:: สบายดี..ปากเซ ::
ได้ฤกษ์เปิดกรุ๊ป Blog ใหม่แล้วจ้า จริงๆเปิดไว้นานแล้ว แต่ไม่เคยเอามาอัพเลย ตอนนี้ ไม่ค่อยได้ไปต่างประเทศ ก็ขุดรูปทริปเก่าๆ มาโม้ให้อ่านกันดีกว่าค่ะ เผื่อจะมีประโยชน์ต่อเพื่อนๆบ้าง ถ้าอ่านแล้วชอบก็กด vote ใต้บทความได้นะค๊าบ :) 
ทริปนี้ วาเดินทาง 10-13 มกราคม 52 เป็นช่วงที่หนาวมากจริงๆ ไม่เคยหนาวแบบนี้มานานมากแล้วจ้า แต่มันเริ่มหนาววันที่เราไปอ่ะ ไม่ได้พกเสื้อผ้าหนาๆไปเลย คิดแล้ว ยังหนาวไม่หายเลยเนี่ย เง้อออ เริ่มทริปนี้ที่สุวรรณภูมิ กับสายการบินประจำตัววาเอง กับคำขวัญที่วา " ไม่มีโปร เราไม่บิน "  เริ่มทริปอย่างสวยงามด้วยการ ลืมชาร์ตแบตกล้องมา ~ อ๊ากกกกกก!!! งี่เง่าที่สุด เลยไม่มีรูป ตลอดการเดินทาง กทม-อุบล-ปากเซ แต่ขากลับมีรูป เลยขอยืมมาใช้ก่อนละกันนะคะ
ขาไป เกือบจะได้ออกก่อนเวลา แต่ติดตรงที่ มีคนหายไปจากไฟลท์ภูเก็ตค่ะ ยื่นบอร์ดดิ้งออกมาขึ้นรถบัสกันแล้วนะ คนไทยด้วย ตามหากันให้วุ่นนนน มาทำเอาเราต้องยืนรอบนรถไปเกือบ 10 นาที เพราะ พวกหล่อน 2 คนนี่ เลยมีคนตะโกนไปว่า " ถ้าเรียกกันขนาดนี้แล้วไม่แสดงตัว ก็ให้ไปเที่ยวอุบลแทนภูเก็ตเถอะครับ "
ก็จริงของเค้านะ เรียกตั้งนาน ไม่รู้เรื่องก็ไปอุบลเถอะ!!! 
เราไปถึงสนามบิน ประมาณ 9 โมง แล้วบึ่งไปขึ้นรถโดยสารระหว่างประเทศค่ะ กว่าจะออกจากสนามบินไปได้ ด้วยความที่ไม่รู้อะไรเลย วิ่งไปหา Taxi เยอะราคามหาโหด คนละ 150 มอเตอร์ไซต์ เรียกคนละ 100 เลยตัดสินใจ เดินออกมาเอง เจอ สามล้อเรียกเหมา 100 บาท ตรงปากทางสนามบิน เลยจัดแจงขึ้นไปทันที
พอไปถึงก็ประมาณ 9.20 สอบถามได้ความว่า รถออกไปแล้ว เพราะเต็ม!! กรี๊ดดด ................... ไม่ยอม เรามาทันเวลา แต่ไม่ทันรถ เง้อ
เลยต้องหาวิธีอื่นที่ดีกว่านั้น ซึ่งมีคนบอกมาว่า เกือบ 3 ชม. ถึง ช่องเม็ก จะบ้าหรอออ อากู๋บอกว่า ชั่วโมงกว่าๆเองนะ เอาเถอะ รอบต่อไปบ่ายกว่า นั่งรถหวานเย็นไปละกัน
เริ่มต้นขึ้นรถบัสแบบต่างจังหวัดอ่ะค่ะ ไม่มีแอร์ รับลม หวานเย็นเจี๊ยบบบ ขึ้นตรงท่ารถอุบลเลยนะคะ อุบล - พิบูลมังสาหาร ค่าโดยสาร วาจำไม่ได้แต่ไม่เกินคนละ 30 บาทแน่นอน มีทีวีดูด้วยนะเออ...
