ชมวิวทิวทัศน์ เที่ยวรอบเกาะรัตนโกสินทร์ ท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม
มุมมองวิวทิวทัศน์ รอบคลองคูเมืองเดิม ประวัติศาสตร์ที่มีลมหายใจ สร้างมูลค่าเพิ่มท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรร



คลองคูเมืองเดิม ลมหายใจประวัติศาสตร์ ท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม




บล็อกเนื้อหาเรื่องนี้ (สำหรับผม) จะเป็นเรื่องที่ยากที่สุด และไม่แน่ใจเสียด้วยว่ามันจะสื่อสารเผยแพร่ได้ดี เพราะเนื้อหามันจะยาวมาก (ปกติเวลาผมเขียนบล็อก ไม่อยากให้มันยาวมาก เพราะเข้าใจถึงผู้อ่านบางท่าน คงไม่ติดตามจนจบ ) อย่างไรก็แล้วแต่บล็อกนี้ เป็นการเดินเรื่องแต่ละช็อตแต่ละภาพของผมใน Facebook Album ของผม

https://www.facebook.com/media/set/?set=a.284056651646779.80645.100001273404825&type=3

ซึ่งตอนแรกที่คิดว่าจะเขียนเรื่องราว ได้รับแรงบันดาลใจจากทริปของกลุ่มสยามทัศน์ตามลิ้งก์

//www.manager.co.th/Travel/ViewNews.aspx?NewsID=9520000138995

ซึ่งอ่านเจอจากเว็บไซต์ขณะนั้น (ไม่ได้ไปร่วมทริปครับ) หลังจากนั้นจึงได้ร่วมเดินทริปสัญจรกับกลุ่มสยามทัศน์บ้างเป็นครั้งเป็นคราว ตามแต่เวลา จะอำนวย ....แต่เป็นทริปในสถานที่อื่นๆ ครับ....



อย่างไรก็แล้วแต่ครับ ถึงแม้จะคิดอยู่นาน ก็ได้แต่ถ่ายภาพเก็บไว้เรื่อยๆ ส่วนเรื่องเว็บไซต์ก็พับไว้ชั่วคราว เพราะ Social Media เป็นของฟรี แถมเผยแพร่ได้สะดวกกว่า (สำหรับความคิดผม เพราะผมทำแบบธรรมดาๆ ) ส่วนเว็บไซต์ มีต้นทุน ใช้เวลามากกว่าในการ จัดการ และออกแบบเว็บไซต์

ส่วนเนื้อหาเรื่องนี้จะว่าบังเอิญเขียน (ขณะนี้) ก็ไม่ผิดนัก เพราะช่วงแรกๆ ในการเผยแพร่ข้อมูลที่ Facebook ผมแค่อยากจะเปรียบเทียบภาพเก่า-ใหม่ (Before & After) เท่านั้น เผอิญภาพแถวนี้ผมเก็บภาพไว้มาก เริ่มจากนำเสนอภาพแรกก่อน ภาพต่อๆมา มันก็ตามมา รวมได้นับสิบภาพ ใช้เวลานำเสนอเป็นเดือนเหมือนกัน ภาพมากมายเหล่านี้จึงมารวมมิตร เขียนลงบนบล็อก ในขณะนี้

อย่างไรก็แล้วแต่ครับ ภาพเก่าๆ ก็เป็นภาพที่ค้นหาได้ทางอินเตอร์เน็ต เกือบจะ 100% ครับ บางภาพผมก็ scan จากโปสการ์ด ที่เค้าขายใบละ ๑ บาทก็มีครับ



วันนี้ผมจะรวมภาพสถานที่ต่างๆ ที่มีประวัติศาสตร์ มีความสวยงาม บ้างก็เป็นอาคารรูปทรงแปลกตา บ้างก็น่าสนใจครับ บางภาพ(ส่วนใหญ่) จะมีเปรียบเทียบเก่า-ใหม่ ให้ชม เพราะจุดประสงค์ของการนำเสนอก็คือความคลาสสิค (ย้อนยุค) ซึ่งสำหรับนักเดินสัญจร (ช่วงสั้นๆ) โบราณวัตถุ สถานที่บางแห่ง อาคารบางแห่ง ก็อาจเปลี่ยนแปลงไปแล้วตามกาลเวลา อย่างไรก็แล้วแต่อารยะประเทศ เค้าอนุรักษ์เมืองเก่ากันอย่างดีเยี่ยม เช่นในอังกฤษ เค้าถึงกับมีกองทุนล็อตเตอรี่ เพื่อการอนุรักษ์มรดกชาติ อย่างเป็นกิจจะลักษณะเลยครับ(เนื้อหาตามลิ้งก์บล็อก

