ไม่นานนักก็ตื่นค่ะ ฟ้ามืดๆแล้วล่ะ ที่แน่ๆคือ เครื่องสั่นหงึกๆๆๆตลอดเวลา พอมองออกไปนอกหน้าต่างก็เห็น
ตึกรามบ้านช่อง ถนนหนทางเปิดไฟละ อ่า สงสัยกะลังแลนดิ่ง พอเครื่องต่ำลงมา ก็สั่นมากขึ้น กึกๆๆๆ
เอ๋...ทำไมสั่นแรงจังหว่า โผล่หัวออกไปมองแล้วก็เห็นว่าฝนตกหนักมาก เมื่อกี้ยังไม่เห็นฝนเลยแหะ
พอเครื่องลดระดับ ท้องก็วูบๆๆตลอด แล้วอยู่ๆ สิ่งที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นค่ะ เครื่องพุ่งตัวสูงขึ้นแทบจะทันที
จุดนี้ เสียงฉีกถุงอ้วก ดังขึ้นอย่างพร้อมเพรียงกัน วาแค่หยิบมันออกมาถือแต่ยังไม่เกิดอาการนั้น
แต่พี่ที่ไปด้วยคนนึง ใช้ถุงนี้เรียบร้อยแล้วค่ะ

ได้ยินเสียงคุณกัปตันประกาศเสียงอ่อยๆ ว่าลงอดไม่ได้ ขอโทษด้วย บลาๆ
วาได้ยินคำว่า ภูเก็ต อินเตอร์ เนชั่นแนล แอร์พอต ด้วย เค้าไปวนไกลขนาดนั้นเลยหรอเนี่ย
ไม่นานนัก.... ก็พยายามแลนดิ่งอีกรอบ ซึ่งก็เป็นไปแบบ ทุลักทุเลสุดๆค่ะ
ครั้งนี้วาเชื่อว่า 80% ของผู้โดยสารทุกคน ... สวดมนต์อยู่ (- -")
พอล้อแตะพื้น ลื่นค่ะ ลื่นนนนนนนนนนน เอียงซ้าย เอียงขวา แพร่ดๆๆๆ
กลัวมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
พอจอดได้แล้ว เสียงตบมือ มาจากไหนไม่รู้ ดังมากค่ะ ขอบคุณกัปตัน ไฟลท์ MH783 วันนั้นมาก
ที่พาเราเดินทางถึง สนามบิน KLIA Airport อย่างปลอดภัย
หายตื่นเต้นละ ... เพราะต้องไปรอประเทศอื่นอีกนานเหมือนกัน
รวมตัวกันครบ ก็ออกไปขึ้นรถค่ะ มีรถมารับเราไปส่งที่โรงแรม
ทริปนี้สบายจริงๆ...
บนรถเค้าก็มาแจ้งเวลาว่า พรุ่งนี้ ต้องตื่นไปกินข้าวตอน 6.30
แล้วก็จะมีรถมารับไปออฟฟิส ตอน 8 โมงนะ บลา บลา
แหง่ะ...กินข้าว 6.30 บ้านเค้า บ้านเรา 5.30 ต้องตื่นกี่โมงหว่า คิดแล้วอยากร้องไห้
ไม่นานนักก็มาถึงโรงแรมค่ะ เราพักที่ Boulevard Hotel แถวๆ Mid Valley ค่ะ
รอเช็คอินกันมากมาย ตรงนี้ CEO COO มาต้อนรับโดยพร้อมเพรียงกัน ^^
วาได้ห้องพักเบอร์ 2210 คือชั้น 22 ห้อง 10 นั่นเอง สูง วิวแจ่มน่าดู
แต่ก็เป็นโรงแรมชานเมืองค่ะ เห็นวิวป่าบ้าง ตึกบ้าง ถนนบ้าง สวยป่ะ?
