|
| 1 |
2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 |
9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 |
16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 |
23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 |
30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
เที่ยวป้อมพระจุลจอมเกล้า ชมพิพิธภัณฑ์เรือรบหลวงแม่กลองจ้า
จ.สมุทรปราการเป็นจังหวัดหนึ่งที่อยู่ใกล้กทมฯมากๆเที่ยวแบบไปกลับได้สบายๆ เดินทางไม่ใกล ขับรถไม่เหนื่อย (แต่เหนื่อยหูมากกว่า เพราะGPSขี้บ่น)....tripนี้จุดหมายปลายทางของเราก็คือจะไปป้อมพระจุลฯ แต่กว่าจะถึงที่หมาย แวะเที่ยวได้หลายที่ ดูเส้นทางจากอินเตอร์เนต วางแผนจะไปตั้งหลายที่ภายในวันเดียว...แต่ทำตามแผนได้แค่ 60% ค่ะ...แหะ แหะ เพราะมัวแต่เดินทอดน่อง
เราเริ่มจากไปไหว้วัดมอญ เที่ยวตลาดน้ำบางน้ำผึ้ง และแวะชมพิพิธภัณฑ์วงแหวนอุตสาหกรรม....ใครสนใจหาข้อมูลรูปภาพแวะตาม link ได้เลยนะคะ โดยส่วนตัวจะเล่าอะไรไม่ค่อยเก่ง ถนัดเล่าเรื่องด้วยภาพและเขียนด้วยภาษาง่ายๆแบบเราเองมากกว่า... ไม่วิชาการมากมาย คงไม่ว่ากันนะคะ
นี่คะ blog เก่าๆที่เล่าเรื่องไว้.....เผื่อใครสนใจ
//www.bloggang.com/viewdiary.php?id=achar&month=09-2011&date=30&group=1&gblog=17
//www.bloggang.com/viewdiary.php?id=achar&month=10-2011&date=02&group=1&gblog=18
จุดเด่นของที่นี่ ที่เราสนใจคือ เรือรบหลวงแม่กลองซึ่งมีอายุเก่าแก่เป็นอันดับ ๒ ของโลกเชียวนะคะ อีกทั้งยังมี พิพิธภัณฑ์แสดงประวัติความเป็นมาของป้อมพระจุลจอมเกล้า ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในประวัติศาสตร์ชาติไทย และที่อยากจะไปชมมากๆอีกอย่างนั่นก็คือคือ ป่าชายเลนค่ะ...น่าสนใจมั้ยล่ะ
ที่นี่เข้าชมฟรีค่ะ ได้บรรยากาศตื่นเต้นเพราะเข้าไปในค่ายทหาร มีที่จอดรถกว้างขวาง และไม่ต้องกลัวจะอดตายนะคะ หิวเมื่อไหร่ก็ไปทานได้ที่สโมสรที่นี่ พอเข้าไปถึงจะมองเห็นเรือรบหลวงแม่กลองตั้งตระหง่านอยู่บนบก ตัดกับแบ็คกราวท้องฟ้าและน้ำทะเลปากอ่าวไทย..พวกเราหันรีหันขวางไปทางไหนก่อนดี...แล้วก็ตกลงกันว่าไปเดินป่าชายเลนกันก่อนดีกว่า
เนื่องจากป้อมพระพระจุลตั้งอยู่บริเวณปากอ่าว มีแม่น้ำเจ้าพระยาไหลออกทะเลทางด้านนี้ บริเวณนี้จึงเป็นบริเวณที่น้ำจืดกับน้ำเค็มมาพบกัน เกิดเป็นน้ำกร่อยเหมาะแก่การเจริญเติบโตของป่าชายเลน ...ร่มรื่นดีจริงๆค่ะ
ทางเดินเป็นสะพานไม้ทอดยาวเข้าไปในป่า อุดมไปด้วยไม้ชายเลนนานาชนิด แต่เรารู้อย่างเดียวคือต้นโกงกาง เค้ามีป้ายบอกชื่อค่ะ สะพานไม้บางช่วงชำรุดทรุดโทรมต้องคอยระวังเวลาเดินนะคะ ปะเดี๋ยวจะตกร่องไม้ เจ็บเที่ยวต่อไม่สนุก...จุดที่เราสนใจคือตัวนี้ค่ะ ตาแป๋วแหว๋วเลย
ปลาตีนนั่นเอง ไปนั่งมองเงียบๆอยู่ตั้งนาน เวลาเดินดูตลกดี ตัวเค้าเหมือนลูกอ็อดยักษ์ ฮิฮิ
