เงินเดือน 15,000 จะขอกู้ซื้อบ้านได้มั้ย

        ถือเป็นคำถามยอดฮิตที่หนุ่มสาวจบใหม่เพิ่งทำงานหมาดๆ ตั้งคำถามเลยว่า เงินเดือน 15,000 นั้นพอจะกู้ซื้อบ้าน-คอนโดได้มั้ย คำตอบคือ...ได้...เเต่มีขั้นตอน 4 ข้อที่เรานำมาฝาก มีอะไรบ้างมาดูกัน

1.ประมาณความสามารถในการผ่อนบ้าน
        อย่างเเรกต้องทบทวนตัวเองก่อนเลยว่าเรามีความรับผิดชอบ ความสามารถที่จะผ่อนได้มั้ย เพราะการผ่อนบ้านใช้ระยะเวลายาวนานมากๆ เป็น 10 ปีเลย ถ้าถามใจตัวเองแล้วว่าไหว ก็มาดูเกณฑ์ของธนาคารกัน
        สำหรับธนาคารก็จะดูว่าความสามารถในการผ่อนของผู้กู้ โดยดูจาก 
เงินเดือน = อาชีพประจำ
รายได้ = อาชีพอิสระ
        ซึ่งทั้งสองอย่างต้องมีเอกสารหลักฐานที่มาของรายได้อย่างชัดเจน มีสูตรคำนวณง่ายๆ คือ
เงินเดือนที่สามารถชำระได้ต่อเดือน = เงินเดือนที่ได้รับ x DSR
DSR = ภาระหนี้ทั้งหมดหารด้วยรายได้สุทธิ โดยเเต่ละธนาคารจะคิดไม่เหมือนกัน ยิ่งเงินเดือนสูง ค่า DSR ก็จะถูกปรับเพิ่มด้วย เเต่สามารถใช้การประมาณคร่าวๆ ได้ประมาณ 40% 
      ส่วนวงเงินที่จะกู้ได้ = (เงินที่ชำระต่อเดือน-ภาระผ่อนอื่นๆ)x150
ดังนั้นถ้าเรามีเงิน 15,000 เเละไม่มีภาระหนี้ใดๆ วงเงินที่สามารถชำระเเต่ละเดือนจะเท่ากับ 15,000x40÷100 = 6,000 บาท เเละวงเงินที่จะกู้ได้สูงสุดจะเป็น 6,000x150 = 900,000 บาท

2.ค้นหาบ้านที่ใกล้เคียงกับวงเงินกู้ที่คาดว่าจะได้รับ
        หลังจากคำนวณเงินเรียบร้อยกันไปแล้ว ขั้นต่อมาคือหาบ้านที่ราคาไม่เกินวงเงิน
        ถ้าเป็นโครงการของเอกชนก็ต้องมองเป็นคอนโดย่านชุมชน ห่างรถไฟฟ้าสัก 2-3 กิโลเมตร หรือแบบเข้าซอยต่อพี่วินหน่อย ยกตัวอย่าง
✤ พลัมคอนโด สามัคคี ค่ายพฤกษาฯ ราคาเริ่มต้น 729,000 บาท 
✤ รีเจ้นท์ โฮม ของ บจ.รีเจ้นท์ กรีน เพาเวอร์ ราคาประมาณ 900,000 บาท มีให้เลือกหลากหลายทำเล  

        ส่วนถ้าเป็นโครงการจากภาครัฐ (การเคหะเเห่งชาติ) ก็จะมีทั้งบ้านเดี่ยว ทาวน์เฮ้าส์ และห้องชุดราคาไม่ถึงล้าน ยกตัวอย่าง
✤ The NHA Condo (ประชานิเวศน์ 3) ราคาเริ่มต้น 799,000 บาท
✤ โครงการเคหะชุมชนเเละบริการชุมชนปทุมธานี (รังสิต คลอง 10/3) เป็นบ้านเดี่ยว 2 ชั้น 2 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ ราคาเริ่มต้น 700,000 บาท
        นอกจากนี้ยังมีบ้านมือสองที่ประกาศตามเว็บไซต์ ถือเป็นอีกทางเลือกถ้าเรามีงบจำกัด ถึงจะมือสองเเต่อาจได้ทำเลโดนใจก็ได้นะ

3.หาผู้กู้ร่วมที่ทีเครดิตดีๆ 
        ถ้าวงเงินที่มีมันไม่ได้บ้านที่ต้องการ งานนี้ลองหาผู้กู้ร่วมมาช่วยดีกว่า ลองหาผู้กู้ร่วมที่มีเครดิตดีๆ อย่างพ่อเเม่ พี่น้อง ที่ทำงานมีเงินเดือนประจำเเล้ว รายได้มั่นคงเเน่นอน ประวัติดี ยิ่งถ้ารับราชการหรือเป็นพนักงานรัฐวิสาหกิจจะช่วยเพิ่มโอกาสในการซื้อบ้านที่ราคาสูงกว่านี้ได้ หรือเพิ่มความน่าเชื่อถือให้แบงก์ขึ้นไปอีก 

4.สร้างเครดิตที่ดีให้ตัวเอง
        อย่างที่บอกไปว่าเราต้องสำรวจว่าภาระหนี้สินของเรามีอะไรบ้าง ตอนนี้ผ่อนอะไรอยู่มั้ย บัตรเครดิต มือถือ โน้ตบุ๊ก ฯลฯ ถ้าปิดได้ควรปิดให้หมดก่อนยื่นกู้ซื้อบ้าน ขณะเดียวกันถ้าเราเป็นลูกหนี้ที่ดี ส่งตรงเวลา ก็จะส่งผลต่อการพิจารณาการกู้ได้เช่นกัน เพราะแบงก์จะตรวจสอบประวัติทางการเงินของคุณ
        ส่วนใครที่เป็นฟรีเเลนซ์ก็ควรเปิดบัญชีนำเงินฝากเป็นประจำสม่ำเสมอ 1-2 ปี เพื่อให้เเบงก์เห็นถึงวินัยทางการเงินของเรา เเละอาจนำไปวางเงินดาวน์, เงินทำสัญญา, ผ่อนดาวน์ไปสักระยะหนึ่งก่อน เเละอย่าลืมว่าต้องมีเงินออมไว้เเล้วอย่างน้อย 20% ของราคาบ้านที่จะซื้อ 
        ที่สำคัญอย่าลืมเช็กเครดิตบูโรของตัวเองว่าประวัติทางการเงินที่ผ่านมาเป็นอย่างไร บางทีเราอาจหลงลืมหรือผิดชำระนัดหนี้โดยไม่รู้ตัว เพราะถ้ามีประวัติเเล้วต้องรีบสะสางและเว้นวรรคไป 1-2 ปีค่อนยื่นกู้ใหม่ดีกว่า ซึ่งเราสามารถไป Pre-approved กับธนาคารได้ จะได้รู้ถึงประวัติเครดิตบูโรเเละโอกาสกู้ว่าจะผ่านมั้ย

ส่งท้ายก่อนจาก...

Create Date : 13 กันยายน 2561		0 comments
Last Update : 13 กันยายน 2561 15:56:29 น.
Counter : 438 Pageviews.
Share Tweet