<<
สิงหาคม 2551
 
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
4 สิงหาคม 2551

ตัวเลขบนตาชั่ง กับดักของการลดน้ำหนัก

เคยบ้างไหมที่ตื่นมาในตอนเช้า ชั่งน้ำหนักร่างกายบนตาชั่งอันเดิมๆ แล้วพบว่าจู่ๆ น้ำหนักของท่านก็เพิ่มขึ้นมาอย่างผิดปกติ ทั้งๆที่เราก็ทำทุกอย่างเหมือนวันก่อนๆ
สำหรับคนที่ลดน้ำหนักและชั่งน้ำหนักทุกวันนั้น การเห็นตัวเลขบนตาชั่งลดลง คงจะสร้างความสุขใจให้แก่ผู้ชั่งไม่น้อย เพราะมันบอกว่าเราทำได้ เราเข้าใกล้เป้าหมายไปอีก 1 ก้าวแล้ว ผลตอบแทนของความอดทนและพยายามได้กำลังผลิดอกออกผลให้เราได้เห็นอย่างเป็นรูปธรรม การลดน้ำหนักลงซักขีดนั้น แลกมาด้วยความอดทน หยาดเหงื่อและความยากลำบากไม่น้อย
ดังนั้นการที่ตื่นเช้าขึ้นมา แล้วต้องพบว่าตัวเลขน้ำหนักได้เพิ่มขึ้น จึงสร้างความวิตกกังวลให้แก่ผู้ลดน้ำหนักไม่น้อยทีเดียว
แม้ดรรชนีชี้วัดการลดน้ำหนักอย่างมีสุขภาพดีนั้น ตัวเลขบนตาชั่งจะไม่ได้เป็นสิ่งเดียวที่บอกถึงความก้าวหน้าได้อย่างสมบูรณ์นัก แต่มันก็เป็นสิ่งสำคัญอย่างหนึ่งที่ผู้ลดน้ำหนักหรือควบคุมน้ำหนักนิยมใช้เป็นเกณฑ์เช่นกัน เพิ่มเสริมจากเกณฑ์อื่นๆเช่น การวัดสัดส่วนด้วยสายวัด การเปลี่ยนแปลงทางกายภาพของร่างกาย ฯลฯ
นักคณิตศาสตร์และนักสถิติบางท่านกล่าวว่า "ตัวเลขไม่เคยโกหก" คำกล่าวนี้จริงหรือไม่? และอะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้น้ำหนักของเราเพิ่มขึ้นอย่างผิดปกติวิสัยในชั่วข้ามคืน?
อย่างที่เราๆทราบกันดี การจะสร้างหรือสลายไขมัน 1 ปอนด์ออกจากสร้างกายนั้น ต้องแลกมาด้วยพลังงาน 3500 kcal หรือเราต้องเอาออกหรือเอาเข้าพลังงานให้เกินหรือต่ำกว่าความต้องการของร่างกาย 500 kcal ต่อวันเป็นเวลา 1 สัปดาห์ เพื่อเปลี่ยนแปลงน้ำหนักตัวที่เกิดจากไขมันให้ได้ 1 ปอนด์ ซึ่งกลไกการสะสมและเปลี่ยนแปลงไขมันของร่างกายนั้นต้องใช้ระยะเวลาในการพอกพูนหลายๆวัน แล้วทำไมจู่ๆเพียงข้ามคืนน้ำหนักของคนเราจึงเพิ่มขึ้นได้ 2-8 ปอนด์เล่า?
สาเหตุที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของน้ำหนักนั้น พอจะแบ่งออกได้ดังนี้ครับ

