:: สักการะพระธาตุอินทร์แขวน ::

การเดินทางขึ้นไปสักการะพระธาตุอินทร์แขวนนั้นทุกๆคนจะต้องนั่งรถบรรทุกขึ้นไปค่ะ
เป็นที่นั่งแบบไม้พาด นั่งแถวละ 6
คน ขาไปเราก็แอบเหวอๆ เพราะไม่มีข้อมูลใดๆ เป็นภาษาอังกฤษเลย
แถมเรามาถึงก็ 6
โมงเย็นแล้ว ถือว่าเย็นมากๆ เริ่มมืดแล้วค่ะ โซว โซว
ก็บอกเราคร่าวๆว่าต้องจ่ายคนละ 1500 จั๊ด
แล้วที่เหลือเราก็ผจญโลกกันตามลำพัง ที่นั่ง VIP ของทุกคน เหมือนกันหมด
หน้าตาแบบนี้ค่ะ





ในระหว่างรอคนอื่นอยู่ ก็ไม่มีอะไรทำ เลยถ่ายวิดีโอเล่น
เพราะฟังใครไม่รู้เรื่องเลย เง้อ เค้าพยายาม ยัดทุกคนลงไปในรถให้หมดค่ะ
ต้องให้เต็มเปี๊ยะๆ ถึงจะออกรถเค้าไล่ให้ทุกคนไปนั่งๆ รวมกัน เพราะ
วันนี้มีกรุ๊ปทัวร์ จอง 2 แถวหลังเอาไว้ (ประมาณว่า จ่ายราคาเหมา ประมาณ 12 คน
ทั้งแถวเลย แต่ทัวร์เค้านั่งกัน 7-8 คน เลยนั่งสบายหน่อย)

พอรถออก
ก็มืดพอดีค่ะ ก่อนขึ้นเขา เราจะต้องผ่านด่าน นับจำนวนคนก่อน อารมณ์เหมือน
ลักลอบเข้าเมืองเลย นั่งเป็นแถวๆ เหอๆ
หลังจากนั้นก็มืดมาก มองเห็นแต่ดาวบนฟ้าค่ะ อากาศหนาว และ หนาวขึ้นเรื่อยๆ
โรแมนติกมากๆ(เชื่อมั๊ย 5555) แต่รถขับเหวี่ยงจนไปกองรวมกัน ซ้ายทีขวาที
นั่งไปบนขาใครมั่งก็ไม่รู้ คนอื่นก็มานั่งขาเราเหมือนกัน 

ในรถมีคนพม่าคนนึงค่ะ
หันมาถามเราว่า " โคทาหรอ " เราก็แบบ กรี๊ดด มีคนพูดภาษาไทยด้วย เลยได้คุยกันค่ะ
เค้าบอกว่าเคยไปทำงานที่มหาชัย เลยพูดไทยได้ แต่เค้าย้ำจนเรากลัวหน่อยๆว่า "
มากาแค่สอโคหรอ " (มากันแค่สองคนหรอ) ท่าทางเค้า งงๆ ที่เจอหญิงไทยมากันเอง 2
คนอย่างแรงค่ะ แหะๆ 

รถบรรทุก จะไปจอดที่กลางทางค่ะ เพื่อรอรถสวนลงมา
ทางมันชันและแคบมาก คนขับต้องคึกคะนอง ไม่ก็เมายาบ้าเท่านั้น ถึงจะขับได้นะ (-
-) เค้าก็จะมาเก็บเงินเราตรงนี้ค่ะ 1500 จั๊ด ตอนนี้เราแอบได้ยินไกด์คนไทย
พูดๆ แนะนำลูกทัวร์ของเค้า เราก็แอบฟังด้วย ได้ยินว่า
เค้าเพิ่งปรับปรุงพระธาตุอินทร์แขวนเสร็จ ก่อนหน้าเรามาแค่ 3 วัน กรี๊ดดด
เป็นบุญของเรา จริงจริ๊งงงง

พอไปถึง Yathetaung middle camp ที่อยู่กลางเขา
สำหรับนักท่องเที่ยว จะมีทางเลือก 2 ทางค่ะ คือ ขึ้นเสลี่ยงรับจ้าง และ
เดิน ซึ่งแน่นอนว่า ทริปไฮโซ อย่างเราก็ต้อง "เดิน" เท่านั้นค่ะ (-.-) แล้วดูถนน หนทาง เส้นทางการเดินซะก่อนค่ะ มืดมากกกกกกกกกกกกกกก




ก่อนขึ้นเขา เราจะเป็นที่สนใจของชาวพม่ามากๆ โดนผู้ชายเดินตามกันให้เพียบ
แอร๊ยยยย!! อย่านะ อย่านะ จริงๆ เค้ามาเรียกให้เรา จ้างเสลี่ยงขึ้นไปต่างหาก
น้ำหน้าอย่างนี้ ไปไม่รอดแน่ ว่างั้นเถอะ มีเด็กคนนึงที่รับจ้างแบกกระเป๋า
เดินตามเราไปตั้งไกล เพราะคิดว่า มันต้องฝากกระเป๋าแน่ๆ คงได้กินเงินเราแน่
ว่างั้นเถอะ

เราเดินทางมากับป้าที่พูดไทยได้ แล้วก็
หนุ่มสาวชาวพม่าคู่นึงค่ะ โชคดีมากที่เค้ามีไฟฉาย เลยได้เดินขึ้นเขาไปพร้อมๆกัน
ระหว่างทางมืดมาก จะสว่างอีกที ก็ตรงที่มีร้านขายน้ำ และอาหารต่างๆรายทาง
แต่มืดแล้ว มีแต่น้ำขายค่ะ เดินไปไฟก็ดับเป็นระยะๆ