มีแวะเข้าตลาด มีคนเอาถั่วต้ม โอเลี้ยงขึ้นมาขายด้วยเป็นที่สนุกสนาน ครื้นเครง แต่เมื่อไหร่จะถึงซักทีค๊าบพี่น้องงงงง T T 
ชั่วโมงกว่าผ่านไปเราก็มาถึง ...... พิบูลมังสาหาร ค่ะ เง้อออ ข่าวว่าครึ่งทางเท่านั้น เค้าก็ไล่ลงจากรถ ให้ไปขึ้น สองแถวไปช่องเม็กต่อค่ะ สภาพรถคือ รถสองแถว (จริงๆสามนะน่ะ 5555) ที่เป็นคันใหญ่มากกกก แล้วก็หวานเย็นมากกว่าเดิมอีกแหน่ะ โหยยยย นั่งจนจะย้ายไปเป็นคนอุบลแล้ว เดี๋ยวมีคนขึ้น เดี๋ยวมีคนลง เนียนรู้จักกันไป ^^
เนื่องจากใกล้ด่าน ก็จะมีคนเรียกตรวจบัตรประชาชนด้วยอ่ะ แล้วคือทั้งรถ ตรวจวาคนเดียวไง ยังสงสัยไม่หายนะคะเนี่ย ว่าตรวจทำไม กลัววา ลักลอบออกเมืองหรอ ประสาทททท  
รถสองแถวราคา 30 บาท / คนค่ะ น่าจะนะ แล้ว คันแรกที่นั่งคง 20 บาทอ่ะ มันถูกมากก็จริง แต่นั่งจนเบื่อเลยทีเดียว แต่วิวเขื่อสิรินธร ทำให้เราเพลินๆ หายเบื่อไปได้มากโขอยู่ค่ะ เป็นเขื่อนที่ดูเหมือนเป็นแม่น้ำกว้างใหญ่มาก สวยมากกกกกกกกกกกกกกก ด้วยค่ะ ชอบๆๆๆ 
ผ่านไปอีกชั่วโมงนึงเราก็ไปถึงท่ารถที่ช่องเม็กกันแล้ว เย้! เพื่อนไม่มีพาสปอตค่ะ ก็เตรียมเอกสารมาทำใบผ่านแดนกัน ซึ่งก็อยู่ตรงนี้ ท่ารถนี่เลยล่ะ เอกสารเราเตรียมมาอย่างดี เลยไม่ช้า ไปยื่นเลย ปุ๊บปั๊บ ก็ได้มาแล้ว เดินไปด่านชายแดนกันเถอะ 
ส่วนวา ตอนนั้น กำลังจะไปทริปมาเลเซียพอดี ก็เพิ่งไปทำพาสปอตมาสดๆร้อน เลยได้ประเดิมพาสปอตด้วย ทริปลาวซะอย่างงั้น เดินออกมาก็จะเจอร้านขายของข้างทาง เป็นพวกเสื้อผ้ากันหนาว หมวก ของใช้ที่ทำจากไม้อ่ะค่ะ ขายอยู่เต็มไปหมด แล้วตรงกลางนั่นก็คือ อาคารรูปร่างแปลกตา โดดเด่นมากกกกก เรามุ่งหน้าไปที่นั่นกันค่ะ 
พอเราผ่าน ตม.ไทย แล้วเดินข้ามมาที่ชายแดนลาวได้แล้ว ก็ต้องไป ตม.ลาวกันค่ะ วันนั้นวันเสาร์วาโดนค่าธรรมเนียมไป 100 บาทถ้วน ค่าอะไรเนี่ย ฮือออ นนนี่ใช้ใบผ่านแดน สบายดีจัง ไม่ต้องเขียนไรเลย วันหลังทำใบผ่านแดนเอาดีกว่า (-*-)
แลกเงินตรงนั้นเลย เรท 2 แสน 4 หมื่น 2 พัน ได้ค่ะ ต่อเงิน 1000 บาท เราแลกแค่พันเดียว แล้ววาก็เอา แบงค์ 100 แบงค์ 20 ไปอีกราวๆ 2000 บาท เพราะคิดแล้ว เรทตอนนั้น จ่ายเงินไทย ถูกกว่า (ยัง งกได้อีก นิดหน่อยก็เอา)
โชคดีที่มีรถตู้เข้าปากเซ มาคุยกะเรา เค้าคิดคนละ 80 บาทค่ะ 2 คน 160 ราคารับได้ เริ่ดๆ ไม่ต้องนั่งสองแถวที่น่ากลัว รถตู้เค้านั่งได้ราวๆ 6-7 คนเท่านั้นเองค่ะแปลกดี
ไคล์แม๊กซ์ เมื่อเข้าปากเซ ก็เจอเรื่องที่ต้องจำไปอีกนาน *
พอลงจากรถเรื่องไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นกับแบคแพคเกอร์จนๆอย่างเราทันที เมื่อมีรถสองแถวเล็กๆ เรียกว่าตุ๊กๆก็ได้ เข้ามาหาเราทันที ที่เราลงรถที่ตลาดดาวเรือง
วา " ไปโรงแรมแสงอรุณเท่าไหร่คะ " สองแถว " 10 พันกีบ " วา " เป็นเงินไทยกี่บาทคะ " สองแถว " 40 บาท "
เราเลยตกลงทันที เพราะเราไม่รู้ทาง ใกล้ไกลไม่รู้ 40 บาทรับได้ ผ่านไป 5 นาที พอถึงโรงแรมเท่านั้นล่ะ คนรถกับคนขับ รวม 3 คนบอกว่า 40 พันกีบ ไม่ใช่ 40 บาท
โอ้ว ไอ้คนลาวขี้โกง หน้าด้านๆเลยนะเมิงงงงงงงงงง !@$#%!#@%#^#
แอบด่าไป 3-4 คำ แต่ก็ยอมจ่ายเพื่อประโยชน์สุขชาวสยาม Y.Y นั่งรถ 5 นาที ม่างคิด 80 บาท ขอให้ไม่เจริญเถอะหากินแบบนี้ (คนไทยก็อย่าไปโกงนักท่องเที่ยวต่างชาติกันเลยนะคะ สงสารเค้า เง้อ)
หลังจากมีปากเสียงกันหน้าโรงแรม แสงอรุณ ยามป้าๆคนนึงเดินมา [ ขอเรียกป้าได้มั๊ย พี่แก จิกตาใส่นนนี่ตลอดทริป วาถามอะไรก็ไม่ตอบ แต่ นนนี่ถามล่ะตอบหมด ไรว๊า (- -)? ]
