกิดจากการที่เค้าไม่คุ้นชิน และไม่คาดคิดว่าอีกฝ่ายจะชอบผู้ชายด้วยกัน มันเลยทำให้เค้ารู้สึกประหลาดอย่างนี้
“อย่างนั้นนายก็ต้องเตรียมทำตัวให้ชินไว้คิมจุนซู แล้วฉันจะบอกอะไรให้นายรู้ ....ว่าฉันนี่แหละเป็นเกย์ และฉันก็คบอยู่กับซองมินด้วย แต่ถ้ารับไม่ได้ก็ไม่เป็นไร”คยูฮยอนท้าวคางกับโต๊ะ และจ้องหน้าจุนซูนิ่งระหว่างพูด เค้าจบประโยคสุดท้ายด้วยรอยยิ้มมุมปาก
จุนซูอ้าปากค้างกับคำสารภาพแบบไม่ทันให้เตรียมใจของอีกฝ่าย ตอนนี้เค้าพูดอะไรไม่ออก ได้แต่มองคยูฮยอนที่ยังยิ้มค้างอยู่ โดยมีลีซองมินกำลังกำลังพูดอะไรบางอย่างที่จุนซูจับใจความไม่ได้กับคยูฮยอน...
วันนี้ช่างเป็นวันที่คิมจุนซูพบกับเรื่องตกใจ และประหลาดใจมากเสียเหลือเกิน
********************* ตอบเม้นทกันดีกว่า
ตอบน้อง measama (เป็นน้องเน้อ)
ว่าแต่ .. เพิ่งเห็นเรท .. เรื่องนี้มี NC ด้วยหรอเนี่ย //จริงๆ อาจลดเหลือแค่ PG ค่ะ 555 ดูฟิลตอนนั้นก่อน
ส่วนที่ถามเรื่องฟิคเด็กดีครูอนุบาลเรื่องนั้นไม่ได้อ่านค่ะ แต่ฟิคยามนี่มีทางไปแล้วค่ะ กำลังพัฒนาบทอยู่ในหัวกร๊ากกก
ส่วนคุณ unoony ขอบคุณที่ทักเตือนเรื่องคำผิดค่ะ กลับไปเช็คดูยัยนี้ช่างบ้า ใส่การันต์มันทั้ง ร และ ต 5555
ขอบคุณ คุณchocojunk ที่ชมเรื่องมีความรู้ จริง ๆ ไม่ได้รู้มากหรอกค่ะ ส่วนใหญ่ศึกษาเพราะความชอบ เรื่องที่แล้วส่วนตัวเป็นคนบ้าสถาปัตยกรรมก็เลยชอบอ่านหนังสือกับศึกษาเรื่องศิลปะ ส่วนเรื่องนี้ชอบดูคอนเสิร์ตเพลงคลาสสิคค่ะ พอพล็อตจะแต่งก็ต้องไปลุยหาข้อมูลมา ปุ้มรู้สึกว่าเวลาเราจะเขียนอะไรสักอย่าง นอกเหนือจากเรื่องความบันเทิง ก็อยากให้มันมีสาระอย่างที่ควรจะพอมีด้วยอะคะ
พี่ montiannaja ฟิคเรื่องนี้น่าจะยาวจริงๆ ค่ะ ที่พล็อตไว้ตอนนี้ก็ยาวพอควรแล้ว ด้วยภาพรวมฟิคจะเครียดแล้วมีปมเยอะ กว่าจะค่อยๆ คลายปม และไทม์ไลน์ในเรื่องที่วางไว้ก็กินเวลามาก แต่ถึงยาวก็ฝากให้ติดตามด้วยนะคะ
คุณ rui เค้าก็ชอบโมเม้นท์ลูบหัว อร๊ายย >__<
ขอบคุณคุณ ~babyxiah~ สำหรับการพยายามรีเฟรชบล็อกปุ้มเช้าสายบ่ายเย็นค่ะ 55555 จริงๆ ขอบคุณทุก ๆ คนด้วยใจจริงนะคะ ที่ทำให้บล็อกนี้ไม่เหงา
ประนึง โลกนี้ไม่เหงาแล้ว กร๊ากกก
ปล.พารท์นี้อ่านแล้วอึ้งเรื่องอะไรบ้าง 55555
>
|
|
Create Date : 13 มีนาคม 2553 |
Last Update : 13 มีนาคม 2553 11:32:00 น. |
|
14 comments
|
Counter : 526 Pageviews. |
|
|
|
โดย: กิ่งไผ่ IP: 203.144.144.165 วันที่: 13 มีนาคม 2553 เวลา:6:26:25 น. |
|
|
|
โดย: ~babyxiah~ IP: 125.27.187.41 วันที่: 13 มีนาคม 2553 เวลา:6:32:31 น. |
|
|
|
โดย: ooopimmyooo IP: 125.27.228.18 วันที่: 13 มีนาคม 2553 เวลา:9:29:12 น. |
|
|
|
โดย: หน่อยอิง วันที่: 13 มีนาคม 2553 เวลา:11:44:10 น. |
|
|
|
โดย: loveyoosu IP: 125.27.181.50 วันที่: 13 มีนาคม 2553 เวลา:14:21:17 น. |
|
|
|
โดย: azure_^^ IP: 125.24.20.249 วันที่: 13 มีนาคม 2553 เวลา:18:23:19 น. |
|
|
|
โดย: lamoneko IP: 183.89.87.182 วันที่: 13 มีนาคม 2553 เวลา:19:15:40 น. |
|
|
|
โดย: micky.com IP: 203.144.144.165 วันที่: 13 มีนาคม 2553 เวลา:20:23:34 น. |
|
|
|
โดย: ehaln IP: 183.89.7.119 วันที่: 14 มีนาคม 2553 เวลา:1:09:35 น. |
|
|
|
โดย: -Killer Queen- IP: 203.144.144.164 วันที่: 14 มีนาคม 2553 เวลา:2:42:31 น. |
|
|
|
โดย: measama IP: 203.144.144.164 วันที่: 14 มีนาคม 2553 เวลา:15:49:36 น. |
|
|
|
โดย: chocojunk IP: 124.122.31.188 วันที่: 14 มีนาคม 2553 เวลา:21:10:14 น. |
|
|
|
โดย: patongko IP: 58.8.24.220 วันที่: 15 มีนาคม 2553 เวลา:10:51:07 น. |
|
|
|
โดย: chebi IP: 124.120.117.219 วันที่: 14 สิงหาคม 2553 เวลา:14:53:33 น. |
|
|
|
|
|
|
|