Baramos Maniac
Group Blog
 
All Blogs
 
บทที่ 6 ร้านน้ำชาอลเวง





“พวกนายเห็นหรือยัง”


“เออ น่ารักสุดๆไปเลย”


“พวกป้อมอัศวินจอมป่าเถื่อนมันไปหาสาวๆสวยๆแบบนั้นมาจากไหนวะ”



เสียงวิพากษ์วิจารณ์ของพวกหนุ่มๆ ในงานดังขึ้นอยู่ไม่ขาดปากท่ามกลางบรรยากาศคึกคักของเทศกาลป้อมอัศวิน ซึ่งปีนี้ดูจะประสบความสำเร็จไม่แพ้ปีที่ผ่านมา ทำให้ใจของชาวป้อมเริ่มชื้นขึ้นว่าคงจะหาเงินมาปลดตัวเป็นไทจากเจ้าหนี้จอมหน้าเลือดแห่งปราสาทขุนนางได้เสียที


ผู้คนเข้ามาร่วมงานเทศกาลอย่างล้มหลาม ทั้งที่เป็นนักเรียนจากหออื่นและบุคคลภายนอก วันนี้ป้อมอัศวินเปิดให้คนทั่วไปเข้ามาร่วมงานได้ จึงมีชาวบ้านร้านถิ่นในเมืองเอดินเบิร์กอุ้มลูกจูงหลานมาร่วมสนุกตามซุ้มต่างๆในงานกันคับคั่ง โดยเฉพาะการประกวดคิงแอนด์ควีนออฟเอดินเบิร์กซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของงานนั้นมีหนุ่มสาวจำนวนมากแห่กันสมัครเข้าร่วมแข่งขัน


ปีนี้รุ่นพี่ปีเจ็ดได้รับมอบหมายให้เป็นคนดูแลการประกวดแทนการทำซุ้มของชั้นปี เป็นเหตุให้สมาชิกของสภาสูงแห่งป้อมอัศวินส่วนใหญ่ไม่ต้องเข้าไปรับผิดชอบมากนัก แล้วเลยทำให้ต่างคนหันมาทุ่มเทความสนใจกับการจัดซุ้มของชั้นปีตนได้อย่างเต็มที่


จุดหนึ่งที่มีผู้เข้าชมงานให้ความสนใจไม่แพ้การประกวด เห็นจะเป็นร้านน้ำชาของปีสี่ที่มีแม่เหล็กดึงดูดเป็นสาวงามมากหน้าหลายตา ช่วยสร้างสีสันให้กับเทศกาลและเรียกสายตาจากพวกหนุ่มๆที่มาเที่ยวในงานได้อย่างชะงัด


แทบทุกโต๊ะใต้ร่มเงาไม้ที่อยู่มุมป้อมนั้นตอนนี้กำลังแน่นเอี้ยดไปด้วยลูกค้าซึ่งกำลังทำตาเยิ้มกับแม่สาวเสิร์ฟประจำโต๊ะแต่ละตัว


“น้องสาวคนสวยจ๋า... ขอกาแฟเพิ่มหน่อยจ้ะ”


น้องสาวที่ถูกเรียกทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก ก่อนจะพยายามยิ้มที่ดูคล้ายกับแยกเขี้ยวพลางกัดฟันพูดออกมา


“กรุณารอสักครู่...ง่า...นะ...คะ”


หลังจากคำพูดลงท้ายแบบผู้หญิงๆ หลุดรอดออกมาจากปากตามที่ถูกสั่งไว้อย่างตะกุกตะกัก ร่างเล็กปราดเปรียวในชุดกระโปรงหนังสีดำสั้นจู๋ตอกหมุดพราวพร้อมรองเท้าบู้ตทหารก็รีบหันหลังเดินหายลับเข้าประตูครัวไป เมื่อบานประตูปิดสนิทจนพ้นจากสายตาคนภายนอก เจ้าตัวจึงตะโกนดังลั่นอยู่ในใจว่า



...โว้ย.....ตูอยากจะบ้า...



นัยน์ตาสีม่วงที่เคยอารมณ์ดีอยู่เสมอตอนนี้เริ่มขวาง ...เขาชักเข้าใจความรู้สึกเฟรินที่มันบ่นอยู่แทบทุกวี่ทุกวันหลังจากเปลี่ยนกลับมาเป็นผู้หญิงแล้วว่ามันช่างน่ารำคาญขนาดไหน....โดยเฉพาะสายตาจับจ้องของเจ้าพวกผู้ชายข้างนอกนั่น...


หนุ่มนักฆ่าในร่างสาวขนลุกซู่เมื่อนึกไปถึงลูกค้ากลุ่มปัจจุบันที่เอาแต่ชมเขาว่าน่ารักอย่างโน้นอย่างนี้...เฮ้อ....ถ้าไม่ติดว่าฆ่าคนในเอดินเบิร์กแล้วจะโดนไล่ออกล่ะก็ มีหวังเขาเชือดคอลูกค้าหัวงูไปหลายคนแล้วตั้งแต่เช้ามานี่


“เข้ามาเอาอะไรรึเปล่าคะ คุณคิล”


เจ้าหญิงแห่งคาโนวาลที่ยืนมองนักฆ่าสาวน้อยในชุดหนังสีดำอยู่ตั้งแต่เข้ามาแล้ว พลางเอ่ยคำทักที่ดูเหมือนจะเข้าหูซ้ายทะลุหูขวาของคนถูกถามไปเสียสนิท


ดวงตาของสาวงามแห่งป้อมจับอยู่บนดวงหน้าขาวน่ารักที่มีกรอบผมสีดำยุ่งๆยาวเคลียบ่าและนัยน์ตาสีม่วงคมกริบคู่โตที่กำลังคว่ำสนิทนั่น ถุงมือหนังดำวาวหุ้มมือบางตอนนี้กำลังกำแน่นอยู่บนหูจับเหยือกกาแฟที่ถือติดมือมาอย่างพยายามสะกดอารมณ์เต็มที่



...เมื่อมาทิลด้าลงมาเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฟัง ตอนแรกเธอกับแองจี้ก็นึกว่างานจะล่มเสียแล้ว แทบอยากจะร้องไห้ตามเมื่อคิดถึงซุ้มที่อุตส่าห์ลงทุนลงแรงไป แต่เมื่อคิดไปถึงพวกเพื่อนผู้ชายที่ต้องมาเจอเรื่องอย่างนี้ก็อดเห็นใจไม่ได้ คงลำบากน่าดูที่ต้องกลายมาเป็นผู้หญิง ถึงจะแค่วันเดียวก็เถอะ


เจ้าหญิงคนสวยเริ่มนึกปลงว่าคงต้องใช้คนเท่าที่มีอยู่ทำร้านให้ถูไถไปพอรอดงานนี้ ยังไม่ทันจะได้พูดออกไป เสียงฮือฮาก็ดังขึ้นนำมา ก่อนที่สาวน้อยแปลกหน้ากลุ่มใหญ่ในชุดสารพัดสไตล์ซึ่งเป็นต้นเหตุของเสียงกล่าวขวัญและสายตาจำนวนมากนั่นจะเดินชักแถวตรงมาทางนี้