ห้องพักของเรามี 2 เตียงแบบนี้ค่ะ ที่นอน นอนสบายมาก หมอนเริ่ด ผ้าห่มแจ่ม
นอนแล้วไม่อยากจะลุกเลย ต้องตื่นแต่เช้ามากๆๆๆๆด้วยค่ะ มาทำงานนี่เนอะ ไม่ได้มาเที่ยว >.<
ที่นี่มีปลั๊กไฟแบบที่เสียบของเราเองได้เลยนะคะ สะดวกสบาย ในห้องมี ทีวีธรรมดา
มินิบาร์โล่งๆ น้ำเปล่าฟรี 2 ขวด ตู้เสื้อผ้ามีเตารีด ที่รองรีด แล้วก็ตู้เซฟให้ค่ะ
เป็นครั้งแรกเลยที่ต้องหอบหิ้วรองเท้าส้นสูง ร้อมเดรสออกงานมาเที่ยวเมืองนอกเมืองนา หุหุ
ห้องน้ำโอเคค่ะ น่าใช้ไม่มีสายชำระ มีฝักบัวปกติ
และฝักบัวแบบฝนตก ไม่มีอ่างอาบน้ำนะคะ
พอเข้าห้องเรียบร้อยแล้ว ก็หิวค่ะ ถามทาง Admin ของออฟฟิส
เค้าแนะนำว่า ตอนนี้คงปิดหมดแล้ว (เกือบๆ 5 ทุ่ม)
แนะนำให้ไปกิน Mc ที่ชั้นบนสุดของส่วนห้าง ตรงโรงหนังของ Mid Valley ค่ะ
อ้อ . . โรงแรมที่วาพักลืมเล่าว่า อยู่บนห้าง Mid Valley เลยค่ะ
ให้นึกถึง ฟิวเจอร์ปาร์ค รังสิตเอาไว้ ที่นี่เหมือนแบบนั้นเลยค่ะ ชานๆเมืองหน่อย
ห้างใหญ่ๆมากเชื่อมๆกัน แล้วก็มีโรงแรม Boulevard Hotel แล้วก็ Cititel ด้วยค่ะ
พอขึ้นไปถึงก็เจอส่วนของโรงหนังคนเพียบเลยแหะ ... ได้ Mc มาประทังชีวิตคนละ 1 เซต
ประมาณ 100 บาทไทย (ราคาที่เคาท์เตอร์ส่วนใหญ่เป็นราคาไม่รวม vat 5% บ้านเค้าค่ะ)
อิ่มแล้วกลับมานอนค่ะ เหมือนเพิ่งหลับไป 5 นาทีเองอ่ะ นาฬิกาปลุกก็ดัง
เช้านี้ต้องรีบกินข้าว แล้วก็มีนัดพบกันที่ออฟฟิสค่ะ 6 โมงบ้านเค้าฟ้าแจ้ง จางปาง มากๆ
อาหารเช้าของโรงแรม มีให้เลือกเยอะมากกกกกกกกกกกกก
แต่ก็ไม่ได้ชิมทุกอย่างหรอกค่ะ วากลัวอาหารมาเลย์อ่ะ คราวก่อนมากินอะไรไม่ได้เลย
คราวนี้ก็อยู่รอดด้วย แซนด์วิช ไข่ดาว กาแฟ อ่อ มีกิมจิ กับ ยำสาหร่ายให้กินด้วยนะ พอไหวค่ะ
อ่ะนี่ อาหารเช้าวันนี้ของวาจ้า
8 โมงรถก็มารับค่ะ เช้าวันศุกร์ของมาเลเซีย รถติดมากมาย
แถมทางออกจากโรงแรมของที่นี่ น่าปวดหัวได้อีก (แต่ถ้าเราเดินทางด้วย รถไฟฟ้าก็ไม่ได้ลำบากนะคะ)
ระหว่างทาง มองเห็น KL Tower ค่ะ คือสถานที่ๆบริษัท จัดงานเลี้ยงคืนนี้นั่นเอง
ตื่นเต้นจัง วิวคงสวยน่าดูชมเลยยย
เกือบๆจะไปถึงตึก TAN TAN จุดหมายปลายทาง head office ของวา
เลี้ยวหัวมุมถนน เจอรูปนี้ เลยกดถ่ายรูปมาแชะนึง
น่าจะเป็นรูปตึกแฝดที่เห็นชัดเจนที่สุดของทริปนี้ ดีนะว่าเราเคยมาเที่ยวแล้ว
ไม่งั้นคงเสียดายที่ไม่ได้ไปชมใกล้ๆ >.<~
พอไปถึงออฟฟิสก็มีแนะนำแต่ละแผนก ผู้บริหารใหญ่ บลาๆ แล้วก็บอกเล่าความเป็นมา
ประวัตินู้นนี่นั่น แนะนำตัวแต่ละประเทศ แล้วก็ HBD พนักงานที่เกิดเดือนเดียวกับบริษัท
ปิดท้ายด้วยการเลี้ยงข้าวกลางวัน ซึ่งเป็นอาหารธรรมดาๆ บ้านเค้าเลย
แต่ตักกินเองไม่อั้น เติมตลอด พอกินได้อยู่ค่ะ แต่อยากได้น้ำปลาพริกมาก เหอๆ
หลังจากอิ่มแล้ว รถก็มาส่งที่โรงแรมค่ะ เรามีเวลาตั้งแต่ บ่ายสองโมง
จนถึง 5 โมง 45 เพื่อแต่งตัว รถจะมารับไปงานเลี้ยง กะลาดินเนอร์ค่ะ
แต่อย่ากระนั้นเลย เวลา 2-3 ชม. นี้ ขอไปเดินชอปปิ้งซักกะติ๊ดดดด
ข่าวว่า ที่นี่มีร้านรวงมากมาย ตั้งแต่ ห้างจัสโก้ ยัน กระเป๋าแบรนด์เนม
เดินทะลุโรงแรมออกมาปั๊บ เจอเลยค่ะ Vinnci คู่ที่ 2 ขึ้นไป ลด 20%
เจิดมากกกก จัดมาด่วนค่ะ!!