เค้าว่ามีลิงด้วยนะแต่เราไม่อยากเจอ เพราะกลัว...ถ้ามองข้างล่างจะเจอวิวที่ไม่ค่อยโสภานักคือบรรดาขยะไม่ว่าจะเป็นกระป๋องน้ำอัดลม ซองขนม ถุงพลาสติก ฯลฯ ...ลืมเก็บภาพมาให้ชม แต่ภาพอย่างนี้ก็ไม่อยากเก็บมาฝาก แต่ยังไงวอนนักท่องเที่ยวทั้งหลาย เมื่อกินหรือใช้หมดแล้ว รบกวนถือไปทิ้งขยะด้วยนะคะ เห็นจะๆหลายคนเลยคะ กินแล้วก็วางไว้ตรงนั้นแล้วลุกหนีเอาดื้อๆ...เฮ้อ! ตอนเต็มถุงไม่ยักกะหนักมือ ถือมาได้ พอหมดแล้วปัดตูดทำเป็นลืมซะงั้น ช่วยกันคนละไม้ละมือนะคะ สถานที่ท่องเที่ยวของเราจะได้สะอาดตาจ้า... บ่นมากแล้วไปชมเรือรบหลวงแม่กลองกันดีกว่า
มีเด็กๆไปเที่ยวกันเยอะแยะเลยค่ะ ... ในอดีตเรือรบหลวงแม่กลองถือเป็นเรือรบหลวงขนาดใหญ่ ใช้ประจำการป้องกันอริศัตรูที่รุกล้ำเข้าเขตน่านน้ำทะเลไทย และมีอายุเก่าแก่เป็นอันดับ ๒ ของโลกด้วยค่ะ(อันดับหนึ่งน่าจะเป็นเรือUSS Kentucky เป็น เรือที่อายุการใช้งานยาวนานมากที่สุดในโลกคือสงครามโลกครั้งที่ 2 ไปจนถึง สงครามอ่าวปี 1991...ผิดพลาดประการใดขออภัยด้วยค่ะ) ปลดประจำการในปีพ.ศ.2538 ปัจจุบันจัดเป็นพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ทางทหารเผยแพร่ความรู้แก่ประชาชนทั่วไป
ทางขึ้นก็เท่แล้วนะ
ดำๆที่เห็นเป็นหม้อหุงข้าวของทหารเรือค่ะ แข็งแรงดีจังเขาหุงกันยังงัยเนี่ย
ห้องนอนค่ะ เขาใช้ทุกพื่นที่ให้เป็นประโยชน์มากที่สุด โต๊ะ เตียง ตู้เสื้อผ้า บางห้องมีอ่างล้างมือด้วยค่ะ
ห้องนี้เหมือนจะเป็นห้องประชุมค่ะ...ลืมจริงๆลืมเก็บข้อมูล มัวแต่ดูบนเพดาน มีท่อระโยงระยางเต็มไปหมด...รู้สึกทึ่งค่ะ นี่กว่าจะสร้างเรือรบขนาดนี้คงใช้เวลาหลายปี ตอนนี้ชักอยากรู้แล้วล่ะว่าเรือลำนี้สร้างที่ไหน...เดี๋ยวหาข้อมูลมาให้นะคะ(ถ้าไม่ลืมก่อน แฮ่ๆ)
บรรยากาศบนเรือ
ยังใช้งานได้นะ เราลองหมุนๆดูปืนใหญ่หมุนได้...มิน่าเด็กๆชอบมาที่นี่กัน(เราด้วย)
เล็งที่หัวใจ...55555 ...ไม่โดน
ไททานิค...โหะ โหะ
หย่ายมาก...ไม่กล้าเขียน อ่านที่เก้าอี้เองนะจ๊ะ...อิอิ
นึกถึงวิทยุสมัยกะนู้น..ชวนสงสัยเรือรบสมัยนี้มันจะเป็นอย่างไรน๊า
ดูขนาดของโซ่ซิคะ เวลาจะใช้คงต้องใช้กำลังพลหลายนาย
มองเห็นพระบรมราชานุสาวรีย์ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าอยู่หัว อยู่ใกลๆ นั่นแหละค่ะเป็นเป้าหมายต่อไปที่เราจะไปชมค่ะ
พอจะลง...ก็หลงทางค้า ฮ่า ฮ่า ไม่อยากจะเชื่อเล้ย ...วนไปวนมาขึ้นลงอยู่สองรอบ ก็กลับมายืนที่เดิม สุดท้ายก็เลยตั้งสติ นั่งทบทวนเราขึ้นมายังงัย...ขำตัวเองมาก...จะมีใครหลงเหมือนเรามั้ยเนี่ย
ไปชมป้อมพระจุลจอมเกล้ากันต่อนะคะ...ไปดูปืนเสือหมอบ สมัย ร.5 เป็นปืนใหญ่แบบยิงเร็วที่ทันสมัยที่สุด ในยุคนั้น...ทำไมถึงเรียกเสือหมอบ ไปดูกันค่ะ
ทางเข้าป้อมค่ะ เป็นหลุมหลบภัยสร้างด้วยคอนกรีตมั่นคงแข็งแรง ...ทีแรกเรากลัวไม่กล้าเข้าไป เพราะมองดูมันมืดๆ ดูวังเวง...แต่ก็อยากไปดูปืนใหญ่ ...จริงๆไม่ได้น่ากลัวอะไรเลยค่ะ ลองดูภาพนะคะ