//www.oknation.net/blog/tourrattanakosin/2012/02/15/entry-1

บ้านเราคงยาก เพราะ นักการเมืองบ้านเรา ผมคิดว่าไม่รักศิลปวัฒนธรรมไทยกันเลยครับ..... เริ่มเดินเรื่องกันดีกว่าครับ





ระยะทาง 2.19 กม. (แนวเส้นตรง) จากคลองฝากหนึ่งไปอีกฝากหนึ่งของแม่น้ำเจ้าพระยา


แผนที่คร่าวๆ ในการอธิบายภาพสถานที่ต่างๆ รอบคลองคูเมืองเดิม พอสังเขป ไม่ครบถ้วน 100% ไม่ได้ใช้หลักวิชาการโดยตรง เป็นมุมมองนักท่องเที่ยวคนหนึ่งครับ)



สถานที่ที่จะกล่าวถึงรอบคลองคูเมืองเดิม มีมากมายตามที่ผมพยายามทำเครื่องหมายไว้ (Marking) กำหนดขอบเขตก็จากปากคลองตลาด (ริมน้ำเจ้าพระยาฝากหนึ่ง) ไปสิ้นสุดที่ ถนนพระอาทิตย์ ช่วงใต้สะพานพระปิ่นเกล้า ใกล้กับอาคารที่ทำการกองการท่องเที่ยวกรุงเทพมหานคร (สมัยก่อนเคยเป็นส่วนหนึ่งของคลองคูเมืองเดิม ) ซึ่งก็คืออีกฟากหนึ่งของทางออกแม่น้ำเจ้าพระยา วัดระยะทางโดย Google Earth มีความยาวรวมทั้งสิ้นประมาณ 2.19 กม. ครับ (แต่วัดตามแนวเส้นตรงนะครับ ถ้านับโค้งไปโค้งมาตามลำคลอง ระยะทางก็จะเกินครับ แต่ไม่น่าจะเกินมากมายนักครับ)



บอกกันไว้ล่วงหน้าก่อนครับ ภาพที่เห็นจะมี บางภาพเป็นมุมมองส่วนบุคคล

ซึ่งเวลาผมเดินผ่านไปทางไหน หรือขณะนั้นอยู่ตรงไหน แล้วจับภาพที่น่าสนใจได้ ก็จะเขียนไปเรื่อยๆ ครับ (ซึ่งบางท่านผมคิดว่า อาจจะมีไม่เข้าใจเรื่องที่ผมอธิบายเนื้อหาเกี่ยวกับบางรูป ก็เป็นไปได้ ซึ่งผมขออภัย มา ณ ที่นี้ครับ )

เริ่มจากมุมมองภาพที่ผมถ่ายจากเรือข้ามฟาก จะเห็น อาคารสุนันทาลัย โรงเรียนราชินี





อาคารสุนันทาลัย โรงเรียนราชินี (หมายเลข 4 ตามแผนที่ด้านบน)



ส่วนจุดเริ่มต้นของการนำเสนอก็คือ ท่าเรือราชินี ที่เป็นต้นทางของผม ในการนำเสนอ





เมื่อมายืนตรงนี้ ก็จะได้ภาพต่างๆ มุมมองสถานที่ริมฝั่งเจ้าพระยาฝั่งตรงข้ามที่มีสถานที่โบราณ มากมาย เช่น พระปรางค์วัดอรุณ พระราชวังเดิม ป้อมวิไชยประสิทธิ์ วัดกัลยาณมิตร โบสถ์ซานตาครู๊ซ เป็นต้น ส่วนภาพจะยกตัวอย่างภาพที่เด่นๆ เท่านั้นครับ....