เดินไปก็นั่งพักไปค่ะ มีที่นั่งพักตลอดทาง
ตอนนี้เราก็พยายามบอกน้องรับจ้างแบกกระเป๋า ว่า น้องคะ พี่ไม่มีตังค์
(น้องเค้าพูดไทยพอได้) ไปเดินตามคนอื่นเถอะ ถึงพี่เหนื่อยพี่ก็ไม่จ้างน้องแน่นอน
เพราะพี่ไม่มีตังค์ค่ะ เงิน 100 ดอลล่าห์ใช้ไม่ได้ ยังไม่รู้จะเอาตังค์ที่ไหน
กินข้าวเลย น้องเค้าก็เลย เดินหายไปในที่สุด (-.-")

จะบอกว่า
ตอนนี้วารู้ตัวว่าเหนื่อยมาก รู้สึกตัวเอง จะหยุดหายใจหลายครั้ง หายใจไม่ทัน
ยิ่งเดินสูง อากาศมันเปลี่ยน หนาวมากด้วยค่ะ
แต่เหงื่อแตกพลั่กๆเลย วาเดินรั้งท้ายเลย เพราะรู้ตัว
ว่าไม่เคยออกกำลังกายใดใดเลย ถ้าเร่งเกิน มันจะตายเอาง่ายๆเลยนะนี่
พอเหนื่อยก็ขอนั่งทันที ตามเสาปูนหรือที่นั่งแบบนี้ค่ะ  ขอเบลอหน้า
นางแบบหน่อย ตอนนี้ต่อให้ นางงามก็ต้องหมดสภาพไปตามๆกันแหง๋ค่ะ





ระหว่างที่นั่งพัก หรือเดินอยู่ กลุ่มป้าๆ ทัวร์คนไทย ที่นั่งเสลี่ยงขึ้นมา
ก็ตามมาทัน เค้าก็ทักทาย แล้วบอกว่า เก่งกันจังเลย เดินขึ้นมาเองด้วย
เราก็ยิ้มตอบรับคำชม แต่ว่า จริงๆถ้าเลือกได้ หนูก็ไม่อยากเดินหรอกนะคะ
ติดแค่ว่า ไม่มีตังค์ แค่นั้นเองงง
ฮ่าฮ่าฮ่า

เราถามไกด์ของทัวร์นี้ว่า
ค่าเสลี่ยงเท่าไหร่ เค้าบอกว่า 17000 จั๊ดค่ะ ประมาณ 600 บาท (จริงๆ
น่าจะถูกกว่านี้ได้อยู่ แต่เค้าราคาทัวร์ค่ะ หุหุ) พอไปได้ซักระยะ
จะมีทางลัด สำหรับคนที่เดินเท้าค่ะ เราก็เดินไปเรื่อยๆ มีร้านค้าตามรายทาง
ก็เปิดบ้าง ปิดบ้าง ที่เห็นแล้ว อเมซิ่งมากๆ ก็คือ ร้านเกมส์ค่ะ PS2 อ่ะ
มีทีวีอยู่ราวๆ 3-4 เครื่อง ไฮโซมากๆๆๆ 



พอมาสุดทางของทางลัด (ที่เป็นขั้นบันได ลำบากๆ) เราก็จะมาเจอ
ชุมชนขนาดใหญ่ค่ะ กรี๊ดดดดดดดดดด ถึงแล้วววววววว ม ถึงก็เห็นป้ายนี้ เป็นกึ่งๆ
แผนที่ค่ะ แต่เท่าที่เดินมาเนี่ย มันคดเคี้ยวกว่านี้แยะเลยนะ



เดินไปนิดเดียว เราก็เจอป้ายนี้ค่ะ กรี๊ดดดดดดดดด ถึงแล้ววว เราก็โบกมือบ๊าย
บายผู้ร่วมเดินทางของเรา คือป้าที่พูดไทยได้
และหนุ่มสาวชาวพม่า ที่เดินมาด้วยกัน
แล้วก็พุ่งตัวไปที่พักที่จองไว้ทันที เราจองก่อนมาประมาณ 3 วัน
(เตรียมตัวมาดีมาก จองก่อนมา 3 วัน โหะๆ) ราคารวมค่าธรรมเนียมรูดบัตรแล้ว 45 ดอลล่าห์ ค่ะ (แพงอยู่) แต่อยู่บนเขา ต้องทำใจ



เข้าไปเช็คอิน เราก็ได้ welcome drink เป็น
น้องน้ำขวดเล็กน่ารักค่ะ 
แต่เราแบกซื้อมาจากกลางทางแล้ว เลยไม่ได้กิน
พอเข้าไปที่ห้อง ก็เลยได้ชักภาพร่วมกัน
ครอบครัวน้ำดื่มโพลาลิส แหะๆ



ที่พักของเรา หน้าตาดีมากกว่าที่คิดค่ะ แลดูสะอาดสะอ้านดี
เป็นห้องพัดลมนะคะ
แต่หนาวมากกกกกกก มีน้ำอุ่นให้อาบด้วยค่ะ 



เราชมห้อง ลัลล๊า กันได้ไม่ทันไร ก็มีคนมาเคาะห้อง
บอกว่าห้องอาหารจะปิดแล้ว จะสั่งอะไรทานก่อนมั๊ย (พร้อมยื่นเมนูมา)
ดูจากราคาแล้ว เราเลยขอรับแค่ น้ำร้อนก็พอค่ะ โดยให้เหตุผลว่า
เหนื่อยเกินไปที่จะกินอะไรตอนนี้ 
ฮ่าฮ่าฮ่า

แล้วพอน้ำร้อนมา
เราก็แกะมาม่าใส่น้ำร้อนกันแบบ มือสั่นเลย เอิ๊กกกกก
(อุปสรรค ยังไม่จบนะคะ
เพราะมันมีช่วงเวลาที่เปิดกระติกน้ำร้อนไม่ออกด้วยล่ะ เง้อออ)
แต่ไม่เล่าดีกว่า
จำได้ว่า ทรมานกว่าเดินขึ้นเขาอีกเนี่ย หิวๆ แล้ว น้ำร้อนเปิดไม่ได้ งามไส้เอ้ยย!