จะบอกว่า คุ้มมากๆ เพราะรองเท้าที่ พี่ที่ออฟฟิสซื้อมาในราคา 89 ริงกิต หรือ 890 บาท
โดยประมาณ ที่ไทยขายเพียง 2190 บาทเท่านั้น *0*
ส่วนคู่ที่วาซื้อมา 55 ริงกิต ที่ไทยก็ขายกันราคาน่ารักๆที่ 1190 บาทค่ะ
(มันแพงค่าเครื่องบินเนอะ สงสัย มาการบินไทย 5555 )
อย่าให้เล่าว่า รวมแล้วได้รองเท้ามากันกี่คู่ เพราะซื้อใส่เองด้วย ซื้อฝากด้วยโดยเฉพาะนายวา
ซื้อฝากคนที่บ้านกันสนุกสนาน โปรเค้าน่ารักนะคะ คู่แรก(เลือกอันที่ราคาถูกที่สุด) ไม่ลด
คู่ต่อไปลดหมด 20% จริงๆมันควรจะคู่แพงสุดเป็นคู่แรกป่ะ นี่เอาคู่ถูกสุดซะงั้น
แล้วก็ถ้าซื้อครบ 150 ริงกิต หรือ 1500 บาท จะได้ถุงแบบนี้ค่ะ
ทริปนี้ แบกถุงแบบนี้กลับมากัน 5 ใบ เอิ๊กกกกก
แวะไปกินข้าวที่ฟาสฟู๊ดกัน วาได้บะหมี่ฮ่องกงมาในราคาประมาณ 75 บาท
ก็กินได้ค่ะแต่ไม่ได้อร่อยมากมาย มันจืดๆอ่ะ
ชั้นใต้ดินของ Mid Valley เป็นอะไรที่วาปลาบปลื้มค่ะ เพราะมีอาหาร มีขนมมากมาย
แล้วอยู่ๆก็เดินมาเจอร้านดัง Krispy Kreme วาเพิ่งเคยชิมครั้งแรกค่ะ แบบออริจินัล หวานเกิ๊นนนน
ราคาชิ้นละ 2.5 ริงกิต อีกอันที่อยากชิม เป็นช่วงบอลโลกฟีเวอร์ เลยเอารูปลูกบอลมาเลย 2.8 ริงกิต
อันนี้อร่อยมากค่ะ วาชอบ ไม่หวานเท่าออริจินัลอ่ะ อันนั้นกินไม่ได้ทีเดียว วาไม่ชอบหวาน
ตอนนี้ซื้อ 2 กล่อง (16 ชิ้น) มีให้เตะบอลด้วยค่ะ เข้าโกลด์ได้ฟรี 2 ชิ้น
นายวาโชว์สเตป ได้ฟรีด้วยล่ะ อิอิ
เดินมาอีกนิดนึง .. ก็เจออีกร้านค่ะ Big Apple ร้านนี้น่ากินมากมาย ถูกกว่าด้วย ราวๆ 2.3 ริงกิต
มีให้เลือกเยอะมากกกก เลยเอามาชิม 2 อัน อร่อยอ่ะชอบบบบ เห็นในห้องก้นครัวว่ามีขายที่ไทยแล้ว
สงสัยจะได้เป็นลูกค้าประจำ ^^
อันนี้ไม่กล้าชิม กลัววววว ไส้ทุเรียน >.<~
ไม่นานนักก็ต้องรีบกลับไปแต่งตัวกันอย่างด่วน สายแล้ววววว
วากะพี่อีกคนนี่แบบว่า วิ่งวุ่น ของรกไปหมด กองเครื่องสำอางค์ให้เต็มไปหมด
ลองมาดูอีกห้องนึงแต่งตัวค่ะ .. มากันทั้งเซต!! คนไทยต้องไม่แพ้ชาติใดในโลก
ไม่นานนักเราก็มาถึง KL Tower ค่ะ ที่นี่ดูๆแล้วก็คือสถานที่ท่องเที่ยวแห่งหนึ่ง
เหมือนด้านบน จะเป็นร้านอาหาร แต่ออฟฟิสวาเหมาชั้น TH103 เอาไว้
ก็ไม่ได้ออกไปดูชั้นอื่นอย่างอื่น เข้างานเช็คชื่อ รับเลขประจำตัว
เพื่อลุ้นรางวัล Lucky Draw ท้ายงาน แล้วก็ขึ้นไปข้างบนค่ะ
มีถ่ายรูปกับแบคดรอป เหมือนไปงานอีเวนท์อะไรซักอย่าง เหอๆ แล้วเค้าก็ให้เราไป จิบดริ๊งส์ๆ
สวยๆ ชมวิวกันในห้องนึงก่อน เหมือนเข้าผับอะไรทำนองนั้น เบียร์ ไวน์ น้ำอัดลม ขนม ไม่อั้น!!