จะเห็นสถานที่สำคัญมากมายบนฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา (ฝั่งธน) ตามหมายเลขบนแผนที่ด้านบน เบอร์ 1,2,3 จะเป็น วัดกัลยา ,ป้อมวิไชยประสิทธิ์ , และวัดอรุณ)



เดินออกจากท่าเรือราชินี มาตามแนวทางคลองคูเมืองเดิม เลาะมาทางถนนจะเห็นประตูระบายน้ำ





มองออกมาด้านนอกฝั่งตรงข้ามประตูระบายน้ำ จะสะพานเฉลิมรัช ๓๑ และ สน.พระราชวัง ที่มีสถาปัตยกรรมสวยงาม สน.หนึ่งในประเทศไทยครับ





สะพานเจริญรัช ๓๑.....เปรียบเทียบภาพเก่า-ใหม่ (Before & After).....(หมายเลข 6)



ตั้งอยู่บนคลองคูเมืองเดิม ด้านที่อยู่ใกล้กับปากคลองตลาด ดูตามภาพ ปากคลองตลาดจะอยู่เลยไปทางด้านซ้ายมือ ส่วนขวามือจะเป็น โรงเรียนราชินี และ สน.พระราชวัง (สน.ที่มีสถาปัตยกรรมสวยเช่นกัน)……..

(ส่วนเนื้อหาประวัติต้องเข้าไปที่ลิ้งก์ วิกิพีเดีย ครับ พอดีผม copy ลิ้งก์มาวางแล้ว เพจ มีปัญหาครับ)





สน.พระราชวัง นักท่องเที่ยวต่างชาติมาถ่ายรูปกันมากครับ เสียอย่างเดียวครับ รถมาจอดกันมาก บดบังทัศนียภาพครับ (หมายเลข 5)



เดินเลาะคลองคูเมืองเดิมมาเรื่อยๆ (คลองช่วงนี้ตั้งอยู่ระหว่างถนนอัษฎางค์ และถนนราชินี ซึ่งตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามระหว่างคลองครับ ถ้านึกภาพไม่ออกต้องดูที่แผนที่ในอินเตอร์เน็ตครับ เพราะอธิบายยาก ผมเองยังต้องเปิดแผนที่ดูเหมือนกัน) ในบริเวณช่วงนี้เดินไปถึงสะพานอุบลรัตน์ หมายเลข 7) จะเห็นอาคารชิโนโปรตุกีสเต็มไปหมดเลยครับ มากมายจริงๆ ซึ่งแน่นอนเหมือนกับสถานที่ที่ผ่านๆมา มีแต่นักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศให้ความสนใจทั้งนั้น ส่วนนักท่องเที่ยวไทย ไม่ค่อยให้ความสนใจกันเท่าไหร่ แต่ศิลปินมาวาดภาพคลองคูเมืองก็พอเห็นเหมือนกันในอดีต....แต่ปัจจุบันเห็นไปวาดรูปกันที่สวนสราญรมย์กันหมด (เพราะความสบายความสวยงามของสวนก็เป็นไปได้ครับ)



พื้นที่ตามหมายเลข 7 ริมคลองคูเมืองจะเต็มไปด้วยอาคารเก่าคลาสสิคมากมาย (บางคนบอกเฉยๆ สมัยก่อนผมก็คิดแบบนั้นเหมือนกันครับ แต่หลังจากอาคารเหล่านี้มันเหลือน้อย คุณค่ามันก็เพิ่มขึ้นครับ เพราะมันไม่มีเพิ่มอีกแล้ว)





หมายเลข 7 ในแผนที่



Before & After คลองคูเมือง บริเวณสะพานอุบลรัตน์ จะเห็นอาคารเป็นตึกแบบโบราณ ซึ่งมีมากมายในบริเวณนี้ครับ ใกล้เคียงกันก็จะเป็น “แถวบ้านหม้อ “





หมายเลข 7 ในแผนที่

รอบๆ บริเวณจะเต็มไปด้วยอาคารรูปทรงแบบนี้ครับ ดูเนื้อหาตามบล็อก (อาคารธรรมดา แต่ไม่ธรรมดา...ชิโน-โปรตุกีส รอบเมืองเก่า คลองคูเมืองเดิม เกาะรัตนโกสินทร์ ถามหายอดฝีมือ “ต่อยอด” มีมั้ยครับ?)