อิ่มแล้ว ก็อาบน้ำแต่งตัวเป็นสาวพม่า ปะแป้ง ทานาคา วันนี้ใส่ ทะเม็งด้วยนะ
อิอิ
ซื้อมาจากหน้าวัดเจดีย์ไจ๊ปุ้นค่ะ ผืนละ 2500 จั๊ด ผ้าดี สีสวย
ซักแล้วสีไม่ตกด้วย
อันนี้เค้าต่อเอา เย็บมาแบบใส่ได้ทันทีเลยซื้อมาใส่กันเนียนๆ 



เดินไปนิดนึงก็ถึงทางขึ้นแล้วค่ะ เราต้องถอดรองเท้าตรงบันไดนี้
เพื่อที่จะเดินต่อไปยังพระธาตุ
จริงๆถ้าพักบนนี้ไม่ต้องเอารองเท้ามาจากห้องยังได้เลยค่ะ
แล้วเราก็เห็นพระธาตุไกลๆ
ลิบๆ ตื่นเต้นจังงง




พอไปถึงก็เจอคนเต็มเลย ที่ขึ้นมานั่งสมาธิแถวๆนี้ค่ะ บ้างก็มานอนกันตรงนั้นเลย
ป้าคนที่พูดไทยเล่าให้ฟังบนรถว่า
คนพม่าจะขึ้นมาแล้วพักที่ร้านอาหารแถวนั้น
จะมีที่ให้พักได้ แต่จะสำหรับชาวพม่าเท่านั้น
ไม่ให้นักท่องเที่ยวพักค่ะ 
มีบทสวดเสียงดังอยู่ตลอด บรรยากาศแปลกๆดีค่ะ 



มีไฟล์วิดีโอ ให้ได้รับบรรยากาศไปพร้อมกันด้วยค่ะ ^^



ขากลับเดินออกมา ก็ดึกมากแล้วค่ะ เราเดินอยู่แถวๆพระธาตุ
นานมาก
ออกมาก็เงียบสงัด แอบผ่านโรงแรมนี้ด้วย ก็มีกรุ๊ปคนไทย นั่งคุยกันอยู่เลย



กลับมานั่งเล่นที่ล๊อบบี้ของ เมาท์เท่น ท๊อป แล้วก็ไปนอนพักผ่อนกายากันซักทีค่ะ 
เฮ้อ วันนี้เหนื่อยสุดๆ รีวิวไปก็รู้สึกเหนื่อยขึ้นมาเฉยๆงั้นแหล่ะ (-
-*)
เดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าตื่นมา
เราจะไปไหว้พระธาตุอินทร์แขวนกันตอนเช้า
ดูว่าจะงามซักแค่ไหน
ตอนนี้ขอลาไปนอนก่อน แว๊บบบบบบบบบบบ!! 



อ่อ หน้าต่างห้องพัก เห็นวิวพระจันทร์ดวงโตด้วยค่ะ
วันนี้นอนสบายมากๆ
หรือเหนื่อยก็ไม่รู้ ^^"





ตื่นเช้ามาเห็นพระอาทิตย์ขึ้น ที่หน้าต่างห้องนอนเลย ^^







เช้าวันนี้ ตื่นปุ๊บ ก็รีบล้างหน้าแปรงฟัน ออกไปชมพระธาตุอินทร์แขวนแต่เช้าค่ะ

ระหว่างทางเดินไป เราก็จะเจอเป็นรถบรรทุกค่ะ จำได้ว่า มีรถต่อขึ้นมาจากที่เราลงรถเมื่อคืนอีก

แต่ว่าเค้าจะให้แต่คนพม่าขึ้นเท่านั้น นักท่องเที่ยวจะห้ามขึ้น ต้องจ้างเสลี่ยงเอา ประมาณนั้นนะคะ

เห็นแล้วก็อิจฉาเค้า เหอๆ






ชมวิวก่อนเดินไปถึงพระธาตุค่ะ อากาศหนาวมากกกกก วิวสวยมากด้วยค่ะ






แอบมองเห็นพระธาตุแว๊บๆละค่ะ คนเพียบเลยล่ะ






คนเริ่มหลั่งไหลมากันเรื่อยๆเลยค่ะ เหมือนว่าเค้าจะเดินขึ้นมากันแต่เช้า เพื่อมากราบพระธาตุกันแต่เช้า

วันนี้วันเสาร์ น่าจะเป็นวันหยุด (รึเปล่า) เลยมีคนมากันเพียบค่ะ

วันนี้เราเห็นกรุ๊บคนไทยหลายกรุ๊ปเลยค่ะ






ช่วงเช้าคึกคักมากเป็นพิเศษ เราแอบเห็นเค้ามาถ่ายรูปกันเป็นกิจจะลักษณะมากๆ

มีรีเฟลกด้วยค่ะ ไฮโซซะไม่มี






แล้วเราก็ได้เห็น พระธาตุอินทร์แขวนเต็มๆ ในตอนเช้าค่ะ (*.*) สวยจังเลย






วันนี้เราค้นพบว่ามีทางลงไปด้านล่าง ที่ใกล้กับพระธาตุมากๆ สำหรับผู้หญิงอย่างเราๆ

ที่เดินเข้าไปถึงด้านในไม่ได้ ก็ได้แต่ นั่งมอง แล้วก็อิจฉาผู้ชายที่เดินไปได้มากๆค่ะ






