Ninkyo Helper -ยากูซ่า-ที่พึ่งจำเป็น ณ บ้านพักคนชรา บทพิสูจน์อันธพาลก็มีหัวใจ
ภาพและข้อมูลจาก Dramawiki Title : Ninkyo Helper / The Chivalrous Helper Genre: Human drama Episodes: 11 rating: 14.9 (Kanto) Broadcast : Fuji TV 2009-Jul-09 to 2009-Sep-17 Thursday 22:00 Theme song: Sotto Kyutto by SMAP Screenwriter: Furuya Osho Director: Nishitani Hiroshi (ep1,7,11), Ishikawa Junichi(ep2-3,5-6,10), Hayama Hiroki(ep4,6,9) *62nd Television Drama Academy Awards: Best Actor - Kusanagi Tsuyoshi *62nd Television Drama Academy Awards: Best Supporting Actress - Kuroki MeisaProtecting the weak and vanquishing the strong ปกป้องคนอ่อนแอและกำราบคนแข็งแกร่ง Kusanagi Tsuyoshi (คุซานากิ สึโยชิ) แม้ว่านักแสดงคนนี้จะแสดงละคร+ภาพยนตร์มาแล้วเกือบ 40 เรื่อง แต่แน่นอนพันเปอร์เซ็นต์ เมื่อยกเว้นเรื่อง Walk my way ที่สนใจในพล็อตไว้เรื่องหนึ่ง นอกเหนือจากนั้น เขาไม่เคยอยู่ในสายตา ซึ่งเขาก็ไม่ได้ทำความผิดอะไรไว้นักหนาหรอก ก็แค่เขาไม่หล่อ ดูหน้าตาแล้วไม่ชวนสบายใจ ที่เพิ่งรับชมผลงาน Fuyu no Sakura ผ่านไป ก็เพราะมันเป็นเหตุผลว่าด้วยเรื่องของซาโต้ ทาเครุ ล้วนๆ แต่ Ninkyo Helper ก็ส่งสึโยชิผ่านสายตาเข้าตามาอีกรอบ เพราะไปอ่านเจอที่คุณ Nobuta wo produce ได้เอ่ยถึงกระทู้ในพันทิปเกี่ยวกับ '..นักแสดงที่แสดงแล้วรู้สึกได้ว่า เล่นได้อารมณ์เหมือนจริงมากที่สุด ' และอันดับหนึ่งคือ นิโนะ หนุ่มหน้าละอ่อนแห่งวงอาราชิ (Ninomiya Kazunari) ตามประสาแม่ยกย่อมอยากรู้อยากเห็นว่าคนอื่นๆ เค้าจะอวยหนุ่มคนนี้กันอย่างไรบ้าง ก็เลยลองเสิร์ชกูเกิ้ลตามหากระทู้นี้ดู และได้เสิร์ชเจอผลสำรวจจาก goo/NTT DoCoMo ดังนี้ Who is Johnny Entertainments best actor? อันดับหนึ่ง นิโนะ อาราชิ อันดับสอง คุซานางิ สึโยชิ (ข้อมูลเก่าแล้วนะคะ เป็นปี 2011 ที่น่าจะประเมินผลงานจากปี 2010) แล้วก็ไปเจอกระทู้พันทิปอีกกระทู้หนึ่งชื่อ หนุ่ม ๆ จอนนี่ คนที่คุณคิดว่าแสดงเก่งที่สุดคือใคร และกระทู้ก็ถูกเปิดประเด็นด้วยการอวยนักแสดงในใจของเจ้าของกระทู้อยู่สองคนคือ นิโนะ และสึโยชิคนนี้ ไม่ติดใจอะไรกับนิโนะเพราะชื่นชมฝีมือกันเป็นการส่วนตน การันตีไม่ใช่ความลำเอียงเพราะชอบอย่างเดียว