เค้าเดินมา ยังตกใจเลยว่า มันโกงจริงๆอ่ะ สองแถวคันอื่นก็มาดู เพราะวาโวยเสียงดังอย่างแรง แต่นนนี่บอกว่า จ่ายไปเถอะ เดี๋ยวโดนฆ่าหั่นศพต่างแดน
เราเข้าเช็คอินที่ โรงแรมแสงอรุณเวลา 4 โมงเย็น โชคดีมากที่มีห้องว่าง แต่เป็นโชคร้ายอีกเช่นกัน ห้อง 600 บาทเต็มเกลี้ยงงง เหลือแต่ 900 ไง โห..เกินงบว่ะคะ แต่ นาทีนี้แล้ว เดินทางออกจากบ้าน 6 โมงครึ่ง ถึงปากเซ 4 โมงเย็น มารถทัวร์ยังไม่น่าเหนื่อยเท่านี้นะ 900 ก็ต้องจ่ายแล้วล่ะ เหนื่อยเหลือเกินนน มันต่างกะห้องถูกๆคือ มีอ่างอาบน้ำค่ะ
ไม่ได้ถ่ายรูปห้องมา เพราะกว่าจะชาร์ตแบตเสร็จก็ลืมซะงั้น บรรยากาศขะมุกขะมัวมากค่ะ แล้วก็หนาวมากๆด้วยนะ .... โอ้ยยย ไม่ได้เอาเสื้อกันหนาวหนาๆมา เอามาบางๆตัวเดียว ทรมานมากกกกกกกกกกก 
หลังจากเข้าพักผ่อนที่โรงแรม ท้องก็หิวทันที ก็เลยถือโอกาสเดินเล่นกันหน่อย ถามทางที่ front โรงแรม เค้าก็ยื่นแผนที่น่าพิศวงมาให้อันนึง นั่นทำให้เรารู้ว่า อิรถสองแถวน้อยๆคันที่โกรงเรามันพาอ้อม แล้วคิดตู 160 บาทนั่นเอง เจ็บใจที่สุดๆๆ
เราเดินมาเรื่อยๆจนถึงแม่น้ำโขง แสงแดดยามเย็น ชวนหาอะไรกินยิ่งนัก (เกี่ยวหรอ เอิ๊ก) เลยแวะร้านแถวนั้นค่ะ เป็นปลาเผา กินกับผัก ออกแนว เมี่ยงๆอ่ะนะ ประหลาดดีค่ะ 
เนื่องจาก เห็นป้ายไปตามทางทั่วเมือง เราเข้าใจว่ามันอ่านว่า เขยลาว มาตลอด ร้านไหนๆก็ เขยลาว สุดท้ายเพิ่งมารู้ เมื่อถามหาเบียร์ แล้วเค้าหยิบขวดนี้มาให้
อ่อ มันคือ เบียร์ลาว นั่นเอง โง่ตั้งนาน 
ราคาขวดละ 8-9 พันกีบโดยประมาณค่ะ ถ้าซื้อไปกินที่บ้าน แล้วเอาขวดมาคืน จะได้เงินคืน 1000 กีบแหน่ะ!! 
นั่งได้ไม่นานเท่าไหร่ ลมหนาวก็ไล่ให้เรากลับที่พักกันแล้วค่ะ ฟ้ามืดก็หนาวมากๆ หนาวอย่างแรง หนาวได้อิ๊กกกก เลยรีบๆเดินมั่วๆกลับโรงแรมกัน หลงไปหลงมาเจอถนนใหญ่ๆ กว่าจะกลับโรงแรมได้เล่นเอา เหนื่อยเลย
ปล. ฟิลเตอร์มุ้งลวดเค้าใช้ยังไงหว่า ไฟดวงใหญ่ๆ แฉกจะเยอะไปไหน หือ?

ตรงข้ามโรงแรม จะมีร้านขายน้ำเต้าหู้อยู่ ก็เลยแวะซื้อซักหน่อย ถ้าเป็นที่ไทย หนาวๆแบบนี้คงเข้า 7-11 ซื้อโจ้กกระป๋องล่ะ ซดอะไรอุ่นๆหน่อย อต่ที่นี่ มีน้ำเต้าหู้ก็หรูแล้วนะ ไม่มีขนมอะไรกินเลยอ่ะ ฮืออออ
ปล. แถมน้ำเต้าหู้ จืดสนิทไม่อร่อยเลยอ่า แง๊วววววว 
เช้าเลยดีกว่า อิอิ วันถัดมาก็ลงไปทานอาหารเช้าค่ะ เป็นแบบ บุฟเฟ่ต์ที่ดูเหมือนจะหน้าตาดีอยู่ แต่ก็รสชาติไม่ถูกปากนักค่ะ มีเพียงแค่ .. ขนมปังทาเนย แล้วก็ เฝอ ที่สามารถทานได้อย่างเอร็ดอร่อยหน่อย (ปกติ วาทานก๋วยเตี๋ยวจะไม่ปรุง เลยรู้สึกว่ามันอร่อยอยู่ค่ะ)
ไข่พะโล้นี่แบบ ชิมแล้วเสียดายไข่มากอ่ะ (- -")

เอาล่ะ ท้องอิ่มเราก็ไปเที่ยวกันดีกว่าค่า
เดินข้ามไปฝั่งตรงข้ามโรงแรม จะเจอร้านอินเตอร์เน็ต ไฮสปีด(?) แล้วก็มีร้านขายทัวร์ต่างๆมากมาย พร้อมกับ รถสองแถวจอดรอรับจ้างมากมาย เดินออกมาถึงกะเดินตามติดไม่ห่างเลย ด้วยความที่จิตตก กับเหตุการณ์เมื่อวาน จึงทำให้ เราไม่เลือกที่จะซื้อทัวร์ผีใดใดทั้งสิ้น กลัวไปโกงอีก เวรกรรมเลย
พอไปดูตารางเวลาตามรอบ ของบริษัททัวร์ ปรากฏว่าก็ไม่ทันเสียแล้ว ก็เลยไปเช่าลดจักร (มอเตอร์ไซต์) ขี่เที่ยวกันดีกว่า คนที่ให้เช่า พูดลาวแบบ แม่หญิงลาวมาเลย ไม่ออกสำเนียงฟังแนวไทยเลย โห้ ลำบาก แต่พอเค้าพูดภาษาอังกฤษกับฝรั่งแล้วแบบ โอ้วววว ไฮโซได้อีก สรุป เราก็ฟังไม่ออกทั้งสองภาษา กว่าจะได้รถมา แทบสิ้นสติ 
รถเกียร์ออโต้ ราคา 80 พันกีบ (เรารีบ เอาคูณด้วย 4 ในใจ) ราคาก็โอเคนะ ก็เอาพาสปอตให้เค้าไป เซ็นเอกสารนิดหน่อย แล้วก็รับรถค่ะ ถามว่าต้องคืนกี่โมง เค้าตอบว่า " มื้อแลง " ไรฟระ (- -)?