จากการพิจารณา อย่างถี่ถ้วน จะพบว่า ก้อนหินเหมือนจะแตะอยู่กับ หน้าผาแบบหมิ่นเหม่มากๆ

ซึ่งมีลักษณะ เทลงข้างล่างอีกต่างหาก แต่ทำไมถึง ไม่หล่นล่ะหนอ นี่ล่ะค่ะ ที่น่าทึ่งมากๆ

ยิ่งได้รู้ว่า เมื่อก่อน ก้อนหิน ลอยอยู่ห่างจากพื้นด้วยแล้ว ยิ่งขนลุกเข้าไปใหญ่ค่ะ

เป็นก้อนหิน ที่พระอินทร์แขวนเอาไว้ สมชื่อจริงๆค่ะ อ้อ ก้อนหินโยกได้ด้วยนะคะ






มีภาพเคลื่อนไหว ของพระธาตุอินทร์แขวนมาฝากด้วยค่ะ



เราเข้าไปไม่ได้ แต่วาก็ได้แตะก้อนหินด้วยนะคะ ถึงจะเป็นผู้หญิงก็เถอะ 
นี่ไง โหะๆๆๆๆ



ผู้คนเยอะแยะมากมายจริงๆค่ะตอนเช้า หลายๆคนก็ยัง นั่งสมาธิท้าลมหนาวกันอยู่เลย
บางครอบครัวก็มาปิกนิค กันพร้อมหน้า คนเยอะมากๆ และก็ยังมีทยอยกันมาเรื่อยๆเลยค่ะ
ในระหว่างนี้ด้วยความที่เราเหมือนพม่าอย่างกลมกลืนมากๆ เลยมีคนเดินมาเก็บค่ากล้องประมาณ 500 จั๊ดซะงั้น 
พูดพม่าใหญ่เลย แล้วก็มีคนพม่า เดินมาพูดอะไรด้วยหลายครั้งมาก ก็งงๆ ตอบอังกฤษไป เค้าก็งงๆ เดินหนีไปเช่นกัน



ไม่นานนัก เราก็กลับไปทานข้าวเช้าค่ะ เตรียมตัว เดินลงไปข้างล่าง
เพราะนัดกับ โซว โซว ไว้เที่ยง เพื่อที่จะเดินทางกลับไปที่ ย่างกุ้งต่อไป
ถ่ายรูปเป็นที่ระลึกอีก(หลาย)รูป แล้วก็กลับไปที่พักค่ะ



พอเราออกมาตรงสิงห์ด้านหน้า ก็ต้อง ตกใจกับคนที่มาทำบุญกันที่นี่ค่ะ เยอะมากกกก
แถม รองเท้าที่เราถอดเอาไว้ เกิดหายไปซะงั้น ตอนเข้าไปก็ถอดรวมๆกันไว้
ออกมา มีคนมาแทนที่ แล้ว รองเท้าหายไป มิน่า คนอื่นถึง ถือรองเท้าเข้าไปด้วย
รู้แบบนี้ไม่ใส่ออกมาซะก็ดี (- -) พยายามเดินหารองเท้ากันอยู่ 10 นาที
ก็เจอไปอยู่อีกที่นึง ข้างบนค่ะ โล่งอก ถึงจะไม่ค่อยได้ใส่เวลาเข้าวัด
แต่ถ้ามาหาย ตอนเดินลงนี่ ไม่ไหวนะคะ ใจหายวูบเลย



คนมาอีกเรื่อยๆ เยอะมากกกกกก



ผ่านรีสอร์ตยอดฮิต ตอนเช้า เลยขอเก็บภาพหน่อย ด้านนี้จะได้วิวภูเขา และพระธาตุอินทร์แขวนค่ะ
แต่ราคาก็แพงกว่าที่เราพักมากค่ะ (- -)



กลับมาทานข้าวที่ เมาเท่น ท๊อป ห้องอาหารของเราก็มีวิวนี้ค่ะ ไฮโซวเหมือนก๊านนน



อาหารเช้าวันนี้ของเราค่ะ น้ำเปล่าไม่มีให้ พอเราขอน้ำเปล่า
เค้าก็เอาแบบขวด 500ml มาให้เราค่ะ พอจะกลับห้อง เค้าก็มาเก็บค่าน้ำเปล่า 500 จั๊ดค่ะ
ประสาท!! ไม่เอาน้ำส้มมาให้ ยังจะดีซะกว่า 
แถมไข่ก็เหมือนไข่เจียวสับ ยังไงไม่รู้ เฮ้อออ อารมณ์เสียยยย



เก็บของ เตรียมตัวเสร็จ ก็เช็คเอาท์ ออกจากที่พักค่ะ ถ่ายรูปหน้าที่พักกันนิดหน่อย
ระหว่างนี้ก็มีผู้ชายคนนึง เดินมาหาเรา บอกว่า เค้าเห็นเราเมื่อคืน เดินไปที่พระธาตุอินทร์แขวน
เราก็ งงๆ แล้วไงอะคะ เค้าบอกว่า เราไม่ยอมจ่ายค่าธรรมเนียม
อ้าวกรรม! ก็จริงค่ะเรายังไมได้ จ่ายค่าธรรมเนียม ซึ่งเห็นที่ทำการอยู่
แต่ไม่เห็นมนุษย์เลย แล้วก็ดึกมากแล้วด้วย คือเค้าเห็นเรา แทนที่จะมาบอก
แต่เท่าที่คิดคือ เราใส่ผ้าถุง ทาแป้ง ทานาคา เดินกันมืดๆ 2 คน ก็คงไม่แน่ใจว่าต่างชาติรึเปล่า
แต่พอวันนี้ เห็นเราใส่กางเกงยีนส์ สะพายเป้ เลยบอกว่า เรายังไม่ได้จ่ายค่าธรรมเนียม
เราก็เลยโอเค งั้นไปจ่าย



