ประสีประสาสิงสาราสัตว์
Group Blog
 
All Blogs
 

ครอบครัวเสือโคร่ง




เพื่อนผู้ไม่ประสงค์จะออกนาม มอบผลงานฝากมาให้ 1 ภาพ แบบจัดเต็ม-จัดหนัก เป็นภาพเสือโคร่ง ในธรรมชาติ 5 ตัวในเฟรมเดียว!

จะเรียกว่าเป็นภาพประวัติ ศาสตร์ก็ว่าได้

จริงๆ แล้ว เสือโคร่งพวกนี้เป็นแม่เสือกับลูกเสือที่ตัวโตแล้วอีก 4 ตัว ไม่ใช่การรวมฝูงกันในแบบของพวกสิงโตที่เราๆ ท่านๆ เห็นในทีวีบ่อยๆ

ความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญระหว่างเสือกับสิงโตก็คือ เสือเป็นสัตว์ที่ใช้ชีวิตอย่างโดดเดี่ยว ขณะที่สิงโตเป็นสัตว์รวมฝูง อันประกอบด้วยพี่น้องเครือญาติแทบทั้งหมด

แค่นี้ก็จะเห็นเลยว่าเสือโคร่งต้องดำรงชีวิตอย่างยากลำบากมากกว่าสิงโต ยิ่งยามที่มีภาระต้องเลี้ยงดูลูก ก็จะเป็นงานหนักอันโดดเดี่ยวของแม่เสืออย่างแท้จริง

ภารกิจของแม่เสือไม่ใช่แค่หาเหยื่อมาป้อนลูกๆ เท่านั้น หากแต่มันยังต้องสอนให้ลูกใช้ชีวิตในภายภาคหน้ายามไม่มีแม่ดูแลได้

นั่นคือ ต้องล่าเหยื่อเป็น รู้วิธีการย่องเข้าหาเหยื่อ และสามารถปลิดชีพเหยื่อให้ตายอย่างรวดเร็ว

บทเรียนธรรมชาติระหว่างแม่กับลูกเสือนี่เอง เป็นสิ่งที่มนุษย์ยากจะเลียนแบบ และส่งผลให้บรรดาเสือเพาะเลี้ยงในกรงทั้งหลายขาดคุณสมบัติสำคัญ

ขืนเพาะเสือในกรงแล้วปล่อยเข้าป่าไป มีแต่จะอดตายสถานเดียว!

ใน Youtube มีคลิปสวนเสือในเมืองจีน ชอบจัดแสดงโชว์เสือโคร่งฆ่าวัวให้นักท่องเที่ยวซาดิสต์ดู สิ่งที่ผมเห็นจากคลิป เสืออ้วนๆ พวกนั้นไม่รู้วิธีการฆ่าที่ถูกต้อง

กว่าจะคว่ำเหยื่อที่เป็นแค่ลูกวัวไม่มีเขา ยังเก้ๆ กังๆ ใช้เวลาเป็นนานสองนาน

กลับมาที่ภาพสำคัญของเพื่อนผม ภาพนี้นอกจากบอกถึงความเป็นยอดคุณแม่ของแม่เสือแล้ว ยังบอกด้วยว่าพื้นที่ป่าตรงนั้นต้องอุดมสมบูรณ์ไปด้วยเหยื่อ

มิฉะนั้นแม่เสือคงไม่สามารถเลี้ยงดูลูกทั้งครอก จนโตมาถึงขนาดนี้ได้

มันยังชวนให้ผมระลึกถึงหนังสารคดีที่เคยดูนานมาแล้ว แม่เสือในเรื่องก็มีลูกเสือตัวโตแบบนี้เช่นเดียวกัน ถ่ายทำมาจาก Ranthambhore National Park ในประเทศ

อินเดีย

ฉากประทับใจผมมากที่สุด เป็นภาพแม่เสือนอนให้ลูกๆ ตัวโตทั้งครอกรุมดูดเต้านม ทั้งที่ไม่มีน้ำนมเหลือแล้ว

วันรุ่งขึ้น ครอบครัวเสือนั้นก็แยกย้ายจากกันไปทางใครทางมัน ผู้บรรยายระบุว่าการที่ลูกเสือมาทำท่าดูดนมแม่ เหมือนมาอำลาความเป็นแม่-ลูก อะไรประมาณนี้ (ซึ้งมาก!)