//www.oknation.net/blog/tourrattanakosin/2012/02/01/entry-1

เดินดูภาพสถานที่ไปเรื่อยๆ ครับ ข้ามไปอีกฟากหนึ่งของคลองครับ (บนถนนราชินี และบนถนนเจริญกรุง ตอนบน จะเห็นสวนสาธารณะใจกลางเมืองเก่ากันเลยครับ คือ “สวนสราญรมย์” แทบไม่ต้องบรรยายถึงบรรยากาศอันยอดเยี่ยมของสวนแห่งนี้เลยครับ สำหรับท่านที่เคยมาสัมผัสแล้ว เป็นสวนขนาดไม่ใหญ่ครับ ก็น่าจะพอดิบพอดีครับ การบริหารจัดการถึงสมบูรณ์แบบมาก มีความสวยงามร่มรื่น มีกลิ่นไอประวัติศาสตร์มีมาก ดูตามเนื้อหาที่ผมเพิ่งเขียนบล็อกไปเมื่อไม่นานนี้ครับ (รูปภาพประกอบมากมายตามลิ้งก์) (สวนสาธารณะ ใจกลางเมืองเก่า เขตพระนคร สวยงาม ดื่มด่ำ มีประวัติศาสตร์ อย่าพลาด มาชม มาพักผ่อนกันครับ)


//www.bloggang.com/viewblog.php?id=rattanakosin&date=08-03-2012&group=1&gblog=65



สวนสราญรมย์ หมายเลข 8 ตามแผนที่





สวนสราญรมย์ หมายเลข 8 ตามแผนที่



ด้านนอกสวนสราญรมย์จะเห็นภาพประวัติศาสตร์มากมาย ภาพเหล่านี้เล่าเรื่องได้แน่นอน เพราะภาพเก่าไม่เคยโกหคครับ





คลองคูเมืองเดิม สะพานมอญ.....



มุมมองภาพใหม่ ผมไม่สามารถถ่ายได้ใกล้เคียงกับภาพเก่าเลยครับ ได้แต่ด้านข้างๆ ที่พอจะมีเค้าเท่านั้น เนื่องจากบริเวณนี้ มีรถมาจอดอยู่ตลอดเวลาเลย (ในช่วงที่ผมไปถ่าย ไปหลายครั้ง แต่ก็มีรถจอดเต็มพรึ่ด หามุมไม่ถูกเลย ประกอบกับประสิทธิภาพกล้อง และประสิทธิภาพของคนถ่าย ซึ่งเป็นมือสมัครเล่น ก็ทำได้ภาพอย่างที่เห็นครับ)......





ภาพนี้น่าสงสัยเกี่ยวกับจุดที่สะพานหก(เดิม) เคยอยู่ครับ (ยังไม่มีหลักฐานเพิ่มเติมมากว่านี้ครับ).......



ซีรี่ย์ภาพเก่า-ใหม่ ( Before & After ) ของคลองคูเมืองเดิม สถานที่ประวัติศาสตร์ ภาพนี้เวลาผมถ่ายรูป เอง มาเปรียบเทียบกับรูปเก่า (ที่หาจากอินเตอร์เน็ต) ปรากฏว่ามันแปลกๆ ครับ กล่าวคือในมุมมองใกล้เคียงกัน (พอดีรูปใหม่ถ่ายไม่เห็นเสาทางเข้าประตูสวนสราญรมย์ แต่ความจริง เสามันอยู่ในจุดนั้นครับ) ผมได้ทำเครื่องหมายในรูปใหม่ด้านล่างจะเป็น “เงา” ของสะพานหก ในปัจจุบัน ซึ่งอยู่หน้าประตูทางเข้าสวนสราญรมย์ครับ.......

เป็นคลองคูเมืองเดิม ที่สมัยก่อนสามารถใช้สัญจร ขนส่งกันไปมาได้ ดูเป็นชีวิตชาวน้ำกันจริงๆครับ (เวนิสตะวันออก)........