1. อาหารและเครื่องดื่มที่บริโภค ก็อย่างที่ทราบตามกฎทรงมวลว่า สสารจะไม่มีวันหายไปจากโลก เมื่อเรารับประทานอาหารหรือดื่มเครื่องดื่มเข้าไปในร่างกาย ร่างกายของเราก็จะทำหน้าที่เป็นคล้ายภาชนะที่บรรจุสิ่งเหล่านั้นเอาไว้ด้วย หากท่านดื่มน้ำ 1 ลิตร น้ำหนักตัวของท่านก็จะเพิ่มขึ้นใกล้เคียงน้ำหนักน้ำที่ดื่มเข้าไป อาหารก็เช่นกัน ซึ่งน้ำหนักของน้ำและอาหารที่อยู่ในร่างกายนี้จะถูกสลายไปด้วยกลไกของร่างกายเองภายในระยะเวลาหนึ่งๆ น้ำจะถูกขับถ่ายออก อาหารจะถูกย่อยสลายและเผาผลาญเป็นพลังงานในการดำรงชีพ
ดังนั้นภายหลังการรับประทานอาหารแบบ overeating หรือ overfeeding นั้น ย่อมส่งผลให้น้ำหนักตัวของท่านเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน แต่นั่นเป็นเพียงน้ำหนักของอาหารและน้ำเท่านั้น ซึ่งหากการ overeating หรือ overfeeding นั้นจบลงในมื้อนั้นๆ หรือวันนั้นๆ มันจะไม่ส่งผลกระทบต่อน้ำหนักมาตรฐานที่แท้จริงของท่านแน่นอน เนื่องจากในทางปฏิบัตินั้น เราไม่สามารถทานอาหารได้ในปริมาณมากพอที่จะสร้างหรือเปลี่ยนไปเป็นไขมันปริมาณมหาศาลในเพียงวันเดียวหรือมื้อเดียวได้

2. น้ำ 60% ของร่างกายประกอบไปด้วยน้ำ น้ำเป็นส่วนประกอบที่แทรกอยู่ในทุกๆอนูของเซลล์ในร่างกาย
ร่างกายของคนเรามีระบบกักเก็บและควบคุมความเข้มข้นภายในที่ซับซ้อน นั่นทำให้ปริมาณน้ำในร่างกายในแต่ละวันของเรานั้นแตกต่างกันได้เล็กน้อย ซึ่งมีได้สารพัดปัจจัย หนึ่งในปัจจัยสำคัญก็คือ การดื่มน้ำไม่เพียงพอ หลายๆท่านอาจจะคิดว่า ถ้าเราดื่มน้ำน้อย น้ำหนักของเราก็น่าจะน้อยสิ จริงๆไม่เสมอไปครับ จากการทดลองพบว่า หากท่านดื่มน้ำน้อยกว่าที่ร่างกายต้องการ ร่างกายจะถูกสั่งให้ทำการกักเก็บน้ำที่เข้ามาไว้ให้มากที่สุด เพื่อเอาไว้ในในกรณีฉุกเฉิน นั่นทำให้น้ำทุกหยดที่ท่านดื่มหรือกินเข้าไปผ่านอาหารจะไม่ได้รับการขับถ่ายออกมาตามปกติ น้ำหนักของท่านจึงเพิ่มขึ้นได้ ถ้าดื่มน้ำไม่เพียงพอ

3. โซเดียม
โซเดียมเป็นแร่ธาตุที่จำเป็นในการรักษาสมดุลเกลือแร่ในร่างกาย เรารับโซเดียมผ่านอาหารและเครื่องดื่มชนิดต่างๆอยู่เสมอ โดยปกตินั้นใน 1 วันเราไม่ควรได้รับโซเดียมเกิน 3000 mg แต่ส่วนมากก็ได้รับกันเกินเป็นประจำเนื่องจากการบริโภคอาหารที่ปรุงรสทั้งหลาย ร่างกายของเรามีวิธีจัดการกับมันสารพัดวิธี หนึ่งในนั้นก็คือการเพิ่มปริมาณน้ำในร่างกายให้มากขึ้น เพื่อเจือจางโซเดียมส่วนเกินที่ยังขับออกไม่หมดเอาไว้ ป้องกันการเสียสมดุลเกลือแร่ในร่างกาย นั่นทำให้หากท่านบริโภคของที่มีรสเค็มและโซเดียมมากเกินไป วันถัดมาน้ำหนักของท่านอาจจะพุ่งขึ้นอย่างผิดปกติได้นั่นเอง น้ำส่วนเกินนี้จะถูกขับออก หากปริมาณเกลือในร่างกายลดลงในเวลาต่อมา

