สิ่งใดเกิดขึ้นแล้ว สิ่งนั้นดีเสมอ
Group Blog
 
All Blogs
 
ระหว่าง

แรกเริ่มที่ตั้งชื่อกรุ๊ปบล็อกนี้ว่า "ระหว่างทาง"
ตั้งใจว่า จะใช้เป็นบันทึกการเดินทาง ที่ได้ระหกระเห (แต่ไม่เร่ร่อน)ไปโน่นมานี่ในช่วงสั้นๆ

ไม่คิดว่า ในระหว่างทาง ขณะขับรถกลับบ้าน ก็มีเรื่องให้เล่า


ถ้าจะเล่าอ่ะนะ

วันสองวันมานี้ ไม่ได้กลับดึกนัก แต่ก็มืดค่ำ ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติ ต้นอาทิตย์วุ่นเล็กน้อย เพราะพี่ที่โต๊ะลาพักร้อน ภารกิจหน้าหนึ่งหน้าในจึงประเดประดังเข้ามา แต่ก็ไม่เกินรับมือ

"ทำไมหน้าซีดๆ ไม่สบายปะ"มีคนทักขึ้นในห้องทานข้าว

ป่าวพี่ ฉันปฏิเสธเสียหลง แต่ในใจพลางคิดไปว่า "แปลกดี"

เรื่องปิดหน้าไม่ใช่สิ่งที่เกินกำลังรับ แต่เวลาอยู่คนเดียวโด่เด่ ความเครียดมันจะเกิดขึ้นมาเอง ทั้งๆ ที่ถ้าไม่นึกถึงก็ไม่รู้สึกว่า เครียด...

พอนึกถึงเท่านั้นล่ะ ความรู้สึกอ่ะ เหมือนโดนไฟดูดเวลาปิดประตูรถ...วิ้งๆๆ

...เวอร์จริงๆ ตู

ขั้นด้วยรูปขำๆ ของเราเองแต่งจากเว็บที่พี่กรัปป้าแนะนำ



จิตใจช่วงนี้ไม่ค่อยปกติ เรื่องส่วนตัวไม่มีปัญหา ที่เซ็งโคตรมาจากเรื่องไม่ส่วนตัวมากกว่า

มองไปทางไหนคุยกับใคร ฟังอะไร เห็นแต่คนยึดหลัก "กู" เป็นหลักการไปซะหมด ปากก็บอกรักประเทศชาติ...แต่...

เซ็งโคตรร...

"แก..."
"เออว่าไง"ฉันตอบปลายสาย
"พุธนี้นัดสังสรรค์กันมะ"
"สังสรรค์ไร บ้านเมืองจะชิป...เป๋งหมดแล้วจะมาสังสรรค์ไรกันอีก"ปากพาไปได้ยังไงไม่รู้

..."แกซีเรียสเหรอ"
"ป่าวๆ โทษทีว่ะ เออๆ มาที่บ้านละกัน ใครอยากกินไรก้อเอามา"ฉันตอบ

หลังวางสายรู้สึกแย่ชะมัด...ทำไมตูเป็นคนพูดจาแบบนี้ไปได้....

อีกวันถัดมา...วันนี้กลับเร็วหน่อย เพิ่งสองทุ่มกว่า
รถไม่ติดเลย เปิดเพลงดังลั่นรถ ตั้งใจว่าจะต้องแวะร้านกาแฟเจ้าโปรด (ตอนนี้ ที่เพิ่งค้นพบ)

เรื่องกินกาแฟนี่ สบายมาก กินมากน้อยแค่ไหน เวลาอะไรไม่มีผลต่อระบบประสาทใดๆ ทั้งนั้น นอนหลับได้สบายบรื่อ...ฉันจึงมักกินกาแฟตอนดึกๆ โดยไม่อนาทรร้อนใจใดๆ กับผลข้างเคียง