ถึงจะรู้มาเลาๆแล้วก็ตาม เจ้าหญิงเรนอนกับแองเจลีน่าก็ยังอดตกใจไม่ได้เมื่อเห็นสภาพของฝูงทโมนประจำป้อมเข้ากับตาตัวเอง จากร่างของเพื่อนชายที่เห็นอยู่แทบทุกวันกลายสภาพมาเป็นร่างที่ไม่ว่าจะมองตรงไหนก็คือภาพของเด็กสาวเต็มตัว แม้ว่าหลายรายกำลังทำกิริยาที่แสนจะไม่สมกับร่างที่เป็นอยู่ตอนนี้เอาเสียเลย อย่างเช่นการถลกชายกระโปรงยาวกรอมเท้าขึ้นมาเสียสูงจนน่าหวาดเสียวเพราะกลัวจะไปเหยียบเข้า หรือการเดินถ่างขามาดนักเลงทั้งชุดกระโปรงสั้นๆนั่น


สามสาวแห่งป้อมรีบต้อนกลุ่มเพื่อนชายในร่างสาวเข้าไปในครัวที่มีสองอาจารย์คู่หูนักบวชซาตานซึ่งเข้ามาตรวจดูความเรียบร้อยเป็นครั้งสุดท้ายกำลังนั่งฟังเฟรินเล่าถึงอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นเมื่อเช้า เพื่อนฝูงที่เพิ่งมาถึงจึงต่างส่งสายตาอาฆาตเล็กๆไปให้เจ้าหัวขโมยตัวแสบที่ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้


“พวกเราตกลงกันแล้วว่าจะออกไปเสิร์ฟให้ตามเดิมนะครับคุณมาทิลด้า”


ซีบิล สเวน นักบวชแห่งบารามอส ตัวแทนของกลุ่มเอ่ยขึ้น เรียกรอยยิ้มสดใสขึ้นมาบนดวงหน้าของเจ้าแม่แห่งป้อม ก่อนที่เจ้าหญิงอเมซอนจะโผเข้ากอดร่างเล็กบางในชุดคนทรงอย่างลืมตัวด้วยความโล่งใจ เป็นเหตุให้สีเลือดฉีดขึ้นบนใบหน้าสวยๆ ของสาวน้อยซีบิลจนแดงก่ำไม่แพ้สีกางเกงฮากามะที่สวมอยู่


เวลาอีกเล็กน้อยที่เหลือก่อนงานจะเริ่มถูกใช้ไปกับการอบรมสาวหมาดๆทั้งกลุ่มถึงข้อปฏิบัติพื้นฐานของกุลสตรี เช่นการพูดจา และท่าทางการเดินเหิน ก่อนที่จะปล่อยตัวออกไปประจำโต๊ะข้างนอกนั่น สามสาวฝากร้านให้อยู่ในความดูแลของสองอาจารย์ใหม่เพื่อขอตัวไปเปลี่ยนชุดของพวกตนบ้าง หลังจากที่มัวเสียเวลาไปกับเรื่องยุ่งๆของชาวบ้านมาตั้งแต่เช้าจนไม่ทันได้ไปจัดการกับตัวเอง.....




สาวน้อยผมดำที่ยืนทำหน้าเหมือนอยากจะฆ่าคนอยู่หน้าประตูครัวเพิ่งรู้สึกถึงสายตาของเจ้าหญิงคนสวยแห่งคาโนวาล หน้าขาวๆนั่นจึงเริ่มขึ้นสีจัด ความคิดที่สะท้อนกลับไปกลับมาในหัวสมองนับตั้งแต่เพื่อนสาวเห็นเขาในสภาพนี้ดังก้องขึ้นเป็นรอบที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้



...โธ่เว้ย....ทำไมต้องมาอยู่ในสภาพนี้ด้วย แล้วเขาจะเอาหน้าที่ไหนไปมองเจ้าหล่อนได้อีกล่ะเนี่ย...



เรนอนมองร่างเล็กเพรียวบางในชุดแจ็กเก็ตหนังสีดำกับกระโปรงสั้นรัดรูปสีเดียวกัน อวดช่วงขาเรียวขาวที่อยู่ในท็อปบู้ตหนาหนักแบบทหาร ปลอกหนังประดับหนามเหล็กพันอยู่รอบข้อมือและลำคอ ขณะที่เอวบางของสาวน้อยห้อยโซ่เหล็กเส้นใหญ่เกี่ยวปลายข้างหนึ่งไว้กับขอบกระเป๋าของกระโปรงเนื้อมันวาวนั่น เมื่อเห็นดวงหน้าใสนั้นก้มงุด เจ้าหญิงคนงามจึงเอ่ยขึ้นทำลายสถานการณ์ที่น่าอึดอัดนี้ด้วยรอยยิ้มอ่อนๆว่า


“หรือจะเอาเหยือกมาเติมกาแฟคะ ส่งมาเลยค่ะ ฉันเพิ่งต้มเสร็จพอดี”


“อ่า...คือ...ใช่...ใช่แล้ว มาเอากาแฟ ขอบใจนะ”


คิลตอบตะกุกตะกัก ก่อนจะส่งเหยือกกาแฟที่ติดมือมาให้เจ้าหล่อนไป เขามองหญิงสาวที่กำลังสาละวนรินกาแฟในหม้อต้มลงเหยือกนั้นเป็นการฆ่าเวลา


วันนี้เจ้าหญิงคนสวยแต่งชุดกระโปรงสีดำยาวครึ่งน่อง เสื้อคอปิดมิดชิดและแขนลีบยาวมีแถบข้อมือสีขาวทำให้เจ้าตัวดูบางระหงกว่าทุกวัน ผ้ากันเปื้อนสีขาวผืนใหญ่ติดระบายลูกไม้น่ารักสวมทับอยู่ด้านหน้า ขณะที่บนศีรษะซึ่งปกคลุมด้วยเส้นผมยาวสลวยสีม่วงที่วันนี้ถักเป็นเปียยาวสองข้างดูแปลกตาไปนั้นคาดเอาไว้ด้วยผ้าสีขาวจีบรูดเป็นระบาย ให้นักฆ่าแอบนึกสงสัยอยู่ในใจว่าวันนี้เจ้าหญิงคนงามคงจะอยากลองเปลี่ยนฐานะมาเป็นสาวใช้ดูบ้าง


“นี่ค่ะ ได้แล้ว”


สาวสวยเอ่ยขึ้นพร้อมส่งเหยือกกาแฟมาให้ ทำเอานักฆ่าที่กำลังดูคนตรงหน้าอยู่เพลินๆสะดุ้งเฮือก เรนอนทำหน้างงๆ เมื่อคิลรีบฉวยเหยือกพร้อมคำว่าขอบใจที่ดังอุบอิบอยู่ในลำคอ ก่อนจะเดินออกมาเผชิญกับสายตาข้างนอกอีกรอบ






.....................................................