ในภาพมีจุดสังเกตคือ สะพานในภาพเก่าที่เห็นอยู่ไกลๆ (วงกลมสีเหลือง) มันเป็น “สะพานหก” ซึ่งปัจจุบันน่าจะเป็นที่ตั้งของ “สะพานปีกุน” (เปรียบเทียบจากภาพใหม่) แต่เรื่องนี้ผมไม่กล้าฟันธง ครับ เพราะข้อมูลที่ค้นหาในอินเตอร์เน็ต ไม่มีเลยครับ

บริเวณด้านนอกสวนสราญรมย์ ยังมีสะพานที่มีชื่อเสียงอีกสะพานหนึ่งครับ คือ “สะพานหก” สะพานทำใหม่เลียนแบบของเก่า ตัวสะพานนี้น่าจะอายุประมาณ 30 ปีได้มั้งครับ....





สะพานหก



จากสะพานหก เดินเลาะคลองไปอีกไม่กี่ก้าว ก็จะเป็นวัดราชบพิธ และด้านฝั่งคลองคุเมืองของวัด เราจะเห็นสุสานหลวงวัดราชบพิธ (ส่วนภายในสุสานหลวง มีเรื่องราวมากมายเลยครับ ต้องอาศัยผู้รู้จริง มาอธิบายล่ะครับ ส่วนผมความรู้ยังไม่ถึงขั้นครับ เพราะเขียนแบบนักท่องเที่ยวเป็นหลัก แล้วข้อมูลหลักๆ มาจากอินเตอร์เน็ตเกือบ 100% )







วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม (วัดประจำรัชกาลที่ 5 และ รัชกาลที่ 7)


ภาพเก่า-ใหม่ บริเวณใกล้เคียงกันครับ (หมายเลข 11)





สะพานปีกุน (หมายเลข 10)





อนุสาวรีย์สหชาติ (หมาเยเลข 10)



อนุสาวรีย์สหชาติ (อนุสาวรีย์หมู).......



อนุสาวรีย์นี้ สมเด็จพระบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัติวงศ์ พระยาพิพัฒนโกษา และพระยาราชสงคราม ร่วมกันสร้างเป็นอนุสรณ์ถวายสมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ เมื่อมีพระชนมายุครบ 50 พรรษา ในพุทธศักราช 2456 เป็นอนุสาวรีย์สหชาติ ของผู้เกิด ปีกุน เป็นรูปหมู อยู่บนเขาหินจำลอง มีท่อน้ำเป็นอุทกทานแก่ประชาชน มีจารึกถวายพระพร และชื่อผู้สร้างประดับไว้ด้วย…….





วัดราชประดิษฐ์สถิตมหาสีมาราม วัดประจำรัชกลาที่ 4 (ตามหมาเลข 9)



พักสายตากันหน่อยครับ ผมจะ copy ภาพแผนที่มาอีก 1 รูปครับ เพราะอ้างอิงบ่อยมาก





เดินต่อกันไปเรื่อยๆ เหนื่อยก็พักครับ กินน้ำกินท่า กันหน่อย เพราะยังเดินมาไม่ถึงครึ่งทางเลยครับ (ยืนยันได้เลยครับ ย่านคลองคูเมืองเดิม มีสถานที่คลาสสิคมากมายหลงเหลือให้เราติดตามกันมากมาย เพียงแต่มุมมองไหน ที่เราจะนำเสนอเท่านั้นแหละครับ......

ไม่ไกลจากวัดราชบพิธ เราก็จะเดินผ่านกระทรวงมหาดไทย เดินมาถึงหัวมุมสี่แยกไฟจราจร จะเป็นแยกถนนอัษฎางค์ และถนนบำรุงเมือง (ถนนเก่าแก่เมื่อกว่าร้อยปีก่อนครับ) ตรงสี่แยกจะมีสถานที่ที่น่าสนใจถึง 3 สถานที่เลยทีเดียว คือ สะพานช้างโรงสี , กรมแผนที่ทหาร และกระทรวงกลาโหม (อาคารที่เคยถูกเรียกว่า “โรงทหารหน้า)”