คนบ้าเสืออย่างผม รู้สึกว่าต้องตามความฝันของตัว ได้ถ่ายภาพเสือในป่ากับเขาสักที

ทางที่ง่ายที่สุดก็คือเดินทางไป Ranthambhore


ปริญญา ผดุงถิ่น เรื่อง
ไม่ประสงค์ออกนาม ภาพ




 

Create Date : 25 กรกฎาคม 2555    
Last Update : 25 กรกฎาคม 2555 21:34:15 น.
Counter : 4487 Pageviews.  

กระเบนชายฝั่ง



เวลาออกตกปลาทะเล แล้วได้ปลากระเบน นักตกปลาจะไม่ค่อยภูมิใจกับมันสักเท่าใด โดยเฉพาะหากเป็นการออกเรือตกปลาตามทะเลลึก

จะมีดีอยู่บ้าง ก็ตรงที่มันสู้เบ็ดได้อึด ผมเคยเจอกระเบนตัวหนึ่ง น้ำหนักเท่าไรไม่ได้เอาขึ้นชั่งแน่ชัด แต่น่าจะสัก 20 โลขึ้น

ต้องเล่นระบบ “ตัวต่อตัวมีรุม” ใช้นักตกปลา 4 คนอัดแบบไม่ราข้อคนละ 15 นาที ได้ตัวขึ้นเรือเมื่อนักตกปลาคนแรก เวียนกลับมาเย่อรอบที่ 2 หรือเท่ากับใช้เวลาถึง 1 ชั่วโมง 15 นาที กว่าจะกำราบปลากระเบนได้

ความอึดของปลากระเบน มาจากสายเลือดที่เป็นญาติกับปลาฉลาม ซึ่งก็ถือเป็นพวกจอมอึดเหมือนกัน แต่มันยังเหนือกว่าปลาฉลาม จากรูปร่างที่บานเป็นกระด้ง ต้านน้ำสุดๆ

ใครไม่เชื่อลองเย่อฝาหม้อข้าวในน้ำดูก็ได้ มันจะสู้เบ็ดได้ดีนักแล 555

อย่างไรก็ดี พอเปลี่ยนมาเป็นเกมตกปลาชายฝั่ง ที่เหวี่ยงเหยื่อออกไปจากชายหาด การมีปลากระเบนมาติดเบ็ด ช่วยให้เกมนี้มีสีสันขึ้นมาอย่างมากมาย

ความแข็งแรงของปลากระเบน สามารถกระชากคัน Surf Fishing ยาว 14 ฟุต ให้โก่งงุ้ม และสายขนาด 25 ปอนด์ในรอกตัวโต ก็โดนดึงจนพุ่งฉิวออกไปในทะเล

เป็นบรรยากาศการตกปลาที่ได้รสชาติมาก คุณยืนบนชายหาดกว้างที่มีคลื่นซัดแทบเท้า ขณะที่ปลาที่ปลายสายก็กระชากสายเบ็ดลิ่วๆ สลับกบดานติดกับท้องทราย

นี่คือเสน่ห์ของเกมตกปลาชายฝั่ง (แบบออริจินอล) ที่ผมหลงใหล อยากเจอแบบนี้ครั้งแล้วครั้งเล่า

วิธีเอาปลาขึ้นจากน้ำที่ปลอดภัย ต้องอาศัยแรงส่งของคลื่นช่วยด้วย แรงดึงที่เข้าจังหวะจะโคนกับแรงคลื่น จะฉุดปลากระเบนให้ขึ้นมานอนแบบนพื้นทรายเปียก หมดโอกาสจะกลับลงทะเลได้อีก

การจับปลากระเบนต้องระวังมือให้ดี แค่ผมเอื้อมไปแตะ มันก็เกร็งหางเหวี่ยงเงี่ยงพิษเข้าใส่