จริงๆ มันก็เป็นเรื่องที่ควรทำ คือจ่ายค่าธรรมเนียมเข้า ซึ่งเราไม่รู้ว่าต้องเดินเข้าไปข้างใน สำนักงาน
แล้วพอจะกลับก็มาเรียกไปจ่ายก็แอบแป้วๆ เหมือนกันนะนี่ ก็เอา Passport ไปยื่น
เขียนชื่อ บลาๆ แล้วก็จ่ายค่าธรรมเนียมเข้า 6$ ค่ากล้อง 2$
เราก็ เอ๊ะ.. จ่ายค่ากล้องไปในนั้น 500 จั๊ดแล้วนี่นา เก็บอีกแล้วหรอ
เค้าบอกว่า นั่นเป็น Donations นี่เป็นของนักท่องเที่ยว ต้องจ่ายตามปกติอยู่แล้ว
อ้าวเวนกรรม! มานึกได้อีกที ก็คือ นักท่องเที่ยวจะเสียแค่ 8$ นี่แหล่ะค่ะ
ส่วนคนพื้นที่ ก็ไม่เสียค่าเข้า แต่จะเสียค่ากล้องเป็นเงินจั๊ด

สรุป เสียทั้งขึ้นทั้งร่อง เพราะ ดันไปเหมือนพม่าช่วงเช้า พอสาย เป็นนักท่องเที่ยว
อิ่มบุญไปเลยทีเดียวค่ะเรา (*.*)

ปล. จ่ายไป 2 คน 16$ เหลือเงินดอลล่าห์ที่ใช้ได้อยู่ ราวๆ 20 กว่าเหรียญค่ะตอนนี้
กับแบงค์ 100$ ที่เค้าไม่รับ คืนนี้ ยังไม่ได้จ่ายที่พักเลย แอบเครียดประมาณนึง เง้อออ



ขวามือในรูป คือ สำนักงาน ที่เราจะต้องเข้าไปจ่ายค่าธรรมเนียมนะค๊า



เราเลือกใช้ทางลงเดิมที่เดินขึ้นมา คือ ทางลงขั้นบันได ที่เสลี่ยงผ่านไม่ได้
ตรงนี้ ตอนเช้าคึกคักมากค่ะ เปิดเป็นร้านขายของ มีพวกของที่ระลึก ของกินเต็มไปหมด
แล้วที่เจอเยอะมากๆ คือ พริกไทยสดค่ะ เห็นแล้วอยากกิน ผัดพริกไทยดำ เง้อออ



มีผลไม้ดอง ผลไม้แช่อิ่ม น่ากินเชียว แต่ไม่กล้าซื้อ



อันนี้เห็นหลายร้านมากค่ะ ออกแนว ยาดองเหล้า ที่ใส่ตะขาบด้วย
ป้าคนที่มากับเราเมื่อวานแกบอกว่า มันคือ ยาแก้ปวดขา



ทางเดินวันนี้เราได้เห็นเต็มๆค่ะ เป็นถนน ที่คดเคี้ยว แล้วก็ชันมาก
มิน่าล่ะ เมื่อวานเดินลำบากขนาดนั้น ตอนลงก็สบายกว่ามาก 
แต่รองเท้าจำเป็นต้องมีดอกยางที่ดีหน่อย เพราะเสี่ยงกลิ้งเอาง่ายๆค่ะ
วิธีเดินที่ปลอดภัยคือ เราจะต้อง ใช้ปลาเท้าจิกพื้นกันอย่างเต็มกำลัง
ซึ่งมันทำให้เราใช้งานกล้ามเนื้อน่องหนักมากกกกก แต่ถือว่า ชิลกว่าขาขึ้นมากแน่นอน



เส้นทางที่เลวร้ายที่สุด ขาขึ้นเมื่อวานก็คือ ทางโค้งค่ะ วันนี้เห็นเต็มๆตาเลยว่า ชันมากกกกกกก
จำได้ว่า ตอนเดินขึ้นนี่คือ เป้มันถ่วงแล้วก็เดินไม่ค่อยไหว ต้องก้มหน้าเดิน แทบคลาน
จนหน้าแทบขนานกับพื้น พอตอนลงก็แบบว่า ถ้าวิ่งลง ก็มีกลิ้งกันแน่ๆค่ะ



แล้วถนนที่เห็นนี้คือ ถนนที่รถบรรทุกคันใหญ่ๆ วิ่งด้วยนะคะ รถบรรทุกมาที เราก็ต้องหลบทีนึง
เพราะเค้าขับแบบ เมายาบ้า แล้วคิดสภาพ ตอนคนแบกเสลี่ยง ต้องหลบด้วย (- -)
แล้วพอถึงทางโค้งก็หักศอกแบบไม่เกรงใจใครจริงๆ มิน่าล่ะ ตอนเรานั่งรถ ถึงได้ เหวี่ยงสุดๆ
ดูความหักของถนนค่ะ จะประหยัดงบสร้างไปไหนเนี่ย น่ากลัวแท้ๆ



อยากให้ได้เห็น ว่ามันชันขนาดไหน เลยพยายามจะถ่ายวิดีโอมา
แต่ช่วงชันมาก วาก็ไม่ไหวจะถ่ายได้นะคะ ตื่นเต้นอยู่ เอาเป็นว่า เอาแบบ ชิลๆไปดู
(คนพากย์เสียงเหนื่อยมากค่ะ นี่ขนาดขาลง สบายกว่าขาขึ้นประมาณ 40 เท่า)



