|
Little Killer ตอนที่ 1
ดวงจันทร์ข้างขึ้นสาดแสงสลัวรางลอดผ่านกรอบบานหน้าต่างที่เปิดค้างไว้ บานกระจกถูกลมยามดึกกรรโชกให้แกว่งไกวส่งเสียงเอี๊ยดอ๊าดเป็นระยะๆ หากนอกจากความเคลื่อนไหวนั้นแล้วก็มีเพียงความเงียบสงัดที่ทิ้งตัวอ้อยอิ่งอยู่ในเงามืด
เครื่องเรือนชิ้นใหญ่ในห้องดูทึบทะมึน คมอาวุธที่ประดับผนังสะท้อนแสงจันทร์เป็นประกายปลาบ ฝาผนังด้านหนึ่งถูกจัดไว้เป็นที่ทดสอบความแม่นยำ รอยพรุนบนเป้านิ่งที่หมายเฉพาะจุดตายบ่งบอกถึงความเชี่ยวชาญของผู้ใช้อาวุธได้เป็นอย่างดี
ส่วนฝาผนังฟากตรงข้ามนั้นเรียงรายด้วยชั้นวางขวดแก้วใสซึ่งภายในเป็นน้ำยาสีสันประหลาดกับกระปุกเล็กกระปุกน้อยที่ติดฉลากเอาไว้ ร่องรอยการทดลองที่คั่งค้างยังหลงเหลืออยู่บนโต๊ะวางตาชั่งและวัตถุดิบต่างๆ ที่บรรจุในโหลเคลือบปิดผนึกอย่างดี ข้าวของที่กองทิ้งไว้ดูราวกับว่าเจ้าของจะเพิ่งผละไปเมื่อสักครู่ที่ผ่านมา
เมฆหนาทึบลอยผ่าน เปิดโอกาสให้แสงเงินยวงส่องลงมายังพื้นโลกเบื้องล่างเต็มที่ เงามืดถูกขับออกไปเผยให้เห็นลวดลายกระดาษปิดผนังสีอ่อนใสประลายดอกไม้กระจุ๋มกระจิ๋มผิดกับสภาพโดยรวมของห้องชนิดหน้ามือเป็นหลังมือ
แสงจันทร์สาดจับโต๊ะทำงานตัวใหญ่ชิดหน้าต่าง อุปกรณ์และเศษเหล็กต่างๆถูกทิ้งไว้ระเกะระกะพร้อมกับตำราเล่มโตที่เปิดทิ้งค้าง
ลมกรรโชกแรงจนผ้าม่านผืนบางสะบัดไหว หน้าหนังสือปลิวพึ่บพับจากกลางเล่มไปจนถึงหน้าท้ายๆที่มีวัตถุบางอย่างคั่นเอาไว้
...กระดาษแผ่นหนึ่งที่สอดทับลวกๆ ถูกพัดออกมาก่อนจะปลิวตกลงไปยังพื้นห้อง...
สายลมส่งท้ายพาให้กระดาษแผ่นนั้นร่อนไปหยุดอยู่แทบเท้าบุรุษร่างสูงที่ก้าวเข้ามา...