เพื่อนบางคนเคยบอกว่า แกโชคดีจัง

อืมม ฉันไม่เคยมีปัญหากับการนอน หลับเหมือนสั่งได้ถ้าอยากหลับ และอยู่ดึกๆ ดื่นๆ ข้ามคืนได้ถ้ามีหนังที่ถูกใจดู...อิอิ...นะ แต่คนเราก็ต้องมีเรื่องที่ทำให้นอนไม่หลับได้บ้างล่ะนะ

ในช่วงเวลาหนึ่งเวลาใดในชีวิต ไม่ว่าจะหลับง่ายแค่ไหน ต้องมีสักครั้งที่ทำยังไงก็หลับไม่ลง

รู้รสชาดของอาการนอนไม่หลับก็ครั้งโน้น...ใครว่าตูไม่เคยนอนไม่หลับ...

อุปสรรคทำให้ชีวิตมีรสชาด คิดได้อย่างนั้นก็หลับต่อได้เหมือนเดิม

เหมือนเดิมในคืนถัดๆ มาหรอกนะ


ค่ำนั้น ฉันแวะร้านกาแฟตามใจสั่ง

"น้องๆ เอสเพรสโซเย็นไม่หวานแก้วนึง"
"รอ หน่อย นานนะพี่"บาริสต้าสาว บอก
"ไม่เป็นไร"ฉันตอบเบาๆ พลางคิดในใจว่า เรียงประโยคผิดรึว่าตั้งใจหว่า...รอ...นานหน่อย...รอหน่อย...นานนะ อิอิ..

สายตาเหลือบไปเห็นพ็อกเก็ตบุ๊กหน้าตาคุ้นๆ "บาริสต้า"อืม เล่มนี้มีคนซื้อมาให้เหมือนกัน แพงนะ ตอนโน้นยังบอกคนที่ซื้อมาให้เลยว่า เป็นเล่มที่อยากได้พอดี เคยเห็นในร้านไปหยิบๆ จับๆ อยู่ ยังไม่ได้ซื้อเพราะยังรู้สึกว่า ไม่จำเป็น (แพงอ่ะ) แต่คุ้มนะ

เป็นเรื่องของบาริสต้าชาวญี่ปุ่น อ่านแล้วจะรู้ว่า อาชีพบาริสต้านั้นไม่ใช่เล่นๆ เลย ...ทำอะไรก็ต้องทุ่มเททั้งนั้นแหละ..

รสชาดกาแฟร้านนี้ดี(ไม่งั้นจะติดใจเรอะ) เห็นหนังสือเล่มนี้แล้ว ยิ่งทำให้คิดว่า เจ้าของร้านคงเอาจริงกับการเปิดร้านของตัวเองมาก..นะ

มีหนังสือดีๆ อีกหลายเล่มอยู่ในชั้นหนังสือ อยู่ปะปนกับแมกกาซีนซุบซิบดาราแนวปาปาราซซี่ที่กองเป็นตั้งๆ ไม่น่าจะอยู่ด้วยกันได้เลยเนอะ

"พี่ๆ เด๋วลัดคิวให้นะ"น้องบาริสต้าประจำร้านพูดกับฉัน
"ไม่เป็นไร รอได้ ชงให้อร่อยๆ ละกัน"ฉันว่า

ช่วงเวลาของการ "รอ"คอยอะไรบางอย่าง ไม่ใช่ช่วงเวลาที่น่าเบื่อสำหรับฉันในค่ำคืนนี้ เทียบกับคืนอื่นๆ ยังหัวค่ำนัก...

ไม่กี่อึดใจ เอสเพรสโซเย็น และไม่หวานก็มาปรากฎอยู่ตรงหน้า

รสชาดใช้ได้...เข้มข้น และไม่หวาน...