โต๊ะที่ดูคึกคักที่สุดในร้านเห็นจะเป็นโต๊ะในความดูแลของหัวขโมยตัวแสบที่วันนี้ดูจะฉายประกายเสน่ห์เตะตาสาวๆ ในงานอยู่ไม่น้อย จากวิธีการพูดจาที่เปี่ยมอารมณ์ขันและแพรวพราวไปด้วยลูกล่อลูกชน ฝีมือการให้บริการที่คล่องแคล่วและแสนจะรู้ใจลูกค้า รวมถึงรูปร่างหน้าตาที่ดูเข้าทีไม่น้อยในร่างผู้ชายที่กำกับด้วยอาคมจากแหวนของจ้าวปีศาจเอวิเดสนั่น


เรือนผมสั้นสีน้ำตาลเข้มที่ปกติมักจะยุ่งเหยิง วันนี้เข้ารูปเข้าทรงกว่าทุกวัน ตาสีน้ำตาลตู่โตวาววับมีประกายขี้เล่นฉายระริก ดวงหน้าดูดีจนติดจะสวยฉายแววรื่นรมย์กับชีวิตอยู่ภายใต้แสงแดดแจ่มจ้าของวันนี้ โดยเฉพาะรอยแผลเป็นใต้ตาซ้ายที่ส่งให้ใบหน้าอ่อนๆนั้นฉาบเสน่ห์ที่แฝงแววอันตรายและเจนโลกขึ้นมาทันที


ร่างเพรียวล่ำสันของเด็กหนุ่มอยู่ในชุดกางเกงขายาวสีดำกับเชิ้ตขาว ทับด้วยเสื้อกั๊กสีเข้ม ติดโบว์หูกระต่ายแดงไว้ที่คอปก บนหัวทุยๆนั้นสวมที่คาดเป็นหูกระต่ายยาวน่ารักเหมือนของจริงไม่มีผิด มีนาฬิกาพกห้อยอยู่ตรงขอบเอวกางเกง แถมด้วยหางกระต่ายปุยกลมน่าเอ็นดูติดบนบั้นท้าย เป็นการแต่งกายที่แสนจะเข้ากับบรรยากาศของงานน้ำชาในนิทานเป็นที่สุด


...และก็ดูเหมือนจะจับจุดสาวๆที่ใจอ่อนกับของน่ารักๆได้ถูกต้อง เพราะโต๊ะนี้มีแต่สาวน้อยสาวใหญ่ที่แวะเวียนเข้าไปใช้บริการไม่ขาดสายตั้งแต่เริ่มงาน ทำให้เพื่อนฝูงที่ดูอยู่อดนึกเชื่อถือเคล็ดวิชาจีบสาวตามที่เจ้าตัวเคยคุยโม้ไว้ขึ้นมาไม่ได้


อีกโต๊ะที่ดูจะได้รับความสนใจไม่แพ้กัน แต่เป็นจากหนุ่มๆนั้น คือโต๊ะถัดมาที่มีสาวงามผิวขาวสะอ้านในชุดเจ้าหญิงหิมะเป็นผู้เสิร์ฟน้ำชา


ผมสีเงินยาวสลวยนั้นดูจะรับกันดีกับชุดกิโมโนสีขาวโพลนที่ยาวกรอมเท้าเปล่าเปลือย ชายด้านหลังที่ยาวลากพื้นนิดๆ ส่งให้ร่างสูงโปร่งนั้นดูระเหิดระหง ดวงตาสีฟ้าสวยแสนเย็นชาบนดวงหน้าเรียบไร้อารมณ์เหมือนรูปสลักน้ำแข็งทำให้ชายหนุ่มทั้งหลายที่ติดใจในความงามอันสูงส่งนั้นแวะเวียนมาต่อคิวนั่งโต๊ะจนแน่นขนัด แม้ว่าจะไม่มีใครได้ยินน้ำเสียงเอื้อนเอ่ยตอบจากเรียวปากบางนั้นสักคำเดียว


“เอ่อ....คุณผู้หญิงครับ ขอน้ำชาเพิ่มสักถ้วยสิครับ”


ชายหนุ่มจากปราสาทขุนนางที่โชคร้ายมาหลงเสน่ห์สาวงามน้ำแข็งพยายามชวนคุยอย่างสุภาพเป็นเวลานานสองนาน แต่สิ่งที่ได้รับกลับไปมีเพียงสายตาเย็นๆที่ทำเอาคนถูกมองหนาวเยือก มือขาวบางประคองกาน้ำชาด้วยทีท่าสง่างาม ก่อนจะรินลงถ้วยแล้วเลื่อนส่งให้โดยไม่พูดอะไรแม้คำ


มือใหญ่ของชายหนุ่มแทนที่จะคว้าถ้วยน้ำชา กลับคว้าเอามือบางของคนตรงหน้าไปกุมไว้ ก่อนที่เจ้าตัวคนอุกอาจจะกลายเป็นน้ำแข็งด้วยฝีมือสาวงามที่ตอนนี้หน้าซีดขาวด้วยแรงโทสะ มือกร้านสีน้ำตาลอ่อนของใครคนหนึ่งก็กระชากหมับ แล้วลากข้อมือร่างบางในชุดขาวยาวนั่นให้เดินตามออกไปอย่างรวดเร็ว ทิ้งเอาไว้แต่ดวงหน้างงงวยของชายหนุ่มชาวปราสาทขุนนางที่ไม่รู้ว่าตนเองเพิ่งรอดจากการเป็นรูปปั้นน้ำแข็งไปหมาดๆ


“เฮ้ย...เฟรินมันลากคาโลออกไปโน่นแล้ว”


สาวน้อยร่างสูงหุ่นอวบอัดแต่มีกล้ามเนื้อกระชับแบบนักกีฬาเอ่ยขึ้น หลังจากยืนสังเกตการณ์อยู่ระยะหนึ่งจนไอ้หนุ่มลากข้อมือแม่สาวออกไป


ผมดำยาวของเจ้าหล่อนที่ถักเป็นเปียหลวมๆ อย่างไม่ใส่ใจหมือนทุกทีบัดนี้รุ่ยร่ายลงมา เสื้อเชิ้ตทรงหลวมเนื้อนุ่มไม่อาจอำพรางทรวงอกอิ่มที่มีขนาดสะดุดตานั้นไว้ได้ เรียกสายตาหนุ่มๆจากโต๊ะของเจ้าหล่อนให้น้ำลายยืดตามเวลาสาวน้อยก้มตัวอย่างไม่ระวังเมื่อบริการเครื่องดื่มหรือเสิร์ฟอาหารให้อยู่ทุกบ่อย กางเกงขี่ม้ารัดรูปช่วยให้เห็นสะโพกผายและกล้ามเนื้อกระชับของต้นขาอวบตรง แต่ดาบใหญ่ที่คาดเอวไว้ทำให้ไม่มีใครกล้าแหยมไปจีบแม่สาวในชุดโจรสลัดสุดเซ็กซี่ที่มีผ้าคาดปิดตาข้างหนึ่งนั้น