มือใหญ่หยิบขึ้นมากวาดตามองปราด ก่อนที่ริมปากจะกระตุกรอยยิ้มขัน พลางส่งจดหมายในมือต่อให้สตรีงามที่ยืนเคียงข้าง
ข้อความสั้นๆ เพียงสองบรรทัดที่ปรากฏอยู่เรียกเสียงหัวเราะเบาๆ ให้ดังขึ้น
"จะไปฆ่าหมอนั่น จาก ลูก"
"หยุดข้างหน้านี่แหละ"
เสียงบุรุษจากภายในเกวียนร้องสั่งให้คนขับดึงบังเหิ่ยนหยุดฝีเท้าม้า ขณะที่เขากระโดดลงมายืนมองกำแพงสีเทาสูงตระหง่านเบื้องหน้าแล้วขยับรอยยิ้ม ก่อนจะหันไปโอบร่างหญิงสาวที่รออยู่ในเกวียนให้ตามลงมาด้วยกัน
ชายสูงวัยหากยังคงแข็งแรงกระฉับกระเฉง เรือนผมขาวถูกหวีเสยเก็บขึ้นจนเรียบมันยืนนิ่งรอสองร่างของผู้มาใหม่เบื้องหน้ากำแพงใหญ่ซึ่งรายล้อมรกครึ้มด้วยเงาไม้สีเขียวเข้มและเถากาฝากที่เกาะอยู่ตามก้อนหินฐานรากจนดูเก่าแก่กว่าที่ควรเป็น
เถาไม้ที่ห้อยระย้าลงมาเกะกะถูกมือหนาหยาบกร้านของผู้ออกมาต้อนรับปัดออก เผยให้เห็นกรอบประตูซึ่งเทียบไม่ได้เลยกับความสูงใหญ่หนาแน่นของกำแพง
"ทางนี้ครับ ท่านเวสรออยู่ด้านใน"
บานประตูหนักถูกผลักออกเสียงดังครืดเหมือนเสียงหินโม่บดพื้น ขณะที่พ่อบ้านเดินเข้าไปหยิบเทียนไขจากช่องในผนังออกมาเดินนำเข้าไปยังทางเดินที่ปกคลุมด้วยแนวไม้เรียงรายเหมือนป่าใหญ่ เงาหลังของชายชราวูบวับเหมือนภูตผีปีศาจอยู่ในหมู่ไม้หนาทึบ
หลุดจากแนวป่าเข้ามาก็พบทางโปร่งตาขึ้นเรื่อยๆ และในที่สุด คฤหาสน์หลังใหญ่ก็ปรากฏอยู่เบื้องหน้า พ่อบ้านประจำตระกูลโค้งให้อาคันตุกะทั้งสองซึ่งเกือบจะมาถึงพร้อมๆกันอย่างนับถือ ก่อนจะเปิดประตูพลางผายมือเชิญทั้งสองเข้าไป
ทันทีที่ย่างเท้าเข้ามา สิ่งแรกที่รู้สึกก็คือ... กลิ่นหอมอบอวลของอาหารเช้า
ทางเดินซับซ้อนวกวนที่ชายชราเดินนำไปอย่างรวดเร็วไม่ได้เป็นปัญหาแก่ผู้ที่เดินตามเช่นเดียวกันกับทางเดินในป่า แสงสว่างจ้าสาดเป็นลำเข้ามาทางบานประตูพร้อมกระแสลมอ่อน แล้วเสียงหนึ่งก็ร้องทักขึ้นเรียกสายตาของผู้มาใหม่ให้เหลียวไปมอง
"หนึ่งชั่วโมงครึ่งจากประตูหน้าเข้ามา ฝีมือตกหรือไง ไวท์บีสต์"
ทางเดินนั้นทอดยาวทะลุออกไปยังระเบียงกว้างที่ตั้งโต๊ะรอไว้ แสงแดดยามสายจับเส้นผมสีทองของหัวหน้าตระกูลฟีลมัสให้เป็นประกายเรืองรองล้อมกรอบดวงหน้าคมคาย ดวงตาสีม่วงคู่คมประสานกับดวงตาสีเข้มของบุรุษตรงหน้าพลางก้าวเข้ามาตบหลังไหล่กันและกันหนักๆ
หลังจากทักทายกันตามประสาเพื่อนเก่าเพื่อนแก่เป็นที่เรียบร้อย รายการอาหารก็ถูกยกมาเสิร์ฟพร้อมกับการปรากฏตัวของสตรีผมดำผู้เป็นเจ้าบ้านฝ่ายหญิง รอยยิ้มที่ส่งมาให้บ่งบอกความคุ้นเคยกับแขกทั้งสองเป็นอย่างดี
