ชมวิวทิวทัศน์ เที่ยวรอบเกาะรัตนโกสินทร์ ท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม
อาคารธรรมดา แต่ไม่ธรรมดา...ชิโน-โปรตุกีส รอบเมืองเก่า คลองคูเมืองเดิม เกาะรัตนโกสินทร์ ถามหายอดฝีมือ

คลองคูเมืองเดิม –อาคารชิโน-โปรตุกีส



เชื่อแน่ได้ว่าทุกท่าน คงได้ยินคำว่า “ชิโน-โปรตุกีส” กันอย่างกว้างขวางในช่วง 10-20 ที่ผ่านมากันนะครับ ผมก็ได้ยินมาประมาณช่วงเวลาดังกล่าวเช่นกัน อย่างไรก็แล้วแต่ครับ นับเป็นนิมิตรหมายที่ดี ครับ ที่อาคารที่เราเรียกกันว่า “ชิโน-โปรตุกีส” นี้ ส่วนใหญ่ในปัจจุบัน ในเกือบทุกแห่งในประเทศไทย ได้รับการอนุรักษ์ขึ้นเป็นอาคารโบราณสถาน (ขออภัยถ้าเรียกไม่ถูกว่าโบราณสถาน หรือเปล่า) เพราะตัวผมเอง เท่าที่จำความได้ตอนเด็กๆ บ้านผมก็อยู่ในย่านนี้ และน่าจะเป็นบ้านโบราณ ประเภทนี้เช่นกัน (แต่ก่อนอยู่ใกล้กับวัดราชบพิธ ตอนนี้ไม่ได้อยู่ในเกาะรัตนโกสินทร์แล้ว) ในความทรงจำ จำได้แต่ภายในบ้าน รูปทรงด้านนอกจำไม่ได้ครับ แต่รับรองครับ ถ้านึกภาพภายในบ้านแล้ว บ้านหลังโน้น อเมซิ่ง มากมาย (ย้อนยุค) แต่น่าเสียดายครับ มันโดนรื้อไปตั้งแต่ปี 2512 แล้วครับ และโดนสร้างทับเป็นตึกแถวไปเรียบร้อยแล้ว

อย่างไรก็แล้วแต่ครับ คำอธิบายเรื่องรูปลักษณ์หรือคำจัดกัดความเกี่ยวกับ อาคารชิโน-โปรตุกีส ผมจะไว้ท้ายบทความนี้ครับ (คัดลอกมาจากแหล่งต่างๆ ครับ เนื่องจากมุมมองการเขียนของผมเกี่ยวกับการเผยแพร่บทความนี้จะเป็นในมุมมองนักท่องเที่ยวคนหนึ่งเท่านั้น ที่ชอบ “ย้อนเวลา ย้อนยุค” แล้วนึกภาพตาม (Imagine)

เนื้อหาหรือภาพที่นำมาเขียนในบล็อก หรือทำเป็นคลิปต่างๆ ถ้าจะอ่าน หรือชม ที่ได้อรรถรสที่เพิ่มขึ้นต้องเข้าไปดูที่บล็อกเลยครับ (หลังจากอ่านบทความนี้จบ ก็กดลิ้งก์ที่อยู่ด้านบนได้เลยครับ) เพราะนอกจากเนื้อเรื่องคร่าวๆ แบบนี้แล้ว ยังมีภาพประกอบมากมาย ภาพอาคารอนุรักษ์แปลกตา เหมือนกันบ้าง ไม่เหมือนกันบ้าง ซึ่งสมัยหนึ่ง เป็นที่นิยมสร้างกันอย่างแพร่หลาย น่าจะร่วมๆ 80 ปีที่ผ่านมา แน่นอนทีเดียว ในสมัยนั้น มันก็คงดูธรรมดาๆ เหมือนกับอาคารทาวน์เฮ้าส์ หรือโฮมออฟฟิศ ที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อไม่กี่สิบปีที่ผ่านมา

ในเนื้อหาและภาพก็จะเกริ่นถึง อาคารชิโน-โปรตุกีส ที่มีอยู่ในที่ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ในเกาะภูเก็ต,สิงคโปร์ ,มาเลเซีย, แถวนางเลิ้ง ,ซอยเลื่อนฤทธ์ (เยาวราช) จริงๆ มีมากมายในประเทศไทย รวมทั้งในประเทศจีน ก็มี (แต่ภาพอาคารชิโน-โปรตุกีส ที่หาได้มันเป็นภาพกลางคืน เลยไม่นำมาลงในบล็อกครับ)

ตลอดจนแบบร่าง อาคารชิโน-โปรตุกีส แถวเจริญกรุง ที่ผม scan ภาพบางส่วนมาจากหนังสือ “ถนนเจริญกรุงตอนบน” (อาคารที่มีคุณค่าควรแก่การอนุรักษ์) เขียนโดย....อาจารย์ยงธนิศร์ พิมลเสถียร