“คุณครี้ดจะห้ามหรือครับ”


สาวน้อยแสนน่ารักในชุดคนทรงเอ่ยถามเหมือนจะสงสัย ผมดำยาวสลวยถูกรวบรัดเอาไว้หลวมๆที่ท้ายทอย ปล่อยให้ปอยผมส่วนหนึ่งทิ้งตัวลงมาเคลียสองข้างแก้ม กางเกงฮากามะสีแดงสดตัดกับผิวขาวใสอย่างน่าดู แขนเสื้อสีขาวกว้างๆ นั้นยาวกรุยกรายปลิวอยู่ในสายลมอ่อนๆที่พัดมา ท่าทีที่ดูบริสุทธิ์ไร้เดียงสารับกันกับดวงตากลมโตสีน้ำตาลแจ๋วอันเป็นจุดดึงดูดที่สุดบนดวงหน้าสวยสะอาดตานั้น


“เรื่องอะไรจะห้าม ของสนุกๆออกอย่างนี้”


โจรสลัดสาวตาเดียวสุดเซ็กซี่เอ่ยขึ้นอย่างครึกครื้น เรียกสาวเสิร์ฟหน้าตาน่าเอ็นดูในชุดกระโปรงพองฟูสีขาวจับจีบระบายหวานแหววเป็นชั้นๆ มัดผมสองแกละด้วยโบว์ขาวประดับลูกไม้เส้นโตก่อนจะม้วนปอยผมแต่ละปอยเป็นหลอดๆห้อยตุ้งติ้งอยู่ข้างขมับให้หันมาร่วมวง หลังจากที่เจ้าตัวยืนมองแขกที่โต๊ะทานขนมด้วยสายตาละห้อยอยู่เป็นนานสองนานจนกระทั่งแขกลุกไปเมื่อครู่


“ฉันว่าเฟรินมันหึงเด็ดๆ”


เจ้าชายอาชูร่าที่อยู่ในชุดตุ๊กตาฝรั่งให้ความเห็น พลางพยักเพยิดกับเพื่อนรักนักกินที่เตร่จากโต๊ะที่ตัวเองต้องรับผิดชอบอยู่มาร่วมด้วยช่วยฟังอีกสามคน คือโคล์ว ทิวดอร์ เอ็ดเวิร์ด ที่วันนี้เข้าเซ็ทเป็นทีมเดียวกันด้วยชุดหวานแหววสไตล์โลลิต้าสีขาวบริสุทธิ์ สีชมพูน่ารัก สีเหลืองละมุนตา และสีฟ้าอ่อนใส มีเป้ตุ๊กตาหมีเท็ดดี้แบร์สะพายหลังแถมให้อีกคนละตัว


“ไอ้หึงน่ะมันแน่อยู่แล้ว ดูก็รู้ แต่ฉันอยากรู้มากกว่าว่าพวกมันจะลากกันไปไหน”


เจค สวอน โจรสลัดแห่งไนล์หันมาต่อบทสนทนาที่ชวนให้จินตนาการคนฟังเตลิดไปไกล สาวน้อยผมทองดูสดใสอยู่ในชุดเจ้าหญิงที่เข้ากับผมยาวหยักเป็นลอนและตาคู่โตสีฟ้าของเจ้าตัวเป็นที่สุด แต่ไอ้เรื่องที่เจ้าหล่อนพูดออกมาช่างไม่เข้ากับหน้าตาสวยๆ และริมฝีปากจิ้มลิ้มนั่นเลยแม้แต่นิด


“ใช่ๆ นอกนั้นที่อยากรู้เพิ่มก็ไอ้ที่ว่า...เฟรินมันจะลากคาโลไปทำอะไร”


คำถามตบท้ายของครี้ดเรียกให้เพื่อนฝูงกลืนน้ำลายเอื๊อก....พูดไม่ออก ได้แต่กลอกหน้าไปมาอย่างจนด้วยเกล้า และในขณะที่สาวน้อยทั้งหลายกำลังหาเรื่องอู้ หันมาสุมหัวนินทาคู่รักคู่เพี้ยนที่โดดงานไปนั่นอยู่ เสียงกังวานของของแข็งกระทบกันก็ดังขึ้นรอบวง



ป๊อกๆๆๆๆ



คทาอาญาสิทธิ์ของแม่มดสาวในชุดอลิสอินวันเดอร์แลนด์ที่ย่องมาตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ฟาดลงบนศีรษะของแม่สาวน้อยแต่ละคนในวงอย่างรวดเร็ว หนักหน่วง และพร้อมเพรียงกัน เสียงคทาที่กระทบกับกะโหลกแข็งๆหลายใบเกือบจะซ้อนทับกันเป็นเสียงเดียว...ไม่รู้เจ้าหล่อนแอบไปฝึกวิชาจนบรรลุถึงขั้นร้ายกาจขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่... เพื่อนฝูงที่พากันคลำหัวป้อยๆมองสาวน้อยแห่งวิชท์อย่างสงสัยแกมทึ่ง (อ๋อ...ก็ตั้งแต่ฝึกตีหัวหมากับหัวขโมยที่ยังไงมันก็หัวเดียวกันอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันไงคะ ไม่เก่งก็ต้องเก่งไปเอง ไม่เห็นจะน่าแปลก /แองเจลิน่า)


“มัวมายืนจับกลุ่มอู้อะไรกันยะ โน่น...ไปประจำโต๊ะโน่น ลูกค้าเรียกแล้ว เผลอเป็นไม่ได้เลยจริงเชียว หัดดูอย่างพวกโต๊ะทางนั้นซะมั่งสิ”


แม่มดสาวดุเสียงเขียว พลางวาดไม้คทาชี้ไปยังซอร์โร วันวิล ยอดนักดาบร่างผอมแห่งป้อมอัศวิน ที่วันนี้ทิ้งดาบหันมาจับพัดกรีดกราย ร่างบางอยู่ในชุดกี่เพ้าสีแดงสด ตัดกับผมดำยาวเหยียดตรงถึงกลางหลัง รอยผ่าด้านข้างของชุดแหวกให้เห็นช่วงขาเรียวงามล่อตาเหล่าตะเข้ตามโต๊ะต่างๆได้ไม่น้อยหน้าเพื่อนรักจอมหลับใหล เดทไฟเออร์ที่อยู่ในชุดนางแมวสาวเกาะอก ใส่หูแมว หางแมว ถุงมือและถุงเท้าขนฟูครบชุด พอเจ้าตัวบิดขี้เกียจด้วยท่าสุดเซ็กซี่หรือยืนหาวตาปรือพลางเช็ดน้ำตาร่อยๆ เพราะง่วงนอนเหมือนทุกทีก็ยั่วให้หนุ่มๆมองกันตาปรอยเป็นแถวๆ