4. ฮอร์โมน
ฮอร์โมนเป็นโปรตีนที่ควบคุมกลไกการทำงานต่างๆในร่างกาย ซึ่งฮอร์โมนนั้นผลิตจากต่อมไร้ท่อต่างๆทั่วร่างกาย หากมันทำงานผิดปกติด้วยสารพัดปัจจัยใดๆ ก็จะส่งผลต่อน้ำหนักตัวเช่นกัน ในสตรีระหว่างที่มีประจำเดือน ฮอร์โมนหลายตัวจะถูกหลั่งออกมา ทำให้ร่างกายเกิดการสะสมของน้ำและแร่ธาตุ ทำให้น้ำหนักของท่านเพิ่มขึ้นได้ ซึ่งจะหายไปเองภายหลังหมดช่วงประจำเดือน

5. ไกลโคเจน
ไกลโคเจนคือสารที่ได้รับการแปรสภาพมาจากน้ำตาลที่เราบริโภคเข้าไป น้ำตาลส่วนเกินจะถูกเปลี่ยนไปเป็นไกลโคเจนเพื่อเป็นพลังงานสำรองขั้นต้นสำหรับเก็บไว้ในกล้ามเนื้อ ไกลโคเจนนั้นมีส่วนประกอบที่พยุงหรืออุ้มน้ำได้ดี ดังนั้นหากร่างกายเริ่มกลับมาสะสมไกลโคเจน มันก็จะสะสมน้ำตามไปด้วย
สำหรับผู้ที่ลดน้ำหนักแบบโลว์คาร์บ หรือไฮล์โลวคาร์บนั้น หากเมื่อท่านกลับมาทานคาร์บในช่วงแรกๆ ร่างกายจะรีบสะสมไกลโคนเจนอย่างรวดเร็วเพื่อชดเชยของที่มันหายไป และก็จะสะสมน้ำตามไปด้วยเช่นกัน กลไกนี้เกิดได้อย่างรวดเร็วในชั่วไม่กี่ชั่วโมง ไกลโคเจน 1 g อาจจะมีน้ำอยู่ด้วยได้ 3-5 g ทีเดียว นั่นทำให้น้ำหนักของท่านเพิ่มขึ้น 3-6 ปอนด์ในชั่วข้ามคืนได้สบายๆ หากท่านมีการสะสมไกลโคเจนในกล้ามเนื้อภายหลังรับประทานอาหารมื้อใหญ่หรือทานคาร์บมากๆ

6. การบาดเจ็บของกล้ามเนื้อ
การบาดเจ็บของร่างกายโดยเฉพาะกล้ามเนื้อ ที่ก่อให้เกิดการอักเสบนั้น ร่างกายจะมีกลไกที่จะกักเก็บน้ำบางส่วนเอาไว้ในกล้ามเนื้อบริเวณนั้น (ทำให้มันบวมเนื่องจากน้ำและการอักเสบ) ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่อน้ำหนักตัวของเราได้ในระดับหนึ่ง น้ำหนักดังกล่าวจะหายไปเองภายหลังอาการอักเสบทุเลาลง

จากการทดลองพบว่า น้ำหนักของคนเรานั้นสามารถเปลี่ยนแปลงได้ ตามปัจจัยดังกล่าวในแต่ละวันตั้งแต่ 2-10 ปอนด์เลยทีเดียว ซึ่งมันเป็นกลไกตามธรรมชาติครับ มันไม่ได้ส่งผลต่อน้ำหนักโดยรวมของเราแน่นอน หากครั้งหน้าท่านตื่นขึ้นมาแล้วพบว่าน้ำหนักของตนเปลี่ยนแปลงอย่างเฉียบพลัน ก็อย่าพึ่งตกใจ แต่ลองพิจารณาว่าเมื่อวานเราได้ทำอะไรที่อาจจะเข้ากับปัจจัย 6 ข้อข้างต้นหรือไม่ ถ้าใช่ก็รอให้ร่างกายปรับสภาพ 1-3 วัน ทุกอย่างจะเป็นปกติเอง

ที่มา
-//www.signonsandiego.com/uniontrib/20061024/news_1c24weight.html
- //www.wisegeek.com/how-can-i-stop-water-retention.htm
- //www.fitsugar.com/102374


Create Date : 04 สิงหาคม 2551
Last Update : 9 สิงหาคม 2551 11:13:31 น. 12 comments
Counter : 1529 Pageviews.  