ผมต้องขอขอบคุณ อาจารย์ยงธนิศ มา ณ ที่นี้ด้วยครับ

สุดท้ายเนื่องจากจุดโฟกัสจริงๆ จะเป็นเรื่องราว อาคารชิโน-โปรตุกีส รอบบริเวณคลองคูเมืองเดิม หรือจุดเชื่อมโยง ที่ไม่ไกลจากคลองคูเมืองเดิมมากนัก (เพราะจริงๆ แล้วอาคารโบราณสถานแบบนี้ มีมากมาย สามารถ “ต่อยอด” ได้ทุกอาคารครับ เพียงแต่ถ้าผมเขียนทุกรายละเอียด บล็อกผมจะใช้เวลามากกว่านี้ กลัวจะเขียนไม่จบครับ เลยขอโฟกัส เป็นเฉพาะจุด ครับ)

ส่วนท่านใด ถ้ารู้จักอาคารชิโนโปรตุกีส ในสถานที่ต่อเนื่อง เช่น เยาวราช ,เจริญกรุง , ทรงวาด ,สำเพ็ง , ฯลฯ

ถ้าสร้างเรื่องราว มี Content พร้อมภาพ หรือ Social Media ต่างๆ ก็น่าจะดีครับ ตอนนี้ใครๆ ก็เป็นนักข่าวอาสา กันได้แล้วครับ เผยแพร่เรื่องราว นักท่องเที่ยวอยากมากัน ชุมชน มีรายได้เพิ่มขึ้นครับ

เข้าเรื่องกันดีกว่าครับ เดินเรื่องไปตามภาพแล้วกัน



ภาพแบบแปลนจากหนังสือ “ถนนเจริญกรุงตอนบน” (อาคารที่มีคุณค่าควรแก่การอนุรักษ์) เขียนโดย....อาจารย์ยงธนิศร์ พิมลเสถียร


ส่วนภาพถ่ายร้าน เซ่งชง (ภาพกลางเป็นของ คุณ ต่อ (เพื่อน ชาวเฟซบุ๊ค เจ้าหน้าที่ประสานงานการท่องเที่ยวกรุงเทพมหานคร ผมยืมมาดีงเป็นภาพประกอบเล่าเรื่อง


ขอขอบคุณทั้ง 2 ท่าน มา ณ ที่นี้ครับ

ภาพด้านบนจริงๆ ในหนังสือของอาจารย์ยงธนิศร์ จะมีรูปอาคารมากมายครับ ซึ่งแน่นอนครับ ถ้าใครสนใจ เข้าไปซื้อหากันได้ครับ ราคาไม่แพงครับ แต่เนื้อหาจากผู้รู้จริง มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์มากมายครับ

ช่วงแรกจะนำภาพอาคารชิโน-โปรตุกีสจากที่ต่างๆ ที่ไม่ได้อยู่ใกล้คลองคูเมืองเดิมมานำเสนอก่อนครับ ซึ่งผมหาง่ายๆ ครับ Search จากgoogle ครับ เพราะหลายที่ไม่เคยไปครับ ภูเก็ตเคยไป นานมากแล้วครับ ก่อนที่จะนิยมย้อนยุคกันเหมือนเช่นปัจจุบัน สมัยก่อนก็ไปเดินย่านนี้ในภูเก็ต ก็คิดเหมือนคนไทยเวลานั้นครับ ว่ามันธรรมดา แต่ปัจจุบันดูในอินเตอร์ เค้าเอาดีไซน์ มาช่วย สร้างมูลค่าเพิ่มมากมายให้คนภูเก็ต (ต้องยอมรับ คุณภาพคนภูเก็ต และขอชม วิสัยทัศน์เจ้าหน้าที่ และเอกชนคนภูเก็ต ครับ ว่า “ต่อยอด” โดยใช้สิ่งที่มีอยู่แล้ว อย่างกลมกลืนครับ....)

นอกจากนั้นก็จะมีจากที่ต่างๆ พอสังเขปครับ ไม่ว่าจะเป็น ในมาเลเซีย , สิงคโปร์ , เยาวราช และนางเลิ้ง มีมากมายครับ ซึ่งทุกอาคาร เป็นที่สนใจของนักท่องเที่ยวต่างชาติกันครับ ส่วนของไทยเอง อาจจะยังไม่มากเท่าที่ควรครับ (แต่แนวโน้ม การ “ย้อนยุค” น่าจะมีคนชอบมากขึ้นนะครับ หวังว่าจะเป็นเช่นนั้น)





มีบ้านหลังหนึ่ง มีเสาตะเกียบ (ตะเกียบยักษ์) กั้นเป็นประตู

เหลืออยู่หลังเดียวในประเทศไทย (เท่าที่เค้าสำรวจกันได้)