จำนวนลูกค้าที่มานั่งโต๊ะของสองสาวอาเหมียวและอาหมวยนั้นมีไม่น้อยเลย แต่ยังแพ้โต๊ะของกัส โทนียา นักบวช...ที่ควรเติมคำว่าสาวลงไปในวันนี้ นักบวชสาวแห่งกิลดิเรกผู้มีรูปร่างผอมบางไม่สมกับฝีมือดาบที่ยอดเยี่ยมนั้นกำลังรับออเดอร์จากลูกค้าอย่างตั้งอกตั้งใจ รูปร่างบอบบางอรชรซ่อนอยู่อย่างมิดชิดในชุดซิสเตอร์ฝึกหัด ผมสีเงินถักเป็นเปียยาวเก็บอยู่ข้างใต้ผ้าคลุมผมของนักบวช หากดวงหน้าแจ่มหวานสงบเสงี่ยมที่มีดวงตาสีฟ้าจัดเป็นประกายภาคภูมิฉายอยู่ลึกๆกลับดูยั่วยวนใจและเรียกความสนใจจากหนุ่มๆ ผู้ชื่นชมสาวเรียบร้อยจำนวนมาก


โต๊ะติดๆกันและมีจำนวนคนนั่งมากพอๆกันกับโต๊ะของกัส รับผิดชอบโดยสาวน้อยผมสีชา นัยน์ตาสีเขียวมรกต ที่วันนี้มีแว่นกระจกใสกรอบสีชาเข้ากันกับผมหน้าม้าที่ทิ้งตัวลงมาเหนือคิ้วเรียวสวมเอาไว้ ยิ่งเน้นให้ประกายตาเฉลียวฉลาดรอบรู้ของห้องสมุดเคลื่อนที่ที่ดูน่าหมั่นไส้แบบทุกทีกลายเป็นเสน่ห์ในแบบเฉพาะตัวของสาวคงแก่เรียน ชุดนักเรียนคอปกกะลาสีสีขาวและกระโปรงจีบรอบสีน้ำเงินที่ไม่สั้นมากนักนั้นสวมอยู่บนเรือนร่างโปร่งบาง วิธีการพูดคุยและความรู้รอบตัวของเจ้าหล่อนทำให้โต๊ะนี้กลายเป็นที่สิงสถิตของหนุ่มๆหลายคนจากปราการปราชญ์ รวมไปถึงพวกคลั่งสาวน้อยในชุดนักเรียนกับสาวกลัทธิสาวแว่นอีกสองสามราย


แต่โต๊ะที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในงานนี้เห็นจะไม่มีใครสู้โต๊ะที่มีแม่สาวนางระบำคนสวยในชุดนุ่งน้อยห่มน้อยเป็นคนดูแล ฮาร์น อีวิล โอดินถึงกับกุมขมับเมื่อพบว่าชุดที่เหลือเป็นชุดสุดท้ายและไม่มีใครยอมแตะต้องนั้นคือชุดนางระบำแบบเดียวกับที่เขาเคยจับให้ธิดาแห่งความมืดใส่เมื่อตอนลักพาตัวเจ้าหล่อนเมื่อปีก่อนนู้นไม่ผิดเพี้ยน แถมชุดนี้ก็มีป้ายชื่อเขาติดไว้ซะดิบดีจนหนุ่มในร่างสาวที่ตกกระไดพลอยโจนมาแต่งตัวทุกคนหลงเหลือเอาไว้ให้อย่างเต็มอกเต็มใจ (...และดีอกดีใจ...เจ้าประคู้ณ...ลูกช้างไม่ต้องได้ใส่ไอ้ชุดมหาภัยนั่น รอดไปที / หนุ่มๆชาวป้อม)


หลังจากงอนเพื่อนๆอยู่ได้ไม่นาน เมื่อเห็นว่าไม่มีใครยอมเปลี่ยนด้วยแล้ว ยมทูตจากเดมอสจึงต้องจำใจเป็นคนใส่บิกินีสีทองอร่ามและกางเกงรัดข้อเท้าสีมุกโปร่งบางจนแทบเห็นทะลุนั่น หลังจากแต่งตัวเสร็จและใส่เครื่องประดับสีทองและแดงครบชุด เจ้าตัวก็ย่างกรายมาให้เพื่อนฝูงได้ยลโฉม แต่โชคดีที่คราวนี้ไม่มีใครเลือดกำเดาหยดแหมะให้เป็นที่สังเวชแก่ผู้พบเห็นเหมือนเมื่อคราวเฟรินใส่ (สันนิษฐานว่าจะเป็นเพราะทุกคนอยู่ในร่างผู้หญิง / โร)


เจ้าหญิงหัวขโมยผู้ถือคติสิบปีแก้แค้นก็ยังไม่สายยังไม่ใจร้ายเกินไปนัก เพราะอุตส่าห์ให้เสื้อคลุมคาฟตานสีขาวแบบผ่าหน้าที่ถึงจะโปร่งแสงจนมองลอดเนื้อผ้าได้รำไร แต่ก็ยังมิดชิดพอที่จะยืนอยู่ในที่สาธารณะโดยคนมองไม่ตบะแตกเหมือนชุดตัวในนั่นใส่มาในลังคู่กันกับชุดนางระบำด้วย สาวงามจึงโล่งอกไปเป็นอันมากเมื่อจำเป็นต้องเดินลงมาจากป้อม


และก็เป็นอย่างที่คาด นางระบำคนสวยเป็นเป้าดึงดูดสายตามากที่สุดในร้านและแทบจะทั้งงาน ผิวสีน้ำผึ้งขับกับชุดขาวและทองจนดูเปล่งปลั่งเนียนแน่นด้วยเลือดฝาด อำพันคู่คมที่เคยมีเสน่ห์ดึงดูดอย่างประหลาด วันนี้ยิ่งเพิ่มความหวานขึ้นไปอีกเท่าตัวเมื่อประกอบเข้ากันกับแผงขนตางอนช้อยเป็นแพหนา ผมดำยาวถึงกลางหลังนั้นยาวยิ่งขึ้นไปอีกจนคลุมสะโพก ทั้งยังถูกประดับประดาด้วยเครื่องประดับทับทิมและทองคำตัดกันกับผมสีรัตติกาลที่มันวาวเหมือนเส้นไหมชั้นดี รูปร่างสูงโปร่งบอบบางมองเห็นอยู่รางๆใต้เนื้อผ้าที่พลิ้วแนบไปกับเรือนร่างอรชรนั่น ทำเอาลูกค้าต่อคิวเข้ามานั่งยังโต๊ะเจ้าหล่อนไม่ขาดสาย


เจ้าแม่แห่งป้อมที่อยู่ในชุดราชินีไพ่ยิ้มแก้มแทบปริอย่างยากที่จะหาดูได้ เมื่อมองเห็นผลสำเร็จอันงดงามของซุ้มน้ำชาปีสี่ที่มีคนไหลมาเทมาอย่างต่อเนื่อง จนทำลายสถิติของปีก่อนแม้เวลาจะผ่านไปได้เพียงครึ่งวันเท่านั้น