ในไฟล์ด้านบน จะเห็นว่า มีคนแบกเสลี่ยงลงไป เสียงดังมาก
เค้าจะต้องเดินเป็นจังหวะค่ะ ลำพังคนเดินเปล่าๆ แบบเราก็ลำบากแล้วอ่ะ
นี่ต้องแบกคนไว้ด้วย ท่าทางเค้าจะเหนื่อยกันมากมาย

ถ้าเรานั่งบนนั้น คงตื่นเต้นน่าดู เหมือนฝากชีวิตไว้กับคนอื่น เง้ออออ
เสลี่ยง หน้าตาประมาณนี้ค่ะ



ไม่นานนัก เราก็ลงมาถึงแคมป์กลางทางแล้วค่ะ เย้ จะได้ขึ้นรถบรรทุกแล้วววว
วันนี้หวังว่าจะสบายกว่าขาขึ้นซักนิดก็ยังดี แต่ที่ไม่ดีแน่ๆคือ แดดเปรี้ยงมากค่ะ



ที่นั่งก็ยัง VIP เช่นเดิม วันนี้เราเลือกนั่งหลังสุดเลย เพราะว่า เห็นมันมีที่พิงหลังดี
แต่เราก็คิดผิดถนัดค่ะ เพราะว่ามันทำให้ ก้นเราไม่มีที่ไปด้านหลัง เหมือนนั่งแถวอื่น
คือปกติ พอรถเหวี่ยงไป เหวี่ยงมา เราจะไปนั่งบนเข่าคนอื่นทันที คนอื่นก็นั่งเข่าเรา
แต่นี่เหมือนไม่มีทางไป เลยต้องเบียดกันอยู่แบบนั้นแหล่ะ ทรมานมากกกกกก 
พี่นิโดน สะโพกคนอื่นกดสะโพกเราเต็มๆ ปัญหาคือ เค้าผอมมาก จะกระดูกมาทิ่มเรา
ส่วนวาก็เจอคนข้างๆไม่ยอม หันเข่าไปทางเดียวกัน มันเลยแน่นๆ ไปไหนไม่ได้เลย
จนต้อง เอาเข่า ลงไปใต้ขอนไม้ที่นั่ง แล้วเอามือไปยึดเหล็กหลังรถไว้ กันไหลลงไปที่พื้น 
สูญเสียช่วงล่างไปชั่วขณะนึงทันทีค่ะ เง้ออออ



แน่นอนว่า มีไฟล์ภาพมาฝากอีกแล้วค่ะ
ถนนก็โค้งหักศอก ข้ามเขา 33 ลูก ขึ้นๆลงๆ รถก็เหวี่ยงได้ใจ ขาก็แทบจะพิการแล้วค๊าบบบ
ใครจะไป แล้วหัวเข่าไม่ดี ก็ติดต่อนั่งข้างหน้าไปเลยดีกว่าค่ะ (เสียเงินเพิ่มอีก 500-1000 จั๊ดต่อคน)
อ้อ แต่ทำใจไว้ด้วยนะคะ เพราะก็ต้องนั่งเบียดเป็นปลากระป๋องเหมือนกันนั่นแหล่ะ



พอลงมาถึงข้างล่าง โซว โซว ก็มารอรับแบบทันที โอ๊ย ดีจัง ที่ไม่ต้องมายืนรอเค้าอีก
ขนาดเรามาถึงก่อนกำหนด เค้าก็มารอเราก่อนกำหนดเหมือนกัน
เราก็เดินทางกลับย่างกุ้งกันเลย แบบ ยาวๆ แน่นอนว่า 
หลับกันตลอดทางแบบหมดสภาพ คร่อกกกกก!




พอเข้าเมืองย่างกุ้ง โซว โซว ก็พาเราไปกินร้านอาหารไทยค่ะ ชื่อร้านเพื่อน
สั่งอาหารง่ายๆมาทานค่ะ ก็โอเค พอหายคิดถึงอาหารไทย ได้นิดนึง
มีกล้วยบวชชีแถมด้วยค่ะ แต่หวานไปหน่อย



บิลออกมาก็ เอ่อ เงินจั๊ดไม่พอจ่าย เรามีเงินจั๊ดเหลือน้อยมาก เงินดอลล่าก็น้อยมากเช่นกัน
เลยหน้าด้านขอจ่ายเป็นเงินไทยซะงั้น เจ้าของร้านคนไทยก็เดินออกมาคิดเงินให้
เค้าเป็นแม่ครัวด้วยค่ะ ก็ได้คุยกันนิดหน่อย เค้าเล่าว่า วันนี้ 5 ธันวาคม มีงานที่สถานฑูต
เค้ามาขอให้เอาอาหารไทยไปช่วย ก็มีขนกันไปเต็มเลย 
แต่เค้าก็บอกเราไม่ได้ว่า สถานฑูตไทยอยู่แถวไหน (- -)



ก่อนที่ โซว โซว จะพาเราไปส่งที่ Motherland inn เราก็ขอให้เค้าพาไปไหว้พระตาหวาน
ซึ่งเค้าบอกว่า เค้าไม่รู้จัก ถึงแม้ว่าเราจะยื่นโพย ต่างๆให้เค้าไปดุก็ตาม เอ๊ะยังไง
เค้าจอดรถ กางแผนที่ของเราดูอยู่ซักพัก ก็ขับพาเราไปที่วัดนึงค่ะ
เหมือนเค้าจะมั่วๆเอาว่างั้นเถอะ แต่ก็ใช่วัดนี้จริงๆด้วยค่ะ