"แปลว่าลูกสาวนายหนีไปหาลูกชายฉันที่เอดินเบิร์กแล้วสินะ" เสียงห้าวเอ่ยถามขึ้นหลังจากได้ฟังเรื่องจากสหาย
"ฉันก็คิดจะมาปรึกษานายเรื่องนี้" อีกฝ่ายแย้มรอยยิ้มตอบกลับมา ดวงตาสีเข้มเป็นประกายพราวด้วยรอยเอ็นดูผู้เป็นต้นเหตุของเรื่อง
"พนันกันไหม ฟีลมัส ฉันว่าลูกชายนายเอาชนะลูกสาวฉันไม่ได้แน่"
ว่าแล้วคนพูดก็หัวเราะ ให้คนฟังหรี่ตามอง ร่างสูงของหัวหน้าตระกูลฟีลมัสเอนลงกับพนักเก้าอี้พลางยักไหล่
"ตระกูลเรามีวิธีเฉพาะในการจัดการเรื่องนี้" เวสหัวเราะเบาๆในลำคอ
"ฉันมั่นใจว่าคิลจะเอาชนะลูกสาวนายได้ แต่ก่อนหน้านั้น..." ชายหนุ่มผมทองหันไปสั่งให้พ่อบ้านยกแชมเปญขวดใหญ่ออกมา
"ฉลองล่วงหน้ากันก่อนเป็นไง พวกเราน่าจะได้อุ้มหลานกันอีกไม่นานเกินรอ"
"ดูนายแน่ใจเหลือเกินนะว่าคิลมันจะไม่โดนลูกสาวฉันปาดคอเอาเสียก่อน"
บุรุษผู้เป็นเพื่อนกันมานานเลิกคิ้วเป็นเชิงยั่วเย้า ก่อนที่เสียงหัวเราะของหัวหน้าตระกูลทั้งสองดังประสานกันอย่างถูกอกถูกใจ ทิ้งให้สายตาของผู้เป็นภรรยามองกันยิ้มๆ แก้วก้านบางใสถูกยกขึ้นพร้อมเสียงห้าวกังวานรื่นเริง
"แด่นักฆ่าตัวน้อยในอนาคต!"
"ฮัดเช้ย!
เสียงจามสนั่นหวั่นไหวดังขึ้นจากนักฆ่าแห่งซาเรส เรียกให้สายตาทุกคู่ในห้องเหลียวมามองเป็นตาเดียว อาจารย์คิงชามัลส่งสายตาคมกริบมายังเด็กหนุ่มก่อนจะเอ่ยเสียงเย็น
"เธอน่าจะฉลาดพอรู้ได้นะคิลมัส ฟีลมัส ว่าอาการหวัดมันจะรบกวนสมาธิเพื่อนในชั้นเรียน" ว่าแล้วท่านก็หันกลับไปสอนหนังสือต่อ ทว่าไม่วายมีเสียงบ่นเปรยมา
"พวกป้อมอัศวินนี่จริงๆเลย เรื่องมารยาทเคยมีในหัวบ้างไหมนี่"
คิลยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ ศีรษะซึ่งปกคลุมด้วยผมสีดำยุ่งๆ เอนลงนอนต่อโดยหนังสือประวัติศาสตร์กางบังเอาไว้ แสงแดดอุ่นๆยามสายทำให้ความง่วงงุนคืบคลานเข้ามาอย่างรวดเร็ว
คนที่โดนขัดจังหวะหลับสบายแอบบ่นพึมพำอยู่คนเดียวในใจ ลางสังหรณ์พิลึกๆ แล่นวาบจนรู้สึกรำคาญขึ้นมาตงิดๆ ก่อนที่หนังตาจะค่อยๆปรือปิดลง
...ใครแอบนินทาวะ....
Create Date : 17 มกราคม 2549 | | |
Last Update : 17 มกราคม 2549 1:19:45 น. |
Counter : 594 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
Little Killer บทนำ
One little two little three little killers...
Four liitle five little six little killers...
Seven little eight little nine little killers...