เสียงเพลงไพเราะที่บรรเลงขับกล่อมคนในร้านจากฝีมือเล่นฮาร์ปของนิกส์ พรินส์วิล นักดนตรีแห่งเอเธนส์ในชุดเทพธิดากรีกสีขาวบริสุทธิ์ดังอยู่ไม่ขาดช่วง เส้นผมสีดำยาวถูกเกล้าพันขึ้นเป็นช่อ ปล่อยบางส่วนให้เคลียลงมาแนบดวงหน้าหวานใสที่หลับตาพริ้มด้วยความดื่มด่ำในอารมณ์เพลง เรียกหนุ่มๆขี้อายหลายคนให้แอบมองเจ้าหล่อนอย่างติดอกติดใจ เสียงพิณแว่วหวานยังกังวานสูงต่ำอย่างต่อเนื่องเมื่อคิลโผล่หน้าออกมาจากประตู


“อ้าว...เฟรินกับคาโลมันทิ้งร้านไปไหนล่ะ”


นักฆ่าที่ถือเหยือกกาแฟกลับออกมาจากห้องครัวโดยไม่รู้ตัวเลยว่าเพิ่งพลาดฉากสำคัญของเพื่อนซี้ทั้งสองไปหมาดๆ เอ่ยถามขึ้นอย่างแปลกใจ เพื่อนฝูงจึงเฉลยคำตอบพร้อมกับเล่าเหตุการณ์หึงหวงของคู่หมั้นสูงศักดิ์จอมเพี้ยนให้ฟังอย่างสนุกปาก ทำเอานัยน์ตาสีม่วงชะเง้อมองตามทางที่พวกนั้นลากกันไปอย่างลังเลว่าควรจะตามไปขัดจังหวะอย่างทุกทีหรือปล่อยให้พวกมันจัดการกันเองจะดีกว่า





.......................................................






โครม!!!



เสียงบานประตูกระแทกดังลั่นบอกถึงอารมณ์หงุดหงิดของผู้ปิดอย่างชัดเจน ร่างของหัวขโมยหนุ่มหันมามองสาวที่ตัวเองลากหลุนๆให้แทบจะต้องวิ่งตามมาด้วยแววตาขุ่นมัว


“ปล่อยให้มันจับทำไม”


เสียงห้าวของหนุ่มน้อยดังขึ้นเป็นประโยคแรกท่ามกลางความเงียบในห้อง...ที่เงียบจนน่าอึดอัด เพราะผู้ที่ถูกลากตามเข้ามายังคงปิดปากสนิท ไม่ยอมพูดอะไรออกมาสักคำ


“นายชอบงั้นเหรอ ให้ไอ้บ้าพรรค์นั้นมานั่งจับมือถือแขนน่ะ”


นัยน์ตาสีฟ้าสวยที่เงยขวับขึ้นมาสบดวงตาสีน้ำตาลคู่โตนั้นมีแววโกรธฉายอยู่ชั่วแวบ ก่อนจะเลือนหาย คงเหลือแต่เพียงรอยเย็นชาอย่างเดิม


“หรือว่าฉันบ้าไปเอง ที่ดันงี่เง่าไปลากนายออกมาจากสถานการณ์สุดแสนจะน่าประทับใจนั่น ทำไมไม่ยอมให้ไอ้หมอนั่นมันจูบมือแล้วคุกเข่าขอความรักซะเลยล่ะ”


ใบหน้าขาวสะอ้านซีดเผือดอย่างน่ากลัว ดวงตาที่เคยเย็นชาเหมือนก้อนน้ำแข็งบัดนี้วาวโรจน์ด้วยแรงโทสะ


“นายดูหมิ่นฉันมากไปแล้ว เฟริน”


“ช่วยไม่ได้ ฉันมันหัวขโมย จะไปเข้าใจความคิดของพวกเจ้าชายได้ยังไง ไม่สิ...ตอนนี้คงต้องเป็นเจ้าหญิงสินะ”


น้ำเสียงห้าวติดจะเยาะหยันเอ่ยคำที่ทำให้ความอดทนของเจ้าชายที่ต้องกลายมาเป็นหญิงสาวขาดผึงทันที


“ฉันเป็นผู้ชาย ไม่ใช่ผู้หญิง!”


เสียงหวานนั้นแทบจะตะโกนใส่หน้าหัวขโมยที่กำลังคลั่งเพราะพิษรักแรงหึง จนเจ้าตัวลืมไปแล้วว่าแท้ที่จริงตัวเองเป็นเพศอะไร รู้แค่ว่าคนตรงหน้ามันเป็นคนของเขาเท่านั้น


“ตรงไหนล่ะที่ไม่ใช่ ช่วยบอกให้ฉันรู้หน่อยซิ!”


ขาดคำ มือใหญ่ก็กระชากร่างบางที่ยืนอยู่กลางห้องเข้ามาหา แขนแกร่งรวบตัวสาวน้อยเข้ามาในอ้อมกอด ก่อนจะบดริมฝีปากลงไปอย่างดุดัน


ดวงตาสีฟ้าที่เคยเย็นชาอยู่เสมอนั้นเบิกโพลงอย่างตกตะลึง ดวงหน้ากร้านของหัวขโมยลอยอยู่ในระยะประชิด ริมฝีปากที่รุกรานอย่างหยาบคายนั้นทำเอาเขาแทบหายใจไม่ออก



...บ้าที่สุด....เจ้าบ้านี่รู้ตัวบ้างไหมว่ามันเองต่างหากที่เป็นผู้หญิง....



มือบางของหญิงสาวพยายามผลักร่างของหัวขโมยที่กำลังทำเรื่องที่บ้ายิ่งกว่าอะไรทุกอย่างที่เคยทำมาทั้งหมด แต่ร่างแข็งแรงที่ตรึงเขาไว้ในอกนั่นกลับไม่สะทกสะท้าน จะให้ทุบแรงๆแบบผู้หญิงทั่วไปที่เจอสถานการณ์อย่างนี้เขาก็ทำไม่ลง...กลัวไอ้ตัวยุ่งมันจะเจ็บ เจ้าชายแห่งคาโนวาลผู้ถูกอบรมให้เป็นสุภาพบุรุษมาตลอดจึงได้แต่ยืนนิ่งตัวแข็งอยู่อย่างนั้น


เรียวปากบางของหญิงสาวถูกบดขยี้อย่างรุนแรงเหมือนอีกฝ่ายจะระบายความโกรธ รสสัมผัสแปลกประหลาดที่ก้ำกึ่งระหว่างการบังคับกับการร้องขอที่เจ้าตัวไม่เคยประสบมาก่อนเหมือนจะเร่งเร้าให้ริมฝีปากสีกุหลาบอ่อนที่เม้มสนิทนั่นเผยอออกอย่างช้าๆ ให้ความหวานที่ถูกขโมยไปอย่างอุกอาจในตอนแรกนั้นค่อยๆรินไปยังคนเอาแต่ใจตรงหน้า...อย่างเต็มใจ...และราวกับจะไม่มีวันสิ้นสุด