พระพุทธไสยาสน์เจาทัตยี หรือ เชาทัตจี อะไรนี่ล่ะค่ะ ที่โซว โซว ออกเสียงให้ฟัง 
แต่เอาเป็นว่า ง่ายๆคือพระตาหวาน นั่นเอง



ที่มีชื่อว่าพระตาหวาน น่าจะเป็นเพราะว่า 
องค์พระมีขนตาสวยงามด้วยค่ะ สวยจริงๆ ตาหวานจริงๆด้วยค่ะ



อันนี้เต็มๆองค์ค่ะ พระบาท สีชมพูค่ะ



ทริปนี้เจอแต่เค้า บูรณะซ่อมแซมปรับปรุงแทบทุกที่ 
เพราะฉะนั้นแล้ว ที่นี่ก็ต้องปรับปรุงด้วยค่ะ เอาเข้าไป ดวงดีจริงๆ!!



แล้วก็จบทริป สำหรับการเช่ารถไปเที่ยวของเราค่ะ โซว โซว ไปส่งเราที่ Motherland inn
ที่นี่น่ารักมาก ทักทายเราใหญ่เลย เหมือนเราไปเที่ยวมาแล้วกลับถึงบ้านยังไง ยังงั้น
วันนี้มี Welcome drink ด้วยค่ะ เป็นน้ำมะนาวแก้วยักษ์ เปรี้ยวมากกกก
เหมาะเป็นยาระบายอ่อนๆ วาซัดหมดแล้วเลย จะได้ล้างพิษกันไปเลย 5555



จ่ายค่าที่พักราคาเดิม 13$ วันนี้ได้ชั้นล่างสุดเลย ห้องแอร์ แต่เราไม่เปิดแอร์ เลยเป็นห้องพัดลม 
ตอนเย็นๆเราก็ออกไปเดินเล่นกัน ที่ห้างโอเชี่ยนค่ะ ขายของแนวๆ โลตัส บิ๊กซี
เอาน้องพอใจไปด้วย ก่อนเดินเข้า เค้าเอาสติกเกอร์มาแปะหัวน้อง
ว่าอันนี้เอามาจากข้างนอก ไม่ได้หยิบเอาแถวนี้ประมาณนั้น
ดูหน้าน้องพอใจสิคะ วาขำก๊ากเลยอ่ะ ตอนเค้าแปะสติ๊กเกอร์ พนักงาน เขินเลย 
น้องพอใจ says : อร๊ายยยย เอาอะไรมาแปะหัวชั้น!!!



วันนี้ เรารับอาหารเย็นสุดหรู เป็น มาม่า และโจ๊กกระป๋องที่เหลือ (- -)
ความเลวร้ายอยู่ที่ เราไปขอน้ำร้อน พี่แกคงกลัวน้ำลวกปากเรา เลยเอาน้ำอุ่นมาให้
เลยได้กินมาม่า นิ่มมั่ง กรอบมั่ง กับโจ้กกรุบๆ รันทดจริงๆชั้น!
ตกดึก โซว โซว ก็ใจดี พาเราไป Tea shop ค่ะ (อารมณ์เหมือนชวนไปเที่ยวผับ)
โซว โซว จะชวนแขกฝรั่งไปทุกวันเลยค่ะเห็นออกไปตลอด เห็นว่าเราจะกลับแล้ว
เลยชวนเราไปด้วย วันนี้มี ฝรั่ง 2 คน วา พี่นิ โซว โซว แล้วก็น้องพอใจค่ะ
ฝรั่งคนนึงหันมาถามเราว่า คนไทยเหรอ? วันนี้ ยูก็พลาด คิงส์ เบิร์ดเดย์น่ะสิ
เค้าจัดงานยิ่งใหญ่มากเลยนะ บลาๆ เล่าให้คนอื่นฟังอีกต่างหาก เวนนน
รู้ดีกว่าเราอีกแหน่ะ

ปล. กาแฟนม อร่อยมาก ห๊อม หอม ค่ะ



เช้าตรู่ของอีกวัน มีคนกลับพร้อมเราหลายคน มีอาหารเช้ากันแต่เช้าเลย
แล้วก็มีรถไปส่งที่สนามบินด้วยค่ะ ดีจัง มาถึงเราก็วิ่งไปต่อแถวเช็คอินทันที



แล้วก็มีป้าฝรั่งคนนึงมาสะกิดเราค่ะ บอกว่า นู๋ๆ ไปจ่ายค่า Airport Tax ก่อนนะตรงนู้น
ป้าก็โดนไล่ไปจ่ายก่อนเหมือนกัน เราก็มองหน้ากัน อ้าว งานเข้าแล้ววววค่ะ
อุปสรรคไม่จบไม่สิ้นเสียที เพราะตอนนี้เรามีเงินดอลล่าอยู่ 8 เหรียญ
และแบงค์ 100 ที่ใช้ไม่ได้อีก 1 ใบ ต้องจ่ายค่า Airport Tax คนละ 10 เหรียญค่ะ
จะทำยังไงดีเนี่ย!!!