จากปลาที่ไม่ค่อยเท่ไม่ค่อยมีใครสนใจ เงี่ยงพิษสร้างชื่อให้ปลากระเบนจนกระฉ่อนโลก ในฐานะอาวุธของปลาที่สามารถปลิดชีพผู้เชี่ยวชาญสัตว์ป่าอย่าง“สตีฟ เออร์วิน”ได้สำเร็จ แบบว่าวินาทีที่สตีฟโดนเงี่ยงกระเบนปักเข้าที่หน้าอกทะลุหัวใจ ตัวเขาเองก็คงประหลาดใจในชะตากรรมที่ตัวเองพานพบ

เท่าที่สืบค้นข้อมูลดู ระบุว่าปลากระเบนในโลกมีอยู่ถึง 534 ชนิด แต่เมืองไทยจะมีกี่ชนิดผมหาข้อมูลไม่ได้ และใครเป็นใครในหมู่ปลากระเบน ผมก็ไม่มีวิชาในการจำแนกชนิดเอาซะเลย

อย่างปลากระเบนชายฝั่งที่ผมตกได้ เป็นปลาสีเรียบๆสีเดียวกับพื้นทราย หางยาว มีเงี่ยง 2 เงี่ยง ชื่อเรียงเสียงไรก็ไม่รู้จริงๆ

รู้แต่ว่ามันชอบทำเลชายฝั่งมากทีเดียว


ปริญญา ผดุงถิ่น เรื่อง/ภาพ




 

Create Date : 23 กรกฎาคม 2555    
Last Update : 24 กรกฎาคม 2555 3:02:27 น.
Counter : 10995 Pageviews.  

คิดถึงงูกระด้าง





จากโปสเตอร์งูยามน้ำท่วมที่ทางเซียนสัตว์ป่าเว็บ siamensis.org ทำออกมาให้ความรู้ ผมดูแล้วไม่ยักมีงูชนิดหนึ่ง ซึ่งตอนเด็กๆ เห็นมันบ่อยเอาการ ชาวบ้านเรียกมันว่า งูกระด้าง

เจ้านี่เป็นงูน้ำ หรืองูกินปลา มักเห็นมันอยู่ในน้ำ เอาลำตัวสีน้ำตาลแดงพาดนิ่งตามพืชน้ำ

จุดเด่นของงูกระด้างที่ติดตาผมมาจนบัดนี้ คือ หนวดสั้นๆ ตรงปาก ไม่เคยเห็นงูอะไรมีอวัยวะพิลึกแบบนี้

เมื่อผมอยากรู้ว่างูกระด้างมันคืองูอะไรกันแน่ ผมก็ลองพึ่งอินเทอร์เน็ตดู

ในใจก็คิด จริงๆ แล้วชื่อประหลาดๆ นี้อาจเป็นภาษาชาวบ้าน ซึ่งนักงูวิทยาไม่รู้จัก?

ปรากฏว่าผิดคาด ชื่อเรียกของงูชนิดนี้ชื่อว่างูกระด้างจริงๆ แฮะ ชื่ออังกฤษ Tentacled Snake

หนวดนั่นมีประโยชน์ ไม่ได้ไว้เสริมความเข้ม แต่เอาไว้เป็น "หนอนปลอม" ล่อปลาให้เข้ามาใกล้ๆ เพียงแค่มันทำตัวกระด้างๆ รออย่างอดทน พอได้จังหวะก็ใช้จิตใจกระด้างๆ ของอสรพิษ พุ่งฉกปลาจิตอ่อนทั้งหลาย

ในยูทูบมีคนนำภาพการฉกกินปลาของงูกระด้างมาโพสต์ไว้ด้วย เห็นแล้วน่าตื่นตะลึงในความไวปานสายฟ้าแลบ ถึงจะฉกในน้ำก็ฉกได้ไวมาก ไม่แพ้งูบกทั้งหลาย

จากภาพสโลว์โมชันเห็นเลยว่าปลาเคราะห์ร้ายไม่ทันรู้ตัว หัวก็เข้าไปอยู่ในปากงูแล้ว!