จำได้ว่าถ่ายรูปอย่างเดียววววววววว เพราะวิวสวยมากๆ เสียดายที่วาไม่สามารถเอาน้องนิกรน้อยไปในงานด้วยได้
เพราะตอนนั้น ใส่เดรส หน้าเต็ม เป๋าหนีบ รองเท้าส้นสูง แบกกล้องใหญ่ไป เกรงจะไม่เหมาะ - -*
แต่ว่าโชคดีมากที่ พี่อีกคนนึงใช้กล้อง Ricoh ค่ะ ถ่ายรูปกลางคืนแบบนี้ รูปแจ่มประมาณนึงเลย ปรับโหมดดีๆ
ได้แบบหน้าแจ่ม วิวก็แจ่มได้ด้วย เลยมีรูปวิวมาได้บ้าง กล้องที่วาพกไปเป็น canon ตัวน้อยๆ ที่ทำอะไรไม่ได้เลย
ในสถานะการณ์แบบนี้ค่ะ
มองไปมองมาก็เจอ ตึกแฝดด้วยค่ะ กรี๊ด สวยมาก วิวตึกแฝดจากบนนี้ แต่รูปที่ได้มา
เบลอหมด แง๊งงงงงง แต่สวยจริงๆค่ะ พยายามถ่ายรูปคู่ แต่ยากมาก เพราะมุมนี้ มันกั้นม่านพอดี
เค้าจะเปิดห้องเป็นช่วงๆ ให้เดินๆไปในงาน
ในระหว่างที่ถ่ายรูปกัน ก็มีนักดนตรี เดินร้องเพลงไปเรื่อยๆให้เราฟังค่ะ
วาก็แอบถ่ายเค้าในความมืด แล้วก็เปิดแฟลช พอรูปออกมา ก๊ากกกกกกกกก
ปล่อยมือจากกีตาร์มาชูสองนิ้วด้วยอ่ะ น่ารักเนอะ 555555
แต่เค้าเสียงเพราะมากมายชอบๆๆ
ไม่นานนักเค้าก็ให้เข้ามาในห้องๆนึงค่ะ ห้องนี้มีโต๊ะเรียงราย อารมณ์มางานแต่ง
มีเวที แสง สี เสียง ครบเซต วาได้นั่งโต๊ะวิวดีซะด้วย ใกล้เวทีเลย
บนโต๊ะ มีอุปกรณ์ทานอาหาร แล้วก็มีขวดน้ำ น่ารักๆ ตั้งอยู่ขวดนึงค่ะ
เป็นโลโก WE ARE TEN ชื่องานของเรา ขวดเป็นรูป KL Tower อ่ะ น่ารักจัง
ข้างล่างก็จะเป็นชื่อของห้องอาหารที่นี่ค่ะ
เค้าจัดได้สวยมาก เป็นสีโทนขาว แล้วเล่นไฟสีๆ เปลี่ยนสีตลอดเวลา
ซึ่งมันมีม่านดำๆกั้นฉากอยู่ งานเลยสีขาวดำซะงั้น 555
แต่ว่า ออฟฟิสวา สีบริษัทโทน ขาว เทา ดำ อยู่แล้ว เลยเข้าคอนเซปกันไป