เราก็ต่อแถวแบบตุ๊มๆ ต่อมๆ ค่ะ ทางเดียวคือ โมเม ยื่นแบงค์ 100 ไปลุ้นเอา
ว่าเค้าจะรับหรือไม่รับเงินแบงค์นี้ ในใจก็แอบคิดๆว่า ถ้าเค้าไม่รับจะทำยังไง
ก่อนที่เราจะเดินมาเราเจอ พี่ไก่-สมพล ต่อแถวเช็คอิน อยู่ด้วยค่ะ 
ถ้าเค้าไม่รับแบงค์ 100 ของเรา เราจะใช้ไม้ตาย
บากหน้าไปขอความช่วยเหลือเค้ากันเลย (คิดงั้นจริงๆนะ)
ซึ่งไม่รู้โชคดี หรือโชคร้ายที่ใบ Arrival Card ของพี่นิเกิดหายค่ะ เลยยื่นไปคือ 
Pastposs 2 เล่ม Arrival Card ของวา 1 ใบ และเงิน 100$ หมกๆไปเนียนๆ
เค้าก็ รับไปแล้วก็เดินไปเดินมาวุ่นเลยค่ะ ทำไมนานจังฟระ ลุ้นกันตัวโก่ง ยิ่งนิ่งๆ กันแบบสงบเสงี่ยม
แล้วเค้าก็ยื่นทุกอย่างกลับมา พร้อมใบ Arrival Card เปล่าๆ 1 ใบ และเงินทอน 80$ 

กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดด ได้กลับบ้านแล้ววววว ดีจายยยยยยยย 



ไม่เข้าใจเหมือนกันว่า ทำไมวันนี้แบงค์นี้เกิดใช้ได้ขึ้นมา
อาจจะเพราะบุญที่เราไปไหว้พระมาตามที่ต่างๆ รู้สึกดีใจแบบเสียงสั่นเลย
คือไม่รู้จริงๆว่า ถ้าเค้าไม่รับจริงๆ จะทำยังไงกันดี โล่งไปหมดทุกอย่างเลยค่ะ
แลวก็ไปเช็คอิน เข้าไปข้างในกันค่ะ อยากกลับบ้านใจจะขาดแล้ว



ตรงบันไดทางขึ้น ตม. ด้านบน ของสนามบินใหม่ ผนังแอบงามนะคะ
ยืนถ่ายรูปกันเต็มเลย



ทีนี้ เราก็มีเงินตั้ง 80$ แหน่ะ เดินเข้าไปข้างในเจอบูทพวกของฝาก น่ารักๆ
ตุ๊กตาชนเผ่า สร้อย แหวน พรึ่บพรั่บ ซื้อค่ะ ซื้อให้หมด มีตังค์แล้ววว 



แต่ ............. อุปสรรค ก็ยังไม่หมดเพียงเท่านี้ค่ะ (ยังมีอีกหรอ !!!!)
อยู่ๆตอนเราเข้าไปรอด้านใน ใกล้เวลาบอร์ดดิ้ง ก็มีเสียงประกาศว่า
เครื่องจะดีเลย์ 1 ชั่วโมงค่ะ (งามไส้!!!) ตั้งแต่นั่งหางแดงมา เพิ่งเคยเจอครั้งแรกเลย
แต่ก็ชิลค่ะ ไม่เป็นไร เป็นอุปสรรค ที่น้อยที่สุดแล้ว มากกว่านี้ก็เจอมาหมดแล้ว
อ้อ ระหว่างนั่งเล่นอยู่ มีน้องคนนึงสาวพม่า ที่ดูมีฐานะหน่อย ตรงดิ่งเข้ามาถามค่ะ
ว่าที่กรุงเทพมีตุ๊กตาแบบนี้ขายใช่มั๊ย (ชี้ไปที่น้องพอใจ) ก็ตอบไปว่ามีขาย แต่ก็ค่อนข้างแพง
เค้าตอบมาราวๆว่า Yes, I can นั่น!! เจอลูกหลานคนมีกะตังค์ซะด้วย 
นั่งเล่นไปไม่นาน ก็ได้เวลา บอร์ดดิ้งกันจริงๆซะที (เลทไป 1 ชม. ครึ่ง)

เย่ จะได้กลับบ้านแล้วค๊าบบบบบบ



บ๊าย บาย ย่างกุ้ง ทริปนี้โหดมากๆ แต่ก็รอดมาได้ อิ่มอกอิ่มใจ อิ่มบุญกันถ้วนหน้า
ถ้ามีโอกาสและเวลา ที่สำคัญ มีเงิน คงได้ไปเที่ยว เมืองสำคัญๆที่เหลือนะจ๊า
ขอบคุณผู้ร่วมเดินทางของเราคือ พี่นิ ที่ไปตกระกรรมลำบากด้วยกันมาตลอด 4 วัน
แล้วก็ ลูกทัวร์รีวิวทุกๆท่าน ที่ตามอ่านกันมาจนจบจ้า
ทริปนี้ วาหมดไปเยอะพอสมควรประมาณ 7-8 พันบาท รวมทุกอย่าง
แต่ก็ถูกกว่าไปกับทัวร์เยอะค่า (ลำบากกว่าเยอะเช่นกัน เง้อออ)
แล้วพบกันใหม่ทริปหน้า ...... ขอบคุณค่ะ ( เจซูติ่นป่าเด๋ ) 




Create Date : 14 กรกฎาคม 2554
Last Update : 14 กรกฎาคม 2554 16:17:22 น. 2 comments
Counter : 5390 Pageviews.

 
สนุกมากกกกก ถ้าป้ายังสาวอยู่นะ พรุ่งนี้แพคกระเป๋าไปแล้ว ชอบแบบนี้ มันนนนนนนนะ ได้รสชาดของความลำบาก


โดย: แม่พีวีซี IP: 171.7.194.201 วันที่: 10 ธันวาคม 2554 เวลา:0:08:20 น.  

 
อ่านเพลินเลย สนุกมากเหมือนไปด้วย อิๆ (ชอบมาก)


โดย: ตุ้มเกษตร(พาต้า) IP: 58.9.116.112 วันที่: 2 เมษายน 2557 เวลา:21:44:12 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

นังนู๋วา
Location :
นนทบุรี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 150 คน [?]








Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2554
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
14 กรกฏาคม 2554
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add นังนู๋วา's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.