พอดีใบคัมภีร์ที่ได้มรดกมาจากพี่เมย์ MiniBelle มันมีเขียน ภาษาลาวน่ารู้นิดหน่อย เลยควานๆอยู่ซักพัก ก็เจอความหมายที่ว่า " ตอนเย็น " เย้ยยยยยยยย เช่า 9 โมงเช้า คืนตอนเย็นนี้ เนี่ยนะ โหยยย 320 บาท แพงง่ะ แต่ นาทีนี้ ก็ต้องรีบไปเหอะ เดี๋ยว จะหมดเวลาเที่ยว ต้องคืนรถก่อนพอดี
มุ่งหน้าที่แรก น้ำตก ตาดฟาน ค่ะ ไปมันมั่วๆนั่นแหล่ะ อากาศหนาวมากๆ จนคนขับ ขอหาซื้อถุงมือ แต่พอไปบุกตลาด เจอแต่ถุงมือครึ่งเดียวซึ่งไม่ช่วยอะไร เลยต้องใช้ผ้าพันคอวา + หมวกไหมพรมที่ได้มาจากช่องเม็ก ห่อมือทั้งสองข้างไว้
อากาศยังกะอยู่เกาหลี (พูดเหมือนเคยไป?) 
เนื่องจากหนาวมากมาย พี่วินนนนี่ เลยขอหาไออุ่นจาก " เขยลาว " ซักหน่อย เลยได้แวะกันที่ร้านๆนึง ริมถนนค่ะ วาได้โออิชิมากินด้วยขวดนึง อยู่ไทยไม่ค่อยกินนะ มากินที่ลาวซะงั้น แพงอีก เง้อออ
พอเราจะเดินทางต่อ ก็หันไปเห็นป้ายหน้าร้านค้า ทางเข้าน้ำตกตาดฟานพอดีเลย เง้ยยยยย นี่ถ้าไม่อยากกินเบียร์ขึ้นมา คงเลยไปไหนต่อไหนแล้วอ่ะ ฟลุ๊ค จริงๆค่ะไม่น่าเชื่อเลย
 ไปถึงก็จ่าย ค่าปี้ (ค่าตั๋ว) ประมาณคนละ 5 พันกีบ หรือ 20 บาทไทย ค่าจอดรถอีกต่างหากประมาณ 10 บาทล่ะนะ เหมือนค่าเข้าอุทยานบ้านเราค่ะ
เดินเข้าไปข้างในก็เจอทัวร์มากมายๆๆ วาเลยตัดสินใจเดินตามฝรั่งลงไปข้างล่างค่ะ เพราะข้างบนคนเต็มเลยอ่ะค่ะ ตรงจุดชมวิว กะว่าลงไปจะได้เห็นชัดกว่าไง แต่พอลงไปเรื่อยๆเนี่ย เอ่อ... มันจะลำบากไปไหนน๊อออ
อารมณ์เดินลงรูอ่ะ ต้องเหนื่ยวๆต้นไม้ไว้ พอมองลงไป แทบจะ 90 องศา เจอฝรั่งกะลังตะเกียกตะกายอยู่ คาดว่าคงจะไม่ใช่ตัวตนของเราละนะ ไม่น่าจะต้อง ผจญภัยขนาดนั้น กลับเถอะ (- -)
ปล. ทริปนี้มีนางแบบ เพราะมีคนถือกระเป๋ากล้องให้ เย่ๆๆๆ (แต่ตูแบกเป้ ใบเบ้อเริ่มเลย แมนได้อีกกกกกก) 
หลังจากปีนขึ้นมาด้านบนแล้ว ทัวร์ก็หายไป เราก็เลยได้เห็นวิวเต็มๆตา โหย ลงไปข้างล่างมันมี ต้นไม้บัง รอดูข้างบนก็ดีแล้ว จะลำบากทำไม แง๊ววว ตอนวาไป น้ำแห้งค่ะ แต่ก็สวยดีค่ะ " น้ำตกตาดฟาน " เหมือนเคยได้ยินจากพี่นิ NiToRiA ว่า ฟานแปลว่า กวาง หรือ เก้งนี่อ่ะ แล้วน้ำตกก็เหมือน เป็น เขาสองข้าง ตาดก็แปลว่า น้ำตก ก็เลยเป็น ตาดฟาน นี่เอง 
ออกจากที่นี่ ด้านตรงข้าม ก็มีน้ำตกเช่นกันค่ะ จำไม่ได้ว่าชื่ออะไร ถามเค้า เค้าก็บอกว่า มันมีน้ำตกอยู่ เข้าไปดูสิ แต่ไม่ค่อยมีคน เราเลยอ้ะ ไปก็ไป พอไปถึงก็เงียบมากจริงๆ แต่ก้ยังมีคนคอยเก็บค่าปี้ อยู่นะ