เพราะถึงตอนนี้โนะก็กวาดรางวัลมาแล้ว 7 Best actor กับอีก 4 Best supporting actor แต่ข้องใจมากกับสึโยชิคนนี้ ยิ่งถ้าบอกว่าเป็น SMAP เขาเป็นใครกันถึงได้เกินหน้าเกินตาป๋ายะที่ควรจะครองแชมป์เหนือใครแต่กลับได้ที่ 4 และคะแนนเป็นรองอยู่มาก ในกระทู้หนุ่มจอนนี่ คนส่วนใหญ่ก็มีความเห็นไม่ต่างกันนักเกี่ยวกับป๋ายะ คือซีรีย์ของป๋าเป็นอะไรที่ต้องดู แต่ว่าถ้าพูดกันเรื่องฝีมือกลับไม่ใช่ทุกคนที่เชิดชูป๋า เพราะหลายๆ คนก็หันไปยกยอคนอื่นๆ มากกว่า ซะงั้น ? อ่านกระทู้ในบันเทิงแดนซากุระที่สึโยชิถูกพูดถึงในเรื่อง Ninkyo Helper ว่าเป็นหนึ่งผลงานที่บ่งบอกถึงความสามารถทางการแสดง ทั้งในแง่ของการเปลี่ยนแปลงคาแร็คเตอร์และการเข้าถึงบทบาท เหตุนี้จึงต้องขอลองของกันซะหน่อย แบบไม่ได้ศึกษาข้อมูลอะไรนัก นอกจากเท่าที่มีให้เห็นใน Dramacrazy.net รีวิวให้คะแนนเฉลี่ยอยู่ที่ 88.75% ลองเปิดดูเห็นหน้าพระเอกแล้ว โอ้ .. ถึงว่าคุ้นนัก สึโยชิคือพระเอก Fuyu no sakura ที่เพิ่งดูจบไปไม่นาน โดยหน้าตาพระเอกแล้ว ทำให้นึกไม่เต็มใจอยากดูเท่าไหร่ คิดว่าจะดูแป๊บๆ นิดเดียว แต่บังเอิญพลอตมันเรียกความสนใจอยู่พอสมควร Ninkyo Helper เป็นเรื่องของยากูซ่า 6 คน ที่ถูกส่งไปเป็นเจ้าหน้าที่ดูแลผู้สูงอายุ ณ สถานพักพิงของคนแก่ (ต่อไปนี้จะขอใช้คำง่ายๆ ว่า "บ้านพักคนชรา") ซึ่งการฝึกงานนี้เป็นเงื่อนไขของการพิจารณาเลื่อนตำแหน่งในองค์กร โดยที่ 5 คนเป็นยากูซ่าระดับหน้า (Kumi-chou) จากแต่ละสาขา และอีก 1 คน เป็นยากูซ่าปลายแถวไม่เอาอ่าว แต่เขาเป็นลูกชายของหัวหน้าใหญ่ขึ้นไปอีกขั้นหนึ่ง (เรียกว่าตำแหน่ง Kashira) ทายาทยากูซ่าคนนี้จึงถูกส่งไปฝึกงานด้วยกันกับหัวหน้าสาขาอื่นๆ เพื่อจะฝึกฝนการเป็นชายอันธพาลหัวใจแกร่ง เมื่อหัวหน้าใหญ่ขององค์กรเสียชีวิตลง ทากายามะ เกนสุเกะ ยากูซ่าตำแหน่ง Kashira ของกลุ่มที่เป็นหัวหน้าของ Kumi-chou ทั้ง 5 จะได้เลื่อนตำแหน่งขึ้นไปเป็น Oya- bun (The big boss, father figure) และต้องมีใครคนหนึ่งในตำแหน่ง Kumi เลื่อนระดับขึ้นมาแทนเขา โดยมีเงื่อนไขพิจารณาจากการฝึกงานที่บ้านพักคนชรา Taiyo Nursing Home ซึ่งถ้าหากจะมีการพิจารณาผลงานเพื่อเลื่อนตำแหน่ง ก็ไม่แปลกถ้าจะฝึกกันในวิถีที่ควรจะเป็นแบบยากูซ่า เช่นแข่งกันทำยอดรายได้ แข่งกันขยายพื้นที่ กำราบศัตรู อะไรเทือกนั้น แต่เนี่ยอะไร้ เขาส่งทั้ง 6 ไปฝึกงานที่บ้านพักคนชรา เป็นข้องใจมาก ทำไมเหรอ ทำไมต้องเป็นที่บ้านพักคนชรา สำหรับการจะมอบตำแหน่งผู้นำยากูซ่า เขาต้องการเห็นคุณสมบัติหรือความสามารถอะไรที่จะบอกได้ว่าใครเหมาะสมกับตำแหน่งมากที่สุด ยากูซ่ากับการดูแลคนแก่ จะมองแง่ไหนก็ไม่เข้าใจอยู่ดี ... ทำเพื่อ ? Chivalry help the weak, vanquish the strong ,the remain honorable and kind , even putting your life at risk. I want to be a real hoodlum. เป็นวาทะเริ่มต้นที่เกือบเท่จัด หากว่ามันจะไม่จบลงด้วยการหักมุม But these things only happen in movies. Honestly , you cant live being chivalrous. แต่ถึงอย่างนั้น "A real hoodlum" (อันธพาลจริง) ก็เป็นคำที่เรียกความสนใจได้ดี เช่นเดียวฉากต่อสู้ตอนเปิดเรื่องก็ทำได้เจ๋งมาก ตามมาด้วยวิธีการหากินของยากูซ่ากลุ่มรอปปงงิที่มีพระเอกเป็นหัวหน้ากลุ่ม อืม น่าสนใจๆ แต่อุปสรรคคือหน้าตาพระเอกเนี่ยแหละ (บ่นอีกละ) ยิ่งเขาทำตัวสมเป็นยากูซ่าได้เนียนมากๆ คาบบุหรี่เอย สีหน้าแววตาเอย รอยสักเอย ยิ่งดูยิ่งไม่สบายใจ (555) ถามตัวเองฉันจะไหวมั้ย ? ก็บังเอิญได้เห็นหน้าหนุ่มคนนี้โผล่มาซะก่อน Igarashi Shunji ตั้งแต่ฝากความทรงจำไว้กับเรื่อง Rookies ในบทของ ยูฟุเนะ เขาไม่เคยโคจรมาอยู่ในซีรีย์เรื่องไหนอีกเลยที่ผู้เขียนได้เลือกดู ที่เคยหลงไปดู Tumbling จนได้รู้จักนักแสดงที่ชื่นชอบอีกสองสามคน ก็เพราะคิดว่าหนึ่งในนักแสดงเป็นเขาคนนี้ แต่ความจริงไม่ใช่ ที่เข้าใจผิดไปคือมิอุระ โชเฮ คุณมะนาวเพคะว่าเขาหน้าตาเหมือนอิคุตะ โทมะ แต่ผู้เขียนดูแล้วไม่เห็นเค้าโทมะ แต่คิดว่ามีความคล้ายคลึงกันกับชุนจิคนนี้ แต่ก็แค่ ณ ขณะนั้นนะคะ เพราะ ณ ขณะที่ดูซีรีย์เรื่องนี้ ทั้งสองคนดูจะไม่มีความคล้ายกันเลย ชุนจิทั้งคล้ำทั้งผอม หัวมัดจุกยุ่งเหยิง ส่วนโชเฮนั้นขาวป๋อหล่อน่ารัก เห็นหน้าชุนจิแล้วรู้สึกดีใจ แต่ก็ยังไม่มากพอจะขับเคลื่อนการดูซีรีย์เรื่องนี้ต่อไปได้แน่ ถ้าตัวละครหลักไม่ใช่คนที่ถูกใจ จนกระทั่งได้เห็นเขาคนนี้ Yamamoto Yusuke ในบทเจ้าหน้าที่คนสำคัญของบ้านพักคนชรา แม้อายุไม่มากกว่า แต่ถ้าว่ากันด้วยประสบการณ์ทำงาน เขาคือรุ่นพี่ของเจ้าหน้าที่หน้าใหม่ทั้ง 6 