ตอนนี้ผมจะเลาะเล็ม มาตามคลองคูเมืองเดิมอีก เพื่อเสาะหา อาคารต่างๆ แต่ส่วนที่จะเน้นก็คือ อาคารชิโน-โปรตุกีส เป็นหลัก อาจจะมีอาคารสถาปัตยกรรม อื่นๆ สอดแทรกมาบ้าง เพื่อเพิ่มเนื้อหารอบคลองคูเมืองเดิม หวังว่าจะไม่ทำให้อรรถรสลดลงนะครับ ประกอบกับถ้ามีผมเรียกอาคารต่างๆ แล้วไม่ถูกต้อง ก็ขออภัยด้วยนะครับ



อาคารชิโน-โปรตุกีส บนถนนอัษฏางค์ ซอยพระยาศรี

โลเกชั่นนี้ มีสะพานหก ด้วยครับ (วัตถุดิบทางวัฒนธรรมเรามากครับ แต่การจัดการดูเหมือนมีปัญหาจริงๆ)


อาคารที่แวะชม และถ่ายรูปมาเผยแพร่นี้ (รอบคลองคูเมืองเดิม) บอกตรงๆ ครับ เป็นส่วนแค่น้อยนิดเท่านั้น สำหรับผม นั่นมาหมายความ อาคารต่างๆ ยังมีเรื่องราวอีกมากมาย รอทุกท่าน ไปแกะรอย สร้างมูลค่าในด้านต่างๆ อีกมากมาย เพียงแต่ น่าจะทำกันเป็นหมวดหมู่ (Mapping ) กันให้ดีๆ ในกรณีนี้ ชุมชนที่มีย่านเก่าแก่ น่าจะมองกลับมาที่คุณค่าที่ตัวเองมีอยู่ เป็น “จุดขาย” ได้ดีทีเดียว (ต้องสร้าง Content) ใช้ social media สื่อสารออกไป แล้วถ้ากลุ่มทริปสัญจร เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นทริปคนไทย ทริปต่างชาติ ทริปเดินสัญจร ทริปจักรยาน ทริป Segway (รถสองล้อเลื่อน) เชื่อแน่ว่า บริษัททัวร์ ที่นำนักท่องเที่ยวต่างชาติ มองเห็นศักยภาพทางด้านนี้ของประเทศมานานแล้ว (เมื่อเดือนก่อน ผมไปเดินตลาดเก่า เยาวราช เห็นไกด์ พานักท่องเที่ยวเข้าไปเดินในตลาด ผ่านร้านก๋วยเตี๋ยว ฝรั่งยังถามไกด์ ด้วยความตื่นเต้น ว่ามันคืออะไร ไกด์ก็อธิบายเป็นร้านก๋วยเตี๋ยว ขายอะไรบ้าง ดูฝรั่งคนนั้น เค้าสนใจทุกเรื่องที่ไกด์อธิบายเลยครับ นี่แค่เรื่องเดียวซึ่งน่าจะเป็นเรื่องธรรมด๊า ธรรมดาครับ แล้วถ้าเป็นเรื่องอาคารโบราณ สถาปัตยกรรมที่มีเรื่องเล่า มีประวัติศาสตร์นับร้อยปี มันจะไม่ยิ่งอเมซิ่งนั้นหรือครับ?)

เฉพาะย่านสามแพร่ง (แพร่งภูธร . แพร่งนรา , แพร่งสรรพศาสตร์) อาคารชิโนโปรตุกีส น่าจะมีหลายร้อยหลังครับ อายุอาคารก็น่าจะไม่ต่ำกว่า 80 ปี (น่าจะสมัยรัชกาลที่ ๖ ผมเดาเอาครับ) เพราะร้านค้าบางร้านในย่านนี้ ผมเคยเข้าไปทานอาหาร เค้าบอกขายมา 100 ปี แล้ว เจ้าของร้านเป็น Generation ที่ 3 แล้ว (รับรองว่า อาหารเค้าอร่อยแน่นอน แต่วันนี้เขียนเรื่องอาคารชิโนโปรตุกีส จึงต้องข้ามเนื้อหาดีๆ บางเนื้อหาไปก่อน แล้วว่างๆ จะมารีวิว อาหารอร่อยในภายหลังกันครับ )



อาคารชิโนโปรตุกีส แพร่งภูธร


หลายๆ สื่อโฆษณาทางทีวี ใช้บริเวณนี้ถ่ายทำกันครับ สมัยผมเป็นนักเรียน นักศึกษา เคยมีกองถ่ายระดับโลก มาเหมาบริเวณแพร่งภูธร ปิดซอยถ่ายหนังกันเลยเป็นเดือน น่าจะประมาณ 30 ปีแล้วมั้งครับ ตอนนั้นแถวนี้ส่วนที่เป็นสวนตรงกลางแพร่งภูธร (ในปัจจุบัน) สมัยก่อนจะเป็นร้านค้าครับ แต่รื้อร้านค้า ทำเป็นสวนเล็กๆ ให้ชุมชน



มีคนสนใจมากครับ ชิโน-โปรตุกีสแถวนี้ แต่ทำกันอย่างไรดีครับ ให้มันต่อยอดได้ครับ ช่วยกันคิดครับ