ลงไปก็เห็นไกลๆตรงนี้พอค่ะ ไม่อยากปีนลงไปแล้วอ่ะ เหนื่อยยยย แต่น้ำใสดีนะคะ รู้สึกว่าน้ำตกเค้า สะอ๊าด สะอาดล่ะ

แล้วเราก็มุ่งหน้า น้ำตกตาดเยื้องค่ะ แดดแรงมากๆ จ่ายค่าปี้ แล้วก็หาที่จอดรถ ตามอัธยาศัย ไปแอบสนใจลูกเขียวๆแดงนี่อย่างมากมาย รู้จากเด็กเฝ้าห้องน้ำว่า มันคือ " เมล็ดกาแฟ " แปลกดีจัง พอได้ความรู้ใหม่จากน้อง เลยหยิบ " มะเกลี้ยง " ที่พกมาจากตลาด ยื่นให้น้องลูกนึง ดูน้องจะดีใจมาก ปานได้ชอคโกแลต เฟอเรโร่ ทำนองนั้นเลย
อ้อ ลืมเล่า เนื่องจากเราหาขนมกินไม่ได้เลย พอไปตลาดเจอส้ม ก็เลยซื้อมากินเพลินๆ ปรากฏ มันช่วยได้มาก เวลาปาก ว่างค่ะ ซื้อตลอดเลยหมดก็ต้องซื้อติดไว้
มะเกลี้ยง = ส้มธรรมดา มะเกลี้ยงเบียด = ส้มจีนลูกเล็กๆ กิโลละ 12 พันกีบแหน่ะ ตก 48 บาทอ่ะ 
อุดหนุน เข้าห้องน้ำ น้องเค้าไปด้วยค่ะ เป็นห้องน้ำที่เดียวที่ได้เข้านอกเหนือจากที่โรงแรม นอกนั้นเก็บไว้มาเข้าที่โรงแรมดีกว่า ไม่ไหวจะเคลียร์ (- -)

แถวนั้นจะมีร้านค้า ขายนู้น นี่นั่น ร้านอาหารมากมายด้วยค่ะ มีหลายร้านเลย แต่เดี๋ยวเราเก็บท้องไว้ก่อน ลงไปดูน้ำตกเฉยๆ ก็เดินลงไปเรื่อยๆค่ะ มีป้ายบอกก้เดินไปตามทาง ไกลอยู่แหะ 
ยังต้องเดินต่อไปอีกหน่อย แต่เริ่มได้ยินเสียงน้ำตกแล้ว พอมองลงไปก็ต้องปีนบันไดไม้โย้เย้เล็กน้อยค่ะ พอมองไปข้างหน้าจะเจอ จุดชมวิว โหววววววววว อลังกาลจัง จุดนั้น สวยดีนะ เวลามองจากตรงนี้

พอเราเดินไปยืนที่จุดนั้นบ้าง แล้วหันไปทางน้ำตก เราก็ต้องกรี๊ดดดดด เพราะภาพเบื้องหน้า ช่างสวยงามอะไรแบบนี้คะเนี่ย เหมือนอยู่บนสวรรค์เลย แอบเว่อร์ แต่รู้สึกแบบนั้นจริงๆน๊า ต้องไปดูของจริงเอาเอง ^^ 
มองไปข้างล่างซ้ายมือ ก็เจอน้องรุ้งกินน้ำ หูววว สวยจัง ^^ เลยวิ่งไปถ่ายรูปคู่ซะหน่อย แต่ก็ต้องเอาผ้าห่อแทบไม่ทัน เพราะน้ำตกกระเด็น ยืนโพสท่านานไม่ไหวนะคะ เล่นเอาเปียกหลังเลยทีเดียว 
เสร็จแล้วเราก็แวะเติมน้ำมันกันค่ะ แล้วมุ่งหน้าไป น้ำตก " ตาดผาส้วม " แล้วก็จะแวะหม่ำๆข้าวที่นั่นกันเลย หิวแล้วเย่ๆๆ
ตรงนี้มีเด็กวิ่งมายืนดูเราเติมน้ำมันด้วย ไม่รู้เพราะเรากำลังยืนแกะมะเกลี้ยงอยู่รึเปล่า น้องเลยแอบสนใจ 5555 เลยถามว่ากินส้มด้วยกันป่าว น้องเค้าทำหน้า งงๆ เลยบอกใหม่ เอ้อ..กิน มะเกลี้ยงด้วยกันป่าว ? เท่านั้นล่ะ พยักหน้าอย่างไว
เลยแจกมะเกลี้ยงไปอีกคน แอบนางเอกนะเนี่ย รักเด็กค่า รักเด็ก ฮิ้วววววว!!