 
ว้าวววว สาระทั้งนั้นเลย

ขอบคุณฮับ


โดย: jorjaejaa วันที่: 4 สิงหาคม 2551 เวลา:14:44:44 น.  

 
คนแรก กรี๊ดดดดด
ขอบคุณข้อมูลดีดีค่ะคุณอุ้ย


โดย: ฟ้าทลายโจร (ป้าอิ่ม ) วันที่: 4 สิงหาคม 2551 เวลา:14:47:02 น.  

 
ว้ายยยยยยยย
โดนแซง


โดย: ฟ้าทลายโจร (ป้าอิ่ม ) วันที่: 4 สิงหาคม 2551 เวลา:14:52:06 น.  

 
ขอบคุณมากครับ คุณอุ้ย


โดย: หนาว (inchaieur ) วันที่: 4 สิงหาคม 2551 เวลา:15:15:47 น.  

 
แง้ งั้นเวลาชั่งตอนเช้าแล้วมันลดลง พอเย็นก็ขึ้น มันไม่มีค่าอะไรอ่ะดิ
ไม่เป็นไร เอาใหม่ เอาใหม่


โดย: น้องขัดขวาง วันที่: 4 สิงหาคม 2551 เวลา:16:11:10 น.  

 
ขอบคุณครับ สำหรับข้อมูลดีมีประโยชน์ ดังนั้น ศ 89 ส 89.2 อา 92.2 จ 90.7 ที่ผ่านมาของผมน่าจะเป็นเช่นนี้นี่เอง (หวังว่าใช่)


โดย: ทีโอดอร์ วันที่: 4 สิงหาคม 2551 เวลา:17:30:08 น.  

 
ขอบคุณที่นำความรู้มาเล่าสู่กันฟังนะคะ


โดย: ^__^ (ละอ่อนฮักดี ) วันที่: 4 สิงหาคม 2551 เวลา:18:17:40 น.  

 
เป็นบทความที่ดีค่ะคุณอุ้ย...
ยายหนูถึงได้ไม่เครียดกับเรื่องน้ำหนักไงคะ เพราะเข้าใจดีว่า กว่าอาหารที่เราทานเข้าไปจะย่อยสลายออกมาเป็นของเสียได้หมดนั้นต้องใช้เวลานานถึง2-3วัน ในบางคนอาจจะนานกว่านั้น....ยิ่งช่วงหลังๆมานี่ ยายหนูดื่มน้ำวันละไม่ต่ำกว่า4ลิตร ฉี่ทุกๆครึ่งชั่วโมง...


โดย: ยายหนูAK วันที่: 4 สิงหาคม 2551 เวลา:22:35:53 น.  

 
ยังไม่ได้เลยค่ะ พรุ่งนี้จะมาตั้งใจอ่านนะคะ ^ ^

คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...



โดย: เพื่อนค่ะ วันที่: 4 สิงหาคม 2551 เวลา:23:02:05 น.  

 
ขอบคุณค่ะ


โดย: beautystone วันที่: 4 สิงหาคม 2551 เวลา:23:26:24 น.  

 
ขอบคุณสำหรับข้อความดีๆ ที่นำมาแบ่งปันนะคะ


โดย: Bauke วันที่: 5 สิงหาคม 2551 เวลา:8:53:02 น.  

 
ขอบคุณสำหรับความรู้ค่ะ กำลังสงสัยอยู่พอดีเลย

เช้าเมื่อวานมาชั่งน้ำหนักดูพบว่าสูงขึ้นกว่าวันก่อนถึง 2 ก.ก.

เลยสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น


โดย: แมว IP: 125.25.133.202 วันที่: 6 สิงหาคม 2551 เวลา:8:02:05 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิกช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

digimontamer
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]




[Add digimontamer's blog to your web]