สวนตรงกลางแพร่งภูธร (ในปัจจุบัน) สมัยก่อนจะเป็นร้านค้าครับ แต่รื้อร้านค้า ทำเป็นสวนเล็กๆ ให้ชุมชน

อาคารชิโน-โปรตุกีสอย่างมากมายจะรายล้อมสวนหย่อม




แพร่งภูธร (อีกมุมมองหนึ่ง




อาคารแบบนี้ชาวต่างชาติ ชอบมากเลยครับ

บางคนก็มาดัดแปลง ให้ชาวต่างชาติมาเช่าพัก คล้ายๆ Service Apartment หรือ Service room แบบโรงแรม (น่าจะราคาค่าเช่าไม่ถูกครับ เพราะบรรยากาศแบบนี้ หายากครับ อยู่กับชุมชน มีชีวิตชีวาครับ)




หัวมุมอาคารชิโน-โปรตุกีส แพร่งภูธร

ถ่ายจากฝั่งถนนตะนาว


นอกจากนั้น บริเวณกลุ่มอาคารชิโนโปรตุกีส บนแพร่งภูธรแล้ว ยังมีสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์เล่าเรื่องได้อีกมากมาย ก็อยู่ในแพร่งภูธรเช่นกัน เช่น สุขุมมาลอนามัย (สถานีกาชาดที่ 2) แต่เดิมมีอาคารเดียว เพิ่งสร้างต่อเติมเสร็จอีกอาคาร (ตามรูป) กระทรวงกลาโหม , สะพานที่มีเรื่องเล่าต่างๆ (ซึ่งผมจะรวมอัลบั้มเขียนเรื่อง คลองคูเมืองเดิม แบบเต็มๆ ฉบับของผมในเร็วๆ นี้ครับ)



สุขุมาลอนามัย (แพร่งภูธร)




กระทรวงกลาโหม




สะพานปีกุน (สะพานหมู)




อาคารเก่าแก่ต่างๆ มีเรื่องเล่า รายรอบสี่กั๊กเสาชิงช้า


พูดเรื่องสี่กั๊กเสาชิงช้าหน่อยครับ สมัยก่อนเป็นวงเวียนเล็กๆ อยู่ตรงกลางแยก มีป้อมตำรวจประจำการ แต่ได้รื้อทิ้งป้อมและสิ่งก่อสร้างตรงกลางแยกไปแล้ว จึงกลายเป็นสีแยกเฉยๆ แต่ลักษณะบ้าน อาคารรอบๆ ยังโค้งตามวงเวียนเดิมอยู่ (บ้านผมก็เคยอยู่ที่เสาชิงช้า(อีกหลัง ช่วงนั้นย้ายบ้านบ่อย) เช่นกัน แต่มันนานมากแล้วครับ เขียนจากความทรงจำ ไม่แน่ใจว่าจะถูกต้องหรือเปล่าครับ)



แพร่งสรรพศาสตร์


เขียนเรื่องสามแพร่ง แต่นี้แค่ แพร่งเดียว (แพร่งภูธร เท่านั้น ) อาคารเก่าคลาสสิค ยังมากมายขนาดนี้เลยครับ อย่างไรก็แล้ว ส่วนอีก ๒ แพร่ง (แพร่งนรา และ แพร่งสรรพศาสตร์) ต้องรบกวนท่านหาข้อมูลเพิ่มเติมทางอินเตอร์เน็ตกันครับ

ตอนนี้ผมจะพามาชม และเผยแพร่บางส่วนของอาคารชิโนโปรตุกีส ทางคลองคูเมืองเดิมฝั่งแถวบ้านหม้อ และถนนเจริญกรุง เรื่อยไปทางปากคลองตลาด ซึ่งแน่นอนทีเดียว ผมไม่สามารถเขียนได้ครบ เพียงแต่ยกมาบางส่วน (น้อยนิดจริงๆ) เพราะมีความสามารถอันจำกัด ด้วยประการทั้งปวง



อาคารชิโน-โปรตุกีส หัวมุมซอยพระยาศรี (ด้านถนนอัษฎางค์)




อาคารชิโน-โปรตุกีส หัวมุมฝั่งตรงข้ามซอยพระยาศรี (ด้านถนนเฟื่องนคร)

อาคารที่เห็นเป็นร้านจิวเวลรี่ เก่าแก่มากครับ ผมเห็นมานานมากแล้วครับ




อาคารชิโนโปรตุกีสหลังนี้ ปรากฏอยู่ในหนังสือเก่ามากมายครับ




ตึกแถวบริเวณหัวถนนบ้านหม้อ และอาคารต่อเนื่องกันมาจนถึงถนนอัษฎางค์ ถนนที่วิ่งเรียบคลองคูเมืองเดิม




ตึกแถวบริเวณหัวถนนบ้านหม้อ และอาคารต่อเนื่องกันมาจนถึงถนนอัษฎางค์ ถนนที่วิ่งเรียบคลองคูเมืองเดิม