ออกเดินทางต่อ นนนี่ก็ชี้ให้ดู น้องหมูดำข้างทาง กรี๊ดดดดดดดดดด มีลูกน้อยด้วยอ่ะ น่ารักเว่อร์ จอดดดดดดดดดดด!!!! 
ลูกหมูดำ พยายามวิ่งตามแม่ อย่างขะมักเขม้น ซึ่งแม่มันก็ไม่ได้สนใจเลย ในขณะนั้น วาก็วิ่งตามลูกหมูอย่างขะมักเขม้น เช่นกัน ขอถ่ายรูปหน่อย ขอถ่ายรูปหน่อยยยย
ตัวเล็กๆน่ารัก น่ากินมากเลยค่า เอ๊ยไม่ช่ายยยย!!  รู้สึกนิดๆ ว่า น้องหมูน้อย แอบรำคาณ จากวิ่งหนี ก็มาหยุดยืน งงๆ ใส่วา เลยได้รูปนี้มา เอิ๊กกกก ไปก่อนน๊า บ๊าย บายยยยยย

ออกเดินทางต่อ ถึงท่างเข้า อุทยานบาเจียงรีสอร์ตค่ะ ต้องเสียค่าปี้เช่นกัน เรามาถึง รู้สึกทางทัวร์จะมีปัญหา เลยต้องรอกันนานเลยอ่ะ ช่วยสนใจเราหน่อยได้มั๊ย ถึงขนาด ขับมอเตอร์ไซต์ เข้ามายืนรอข้างใน คือถ้าขับไปไม่จ่ายตังค์ เค้าก็ไม่รู้อ่ะนะ
(- -) 
มาถึงเราก็สั่งอาหารมาประทังชีวิตค่ะ อาหารราคาค่อนข้างสูงทีเดียว แต่อร่อยใช้ได้อยู่ค่ะ อยากกินปลาตัวใหญ่ๆทอดก็ไม่มี ได้ปลาแม่น้ำมา ถามว่าปลาอะไรก็ตอบแต่ว่า ปลาแม่น้ำตลอด อ่ะ แม่น้ำก็แม่น้ำ ฮือออ
มื้อนี้หมดไปเป็นแสนค่ะ ราวๆ 500 กว่าบาทไทย

อิ่มแล้ว มีคุณลุงคนนึงบอกว่า อยากไปทัวร์ชมหมู่บ้านชนเผ่ามั๊ย? ถ้าไปก็เดี๋ยวไปรวมกัน แล้วเค้าจะพาไป ไหนๆก็มาแล้ว เลยไปก็ไปค่ะ ก่อนไปก็ถ่ายรูปน้ำตก ตาดผ้าส้วมก่อน หินสีดำๆนี่ก็แปลกดีนะคะ เค้าว่าให้คนไทยมาจัดน้ำตกให้ใหม่เลยสวยกว่าเดิม
รู้สึกภูมิใจแทนคนไทย ทั้งๆที่ไม่เกี่ยว ^^ คนไทยนี่เก่งจริงๆเลยยย 
เอาล่ะ ลูกทัวร์พร้อมแล้ว ก็เดินไปถ่ายรูปไปกัน เริ่มที่สะพานไม้อันนี้ค่ะ ที่ถ่ายหนังเรื่อง สบายดีหลวงพระบาง ใช่ป่ะ สวยดีนะคะ แต่วาเดินไปก่อน ไปเห็นป้ายด้านหน้าก็สยอง เง้อออ
รับน้ำหนักได้ 10 คน แต่ที่อยู่กันอ่ะ เกือบ 15 เดี๋ยวข้ามไปรอด้านโน้นละกันนะคะ (- -")

คุณลุงชุดพื้นเมืองด้านหน้านั่นล่ะค่ะ เป็นไกด์พาเราเดินชม ตอนแรกเค้าก็พาไปดูที่พักก่อน พาเข้าบางห้องด้วย ที่พักก็บ้านๆดี ตกแต่งด้วย ต้นไม้ เถาวัลย์ พันเกี่ยวกันไป มีต้นไม้โผล่มากลางบ้านมั่ง แปลกตาดีค่ะ 
แล้วก็เข้าสู่ หมู่บ้านชนเผ่าค่ะ มีบ้านแบบต่างๆ มีศิลปะหัตกรรมต่างๆมากมายก่ายกอง ขึ้นไปเล่น บนพิพิธภัณฑ์มาด้วยค่ะ เลยได้เป็น แม่หญิงลาวไปเก็บใบชากัน แต่ดูแล้วเหมือน ชาวเขาเผ่าแม้วแอ๊บแบ๊ว มากกว่าแหะ (^^)

คุณยายคนดัง เห็นกันทุกกระทู้ที่ไปมาเลย แต่วาถ่าย แดดแรงมากค่ะ นู๋ขอโทษ _/|_ เค้ามีขายผ้าซิ่นด้วยนะคะ แต่ไม่รู้จะซื้อไปทำไม เลยไม่ได้อุดหนุนมา แอบเห็นบันไดบ้าน เอ่อ...ลำบากไปมั๊ย? มีบ้านเสาเดียวด้วย แต่ไม่มีบันไดขึ้น เค้าห้ามขึ้นแล้วค่ะตอนนั้น
อ้อ ดอกไม้สวยงามมากค่ะ ดอกอะไรน๊อ 
เดินเล่นเพลินๆก็ถึงเวลากลับกันแล้วค่ะ จริงๆแพลนวันนี้ กะว่าจะบิดมอไซต์ไปประสาทวัดภู ด้วยซ้ำ แต่ด้วยความหนาวจนไม่ไหวแล้ว เลยยกเลิกทันที แถมทางไกล ถ้ากลับดึกต้องแย่แน่ๆ