Ten little killer boys
สายตาคมปลาบของนักฆ่าแห่งซาเรสตวัดไปยังคนที่ยังนั่งฮัมเพลงอยู่อย่างเพลิดเพลิน คิ้วเข้มกระตุกเมื่อสบดวงตาสีเขียวมรกตที่ฉายแววเจ้าเล่ห์อย่างปิดไม่มิดนั่น
เสียงปิดสมุดรายงานดังปัง เรียกให้สายตาทุกคู่ของผองทโมนชาวป้อมซึ่งนั่งทำรายงานกันอยู่บนโต๊ะม้านั่งกลางสวนเงยขึ้นมาดู
"นายอยากมีเรื่องนักใช่ไหม โร"
อีกฝ่ายหยุดเสียงร้องเพลง พลางหันมาแย้มรอยยิ้มเยือกเย็นตอบกลับให้อารมณ์นักฆ่ายิ่งขุ่นมัว
"ฉันก็แค่ร้องเพลง"
ดวงตาสีม่วงคมกริบฉายรอยอำมหิตวาบขึ้น หากคนมองดูจะไม่สะทกสะท้านกับรังสีฆ่าฟันที่แผ่ซ่านออกมานั้น เสียงทุ้มยังคงเอ่ยต่ออย่างนุ่มนวล
"หรือนายไม่ถูกใจเพราะมีความหลังไม่ค่อยดีกับเพลงนี้"
คิลกัดฟันกรอด นัยน์ตาหรี่ลงเป็นสัญญาณอันตราย ก่อนจะยิ้มยียวนตอบกลับเหมือนจะยั่วกิเลสไอ้ขอทานจอมวางมาดที่กวนประสาทเขามาตั้งแต่เริ่มทำรายงาน
...หรือพูดให้ถูกก็คือตั้งแต่มันรู้ว่าเขาถูกจับให้ทำรายงานคู่กับใคร...
"ความหลังไม่ดีเรอะ ไม่รู้สินะ แต่ที่ฉันรู้อยู่อย่างหนึ่งก็คือ คราวนั้นไอ้คนปากดีบางคนก็ลงไปนอนจมกองเลือดไม่ต่างกัน"
อารมณ์ขุ่นโชนวาบขึ้นมาในใจคนฟัง ริมปากขอทานแห่งทริสทอร์จึงกระตุกรอยยิ้มเย็นเยียบ
"ครั้งนั้นฉันยอมรับว่าประมาทนายไป ท่านนักฆ่า แต่คราวนี้..."
ดวงตาสีเขียวส่งรอยเหยียดหยันมากระตุ้นอารมณ์นักฆ่าให้ลุกโพลงอยากกระโจนเข้าไปปาดคอคนพูดเสียเดี๋ยวนั้น
"เรามาตัดสินกันเลยเป็นไง"
ทันทีที่สิ้นคำ ประกายสีเงินก็ปรากฏวูบเข้ามาจ่อชิดลำคอของโรด้วยความเร็วที่แทบมองไม่ทัน หากก่อนที่คมมีดในมือนักฆ่าแห่งซาเรสจะเรียกเลือดออกมา ขุมพลังดำมืดก็ปรากฏขึ้นในมือบุรุษแห่งทริสทอร์ในชั่วเสี้ยววินาทีนั้น
บรรยากาศรอบด้านเหมือนมีประกายไฟแลบแปลบปลาบขณะดวงตาสองคู่ยังจ้องเขม็งชนิดไม่มีใครยอมใคร และก่อนที่ทุกคนจะทันได้สตินั่นเอง...
โป๊ก! โป๊ก!
"พวกนายจะมัวทะเลาะกันอีกนานไหม เดี๋ยวรายงานก็ไม่เสร็จพอดี!"
เสียงตวาดแหวของแม่มดสาวแห่งวิชท์ดังขึ้นพร้อมๆกับไม้คทาที่เหวี่ยงลงศีรษะของขอทานและนักฆ่าอย่างแม่นยำ ดวงหน้าน่ารักหันไปค้อนขอทานแห่งทริสทอร์ แล้วหยิบหนังสือเล่มหนาวางโครมให้นักฆ่าแห่งซาเรสที่โดนอาจารย์จับคู่ให้ทำรายงานกับเธอ
คนที่โดนดีทั้งสองคนหันมาลูบหัวป้อยๆ ก่อนจะรีบนั่งลงแต่โดยดี เพื่อป้องกันไม่ให้แม่มดสาวเงื้อไม้คทาอาญาสิทธิ์ขึ้นมาอีกรอบ
"คุณโรคะ เดี๋ยวช่วยเขียนหัวข้อนี้ทีนะคะ ฉันจะเขียนอีกหัวข้อให้เอง"
เจ้าหญิงแห่งคาโนวาลเอ่ยยิ้มๆ เมื่อเห็นขอทานแห่งทริสทอร์ยังเหลียวมองแม่มดสาวที่ถูกอาจารย์ให้จับกลุ่มคู่กับนักฆ่าแห่งซาเรสไม่วางตา