ข้อมูลจากในเน็ตบอกด้วยว่า คนเอเชียหลายประเทศเอางูกระด้างเป็นสัตว์เลี้ยงแสนรัก เพราะมันเป็นงูที่เชื่อง อ่อนโยน ไม่กัดคน โหดแต่กับปลาที่เป็นเหยื่อเท่านั้น

มีเรื่องเล่าในหมู่ชาวบ้านสมัยผมยังเด็กด้วยว่า บางคน "ไปทุ่ง" (อึกลางทุ่ง) พอเสร็จธุระก็คว้ากิ่งไม้มาเช็ดก้น

อีท่าไหนไม่ทราบ ดันคว้าเอางูกระด้างมาเช็ด นัยว่ามันทำตัวแข็งกระด้างจนไม่รู้เลยว่างูหรือไม้ (555 ผมว่าออกจะโม้เกินจริง)

เมื่อไม่นานเท่าไร ผมได้ของฝากจากเขมรเป็นปลาริวกิวสีขาวใสๆ แต่เพื่อนบอกว่าไม่ใช่ปลาริวกิวหรอก จริงๆ แล้วเป็นผลิตภัณฑ์ทำจากเนื้องูกินปลา

ผมเลยส่งต่อไปให้คนที่เขากล้ากิน 555

พวกงูกินปลาตัวไหนดันไปเกิดฝั่งเขมรละก็ ถือว่าซวยมหาซวย เพราะมีข้อมูลจากเอ็นจีโอฝรั่ง ระบุว่า ที่โตนเลสาบมีการล่างูน้ำกันอย่างเอาการเอางาน ลามไปถึงงูบกอย่างพวกงูเห่าด้วย

งูที่มีเนื้อเกรดดีหน่อยก็แปรรูปให้คนกิน ส่วนมากก็ปรุงง่ายๆ จับย่างแห้งทั้งตัว ซื้อมาแทะกินเล่นได้เลย ส่วนงูเกรดต่ำจะเอาไปโยนให้จระเข้ในบ่อเลี้ยงกิน

ล่ากันซะงูที่เคยชุกชุมจัดแทบจะสูญพันธุ์ เสียสมดุลธรรมชาติไปหมดแล้ว แต่อยู่เมืองไทยก็ซวยไปอีกแบบ ขนาด Flood Way ยังกลายเป็นบ้านจัดสรร

งูกระด้างก็คงล้มหายตายจากไปตามความเจริญเช่นกัน


ปริญญา ผดุงถิ่น เรื่อง
(ภาพจากอินเตอร์เน็ต)




 

Create Date : 22 กรกฎาคม 2555    
Last Update : 22 กรกฎาคม 2555 20:12:51 น.
Counter : 5179 Pageviews.  

งูไทยในยามน้ำท่วม





ช่วงน้ำท่วมนอกจากชื่อเสียงของจระเข้จะมาแรงแล้ว อีกตัวหนึ่งที่ถือเป็นขาประจำ ก็คือบรรดาอสรพิษทั้งหลาย

หลายๆ ตัวไม่ชอบน้ำ และมักหนีน้ำเข้าบ้านคนอีกต่างหาก เรื่องมันยุ่งตรงนี้

เนื่องจากพวกงูมันมีหลากหลาย ยากต่อการจำแนกแยกแยะ ใครเป็นใคร

ทางพวกเซียนสัตว์ป่าในเว็บ siamensis.org จึงสร้างสรรค์สิ่งหนึ่งขึ้นมา ซึ่งผมว่ามันมีประโยชน์มากเลยทั้งกับคนและกับงู

มันคือ “โปสเตอร์งูที่พบบ่อยในช่วงน้ำท่วมภาคกลาง” (ชื่อยาวนิด)

เผยแพร่เป็นไฟล์ดิจิตอลให้ดูกันทางเน็ตได้เลย ผมเห็นเข้าท่าเลยช่วยเผยแพร่ต่อ อิอิ

สำหรับตัวเอง เมื่อได้ศึกษาหน้าตางูโหลๆ พวกนี้จากโปสเตอร์แล้ว ชวนให้ระลึกไกลไปวัยเด็กโน่นเลยทีเดียว

“งูเขียวปากแหนบ” นี่ถือเป็นสัตว์เลี้ยงยอดฮิต เรียกขานกันในนาม “งูเขียวปากจิ้งจก”

ก่อนจะสยบมันให้เชื่องจนเอาคล้องคอได้ ผมเห็นเพื่อนโดนมันฉกเข้าง่ามมือจังๆ เลือดไหลซึม แล้วก็บ่นปวดแผล

ในโปสเตอร์นี้ระบุว่า เป็นงูพิษอ่อนมาก (แปลว่ายังพอมีพิษบ้าง)