กระทรวงมหาดไทย ฝั่งคลองคูเมืองเดิม (หมายเลข 12 )





สะพานช้างโรงสี (หมายเลข 13) และกระทรวงกลาโหม (หมายเลข 15)





กรมแผนที่ทหาร (หมายเลข 14)



ฝั่งตรงข้ามหลังกระทรวงกลาโหม (หมายเลข 16) เราจะเรียกว่า ย่าน

“สามแพร่ง” ซึ่งประกอบด้วย แพร่งภูธร แพร่งนรา และแพร่งสรรพศาสตร์

ย่านนี้บ้านเรือนจะคลาสสิคอีกทีหนึ่งทีเดียว เพราะเต็มไปด้วยอาคารชิโน-โปรตุกีส (คำนี้เพิ่งได้ยินเมื่อซักไม่เกิน 20 ปีที่ผ่านมาครับ) แล้วอาหารหรือขนม แถวนี้จะอร่อยขึ้นชื่อมาก บางร้านขายกันมาร่วมร้อยปีแล้วครับ ประมาณว่า 3-4 เจนเนอเรชั่นเลยก็มี โดยรวมแล้วย่านนี้ ธุรกิจเดินได้ด้วยตัวของมันเอง เพราะมีอาหารอร่อย อาคารสวยงาม อยู่ใจกลางเมืองเก่า แต่น่าเสียดายอยู่นิดหน่อยครับ (ความเห็นส่วนตัวครับ) บางจุดของย่านนี้ ก็น่าจะปรับปรุงเสียหน่อย ส่วนความเป็นเลิศ เรื่องขนม เรื่องอาหาร ก็ยังไม่มีเว็บไซต์ตรง หรือ FACEBOOK ตรง โปรโมทอย่างตรงประเด็นเลย มีแต่เว็บโปรโมตทั่วไป คนไปกินอร่อยแล้วเขียน แต่ไม่มีจุดเด่นมากมาย ซึ่งถ้าเทียบกับอัมพวา หรือ เชียงคานแล้ว สถานที่ 2 แห่งหลังมีคนกล่าวขวัญมากกว่าครับ (แต่เรื่องเว็บ เอกชนต้องทำกันเองครับ เห็นที่อื่นเค้าทำ FACEBOOK โปรโมทร้านค้าก็เข้าท่าดีครับ แต่ที่นี่ยังไม่มีคนทำเลย หรือมีทำแล้ว แต่มันคงยังไม่ดีพอ ผมก็ไม่ทราบได้)

อย่างไรก็แล้วแต่ครับ โดยสรุป สถานที่นี้ก็ยังเป็นเลิศ อยู่ดีทั้งทางด้านสถาปัตยกรรม และประวัติศาสตร์ เพียงแต่คนพื้นที่ ชุมชน จะร่วมใจกันพัฒนา “ต่อยอด” สร้างมูลค่าเพิ่มกันหรือเปล่า? ผมก็ไม่ทราบจริงๆ...

มาดูภาพกันดีกว่าครับ (หมายเลข 16)





ภาพนี้ถ่ายจากมุมมองเดียวกันกับภาพเก่า คือถ่ายจากสะพานช้างโรงสี





อาคารคลาสสิคมากมาย ต้องมาชมกันเอง (แพร่งภูธร)





แพร่งสรรพศาสตร์ (บริเวณ หมายเลข 16 )



เลยสามแพร่งไปก็จะเป็น วัดบูรณศิริมาตยาราม (หมายเลข 18) และ ที่ทำการศาลฎีกา (หมายเลข 17)





อาคารศาลฎีกา ฝั่งคลองคูเมือง จะเห็นสะพานเจริญศรี ๓๔ อยู่ด้านหน้า







วัดบูรณศิริมาตยาราม (หมายเลข 18)



เดินตรงไปเรื่อยตามแนวคลอง จะเห็นพระแม่ธรณีบีบมวยผม (หมายเลข 19)





พระแม่ธรณีบีบมวยผม (หมายเลข 19)



copy ภาพแผนที่มาอีก 1 รูปครับ เพราะอ้างอิง





บริเวณประวัติศาสตร์ใกล้เคียงกันของพระแม่ธรณี จะเป็น โรงแรมรัตนโกสินทร์ และสะพานผ่านพิภพลีลา