ยังหัวค่ำนัก (สองทุ่มเศษ) แวบไปนั่งชิลๆ ณ เซฟเฮ้าส์ก่อนเข้าบ้านดีกว่า
ยังไม่ทันถึง เสียงมือถือก็ดังขึ้น...รับก็ได้นะ

"ว่าไง อืมว่าง เด๋วขอเปิดประตูแป๊ปนะ"
...เข้าบ้านแล้ว..

"เออว่าไงนะ"
....บทสนทนาต่อจากนั้น มีความยาวประมาณครึ่งชั่วโมง...อาจเรียกได้ว่าเป็นบทสนทนาเพียงข้างเดียว เพราะฉันตกอยู่ในฐานะผู้ฟังที่ดี

จำได้ว่า ได้พูดแนะนำอะไรบางอย่าง สอดแทรกการสนทนาไปบ้าง แต่ถ้าเป็นเพลงน่าจะเรียกได้ว่า เป็นท่อนสร้อย คลอๆ งุ๊งงิ๊งไปกับเสียงหลักมากกว่า (ฮา)

ช่วงเวลาแบบนี้ เพื่อนปลายสายคงอยากให้ใครสักคนฟังมากกว่า ...ทำไมฉันจะไม่เข้าใจ...เนอะ

นึกขึ้นได้ว่าต้องคุยเรื่องงานสัมมนาคืนกำไรที่กำลังจะมาถึง มีพี่ท่านขาประจำคนเดิมคอยช่วยเหลือก็ดีอย่างตรงอะไรๆ ดูจะไม่ยาก

แต่พี่ท่านก็มักจะทำให้เราเห็นพ้องกับการขยายขอบเขตงานให้โก โซ บิ๊ก อีกแล้วคร้าบท่าน...

งานที่เคยคิดว่าจะรวบรัดให้เหลือวันเดียวม้วนเดียวจบ เช้าบ่าย ก็ทำท่าจะเลยเทอดไปเป็น 3-4 วันเหมือนอย่างเคย

เอ๊าก็เอ๊าว่ะ...

พูดไปดูดกาแฟไป จนหมด นั่งชิลๆ ดูดาว บนดาดฟ้ามืดๆ ลมเย็นดี...

กะว่าจะกลับบ้านอยู่แล้วเชียว ถ้าหนังแผ่นที่กองเป็นตั้งๆ ในตู้จะไม่หล่นลงมาโครมใหญ่ ตอนกำลังเปิดหาสมุดโน้ต...

anatomy of hell หล่นตุ้บลงมา อล่างฉ่างอยู่ตรงหน้า ใครไม่เคยดู แนะนำว่า อย่าดู ..อิอิ จริงนะ...ดูอีกสักรอบดีกว่า อิอิ

ตัวหนังจากการตีความของข้าพเจ้าเอง ตัวเอกเหมือนจะต้องการพิสูจน์อะไรบางอย่าง ว่าด้วยเรื่องเนื้อหนังมังสา และเซ็กส์...ที่ไม่ได้มาจากความรู้สึก"รัก"

ไม่รู้จะจัดกลุ่มอยู่ในหนังประเภทไหนดี ถ้าดูแค่การเปิดเปลือยเรือนร่างกันแบบหมดจดแล้วล่ะก็...NC 17 ติดเรตหนังเอ็กซ์แหงมๆ

แต่เปิดใจกว้างๆ หน่อย ไม่นะ ถ้าจะยัดเยียดให้นู้ด ก็เป็น"นู้ด"ที่เครียดๆ มาก

นี่หนังชีวิตบัดซบนะจะบอกให้...อิอิ..

เหนื่อยแฮะ...

ความจริงแล้วตั้งใจจะเล่าถึงร้านกาแฟ แต่ถไลเถลือกมาเรื่องนี้ได้ยังไง

...ตัดฉับกลับมาที่ร้านกาแฟร้านเดิม...