งูที่ผมเจอบ่อยมากเวลาตามผู้ใหญ่ไปทอดแห คือ “งูก้นขบ”

ครั้งหนึ่งผมสยองมาก กำลังดันกอผักตบขึ้นฝั่งเพื่อรื้อผืนน้ำให้โล่ง จะได้ทอดแหสะดวกๆ

งูก้นขบโชว์ลายปล้องดำสลับเหลือง ห่างจากใบหน้าผมแค่เอื้อมเท่านั้น ทำเอาเผ่นกระเจิงน้ำกระจาย

สถานที่เกิดเหตุคือคูน้ำข้างถนนแจ้งวัฒนะ ตรงข้ามศูนย์ราชการในปัจจุบัน!

งูก้นขบตกเป็นขี้ปากมากมายในหมู่ชาวบ้าน บางทีเรียกมันว่า “งูสองหัว” จากรูปทรงปลายหางที่เป็นตุ่มๆ แทนที่จะเรียวแหลม

ว่าแล้วก็ลือต่อไปว่างูตัวนี้มีพิษถึงตาย แต่มีเงื่อนไขว่ามันต้องใช้ปากฉกกัด แล้วใช้หางจี้แผลซ้ำ!

เมื่อพิจารณาสรีระแล้ว ผมสันนิษฐานว่าหางตุ่มๆ คล้ายกับมีอีกหัวนั้น อาจมีไว้เพื่อป้องกันตัว สร้างความสับสนให้ศัตรู

อีกงูหนึ่งที่ปรากฏในโปสเตอร์นี้ แล้วโดนชาวบ้านร่ำลือกันผิดๆ ก็คือ “งูแสงอาทิตย์”

มันมีชื่อในหมู่ชาวบ้านอีกชื่อว่า “งูสายรุ้ง” จากความวาววามของเกล็ดยามต้องแสงอาทิตย์ หรือแม้แต่แสงหลอดไฟ จะเลื่อมพรายไปด้วยแสงสีหลากๆ งดงามมาก

แต่ในเมื่อชาวบ้านเชื่อผิดๆ ว่ามันเป็นงูพิษ จึงไม่ค่อยมีใครมาเจียดเวลาชมความงดงามแปลกตานั้น มีแต่จะคว้าไม้ คว้าหิน สกรัมจนแหลกเหลวในไม่กี่วินาที

พิษที่ชาวบ้านเชื่อ เขาพูดกันว่างูตัวนี้กัดใครตอนกลางคืนจะไม่ตาย

แต่พอรุ่งเช้าแสงตะวันส่องเมื่อไรละก็ พิษจะออกฤทธิ์คร่าชีวิตเหยื่อทันที 555

ส่งท้ายสำหรับคนที่เจองูเข้าบ้าน ผมแนะนำหาไม้ยาวๆ ไล่มันออกไป น่าจะเป็นวิธีที่ดีที่สุด


ปริญญา ผดุงถิ่น เรื่อง
siamensis.org ภาพ




 

Create Date : 22 กรกฎาคม 2555    
Last Update : 22 กรกฎาคม 2555 16:06:11 น.
Counter : 11448 Pageviews.  

โธ่ ไอ้มุ





หลังจากผมรับเลี้ยงแมวจร "โอลีน" เป็นเพื่อนซี้ได้ไม่นาน ซอยละแวกบ้านผมก็ต้อนรับการปรากฏตัวของแมวตัวผู้สีขาวตัวหนึ่ง ไม่รู้มันมาจากไหน จู่ ๆ ก็โผล่มาเดินอาด ๆ เป็นเจ้าซอยอย่างฉับพลันทันที

มองจากไกล ๆ มันเป็นแมวที่ดูสง่าทีเดียว หน้าบานใหญ่ดุดัน เรือนร่างล่ำสัน กล้ามเป็นมัด หางขาวเฟื้อยไม่มีหักงอ แล้วขนทั่วตัวก็เป็นสีขาวปลอด ไม่มีสีอื่นเจอปน