สัญชาติญาณของเฟริน เดอเบอโรว์ หัวขโมยผู้ผ่านประสบการณ์ชีวิตมาอย่างโชกโชนตลอดระยะเวลาสิบห้าปีเต็มที่เป็นผู้ชายหวนกลับมาอีกครั้ง เมื่อร่างบางในอ้อมแขนเริ่มสนองตอบตามแรงกระตุ้นแกมบังคับในที ความช่ำชองของคนประเภทที่เคยเตร็ดเตร่อยู่ตามสถานราตรีหรือย่านโลกีย์ตามเมืองต่างๆ มาจนคุ้นชินกำลังจะหลอมสาวงามน้ำแข็งตรงหน้า ด้วยปลายลิ้น....ด้วยริมฝีปาก...ด้วยสัมผัสกระด้างที่โลมไล้อย่างเชี่ยวชาญนั่น...


เมื่อหัวขโมยหนุ่มถอนริมฝีปากออกช้าๆ แกมอ้อยอิ่ง ร่างนุ่มนิ่มแบบบางก็แทบจะรูดลงไปกองกับพื้น ถ้าไม่ติดวงแขนแข็งๆ ที่รั้งเอาไว้ก่อน เข่าที่อ่อนยวบจนไม่มีแรงพยุงตัวกับใบหน้าขาวสะอ้านที่ตอนนี้กลายเป็นสีจัดอย่างเห็นได้ชัดทำให้เจ้าตัวต้นเหตุของอาการที่ว่าอดยิ้มออกมาไม่ได้....อารมณ์ดีขึ้นมาอีกพะเรอ....แต่ขณะที่หัวขโมยหนุ่มเชยคางเรียวนั่นขึ้นมา เจ้าตัวก็สังเกตเห็นสิ่งผิดปกติ


ดวงหน้าสวยสดงดงามเหมือนรูปสลักนั่นตอนนี้กลายเป็นสีระเรื่อก็จริง ริมฝีปากนุ่มบางก็ยังคงเป็นสีจัดอยู่ แต่ดวงตาสีฟ้าสวยที่เคยเย็นชานั่นกลับนิ่งงัน...นิ่งสนิทเหมือนคนกำลังตกอยู่ในอาการช็อค....



...ตายละวา...ทำเกินไปรึเปล่าหว่า...หรือไอ้เรื่องเมื่อกี้คาโลมันจะรับไม่ได้วะเนี่ย...



เจ้าคนก่อเรื่องเริ่มร้อนใจ จึงได้แต่ประคองร่างบางในชุดขาวนั่งลงบนเตียงใกล้สุด มือใหญ่คว้าเอาหมอนมาซ้อนๆอิงหัวเตียงไว้อย่าวลวกๆ ก่อนจะอุ้มแม่สาวน้อยไปนั่งพิงกองหมอนในท่าที่สบายขึ้น


นัยน์ตาสวยที่ล่องลอยไปไกลเริ่มกะพริบช้าๆ ก่อนจะจับบนดวงหน้ากร้านที่มีรอยแผลเป็นของอีกฝ่าย ดวงตาคู่โตสีน้ำตาลมีแววห่วงใยฉายชัดจ้องสบดวงตาสีฟ้าที่แววรับรู้ค่อยๆ กลับเข้ามารวมกันทีละน้อยอยู่ไม่ห่าง หูก็แว่วเสียงห้าวๆนั้นพร่ำขอโทษอยู่ไม่ขาดปาก


“...ฉันไม่ได้ตั้งใจจะทำเหมือนนายเป็นผู้หญิงหรอกนะคาโล แต่ถึงนายจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย มันก็ไม่ต่างกันสำหรับฉันอยู่ดี ...ไม่ได้หมายความว่าฉันวิปริตนะโว้ย แต่มันก็มีแต่นายเท่านั้นที่ทำให้ฉันอยากทำอย่างตะกี้ แล้วไอ้ที่ฉันทำเกินไปหน่อย มันก็เป็นความผิดของนายด้วยแหละที่ดันมาอยู่ในร่างแบบนี้เวลาที่ฉันสวมแหวนนั่น...”


คำพูดสับสนวกวนนั่นทำให้รู้ถึงความร้อนใจของคนตรงหน้าที่พยายามจะเรียกสติเขาอย่างชัดเจน ร่างบางยังนั่งนิ่งขึง ใบหน้าเรียบเฉยไม่แสดงอารมณ์ใดๆ แต่หูลอบฟังบทพร่ำพรรณนาว่าด้วยการสำนึกผิดของหัวขโมยที่ยังไม่รู้ว่าคนฟังรู้สึกตัวแล้ว...ขนาดสำนึกผิดนะนี่ มันยังโทษเขาโดยไม่คิดเอาซะเลยว่า ต้นเหตุจริงๆมันใครกันแน่....


“...เป็นนายนายจะทนได้รึไง ถ้ามีไอ้บ้าหน้าไหนไม่รู้มานั่งจับมือฉันน่ะ ฉันก็เหมือนกันน่ะแหละ แล้วไอ้ร่างนี้ของนายก็ดันสวยซะจนผู้ชายแทบคลั่ง ร่างกายฉันมันเลยมีปฏิกิริยา ...แต่กับผู้หญิงอื่นฉันไม่เป็นนะ ทดสอบมาแล้ว ดันงี่เง่าไปใจเต้นกับนายอยู่คนเดียว จนตอนแรกฉันกลุ้มแทบบ้า...”


ดวงหน้าขาวๆที่ทำเป็นไม่รับรู้นั้นเริ่มร้อนผ่าว แต่คนพูดพล่ามก็ยังไม่รู้ตัว


“...นี่นายไม่รู้หรือแกล้งไม่รู้กันแน่วะ ว่าฉันเป็นห่วง เออ..ทั้งห่วงทั้งหวงนั่นแหละ ยิ่งกับไอ้ร่างสาวไร้เดียงสาของนายนี่ อ่อนโลกก็ปานนั้นแล้วยังจะริให้หนุ่มมานั่งจีบเป็นนานสองนาน ฉันไม่ต่อยไอ้บ้านั่นก็บุญแล้ว นายยังจะมายั่วโมโหฉันอีก...”



“นายว่าใคร!”



จากการขอโทษ กลายมาเป็นเริ่มประจานความไม่เอาไหนของอีกฝ่าย จนเสียงหวานของคนที่เริ่มจะหน้าแดงก่ำเพราะความโกรธหรือความอายก็บอกไม่ถูกแว้ดขึ้น...ทำไมเขาถึงคุมอารมณ์ไม่อยู่เหมือนเคย...เจ้าชายแห่งคาโนวาลนึกแปลกใจ...เป็นเพราะร่างผู้หญิงนี่หรือเปล่า....