ได้ยูสุเกะอีกคน Ninkyo Helper มีพลังขับเคลื่อนอย่างเพียงพอแล้วล่ะทีนี้ แถมต่อมาอีกไม่กี่อึดใจ ก็ได้เห็นหน้านางในดวงใจพรวดพราดโผล่มาอีกคน Naka Risa มะ! ขอกรี๊ดใหญ่ๆ สักสองกรี๊ด! ซีรีย์เรื่องนี้มีพลังล้นเหลือ ขอเปิดดูโลดให้เต็มสปีดดดดดเท่าที่เวลาและสังขารจะเอื้ออำนวยต่อการดู มารู้จักยากูซ่าแต่ละคนกันสึบาสะ ฮิโกอิจิ หัวหน้ายากูซ่าสาขารอปปงงิ สาขาอื่นเขาทำงานกันอย่างไรไม่รู้ แต่สาขานี้รายได้สำคัญคือการใช้สารพัดวิธีหลอกหลวงเงินจากคนแก่ การที่เขาได้ไปอยู่บ้านพักคนชราในฐานะ Helper ก็ควรจะช่วยเหลือดูแลคนแก่เหล่านั้น แต่คนมันเคยตัว เมื่อสบช่องก็อดใจไม่ได้ Helper ผู้ดูแลเลยได้มีโอกาสรีดเงินคนแก่ในช่วยฝึกงานไปด้วยอย่างสบายใจ มันช่างเป็นที่ทางทำมาหากินที่ง่ายดายเสียนี่กระไร โยโมกิ ริโกะ หัวหน้าสาขาอิเกะบุคุโร่ (Ikebukuro) มีใครคุ้นชื่อบ้างมั้ยคะ นี่เป็นถิ่นแกงสเตอร์ในเรื่อง IWGP (Ikebukuro West Gate Park) ที่ผู้เขียนจำได้แม่น เพราะชื่อถิ่นนี้ทำให้นึกถึงโยสึเกะ คุโบซึกะ ผู้รับบท ทาเคชิ King แห่งแก๊ง G-boys ผู้คุมถิ่น Ikebukuro ขึ้นมาจับจิต ^^ ความที่ริโกะเป็นยากูซ่าสาวหน้าสวยแจ่มเช่นนี้ เธอจึงมีปัญหากว่าคนอื่นๆ อาจมีเหตุผลให้ยอมรับ"หัวหน้าผู้หญิง" กันเองภายในกลุ่มได้ แต่มันไม่ง่ายจะเป็นที่ยอมรับจากยากูซ่ากลุ่มอื่นๆ ภายใต้องค์กรเดียวกัน เพื่อที่จะให้กลุ่มของเธออยู่รอดอย่างมีศักดิ์ศรี ไม่ถูกดูแคลนจากยากูซ่ากลุ่มอื่นๆ และกลายเป็นจุดอ่อนให้ถูกตั้งเป็นเป้าโจมตี ทางออกเดียวที่จะช่วยรักษากลุ่มของเธอให้มั่นคงได้ ริโกะต้องขึ้นครองตำแหน่ง Kashira ตำแหน่งที่ไม่ได้สำคัญสำหรับทุกคน แต่สำหรับริโกะมันสำคัญมากเธอจึงมีความมุ่งมั่นจริงจังกับเรื่องนี้กว่าใครๆ คุโรซาวะ โกโระ บุคลิกผู้นำดูไม่ใช่ เพราะแม้แต่ความเป็นหัวหน้าสาขาชินกาวะก็ยังมองไม่เห็นราศี แต่ถ้าเป็นนักเลงหัวไม้ทั่วไปล่ะก็ใช่เลย โกโระดูจะไม่ได้ใส่ใจกับตำแหน่ง Kashira สักเท่าไหร่ ได้ก็คงดี ไม่ได้ก็ไม่เป็นไร เขาคงเชื่อว่ามีคนที่เหมาะกับตำแหน่งนี้มากกว่าเขาอยู่แล้ว นั่นคือ ฮิโกอิจิ ที่โกโร่พร้อมจะก้มหัวยอมรับ เพราะโกโระเรียกเขาว่า "อานิกิ" ในขณะที่กับคนอื่นๆ เขาวางตัวอย่างเท่าเทียมกัน โกโระเป็นคนเลือดร้อน อารมณ์มุทะลุ ไม่คิดหน้าคิดหลัง