ด้านในจะเป็นแบบนี้ค่ะ เลยลั้นลา แบบนี้...ใครชอบถ่ายรูปแนวอาร์ตๆ คงชอบ
เก็บได้หลายภาพ ที่นี่ดูสวยดีค่ะ สะอาดด้วยไม่มีกลิ่นอับให้กวนใจ...เข้าไปด้านในกันดีกว่า
นี่ไงคะ ที่ตั้งปืนเสือหมอบ อยู่ในหลุมลักษณะห้องอย่างที่เห็น เวลายิงปืนเสือตัวปืนจะโผล่ขึ้นมาเหนือหลุมหลบภัย และเมื่อยิงเสร็จแล้วก็จะลดระดับลงสู่หลุมโดยอัตโนมัติ ลักษณะคล้ายคนค่อยๆ หมอบลง และนี่คือที่มาของชื่อปืนเสือหมอบ ...มีทั้งหมด7กระบอก ห้องแต่ละห้องทะลุถึงกันค่ะ
เวลาเค้าหมอบคงเป็นลักษณะนี้นะคะ
ทีแรกก็ตั้งใจว่าจะไปชมพิพิธภัณฑ์แสดงประวัติความเป็นมาของป้อมพระจุลจอมเกล้าใต้ฐานพระบรมราชานุสาวรีย์ฯ แต่เรามาช้าไปนิด เค้าปิดซะก่อนค่ะ เสียดายมาก
ไม่ยอมพูดกะเรา...ยืนห่างๆดีกว่า
ตรงนี้ก็มองเห็นวิวเรือรบหลวง .... สวยมากค่ะ...เริ่มหิวน้ำแล้วค่ะ ไปพักที่สโมสรท้ายเรือกันดีกว่า
หลังคาแดงๆนั่นแหละคะ เห็นมีลูกค้าตลอดเลย...บรรยากาศใช้ได้เชียวแหละ
ออเดิฟเรียกน้ำย่อยค่ะ ...แหะ แหะ ผู้ติดตาม อยากดื่มเบียส์ลาวซะงั้น เราลองชิมมั่งขมปี๋เลย...อาหารที่นี่อร่อยมากค่ะ ราคาไม่แพง ใครเป็นข้าราชการลดได้อีก 10% เฉพาะค่าอาหาร...ใช้บัตร กบข.ได้...น่าอิจฉาจัง
ทานอาหารและชมนกตัวน้อยๆบนหลังคาไปด้วย..มีความสุขจริงๆ..มีหลายเมนูที่อยากลองชิม....มาอีกแน่นอน
ขากลับเรายังได้ไปไหว้พระที่วัดสาขลา ต.นาเกลือ ด้วยจ้า...จะไปดูเจดีย์เอียง
น้ำท่วมที่นี่บ่อย จนทำให้เจดีย์เอียงอย่างที่เห็น เหมือนหอเอนปิซ่าเลยค่ะ วัดที่นี่เก่าแก่ สร้างเมื่อประมาณ พ.ศ 2325 สันนิษฐานว่าชาวบ้านช่วยกันสร้างเมื่อคราวรบชนะพม่า...ส่วนมากจะสร้างในสมัย ร.2 กันนะคะ
ซักพักก็ต้องกลับแล้วค่ะ ไม่ได้เข้าไปชมอุโบสถด้านใน...ฝนมืดครึ้มมาอีกแล้ว เราไปพระสมุทรเจดีย์กันต่อ แต่เค้าปิดปรับปรุงค่ะ เลยได้ภาพด้านนอกมาแทน...
พระสมุทรเจดีย์เริ่มสร้างเมื่อปี พ.ศ 2366 สมัยในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้า นภาลัย เป็นสัญลักษณ์ที่สำคัญและเป็นความภาคภูมิใจของชาวจังหวัดสมุทรปราการ ทางราชการได้ถือเอาพระสมุทรเจดีย์เป็นตราจังหวัดสมุทรปราการ
5 โมงเย็นได้เวลากลับกรุงเทพแล้วค้า...ทริปนี้ประทับใจจริงๆ ขอบคุณทุกท่านที่แวะมาเยี่ยมชมบล็อกนะคะ...
Create Date : 08 ตุลาคม 2554 |
Last Update : 2 พฤศจิกายน 2557 21:52:18 น. |
|
10 comments
|
Counter : 10347 Pageviews. |
|
|
|
โดย: อุ้มสี วันที่: 9 ตุลาคม 2554 เวลา:0:24:51 น. |
|
|
|
โดย: Kavanich96 วันที่: 9 ตุลาคม 2554 เวลา:4:28:41 น. |
|
|
|
โดย: kwan_3023 วันที่: 10 ตุลาคม 2554 เวลา:7:30:55 น. |
|
|
|
โดย: Lika ka วันที่: 10 ตุลาคม 2554 เวลา:15:36:26 น. |
|
|
|
โดย: Lika ka วันที่: 11 ตุลาคม 2554 เวลา:8:31:50 น. |
|
|
|
โดย: มิลเม วันที่: 12 ตุลาคม 2554 เวลา:19:35:25 น. |
|
|
|
โดย: Lika ka วันที่: 15 ตุลาคม 2554 เวลา:11:01:32 น. |
|
|
|
|
|
|
|
แหล่มเลยค่ะ