“อ้าว! รู้สึกตัวแล้วนี่ ค่อยยังชั่ว นายก็ปล่อยให้ฉันพล่ามอยู่เป็นนานสองนาน ทีหลังก็บอกให้เร็วหน่อยสิ เป็นไงมั่ง...”


หัวขโมยหนุ่มหน้าบานอย่างโล่งใจที่แม่สาวน้อยกลับมาได้สติเหมือนเดิมจนไม่สนใจกับเสียงเขียวๆนั่น ก่อนจะประโยคลงท้ายจะทอดเสียงถามร่างบางตรงหน้าอย่างอาทร


นัยน์ตาสีฟ้ามองสบดวงตาสีน้ำตาลสวยคู่โต...คู่ที่เขาจำได้ติดใจทั้งหลับและตื่น จำได้ทั้งตอนมันเป็นผู้หญิงและผู้ชาย..หรือกระทั่งเป็นหมา....คงจะจริงอย่างที่มันว่า จะเป็นร่างชายหรือหญิงไม่ใช่ปัญหา...ขอแค่เป็นจ้าตัวยุ่งตรงหน้านี่คนเดียวเท่านั้น....


“ขอโทษนะ ฉันมันงี่เง่าเอง รู้ทั้งรู้ว่านายเพิ่งเคยเป็นผู้หญิงก็ยังดันทำแบบนั้นกับนายซะตั้งแต่คราวแรก น่าจะเริ่มจากแบบเบาๆกว่านี้ ให้นายได้เตรียมใจ...”


“ไม่ต้องพูดแล้ว!”


ก่อนที่ปากมอมๆของมันจะประจานความอ่อนหัดของเขามากไปกว่านี้ เสียงหวานก็ดังขัดขึ้น หน้าขาวๆแดงก่ำไปถึงลำคอ...ทำไมเวลาเป็นผู้หญิงมันถึงสวมหน้ากากได้ยากเย็นอย่างนี้ก็ไม่รู้...เจ้าตัวนึกอย่างกลุ้มใจ


หัวขโมยเจ้าเล่ห์ที่เห็นหน้าขาวๆเปลี่ยนสีขึ้นมากระทันหันยิ้มกริ่มพลางกระเถิบเข้าไปนั่งจนชิดคนบนเตียง ให้ร่างบางต้องบีบตัวลีบจนแทบจะจมกองหมอนด้านหลัง...ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าจะถอยทำไม แต่สังหรณ์แปลกๆ ซึ่งอาจจะเป็น...สัญชาตญาณของผู้หญิง....ที่ดันมีขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ กำลังเตือนให้ระวังคนตรงหน้า


“งั้นจะไม่พูดล่ะ ”


เสียงกระซิบห้าวๆที่ดังขึ้นริมหูกับลมหายใจแผ่วๆที่คลอเคลียข้างแก้มนวล ทำให้สมองเบลอไปหมดเหมือนจะไม่รับรู้อะไร ร่างบางยังคงนั่งตัวแข็งทื่อ ดวงตาสีฟ้าสวยมีแววหวาดนิดๆ อย่างที่คงไม่มีทางจะได้เห็นในดวงตาของเจ้าชายน้ำแข็งคนเก่าเป็นอันขาด



...กลัวอะไร...นี่เขากำลังกลัวอะไร...



ชายหนุ่มพยายามปฏิเสธความคิดนี้ของตัวเอง...แต่หัวใจที่เต้นระรัวอยู่ในอกนั่นกับร่างกายที่เริ่มสั่นอย่างห้ามไม่อยู่บอกชัดว่าเขากำลังกลัวอย่างที่ไม่เคยกลัวมาก่อนในชีวิต


ริมฝีปากร้อนลากไล้แผ่วเบาตั้งแต่เปลือกตา นวลแก้ม ระเรื่อยมาตามลำคอระหงแล้วไปหยุดที่แอ่งชีพจร ก่อนจะกดหนักหน่วงให้ร่างบางสะดุ้งน้อยๆ สาบเสื้อสีขาวที่ทับกันด้านหน้าอยู่ถูกแยกออกเป็นทางตามรอยระอุที่ริมฝีปากนั้นลากผ่าน ผิวสัมผัสที่เนียนละไมเหมือนแพรขาวเนื้อดีอยู่ใต้ริมฝีปากบอกชัดว่าร่างบางกำลังสั่นสะท้าน


หัวขโมยหนุ่มเงยหน้าขึ้นมาสบตาคู่สวย.....มันรู้ว่าเขากลัว...เจ้าชายคิดอย่างอับอาย....แต่ดวงตาสีน้ำตาลที่เจนโลกนั้นกลับฉายแววเข้าอกเข้าใจแล้วยิ้มให้เขา....ไม่ใช่ยิ้มของการดูหมิ่นหรือเยาะหยันอย่างที่เขาเกรง...แต่เป็นยิ้มสว่างไสวที่อบอุ่นร่าเริงอย่างที่มันเคยมีให้เขาตลอดมา


ร่างเพรียวแต่แข็งแกร่งของเจ้าตัวยุ่งลุกขึ้นยืน พลางฉุดมือดึงร่างบางให้ลุกตามมาง่ายๆ มือใหญ่จัดคอเสื้อกิโมโนขาวที่เปิดออกให้เข้าที่เหมือนเดิม แล้วเปิดประตูให้ ร่างบางเดินออกไปอย่างงงๆ ก่อนที่คนตัวสูงกว่าจะเดินตามออกมา


"ไม่ต้องคิดมากหรอกน่า นายมันชอบคิดอะไรมากมายนักว้า.... ไอ้ที่นายรู้สึก ฉันก็รู้สึกเหมือนกันน่ะแหละเวลาเป็นผู้หญิง"


หัวขโมยหนุ่มแบมือใหญ่สีน้ำตาลนั้นออกพลางสบตาสีฟ้าสวยแล้วส่งยิ้มให้ มือขาวบางมีแววลังเลแค่นิดเดียวก่อนจะวางลงบนมือใหญ่ รอยยิ้มที่ไม่ค่อยจะได้เห็นนักบนดวงหน้ารูปสลักวันนี้ปรากฏขึ้นบางๆบนเรียวปากสีกุหลาบอ่อนใส...



บางที......แม่มดที่คิดสูตรกำยานอาจไม่ได้อยากสาปให้ผู้ชายเป็นทุกข์



บางที......สิ่งที่นางอยากให้เกิดคือการได้รับรู้และเข้าใจ...ถึงอารมณ์ความรู้สึกของผู้หญิง



และบางที......ความเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย อาจไม่ใช่เส้นแบ่งที่สำคัญมากมายนักก็ได้



บางทีคราวนี้เขาคงต้องขอบใจ....ไอ้ตัวยุ่งของเขา.....สำหรับเรื่องวุ่นๆครั้งนี้....






Create Date : 19 มกราคม 2549
Last Update : 19 มกราคม 2549 19:08:03 น. 0 comments
Counter : 694 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

vana-chan
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]




Friends' blogs
[Add vana-chan's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.