เลยเอ้อระเหยไปตามทาง มุ่งหน้าที่พักกันดีกว่าค่ะ พระอาทิตย์ใกล้ตกแล้วววว อากาศก็เย็นลงเรื่อยๆเลยค่ะ

กลับถึงห้องวันนี้ เราขอจองห้อง 600 บาทเอาไว้ตอนเช้า ข่าวดีคือมีห้องค่ะ เลยย้ายของมาที่ห้องนี้ คราวนี้ไม่ลืมถ่ายรูปนะ ^^
ห้อง 600 บาทของที่นี่ จะใช้ทางขึ้น ด้านหลัง ตรงที่จอดมอเตอร์ไซต์นะคะ ห้องโอเคทุกอย่าง แต่ไม่มีอ่างอาบน้ำ แล้วก็ เพดานจะเตี้ยค่ะ เรียกว่าห้องจะอยู่ ที่ชั้น 1 ครึ่งอ่ะค่ะ เหอๆๆๆ ห้องถือว่าโอเคเลยนะคะเนี่ย 
ทีวีที่นี่ ดู true vision ได้ด้วยอ่ะ เริ่ดไปมั๊ยคะพี่น้องงง 
เอารถไปคืนเลยแวะซื้อลูกชิ้นทอดมากินกัน ที่นี่เค้าเก๋นะคะ ร้านลูกชิ้นทอดริมโขง มีเก้าอี้ให้นั่งด้วย มานั่งจีบๆกัน จิ้มลูกชิ้นกินกัน เอ้อ .... โรกะติกไปอีกแบบ แต่เราแบกกลับบ้านดีกว่า ชิวด้วยไม่ไหวค่ะ หนาว ตกดึก หนาวขึ้นอีกค่ะ อยู่ไม่ได้ เปิดแอร์ปาไป 30 องศา ไม่ช่วยอะไรเลย แอร์จะพังเอานะ เง้อออ เลยออกไปเดินเล่น ตากลมดีกว่า (ช่วยอะไรได้มั๊ย) ออกไปเจอ สี่แยกไฟแดง ก็เห็นโรตีขายอยู่ค่ะ เลยจัดมากิน ห่อกระดาษสมุดเลยทีเดียว (- -) เงินเหลือราวๆ 9 พันกีบสุดท้าย ก็เลยใช้หมดมันที่ร้านชำ ซื้อ เบียร์ลาวซะงั้นน่ะ 
เช้าแล้วค่ะ วันนี้เราเตรียมตัวกลับอุบลกันแต่เช้าตรู่ สรุปว่า อดไปน้ำตก คอนพะเพ็งอย่างเป็นทางการ เพราะว่า ถ้าไปก็คงต้องค้างคืน ถ้าไม่เหมาไป ก็จะกลับไม่ทัน ไม่มีรอบรถ พอตอนเช้าก็จะไม่ทันเครื่องกลับ กทม. เลยตัดสินใจกลับอุบล แล้ว รอโอกาสหน้ามาใหม่แล้วกันค่ะ มันผิดแผนตรงหนาวนี่ละน๊า เอาไว้ไปใหม่ ถ้าทำใจได้เรื่องจะถูกโกงอีกรึเปล่า เหอๆ 
รูปด้านบน เป็น ล๊อบบี้โรงแรมนะคะ แล้วก็ชั้น 1 ครึ่งที่วาอยู่เมื่อคืนนั่นล่ะค่า เรียกสามล้อไปส่งที่ท่ารถโดยสารระหว่างประเทศ จำเวลาแน่นอนไม่ได้ แต่ไปก่อนเวลาแน่นอนค่ะ ก่อนเยอะด้วยนะ แต่ไปถึงก็เจอปัญหาเดิม รถเต็ม กรี๊ดดดดดดดดดดดดดด ทำไมไม่มาจองไว้ก่อนฟระเรา อะไรเนี่ย ขากลับวันนี้ ~ หวานเย็นอีกแล้วสิตรู คิดถึงขามาแล้ว แทบหมดแรง อ๊อยยยยยยย หนทางสุดท้ายแห่งความหวัง คือ รถตู้ไปลงช่องเม็กเช่นเดิมค่ะ เดชะบุญว่า พอมาถึง ก็มีรถพอดี ก็นั่งแบบ สบายๆ กลับไทยแล้ว เย่ๆๆๆ 
พอมาถึงก็ผ่าน ตม. ซื้ออะไรกินในดิวตี้ฟี นิดหน่อย แล้วก็ผ่าน อาคารยานอวกาศ ชองเม็ก เข้าสู่ประเทศไทยซักที อ๋อยยยย คิดถึง ส้มตำ น้ำตก และ 7-11 (- -") 
ขากลับ เรานั่งรถหวานเย็นเจี๊ยบไม่ผิดแผกจากขามา ใช้เวลาร่วมสามชั่วโมงเช่นเดิม ใช้ Google ในมือถือ เสิชหาที่พักในอุบล เจอราคา 400 บาท รับส่งสนามบินฟรี เข้าทาง! เลยหาทางไปถึงที่นั่นด้วยรถสองแถว มั่วมากๆ แต่ก็ไปถึงจนได้ เพราะ ที่พัก อยู่ใกล้ๆโรงพยาบาลสรรพสิทธิ์ค่ะ ใครๆก็เลยรู้จัก ทำเลดี มีของอร่อยเพียบบบบ โอ้ย ปลาปปลื้มมมม แต่ที่พักไม่มี ลิฟท์นะคะ เดินเท่านั้นค่ะ แล้วเราได้อยู่ชั้น 4 ไง แอบเคือง!! 