ลองคิดดูกันครับอาคารชิโนโปรตุกีส ที่ผมนำมาเผยแพร่ไม่กี่อาคาร และสถานที่ประวัติศาสตร์ สถาปัตยกรรม รายล้อมแค่บริเวณคลองคูเมืองที่นำเสนอพร้อมกับเรื่องราว อาคารชิโน-โปรตุกีส เพียงไม่กี่สถานที่เอง ทั้งๆที่อาคารรายล้อม และสถานที่ประวัติศาสตร์ มีมากมายมากกว่านี้อย่างเปรียบเทียบกันไม่ได้เลย ลองคิดนึกภาพ (Imagine) กันดูครับ ถ้าปะติดปะต่อ ร้อยเรื่องราว ประวัติศาสตร์ สร้างระบบ ต่อเนื่อง เชื่อมทางเดิน เชื่อมประวัติศาสตร์ต่างๆ โดยการ Design ออกแบบต่างๆ เข้ามาช่วย จะสร้าง Landmark กันได้หรือเปล่า เพราะ คลองคูเมืองเดิม น่าจะอุดมไปด้วยทรัพยากรทางวัฒนธรรมของเราอย่างเหลือล้น เพียงแต่ “ใคร” ครับ ที่”มัวแต่คิดๆๆ กัน มาหลายปี” คิดเสร็จ สรุป ก็คือ “ไม่ทำอีก” ตามระเบียบ ความเจริญไม่มี แต่คนบริหาร รับเงินเดือน รับเบี้ยเลี้ยงทุกวัน เงินเดือนขึ้นทุกปี แต่ผลงานต่ำติดดิน

สำหรับผม “ไม่มีอะไรเป็นไปไม่ได้ (Impossible is nothing)” และ ปัญหามีไว้แก้ (คำนี้ ยืมเค้ามาครับ) ...แต่สำหรับท่านที่เป็นบุคคลผู้บริหารระดับตัดสินใจ อาจจะคิดว่า เรื่องแนวทางพัฒนาใหม่ๆ เป็นเรื่องเป็นไปไม่ได้ ก็เป็นเวรกรรมของคนยุคนี้ ครับ ต้องรอ “ตาย” ไปเกิดใหม่ ใน “ชาติหน้า” อาจจะได้เห็นสิ่งดีๆ ที่คนในยุคต่อไปทำได้ครับ (อย่าลืมครับ ถ้าผู้มีอำนาตัดสินใจ มีโอกาสมาอ่านบล็อกนี้ ฝากไว้หน่อยครับ ชีวิตนี้มันสั้นนักครับ เดี๋ยวก็ตายแล้วครับ ควรจะเร่งสร้างสิ่งที่ดีๆ ที่อารยะประเทศเค้าทำกันครับ ดูตัวอย่าง คลองชองเก ในเกาหลีใต้ครับ เค้าเปิดให้คนมาเดินกันแล้ว กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ทุกทริปทัวร์ ต้องไปเดินเสียด้วย



โครงการคลองชองเก ในเกาหลีใต้ ทำเสร็จแล้ว จนกลายเป็น Landmark แห่งใหม่ของเกาหลีไปแล้ว




โครงการคลองชองเก ในเกาหลีใต้ ทำเสร็จแล้ว จนกลายเป็น Landmark แห่งใหม่ของเกาหลีไปแล้ว


เนื้อหาพร้อม comment บน facebook ผมครับ

//www.facebook.com/photo.php?fbid=304758332909944&set=a.304758286243282.85046.100001273404825&type=3&theater

คอมเม้นท์เรื่องคลองชองเก (เกาหลีใต้) จากนักวิชาการบางท่าน (ขออนุญาตนำมาแปะในบล็อกครับ)

Thapana Bunyapravitra “คลองชองเก” ของเดิมเป็นคลอง ช่วงแรกรัฐฯ พยายามฟื้นฟูสภาพแต่ไม่ดีขึ้นเนื่องจากมีปัญหาท้ังการบุกรุก การเป็นที่ท้ิงขยะมูลฝอย นำเสีย ฯลฯ ดังน้ันในช่วงต่อมาเขาเลยนำมาทำทางด่วนคร่อมใช้เป็นถนน เมื่อนานวันเข้าก็เกิดปัญหามลพิษและทัศนะอุจาดในเขตเมือง ประกอบกับกระแสการฟื้นฟูคลองหรือแม่นำให้เป็นเส้นทางสีเขียว (Greenway) ได้รับความนิยมอย่างมากในสหรัฐและแคนาดา (ประมาณช่วงปี ค.ศ.1998-ปัจจุบัน) รัฐฯ เลยศึกษาออกแบบปรับปรุงคลองชองเกเสียใหม่ โดยรื้อทางด่วนออกและก่อสร้างฟื้นฟูเป็นดังภาพที่เห็น โครงการนี้จึงได้รับคำชื่นชมในฐานะความกล้าหาญของรัฐในการปรับปรุงพื้นที่สาธารณะในเมืองให้เป็นแหล่งนันทนาการหรือ The Great Public Space ขนาดใหญ่ ซึ่งได้เปลี่ยนบทบาทของพื้นที่จากการเป็นแหล่งก่อมลพิษมาเป็น Green corridors ที่สร้างสรรค์ความงดงามและสร้างเศรษฐกิจที่สดใสแก่เมือง โครงการนี้ได้รับรางวัลจากหลายแหล่งครับ แต่ที่โด่งดังมากคือ รางวัลเกียรติยศจาก ASLA ในปี 2009 ท่านเข้าไปดูรายละเอียดได้ใน asla.org ครับ