แม่ผมบอก...นี่มันเป็นแมว ต้องตำราแมวพรหมชาติ เลี้ยงได้จะดีมาก 555

พร้อมกับมาดเท่ ๆ มันก็มีรัศมีความร้ายกาจเปล่งประกายออกมา โดยเฉพาะใครที่ขับรถตอนกลางคืน แสงไฟหน้ารถจะสะท้อนตาเจ้าแมวขาวเป็นสีแดงดั่งเลือด

เพื่อสถาปนาอาณาเขตของตัวแมวขาวตัวนี้ตามปราบแมวตัวผู้อื่นทุกตัวรอบๆ ไม่มีใครต่อกรมันได้ แม้แต่แมวเลี้ยงระบบปิด พอเจ้าของปล่อยออกมายืดเส้นยืดสายนอกบ้าน ก็โดนไอ้นี่ปรี่เข้าเล่นงาน แบบไม่ต้องขู่ท้าทายให้ชาวบ้านรำคาญ

เนื่องจากอาหารเม็ดหน้าบ้านผมอุดมสมบูรณ์ มันดึงดูดแมวขาวเจ้าซอยตัวนี้ให้ย่องเข้ามากินด้วย ตอนแรกผมก็ใช้ปืนอัดลมกระสุนพลาสติกยิงไล่กระเจิง แต่ตอนหลัง อืม...มันก็น่าลองเหมือนกัน จะเอาแมวพรหมชาติจอมโหดตัวนี้มาเลี้ยง

ผมเลยจัดอาหารให้อย่างจงใจ เริ่มจากร่อนให้มันเก็บกินนอกบ้านทีละเม็ด ในที่สุดก็พัฒนา ถึงขั้นเอื้อมมือจับตัวได้ และก็ใส่ปลอกคอได้ เย้!

ผมตั้งชื่อมันว่า ไอ้มุ จากใบหน้ามู่ทู่ดุๆ ของมัน พร้อมด้วยนิสัยมุทะลุ ท้าตีท้าต่อยกับแมวไม่เลือกหน้า เมื่อได้สัมผัสใกล้ชิด ไอ้มุมันต่างจากแมวโอลีนที่ตัวนุ่มนิ่มมากมาย ไอ้มุตัวแข็งปึ้ก หน้ามู่ ๆ ที่ใครดูว่าดุร้ายนั้น เมื่อจับหน้ามันมาจ้องใกล้ๆ ผมพบว่าไอ้มุเป็นแมวหน้าตาน่ารักมากๆ

แล้วมันก็เลือกแนวทางเดียวกับโอลีน ดึก ๆ ที่ผมขับรถกลับถึงบ้าน ไอ้มุจะมารอต้อนรับด้วย แล้วพันแข้งพันขาซะยิ่งกว่าโอลีน โอลีนก็ออกอาการไม่สบอารมณ์อย่างเห็นได้ชัด มักปรี่เข้าตบไอ้มุผัวะ ๆ ต่อหน้าต่อตาผม ไอ้มุก็ก้มหน้ายอมให้ตบซะงั้น คงมาแนวเจียมตัวเจียมใจ (แต่ลับหลังผม แอบเห็นไอ้มุวิ่งไล่โอลีนจนวิ่งหนีกระเจิงบ่อย ๆ)

ประสาแมวนักบู๊ ขนสีขาวของมันมอมแมมมาก ผมเลย "อาบน้ำ" ให้ด้วยทิชชูเปียกแทบทุกวัน

วันหนึ่งไอ้มุหายหน้าไป จากวันเดียวเป็น 2 วัน 3 วัน จนเกิน 7 วัน ก็ไม่กลับมา หรือมันจะย้ายอาณาเขตแล้ว? ผมคิดทางบวก กระทั่งคนกวาดถนนมาแจ้งให้ทราบ ไปเจอซากแมวใหญ่สีขาวเน่าตายในบ้านร้างซอยถัดไป จัดการฝังไปเรียบร้อย

วิถีของแมวจรเป็นเช่นนี้ มักจะหายไปเฉย ๆ จากไปตลอดกาลแบบไม่ให้ร่ำลา


ปริญญา ผดุงถิ่น เรื่อง/ภาพ




 

Create Date : 21 กรกฎาคม 2555    
Last Update : 21 กรกฎาคม 2555 0:47:29 น.
Counter : 3052 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  

HWAMEI
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add HWAMEI's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.