อาบน้ำแต่งตัวออกไปเดินหาอะไรใส่ท้อง ที่แถวๆโรงพยาบาลกันหน่อย แล้วเราก็พบร้านอาหารอิสาน ของแท้และดั่งเดิม แอร๊ยยยยย เอาพิซซ่ามาแลกก็ไม่ยอม!! ปล. น้องหมาในรูป ของคนแถวนั้นอ่ะ อยากขโมยกลับบ้าน >< 
เนื่องจากไม่ได้ออนไลน์กว่า 3 วัน e-mail ตรึมแน่นอน เลยหาร้านเน็ตเล่นแถวนั้นเป็นการฆ่าเวลา พอมืดๆออกมาอากาศหนาวๆ ก็มีร้านอาหารกลางคืนมาแทนร้านกลางวัน โอ้ยย ชั้นรัก จังหวัดอุบลฯ 555 ผัดไท หอยทอดร้อนๆ ขนมปัง สังขยา เริ่ดที่สุด!! 
หอยทอดก็น่ากินนะพี่ นั่งอมยิ้มริมระเบียง คุณ ป๋อหลาง เดี๋ยวต้องเกาะปีกเครื่องบินกลับแล้วค่ะ ^^ ตอนเช้าตื่นมา ร้านโจ้กก็ปรากฏ โหว สุดยอดจริงๆค่ะ คิดไม่ผิดเลย ที่พักระแวกโรงพยาบาล ของกินตรึม ถ้าไปอุบลฯอีก จะนอนที่นี่ :) อิ่มจากอาหารเช้าง่ายๆ เราก็พร้อมเดินทางค่ะ มีรถตู้ไปส่งเราฟรีถึงสนามบินเลย นั่งแค่ 5 นาทีเท่านั้น เพิ่งรู้ว่ามันไม่ไกลจากที่พักเลยซักนิด 
บอร์ดดิ้งพาสแบบนี้ เพิ่งเคยได้เป็นครั้งแรกในชีวิต เหอๆ ^^ 

ไม่นานนักเราก็ต้องกลับ กทม. กันแล้วจ้า เย่!! พอลงเครื่องที่สุวรรณภูมิ ก็เลย แวะไปแถวรามคำแหงค่ะ ใช้สิทธิ์จาก HotelClub ซักหน่อย แต่เป็นอะไรที่ผิดหวังมากกก ที่เราเลือกที่นี่ค่ะ " ชาลีน่า ปริ๊นเซส " ห้องพักเก่ามาก แถมวันที่ไป รอเช็คอินตั้งกะ เที่ยง ได้เข้าพักจริงๆ 4 โมงเย็น 
ต้องไปหาข้าวกินรอ แล้วใช้ชีวิตอยู่ในร้านเน็ตแทน เซ็งระเบิดดด แต่ที่ประทับใจคือ ร้านอาหารตามสั่งตรงนั้น ทำอาหารอร่อยเทพมาก พอไหวๆ 
อันนี้เป็นห้องที่ว่าค่ะ ห้องน้ำน่ากลัวมากขอบอก พอตอนเช็คเอาท์ เราก็เลยถามแม่บ้านว่าห้องเป็นแบบนี้จริงดิ น่ากลัวอ่ะ พอดีเราเลือกไม่ได้ หรือเพราะ HotelClub ไม่รู้ เลยได้ห้องเกรด 7-8 ร้อยบาท พอขอดูห้อง 4-5 ร้อยบาทที่โฆษณาไว้ก็ เอ๋อเลย ห้องดีกว่าห้องเรามาก เสียเซลฟ์ไปเลย เพราะเค้าว่าปรับปรุงใหม่แล้ว ยิ่งห้องที่ราคาเท่ากันกับเรา แบบปรับปรุงแล้ว กว้างขวาง ดูดีอ่ะ โหย เซ็งอ่ะ ไม่ยอมมมมมม ตอนเช้า อาหารเช้า ข้าวผัดแทบกระเดือกไม่ลง แข็งมาก เลยไม่กินมันละไปทำงานต่อเลย ฟิ้ววววววววววววววววววววววว !! ทริปลาวใต้นี้ก็จบเพียงเท่านี้ สวัสดีค่า ถ้าชอบ Blog หน้านี้ก็กดโหวตเป็นกำลังใจกันหน่อยนะค๊า (^^)
V V
Create Date : 17 กุมภาพันธ์ 2554 |
Last Update : 20 มิถุนายน 2554 19:21:32 น. |
|
6 comments
|
Counter : 4046 Pageviews. |
 |
|