Kris Kiattisak Longlivetheking เมื่อโครงการฟื้นฟูสำเร็จแล้ว ก็ยังต้องมีการจัดการให่้เกิดการใช้งาน และดูแลรักษาอย่างเหมาะสมด้วย ... ที่คลองนี้ ด้านข้างกำแพงเขื่อนของคลอง และตามใต้สะพานต่างๆ แทนที่จะปล่อยเป็นจุดอับ ที่ก่อให้เกิดอาชญากรรม เขากลับเปลี่ยนเป็นโอกาส จัดเป็นพิพิธภัณฑ์เล็กๆ จัดแสดงภาพและโบราณวัตถุ ตามแต่ประวัติศาสตร์และชุมชนว่าย่านเดิมริมคลองตรงบริเวณนั้นเขาประกอบอาชีพอะไรกันบ้าง ... รวมทั้งในยามแดดร่มลมตก ก็จะมีกิจกรรมต่างๆ เช่นการฉายแสง สี เสียง ตามกำแพงเขื่อนเป็นงานศิลปะต่างๆ หมุนเวียนกันไม่ ... ทำให้เด็กๆหนุ่มสาว มาใช้เป็นแหล่งนัดพบ คึกคัก ไม่เงียบสงัดจนกลายเป้นโอกาสของโจรและมิชฉาชีพ ... เยี่ยมมาก

หมายเหตุ :
อาคารชิโน-โปรตุกีส จาก วิกิพีเดีย (เฉพาะลักษณะ โครงสร้าง ) แต่ถ้าท่านจะอ่านประวัติของอาคารประเภทนี้รบกวนเข้าไปดู ฉบับเต็มที่วิกิพีเดีย เลยครับ

ลักษณะ
ลักษณะของสถาปัตยกรรมแบบชิโนโปรตุกีสคือการผสมผสานระหว่างสถาปัตยกรรมยุโรปและศิลปะจีน กล่าวคือ “สถาปัตยกรรมแบบอาณานิคม” หรือ “อาคารแบบโคโลเนียล” (Colonial Style) ถ้าเป็นอาคารสองชั้นกึ่งร้านค้ากึ่งที่อยู่อาศัย (shop-house or semi-residential) จะมีด้านหน้าอาคารที่ชั้นล่างมีช่องโค้ง (arch) ต่อเนื่องกันเป็นระยะๆ เพื่อให้เกิดการเดินเท้า ที่ภาษาไทยเรียกทับศัพท์ว่า “อาเขต” (arcade) หรือที่ภาษาจีนฮกเกี้ยนเรียกว่า “หง่อคาขี่” ซึ่งมีความหมายว่า ทางเดินกว้างห้าฟุต นอกจากอาเขตแล้ว อาคารแบบโคโลเนียลมีการนำลวดลายศิลปะตะวันตกแบบกรีก โรมัน หรือเรียกว่า “สมัยคลาสสิก” เช่น หน้าต่างวงโค้งเกือกม้า หรือหัวเสาแบบโยนิก หรือไอโอนิก (แบบม้วนก้นหอย) และคอรินเทียน (มีใบไม้ขนาดใหญ่ประดับ) เป็นต้น ซึ่งนักวิชาการบางท่านอาจเรียกสถาปัตยกรรมแบบนี้ว่า “นีโอคลาสสิก”

สิ่งที่ผสมผสานศิลปะจีนคือ ลวดลายการตกแต่ง ไม่ว่าจะเป็นภาพประติมากรรมนูนต่ำหรือนูนสูงทำด้วยปูนปั้นระบายสีของช่างฝีมือจีนประดับอยู่บนโครงสร้างอาคารแบบโปรตุเกส บานประตูหน้าต่าง ตลอดจนการตกแต่งภายในที่มีลักษณะเป็นศิลปะแบบจีน

................................................................................................