โรลอบระบายลมหายใจพลางรับสมุดที่เจ้าหญิงเรนอนแบ่งหัวข้อไว้ให้เรียบร้อยมาเขียนแต่โดยดี
การทำรายงานครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องยุ่งยากมากนักเพราะเจ้าหญิงแห่งคาโนวาลซึ่งได้คู่กับเขาเป็นคนทำงานละเอียดลออ แต่การจับคู่ทำรายงานตามการแบ่งของอาจารย์นี่แหละที่ทำให้เขาอดหงุดหงิดขึ้นมาไม่ได้
ภาพนักฆ่าแห่งซาเรสที่กำลังก้มดูหนังสือเล่มเดียวกับแม่มดสาวทำเอาขอทานเริ่มอารมณ์เสียขึ้นมาอีกรอบ
โรดึงสายตากลับมาอย่างสงบ พยายามสนใจกับรายงานตรงหน้า หากรอยอารมณ์ที่ฉายอยู่ลิบๆในแววตาสีเขียวที่เคยเยือกเย็นเสมอนั้น เจ้าหญิงเรนอนมองออกได้ไม่ยากนัก
หญิงสาวลอบอมยิ้มน้อยๆกับสมุดรายงานก่อนจะเงยหน้ามองไปทางแองเจลีน่าซึ่งกำลังก้มหน้าก้มตาปั่นรายงานกันอยู่อีกทางหนึ่ง ใจนึกอิจฉาแม่มดสาวแห่งวิทช์ขึ้นมานิดๆ
...แองจี้โชคดีที่ได้ความรักตอบกลับมาจากคนที่เธอรัก....
ดวงตาสีม่วงสวยเลื่อนไปยังเจ้าชายแห่งคาโนวาลที่กำลังนั่งทำรายงานให้หัวขโมยตัวแสบ แม้ปากจะดุไปบ่นไปให้เฟรินทำรายงานด้วยตัวเอง แต่เธอกลับเห็นบรรยากาศอ่อนโยนที่ห้อมล้อมคนทั้งคู่ไว้
...สำหรับเธอแล้ว...คงไม่มีวันนั้น...
รอยเศร้าปรากฏวูบขึ้นในดวงตาคู่สวยที่กำลังเหม่อมองญาติผู้พี่และเจ้าหญิงหัวขโมยทำให้นักฆ่าที่เงยหน้าขึ้นมาพอดีหยุดชะงัก ทว่าเจ้าของดวงตาคู่นั้นเหมือนจะรู้สึกตัว เมื่อเธอรีบกลบเกลื่อนด้วยรอยยิ้มอ่อนๆ แล้วก้มหน้าก้มตาทำงานต่อเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
คิลยังเผลอมองไปยังเจ้าหญิงผู้อ่อนหวานแห่งคาโนวาลเป็นระยะ ...เพราะรู้ดีว่าเธอเป็นคนอย่างไร ความรู้สึกเป็นห่วงจึงรุกเข้ามาในใจอย่างช่วยไม่ได้
...คนจากคาโนวาลนี่เหมือนกันไปหมด ชอบเก็บความรู้สึก หรือไม่กลัวว่าสิ่งที่กดไว้กับอกนั้นจะทรมานเพียงใด...
...ครั้งแรกที่เคยได้เห็น หรือครั้งที่สองที่เคยได้สบตา หรือไม่ว่าครั้งไหน เขายอมรับว่าประทับใจอะไรหลายอย่างในตัวเธอไม่น้อย...
...ทั้งความฉลาดเฉลียว ความสุขุมเยือกเย็น และความอ่อนหวานนุ่มนวล ดูเธอจะเป็นเจ้าหญิงผู้เพียบพร้อมไปเสียหมด...
...แต่มันเหมือนจะมีอะไรสักอย่างไม่ใช่ดังที่เฟรินเคยล้อเลียนเขากับเธอ...
...อะไรบางอย่างที่ยังไม่ลึกซึ้งในความรู้สึกมากขนาดนั้น...
เงาดำปรากฏวูบเบื้องหน้าพร้อมกับดวงหน้าเจนตาของเพื่อนรัก หัวขโมยยิ้มเผล่พลางยักคิ้วให้ รอยเจ้าเล่ห์ในดวงตาสีน้ำตาลคู่นั้นทำให้นักฆ่าชักไม่ไว้วางใจขึ้นมากระทันหัน...นี่มันจะมาไม้ไหนอีกล่ะเนี่ย...