โรงแรมรัตนโกสินทร์ (โรงแรมรอยัล) หมายเลข 20





สะพานผ่านพิภพลีลา (หมายเลข 21)



ข้ามสะพานผ่านพิภพลีลาไปหน่อยจะเข้าพื้นที่ส่วนหนึ่งของสนามหลวงแล้วครับ จะเป็นอนุสาวรีย์ ทหารอาสาสงครามโลกครั้งที่ 1 (หมายเลข 23) และอีกมุมมองฝั่งตรงข้ามจะเป็น โรงกษาปณ์เก่า(โรงกษาปณ์สิทธิการ) ปัจจุบันคือ “หอศิลปแห่งชาติ” (หมายเลข 25)





อนุสาวรีย์ ทหารอาสาสงครามโลกครั้งที่ 1 (หมายเลข 23)





หมายเลข 25 โรงกษาปณ์เก่า(โรงกษาปณ์สิทธิการ) ปัจจุบันคือ “หอศิลปแห่งชาติ”



(ในภาพ) รถรางกำลังวิ่งมาทางด้านข้างสนามหลวงผ่านโรงกษาปณ์เก่า(โรงกษาปณ์สิทธิการ) ปัจจุบันคือ “หอศิลปแห่งชาติ” จะเห็นเป็นฉากหลัง (Background) อยู่ด้านไกล วิ่งเลยไปอีกหน่อยจะเป็นจุดจอดป้ายรถรางที่ อนุสาวรีย์ทหารอาสา



เดินเลาะมาตามแนวคลองคูเมืองเดิมครับ (ปัจจุบันบริเวณนี้ ไม่ได้เป็นคลองแล้ว แต่เป็นสะพานพระปิ่นเกล้า ซึ่งสะพานพระปิ่นเกล้าเปิดใช้ได้ร่วม 40 ปีแล้วครับ) จะเห็นทางด้านซ้ายมือ (หมายเลข 22 และ 24 คือ พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติพระนคร และ โรงละครแห่งชาติ





พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติพระนคร (หมายเลข 22)





โรงละครแห่งชาติ (หมายเลข 24)



ส่วนปลายทางของคลองคูเมืองเดิม อดีตคือสะพานเฉลิมสวรรค์ ๕๘ แต่ปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งของถนนพระอาทิตย์ไปแล้ว (ตามหมายเลข 26)





ในรูปเปรียบเทียบมุมมองทั้งเก่า และใหม่ จะเห็นสำนักงานกองการท่องเที่ยวกรุงเทพมหานคร อยู่ทางด้านซ้ายมือของภาพ ส่วนที่เป็นถนนที่แท็กซี่สีชมพูกำลังวิ่ง ก็คือสะพานเฉลิมสวรรค์ ๕๘ ในอดีต ฉะนั้น ปัจจุบันบริเวณเดียวกันของ (อดีต) สะพานเฉลิมสวรรค์ ๕๘ ก็คือ "ถนนที่วิ่งลอดใต้สะพานพระปิ่นเกล้า" นั่นเอง

อัลบั้มภาพคลองคูเมืองเดิม ระยะทางจากท่าเรือราชินี (ปากคลองตลาด ถึง ถนนพระอาทิตย์ ) ระยะทาง 2.19 กม. ก็จบลงแล้วครับ สำหรับผมแล้ว มันไม่ง่ายเลยครับ สำหรับเนื้อหานี้ ส่วนข้อผิดพลาด คงมีมากมายครับ เกี่ยวกับเนื้อหาเล่าเรื่อง (บางตอนก็อาจมีขาดหายไปบ้าง) เนื่องจากความตั้งใจที่จะเขียนให้เสร็จในคราวเดียว ทั้งๆที่เนื้อหามันควรจะแยกกันบ้างเป็นตอนๆ อย่างไรก็แล้วแต่ครับ อยากให้ท่านอื่นๆ ถ้าเป็นไปได้ ทำให้มันสมบูรณ์แบบกว่านี้ครับ ส่วนผมสำหรับเนื้อหานี้ ใช้เวลามากมายจริงๆ