เนื่องจากปัจจุบัน เรื่องผังเมือง เป็นสิ่งที่มีผลกระทบกับคนไทยอย่างมากมาย (เช่นเรื่องน้ำท่วม) อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ฉะนั้น เราก็ต้องเตรียมตัวรับมือกันแต่เนิ่นๆ อย่างแรกสุดที่ผมจะแนะนำ (ทำได้แค่นี้เองครับ) คือ ควรจะรับรู้ข้อมูลต่างๆ จากผู้รู้จริง หรือนักวิชาการหลายๆท่าน หรือหลายๆช่องทาง ปัจจุบันหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหลายหน่วยงาน ยังรู้สึกว่าการประชาสัมพันธ์ยังไม่ทั่วถึง ผมจึงขอแนะนำลิ้งก์ของนักวิชาการผังเมือง อ.ฐาปนา บุณยประวิตร ซึ่งผมรู้จักผ่านทาง Facebook //www.facebook.com/profile.php?id=100001871354660 ที่เขียนเกี่ยวกับเรื่องการวางผังเมืองพัฒนาเมืองอย่างยั่งยืนตามแนวทางการเติบโตอย่างชาญฉลาด (Smart Growth) ซึ่งผมนำมาตั้งชื่อ Blog ผมอีกบล็อกหนึ่งครับ เพราะตั้งใจจะนำข้อคิด ข้อเขียนของอาจารย์ทั้งจากใน Facebook ของอาจารย์ และในเว็บไซต์ของอาจารย์ //asiamuseum.co.th/ มานำเสนอเท่าที่จะเป็นไปได้ ความจริงหลายเรื่องที่อาจารย์เขียน โดยนำข้อมูลจากเว็บไซต์ต่างประเทศ ที่เป็นตัวอย่างที่ดีมากๆ หลาย Case Study ครับ (เพราะส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องราวที่ดีๆ เกี่ยวกับผังเมืองในอนาคต ที่ก่อประโยชน์ต่อส่วนรวมอย่างมหาศาล และแน่นอนทีเดียวหลายอย่าง ก็สามารถประยุกต์มาใช้ในประเทศไทยได้แน่นอน

เข้าไป add friend ติดตามข่าวกันเองครับ

ขอขอบคุณภาพหลายภาพจากอินเตอร์เน็ตที่ผมนำมาประกอบเล่าเรื่อง มา ณ ที่นี้ด้วยครับ

เพิ่มเติมบางคอมเม้นท์จาก FACEBOOK ผมครับ

tivitt Crystalbell ถ้าเอาสายไฟลงมต้ดินหมดอาคารจะเด่นมากกว่านี้

Rattana Kosin "อัศวินม้าขาว" บ้านเราหายากจริงๆครับ เมืองเก่าระดับโลก แถมมีสารพัดหน่วยงาน เข้ามาดูแล ทำได้น้อยกว่าที่คาดหวังมากๆ ครับ ถ้าเป็นในเกาหลีมีทรัพยากรแหล่งท่องเที่ยวแบบนี้ ผมว่าเค้า "ต่อยอด" ได้อย่างสบายเลย ไทยแลนด์คนเก่งเยอะ แต่คนกล้าคืด กล้าทำ มีน้อยครับ แต่ทุกคน รับเงินเบี้ยเลี้ยง รับเงินเดือนสูงๆ กันทั้งนั้น น่าเศร้าใจครับ

ผนังเก่า เล่าเรื่อง ผังเมืองมีมากว่า40ปี ไม่มีรัฐบาลไหนเคนนำมาใช้ จะหวังไปต่อยอดอะไร บอกได้คำเดียวว่า รอวันหมดประเทศ เพราะไม่ใช่แค่ตึกเก่าๆเทานั้นหรอกครับที่รอคนมาต่อยอด แค่คิดก็กลับไปเกิดใหม่แล้วจะได้เห็นรึเปล่าดีกว่า

Rattana Kosin เห็นข้อเขียน ของคุณ ผนังเก่า เล่าเรื่อง ถ้าเป็นจริงนี่ ผมว่าเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ก็ไม่ควรมานั่งทำงานไปวันๆ กินเงินเดือนได้แล้วครับ เพราะอยู่ไปก็ทำอะไรไม่ได้ มีแต่ "กั๊ก" คนอื่น ทำงานไร้ประสิทธิภาพ รอประเทศ "เจ๊ง" ก็น่าจะ "ไสหัว" ออกไปได้แล้ว เพราะไม่มีคนแก้ไขจริงจัง คนไม่มีฝีมือ ก็ไม่ควรมานั่งกินภาษีประชาชนครับ...
หน่วยงานไหน อะไรๆ ก็ทำไม่ได้ หน่วยงานนั้นก็น่าจะยุบไปได้แล้วครับ เพราะถึงขนาด "รอ" ประเทศ เจ๊ง ไม่ต้องใช้นักวิชาการ เรียนสูงๆ มาบริหารก็ได้ครับ เอานายหมู นายหมา มาบริหารก็ได้ เพราะถ้ามันเจ๊ง อยู่แล้ว จะเอาพวกไหน มาบริหาร มันก็ไม่ต่างกันครับ เผลอๆ "มวยวัด" แบบนายหมู นายหมา อาจจะ เป็นพวก "ทำจริง" มากกว่าพวกเรียนสูง เอาตัวรอด ก็เป็นได้นะครับ ที่จะทำไม่ได้ ก็ Thailand Only เท่านั้นครับ แต่ถ้าเป็นประเทศเพื่อนบ้านเรา เช่น มาเลเซีย เค้าทำได้แน่นอนครับ
เรื่องยากกว่านี้มาเลเซีย ก็ทำมาแล้วครับ ฝากหน่วยงาน พนักงานกิน้งินเดือนสูงๆ โปรดทำงานอย่างเต็มประสิทธิภาพได้แล้ว อย่ามัวแต่พูดว่า เป็นไปไม่ได้อีกเลย เพราะฟังแล้วรู้สึกว่า ประชาชนสิ้นหวังครับ...เสียภาษีแล้ว ยังเสียความรู้สึกอีก...//www.facebook.com/photo.php?v=247763125276132&set=vb.100001273404825&type=2&theater

