เพราะว่า บ้าน เปรียบเสมือนตัวแทนแห่งความสำเร็จในเป้าหมายของชีวิตคนทำงาน เพราะไม่ว่าจะทำอาชีพไหน ยากดีมีจนอย่างไร ทุกคนล้วนต้องการบ้านกันทั้งนั้น เนื่องจากบ้านเป็นหนึ่งในปัจจัยสี่ของคนเรา และเป็นที่ที่เราใช้อยู่อาศัย เป็นที่ที่ทำให้เรารู้สึกถึงความปลอดภัยนั่นเอง
แต่การจะมีบ้านเป็นของตัวเอง ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะมูลค่าที่ดิน และต้นทุนในการก่อสร้างนับวันยิ่งมีราคาสูงมากขึ้นเรื่อยๆ ครั้นจะคอยเก็บเงินเป็นประจำทุกวันทุกเดือนทุกปีเพื่อมาซื้อที่ดินและลงทุนสร้างบ้านเองก็คงจะยาก
การกู้ยืมเงินจากธนาคารมาเพื่อซื้อบ้าน จึงเป็นสิ่งที่คนอยากได้บ้านนิยมทำกัน และเป็นสิ่งที่ตอบโจทย์ของคนอยากได้บ้านมากที่สุด แต่เมื่อมีการกู้ยืมก็ต้องมีการชำระหนี้ แล้วการชำระหนี้หรือการผ่อนบ้านในแต่ละเดือนจะคิดอย่างไรว่าเราต้องจ่ายเท่าไร ไปดูหลักการกันค่ะ
1. เอารายได้ของคนที่กู้บ้าน มาเป็นตัวตั้งว่ามีรายได้ต่อเดือนเท่าไหร่
2. เอาเงินผ่อน หรือเงินที่ต้องชำระหนี้ก้อนอื่น เช่น ค่าผ่อนรถยนต์ ผ่อนมือถือ ผ่อนบัตรเครดิต ให้เอามาหักออกจากรายได้ ข้อ 1
3. เอาเงินข้อ 1 มาลบ ข้อ 2 เหลือเท่าไหร่ให้เอามาแบ่งเป็น 2 ส่วนเท่าๆกัน คือ 50:50 ส่วนแรก 50% เอาไว้ใช้ในแต่ละวัน ส่วนอีก 50% ให้เตรียมเอาไว้ผ่อนบ้านหลังที่กู้
4. ยอดผ่อนบ้านที่เราเตรียมไว้นั้น จะเป็นตัวกำหนดขนาดของบ้าน เพราะว่ายอดผ่อน 7000-8000 ต่อเดือน จะได้บ้านราคาประมาณ 1,000,000 บาท เท่ากับว่า ถ้าเราเหลือเงินไว้สำหรับผ่อนต่อเดือน คือ 15,000 บาทต่อเดือน เราจะได้บ้านราคาประมาณ 2 ล้านบาท
ตัวอย่างการผ่อนบ้าน
1. รายได้ต่อเดือนคือ 40,000 บาท
2. มียอดหนี้เดิมทุกบัญชีต่อเดือน 14,000 บาท
3. หักแล้วเหลือ 26,000 บาทต่อเดือน
4. เก็บไว้กินใช้ 13,000 บาทต่อเดือน เหลือ 13,000 บาทต่อเดือนเอาไว้ผ่อนบ้านราคาประมาณ เกือบ 2 ล้าน
รายได้ - ค่าผ่อนหนี้เก่า-ค่ากินใช้-ค่าผ่อนบ้านตามแผน = ความมั่นคง+ความสามารถในการชำระหนี้+ความร่มเย็นเป็นสุขในบ้านของคนกู้