ร้านกาแฟร้านนี้ตั้งอยู่ใกล้ๆ โลตัสเอ็กซเพรสในซอยแถวบ้าน อยู่ในบริเวณเดียวกับร้านรับล้างรถ ทำเลถือว่าใช้ได้นะ

ร้านไม่ใหญ่ เพราะทำมาจากตู้คอนเทนเนอร์ทาสีขาว หน้าบานติดกระจกทั้งแถบเพื่อให้โปร่งขึ้น

นอกจากกาแฟและเครื่องดื่มๆ ต่างๆ แล้ว ก็มีบริการไปรษณีย์ และรับชำระค่ำน้ำค่าไฟตามสมัยนิยมเข้าด้วย

ฉันผ่านร้านนี้ไปมาหลายเดือน แต่ไม่เคยแวะสักที ผ่านทีไรก็มักคิดในใจว่า ถ้าป้ายร้านใช้ font เก๋ๆ กว่านี้ก็จะสวยกว่านี้...

ที่ไม่ได้แวะ เพราะถ้าแวะโลตัสก็มักอุดหนุดร้านเล็กๆ หน้าโลตัสมากกว่า เป็นร้านกาแฟชาวบ้านๆ แก้วละ 30 บาท ถูกดี เรื่องรสชาดจัดว่าธรรมดา

จำไม่ได้ว่า ที่สุดแล้วตัดสินใจลองแวะร้านนี้ได้ยังไง หลังจากแวะแล้ว ก็ไม่ได้อุดหนุนกาแฟราคาถูกหน้าโลตัส และหน้าร้านก๋วยเตี๋ยวเจ้าประจำแถวบ้านอีกเลย

สองร้านนั้นถูกกว่า ตู้คอนเทนเนอร์สีขาว สิบบาท แต่รสชาดอ่ะ สำหรับคอกาแฟแล้ว ยอมจ่ายแพงกว่า แม้จะสงสารร้านเดิมที่อุดหนุดอยู่บ่อยๆ ก้อ
เถอะ

รสชาดกาแฟร้านนี้ต้องดีกว่าแน่ๆ ดูจากเครื่องชงแล้วก็ต่างกันลิบ ร้านเล็กเดิมเป็นเครื่องชงระดับโฮมยูสที่เราใช้กันตามบ้าน แต่ร้านนี้แบบร้านกาแฟอ่ะนะ มีเครื่องบดกาแฟชงแบบแก้วต่อแก้วด้วย

กลิ่นและรสชาดจึงต่างกันแน่ๆ แม้วิธีการบด การเคาะแทมป์ และอื่นๆ อีกกระจุกกระจิก จะไม่ใช่เทคนิคที่ถูกต้องของบาริสต้ามืออาชีพ ที่ฉันเองก็จำมาจากหนังสืออีกที

นึกถึงเสียงเคาะแทมป์ดังโป้กๆ ของบาริสต้าของร้านนั้นแล้วยังขำไม่หาย ช่างดังสนั่นหวั่นไหว แรงได้ใจจริงๆ เคาน์เตอร์บาร์ร้านนี้คงจะไม่ทนทานนานปี..อิอิ

ใครแวะมาแถวซอยบางกรวย...แวะชิมได้ 99 coffee (ถ้าจำชื่อไม่ผิด) ...




Create Date : 09 ตุลาคม 2551
Last Update : 9 ตุลาคม 2551 18:38:44 น. 3 comments
Counter : 424 Pageviews.

 
ช่างเป็นการ "รอคอย" กาแฟที่สุขใจดีแท้


โดย: uan IP: 202.60.199.116 วันที่: 9 ตุลาคม 2551 เวลา:18:13:41 น.  

 
คอเดียวกันเลยค่ะ

เอสเพรสโซ่เย็นไม่หวานแก้วนึง


โดย: zonier วันที่: 9 ตุลาคม 2551 เวลา:19:02:07 น.  

 
เห็นรูปแล้วขำดีอ่ะ...


โดย: (", ) IP: 58.8.30.250 วันที่: 13 ตุลาคม 2551 เวลา:11:52:06 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

cherydnk
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add cherydnk's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.