อย่างไรก็แล้วแต่ครับ เนื่องจากสถานที่ต่างๆ ที่เอาภาพอัลบั้มต่างๆ มาดูมาเปรียบเทียบ จุดประสงค์ก็คือ เพียงแต่จะบอกว่า ถ้าเป็นในต่างประเทศ เค้าจะสร้างมูลค่าเพิ่มได้อย่างมหาศาลแล้ว ดูตามลิ้งก์

คลองชองเก ในเกาหลี กลายเป็น Landmark ไปแล้ว

บ้านเราติดขัดไปทุกเรื่อง อย่างไรก็แล้วแต่ครับหวังว่าจะมีนักท่องเที่ยวมาเดิน ให้ความสำคัญกับแหล่งประวัติศาสตร์ที่ยังมีลมหายใจอยู่นะครับ......





ลิ้งก์ คลองชองเก ในเกาหลี กลายเป็น Landmark ไปแล้ว



ส่วนถ้าท่านใดใช้ FACEBOOK อยู่ก็สามารถไปดูอัลบั้มภาพเนื้อหาประกอบที่ละเอียดกว่าในนี้ครับ ที่ลิ้งก์

https://www.facebook.com/media/set/?set=a.284056651646779.80645.100001273404825&type=3

ความจริงยังมีที่น่าเขียน เป็นประวัติศาสตร์ของเกาะรัตนโกสินทร์อีก 2 คลอง คือ คลองรอบกรุง และคลองผดุงกรุงเกษม แถมด้วยคลองแสนแสบ ด้วยครับ แต่เนื่องจากถ้าผมเขียนอีก 2-3 เรื่อง รับรองเลยครับ จะใช้เวลาเป็นปีแน่นอน เพราะไม่มีความชำนาญในพื้นที่ เคยไปลองเดินแล้วเหมือนกัน ปรากฏว่า ไม่มีไอเดียเลย มีแต่ภาพ แต่ความเป็นจริงคลองประวัติศาสตร์ที่เหลือทั้งสองแห่งนี้ (คลองรอบกรุง และคลองผดุงกรุงเกษม) สร้างมูลค่าเพิ่มทางด้านวัฒนธรรม และท่องเที่ยวได้อย่างแน่นอน แต่คนจะทำ ต้อง “จริงใจ” ครับ เพราะดูยากเอาการเหมือนกัน ผมได้ลองไปเดินแล้ว รู้สึกได้เลยว่ามีปัญหา (อย่างที่รู้กัน) ทั้งๆที่มันไม่น่าจะยากเย็นอะไรเลย ถ้ายึดเอาประโยชน์ส่วนรวมเป็นประโยชน์สูงสุด ทุกฝ่ายสุดท้ายก็จะ win-win

หมายเหตุ : ภาพที่นำมาลง อาจจะดูแปลกตา ไม่เดินไปแนวเดียวกัน เพราะตอนแรกที่ผมทำอัลบั้ม ทำต่างกรรมต่างวาระ ไม่ได้คิดมาล่วงหน้าว่ามันจะรวมมิตรกันได้ เพราะถ้ากลับไปทำใหม่ให้มันสวยงาม เกรงว่าเนื้อหาในบล็อก จะไม่เสร็จครับ เพราะต้องใช้เวลาอีกนาน จึงขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยครับ

ขอขอบคุณภาพบางภาพจากอินเตอร์เน็ต และรวมทั้งภาพเก่าเล่าเรื่องด้วยครับ





Create Date : 16 มีนาคม 2555
Last Update : 11 เมษายน 2555 21:14:17 น. 0 comments
Counter : 2932 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

เที่ยวรอบเกาะรัตนโกสินทร์
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 11 คน [?]




ภาพอดีต ภาพปัจจุบัน และอนาคต และความเป็นไปของเกาะรัตนโกสินทร์
เล่าเรื่องทริป ที่สุดแสนจะธรรมด๊า ธรรมดา แต่หลายคนอาจมองข้ามไป แต่ในสายตาของนักท่องเที่ยวทั่วโลกแล้ว มัน อเมซิ่ง มากมาย
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add เที่ยวรอบเกาะรัตนโกสินทร์'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.