"นายจะจ้องจนตาถลนเขาก็ไม่หันมารู้ตัวหรอกน่า" เจ้าคนทะเล้นทำเป็นกระซิบกระซาบ
"กล้าๆหน่อยสิคิล ทักนิดทักหน่อย ดอกพิกุลไม่ร่วงหรอก"
ดวงตาสีม่วงถลึงมองเพื่อนตัวแสบ ก่อนจะสะดุ้งเฮือกเมื่อร่างเพรียวของหัวขโมยหนุ่มน้อยวิ่งปร๋อไปเกาะโต๊ะที่เจ้าหญิงคนงามนั่งทำรายงานอยู่พลางก้มหน้าลงซุบซิบอะไรบางอย่างแล้วพยักเพยิดมาทางเขา
คิลเบิกตาโต ก่อนจะรีบตรงเข้าไปดึงเพื่อนรักออกมา
"นายไปพูดอะไรกับเรนอน"
เจ้าหัวขโมยตัวยุ่งหัวเราะเอิ้กอ้าก "ก็ฉันไปนัดสาวให้นายไงวะคิล ขืนมัวนั่งรอนายพูด ชาติหน้าคงไม่ได้ความอะไรสักอย่าง"
นักฆ่าแห่งซาเรสแทบอยากเขกกะโหลกเพื่อนซี้ คิ้วเข้มขมวดมุ่นขณะเอ่ยปากเรียบๆขัดเสียงหัวเราะกวนประสาทของเจ้าตัวแสบประจำป้อมนั่น
"มันไม่ใช่อย่างที่นายคิด"
ดวงตาสีน้ำตาลเหลือบมองหน้าเพื่อนรัก ก่อนจะขมวดคิ้วบ้าง หากแววตาเต็มไปด้วยรอยขบขันแกมล้อเลียนที่ชวนให้นักฆ่าหน้าแดงขึ้นมาเอาดื้อ ๆ
"งั้นมันเป็นแบบไหนกันล่ะ ไอ้ที่นายคิดน่ะ ช่วยบอกมาให้ฉันหายข้องใจหน่อยสิ"
สีหน้าวุ่นวายใจกับมือที่ยกขึ้นเกาหัวแกรกๆ ทำให้คนมองยิ่งยิ้มกว้างขึ้นไปอีก เมื่อสุดท้ายเจ้าเพื่อนนักฆ่าก็ยักไหล่พร้อมกับเอ่ยออกมาอย่างหมดปัญญาอธิบาย
"ฉันก็ไม่รู้"
ภาพตาคิล ฝีมือท่านตาล (Zeda)
โอ้...น่ารักเหลือหลาย คิลจ๋า.... ภาพนี้คิลเข้มมาก ย้ำนะเจ้าคะว่าตาคิลในฟิค Little Killer นี้สิบเจ็ดจะสิบแปด กำลังอยู่ปี 3 เป็นหนุ่มกะลังน่ากินเลยเชียว -_,-
ภาพนี้มีชื่อว่า When Killers vacant หรือ เมื่อนักฆ่าเหม่อลอย
ขอบพระคุณท่านตาลมากๆ นะเจ้าคะ ที่มีเมตตาวาด ดัดแปลงแล้วลงสีให้ ^^
เห็นว่าตอนนี้ท่านกำลังพยายามสร้างลัทธิคิลเฟริน ขอให้สมปรารถนาโดยเร็ว เพราะข้าพเจ้ารออ่านอยู่
เห็นภาพนี้แล้ว ใครคิดว่าตาคิลยังเด็กๆ ไร้เดียงสา เป็นนักฆ่าปัญญาอ่อน ลืมไปซะให้เกลี้ยงเลยเชียว เพราะคิลในฟิค Little Killer ของข้าพเจ้ากับท่านบลูนี้เน้นความเท่ห์และเร้าใจของคิลอย่างแรง!
Create Date : 16 มกราคม 2549 | | |
Last Update : 17 มกราคม 2549 1:21:55 น. |
Counter : 392 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
| |
|
|