ผนังเก่า เล่าเรื่อง ประเทศนี้เห็นมีแต่การประท้วงเท่านั้นที่ดูจะมีคนสนใจ เรื่องอย่างอื่นอย่าไปเรียกร้องอะไรถ้าคุณไม่มีคนมากพอที่จะไปก่อม๊อบ เรื่องเรียกหาอัศวินม้าขาวหรือหน่วยงานใดที่มีอยู่ช่วยทำงานให้เต็มความสามารถ มันก็คงจะตอบว่าความสามารถกูมีเท่านี้แหละ มึงมาทำเองมั๊ย ประมาณนี้ ประเภทว่าประเทศไทยนี้ดีทุกอย่างเสียอย่างเดียวที่มีคนไทย("อย่างพวกมึง")

Jon X. Viri ตึกอีสเอเชียติคซอยโอเรียนเต็ลได้ข่าวว่าเป็นของคุณเจริญเบียร์ช้าง ผมไปเห็นมาหลายเดือนก่อนถูกปล่อยให้ฝนรั่ว เคยได้ยินว่ามีความพยายามจะสร้างทำเป็นโรงแรม แต่ไม่รู้ว่าคิดกันอย่างไร ดูคล้ายกับตั้งใจปล่อยให้โทรมจนพังไปเองหรืออ้างได้ว่าซ่อมไว้ไม่ไหวต้องรื้อทิ้ง อาคารเก่ามักไม่เป็นที่ถูกใจผู้บริหารยุคปัจจุบัน ที่อยากจะสร้างอนุสาวรีย์ของตัวเองขึ้นแทนที่จะอนุรักษ์ของเดิม

เมืองโบราณตามความหมายเป็นเมืองร้างไร้ผู้คน เป็นเมืองที่ตายไปแล้วแต่ได้รับการเก็บรักษาซากเอาไว้ และได้รับการคุ้มครองประกาศขอบเขตการอนุรักษ์แน่ชัดอย่างสุโขทัย ต่างกับเมืองเก่าซึ่งเป็นเมืองที่ยังมีชีวิตมีความเป็นอยู่ของผู้คนซ้อนทับกันอยู่บนโบราณสถานและอาคารสิ่งก่อสร้างเก่าแก่ ปัญหาคือขาดความรู้เข้าใจในคุณค่าของมรดกศิลปวัฒนธรรมเหล่านี้ สถาปนิกแก่ๆอย่างผมก็ยังเพิ่งมาสนใจตื่นตัวอยากมีส่วนในงานอนุรักษ์แบบนี้เมื่อไม่กี่ปีมานี้เอง เพราะสมัยเรียนก็ไม่ได้รับการปลูกฝังมากนัก ก็ยังมีเรื่องที่ต้องเรียนรู้กันไปอีกมาก เรียนไปจนตายก็ไม่จบ


Create Date : 02 กุมภาพันธ์ 2555
Last Update : 18 สิงหาคม 2557 14:34:16 น. 2 comments
Counter : 3858 Pageviews.

 


*~*~*~*..แวะมาทักทายจ๊ะ..ขอให้มีความสุข สดใส..หัวใจเบิกบาน..*~*~*~*

..HappY BrightDaY..


โดย: *~ต้นกล้า...ของหัวใจ~* วันที่: 2 กุมภาพันธ์ 2555 เวลา:15:48:19 น.  

 



โดย: Kavanich96 วันที่: 3 กุมภาพันธ์ 2555 เวลา:8:34:35 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

เที่ยวรอบเกาะรัตนโกสินทร์
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 11 คน [?]




ภาพอดีต ภาพปัจจุบัน และอนาคต และความเป็นไปของเกาะรัตนโกสินทร์
เล่าเรื่องทริป ที่สุดแสนจะธรรมด๊า ธรรมดา แต่หลายคนอาจมองข้ามไป แต่ในสายตาของนักท่องเที่ยวทั่วโลกแล้ว มัน อเมซิ่ง มากมาย
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add เที่ยวรอบเกาะรัตนโกสินทร์'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.