เห็นอะไรผิดหูผิดตาพาอารมณ์ขึ้นก็กระโจนเข้าใส่ทันที ชอบโกโระตอนชกต่อยจริงๆ แบบว่า นายห้าวมาก แต่เห็นอย่างนี้เขาแอบก็มีใจเสน่ห์หาต่อ Helper สาวนามว่าฮารุนะ (ริสะ) ผู้ที่ความน่ารักค่อยๆ จับหัวใจนายยากูซ่ามากขึ้นทุกวันๆ นิฮอนบาชิ เคนโงะ หัวหน้าสาขานิปโปริ การเป็นยากูซ่าทำให้ตัวเขาไม่เป็นที่ปรารถนาของครอบครัว ทั้งภรรยาที่เลิกราและลูกสาวที่เมินเฉย บางทีการเลิกเป็นยากูซ่าอาจจะทำให้ครอบครัวคืนกลับมา แต่ว่าสิ่งที่ใครๆ อยากให้เป็น กับสิ่งที่ตัวเขาเองอยากจะเป็น มันก็ยากจะตัดสินใจ จะเลือกเป็นคนของครอบครัว หรือจะเป็นตัวตนของตัวเอง ?มุกุรุมะ มาซาโตะ เขาเป็นยากูซ่าแต่ว่าหน้าตาดูเหมือนพวกเด็กเรียนในมหาวิทยาลัย ไม่ชอบใช้กำลัง เพราะมันมีตั้งหลายวิธีที่จะใช้สมอง สองมือบนคีย์บอร์ดคอมพิวเตอร์ ค้นหาข้อมูล วิเคราะห์เพื่อใช้ประโยชน์ ไม่ชอบเข้าไปเกี่ยวพันกับปัญหาและความยุ่งยากใดๆ โดยไม่จำเป็น (เสียงพลังงานโดยใช่เหตุ) จึงดูคล้ายไม่ยี่หระกับเรื่องของใคร และถูกมองเป็นคนเห็นแก่ตัว ทากายามะ มิยากิ ลูกชายของ Kashira กลุ่มฮายาบุสะ รับบทโดยนักแสดงชื่อยาบุ ที่เหมือนจะเป็นใครคนหนึ่งที่สำคัญสำหรับสาวๆ เพราะเขามาจากวง Hey!Say! Jump! (ผู้เขียนไม่รู้จักหรอก แต่เข้าใจว่าดัง) มิยากิมีใจชอบพอริโกะจังอย่างออกนอกหน้าแต่ยากูซ่าสาวจะไปมีใจให้ใครอื่นได้นอกจากพระเอก บทบาทของยาบุมีค่อนข้างน้อย ไม่โดดเด่นอะไร ทางด้าน บ้านพักคนชรา Taiyo Nursing Home. โซนาซากิ ยาสุฮิโระ เจอคุณลุงโอสุกิ เรนอีกแล้ว รู้สึกพักนี้จะเจอกันบ่อย เป็นนักแสดงอาวุโสก็ดีเช่นนี้แล เล่นบทไหนก็ได้ มีบทในละครให้เล่นมากกมาย ล่าสุดเพิ่งเจอกันไปใน Hungry กับบทคุณพ่อของพระเอก เรื่องนี้รับบทผู้จัดการบ้านพักคนชรา เป็นคนใจดีมีเมตตา รู้จักให้โอกาสคน ไม่มีแบ่งแยกจะเป็นใครมาจากไหน มีชีวิตพื้นเพมาอย่างไร ถ้าหากเขาเป็นคนที่ต้องการความช่วยเหลือ ก็ควรช่วยเหลือ เขามีความเข้าใจ บ้านพักคนชราก็เป็นธุรกิจหนึ่งที่ต้องบริหารจัดการให้อยู่รอด แต่มโนธรรมก็เป็นสิ่งสำคัญที่จะละเลยมันไปเพียงเพื่อความอยู่รอดของธุรกิจไม่ได้ แม้ว่าความช่วยเหลือย่อมมีขีดจำกัด แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องพยายามกับอะไรๆ ให้ถึงที่สุดเรย์จิ อิซุมิ หุหุ หนุ่มคนนี้ทำให้ซีรีย์ Ninkyo helper มีความน่าดูเพิ่มขึ้นมากมาย ยูสุเกะเป็นนักแสดงที่รู้สึกเฉยๆ เมื่อเห็นกันแรกๆ แต่พอเห็นอยู่เรื่อยๆ ก็ชอบมากขึ้นเรื่อยๆ ด้วยเช่นกัน ดูมาก็ตั้งหลายเรื่อง เพิ่งจะสังเกตจริงจังเป็นครั้งแรกว่าหนุ่มคนนี้ตัวสูงใหญ่ไม่ใช่เล่น แม้จะไม่หล่อเหลาเอาการแต่ก็ดูดีอยู่ตลอด ตอนดู Tumbling ไม่สังเกตนักคงเพราะยูสุเกะถูกแวดล้อมด้วยหนุ่มๆ รุ่นราวคราวเดียวกัน(ที่หล่อกว่าด้วย) แต่พอมายืนอยู่กับพระเอกเรื่องนี้ รู้สึกว่าพระเอกสึโยชิจะดูผอมแคระไปเลย อิซุมิเป็นเจ้าหน้าที่ซีเนียร์บ้านพักคนชรา แต่ด้วยบุคลิกและสายตาที่มองดูเจ้าหน้าที่หน้าใหม่ทั้งหก ไม่มีวี่แววหวั่นไหวในบุคลิกหยาบๆ กร้าวๆ ของคนเหล่านั้นแม้แต่น้อยติดจะรำคาญใจด้วยซ้ำไป ครั้งแรกที่โกโระกระโจนจะเข้าเล่นงานเขา ปฏิกิริยาตอบโต้ที่เร็วแรงอย่างน่าแปลกใจ จนแม้แต่โกโระเองยังตกใจและต่อมาก็แอบมีความเกรงๆ ไม่กล้าแหยมกับอิซุมินัก เพราะดูจะมี "ความดุ" เอาเรื่องเหมือนกัน นั่นจึงทำให้ผู้เขียนรู้สึกว่าอิซุมิน่าจะมีอะไรที่มากกว่าความเป็นเจ้าหน้าที่ดูแลคนแก่ธรรมดาทั่วไป และเขาก็เป็นใครคนหนึ่งที่สำคัญจริงๆ ซะด้วย ปลื๊มปลื้ม! (นายเท่มาก)มิโซระ ฮารุนะ ตอนแรกคิดว่าเธอจะมาในบทหน่อมแน้มอาโนเนะที่น่ารักสดใสตามสไตล์สาวคอมเมดี้อย่างที่เคยเห็นทั่วไป ซะอีก แต่ที่จริงแล้วบทของริสะค่อนข้างออกแนวดราม่าน้ำตาเล็ดกันเลยทีเดียว เพราะเธอเป็นเจ้าหน้าที่ผู้มีความจริงจังอย่างจริงใจ เธอรักในงานที่ทำ และเพราะทำด้วยความรู้สึกมากกว่าทำเพราะมันเป็นหน้าที่นี่เอง จึงมักเป็นปัญหากับตัวเธอให้ต้องเสียใจเสียน้ำตากับเรื่องราวชีวิตน่าสงสารของคนแก่ ที่เธอคิดว่าเธอช่วยอะไรใครได้ไม่มากนัก ผิดพลาด ไม่เก่ง ไม่รู้อะไร และยังไม่ใช่เจ้าหน้าที่ที่ดีพอ อยากให้ฮารุนะเป็นคู่ของใครสักคน ที่ไม่ใช่พระเอก! คู่กับโกโระก็ได้ คู่กับอิซุมิได้จะยิ่งถูกใจมาก ตอนเธอเริ่มซึมซับหัวใจลูกผู้ชายของพระเอกฮิโกอิจิ ผู้เขียนก็เริ่มไม่สบอารมณ์ ขอเหอะอย่าให้เป็นพระเอกเลย เป็นโกโระ หรือ อิซุมิจะได้ไหม แต่ซีรีย์ไม่เน้นรัก ย่อมไม่มีอะไรขัดใจนักในแง่นี้ เพราะถึงอย่างไรโกโระก็ชอบฮารุนะ แต่คนที่ฮารุนะใกล้ชิดมากกว่าใครคืออิซุมิ เรียกว่า ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว เสียดาย (อีกละ) ที่ผู้เขียนบทไม่ยอมเขียนให้สองคนนี้รักกัน เพราะฮารุนะกับอิซุมิเป็นเพื่อนร่วมงานที่มักจะอยู่ใกล้กันบ่อยๆ แค่ยืนอยู่ด้วยกัน ยังไม่ทันทำอะไรก็น่ารักแล้ว เห็นอย่างนี้ขอเป็นพระเอกนางเอกคู่กันสักเรื่องเถอะ อยากเห็นจริงๆ ริสะเล่นเรื่องนี้ ชอบใจจริงๆ ค่ะ ถือว่าได้เห็นริสะในบทบาทอื่นบ้าง เพราะไม่เคยเห็นเธอในบทดราม่าลักษณะนี้มาก่อน Heartfull Bird Company บ้านพักคนชราแห่งนี้ ต้องอธิบายก่อนว่าไม่ใช่สถานสงเคราะห์ที่มีลักษณะเป็นมูลนิธิคอยช่วยเหลือดูแลคนแก่ถูกทอดทิ้งโดยไม่มีค่าตอบแทนอะไร แต่จะมีลักษณะเป็นองค์กรธุรกิจ เพราะอยู่ภายใต้บริหารจัดการของบริษัท Heartfull Bird เหมือนเป็นสถาบัน Health Care ที่คนชราจะอยู่อาศัยก็ต้องมีค่าใช้จ่ายเป็นการว่าจ้างดูแล และคนที่จ่ายเงินก็คือลูกๆ ที่เอาพ่อแม่ผู้แก่ชรามาทิ้งไว้ที่นี่ฮาโตริ อากิระ เป็นประธานผู้บริหารบริษัท Heartfull Bird เธอเป็นผู้มีชื่อเสียงในวงสังคมกับภาพลักษณ์ของนักธุรกิจสาวผู้มีจิตสังคมสงเคราะห์ เพราะเธอทำงานด้านสวัสดิการช่วยเหลือสร้างที่พักพิงแก่คนชราเหล่านี้แหละ แต่เธอก็มีเบื้องหลังที่น่าสงสัย ระหว่างอุดมการณ์จริงแท้ หรือแค่ต้องการชดเชยความผิดที่ครั้งหนึ่งเธอเคยทอดทิ้งแม่ของตนเอง แม่ที่แก่ชราและช่วยเหลือตัวเองไม่ได้อันมีสาเหตุมาจากโรคร้ายที่ชื่ออันไซเมอร์ บางทีสิ่งที่คนอื่นรับรู้หรือมองเห็น มันอาจมีเหตุผลอะไรมากกว่าความจริงที่มันเป็น มากกว่าที่จะมาเรียกร้องให้ใครเข้าใจได้ ฮาโตริเป็นหนึ่งในคนที่เข็มแข็งพอและไม่ต้องการอธิบายตัวเองกับใคร แม้ผลกรรมนั้นจะตามสนองมาอย่างไวเพราะเธอก็กำลังป่วยด้วยอันไซเมอร์ด้วยเหมือนกัน ปัญหาคือเธอจะทำอย่างไรกับชีวิตที่กำลังจะเริ่มลืมทุกสิ่งทุกอย่าง เธอเป็น Working Woman คนเก่ง เป็น Single Mum ที่เลี้ยงลูกชายตามลำพัง แล้วจะทำอย่างไรกับตัวเองที่กำลังจะกลายเป็นคนไร้ประโยชน์ ถ้าไม่เหลือความทรงจำใดๆ และจำไม่ได้แม้แต่ลูกชายเล็กๆ ที่ยืนอยู่ตรงหน้า ฮาโตริ เป็นตัวละครหลักของซีรีย์เรื่องนี้ บทเด่นพอๆ กับยากูซ่าสาวเมสะ จะว่าเป็นนางเอกอีกคนของเรื่องก็ยังได้ เพราะต่อมาพระเอกก็เริ่มมีความรู้สึกทางใจกับเธอด้วย บทบาทของฮาโตริเหมือนถูกตั้งเป็นคำถาม ตัวละครตัวนี้เห็นแก่ตัวและทำทุกอย่างเพื่อธุรกิจจริงหรือ หรือแท้จริง เธอก็แค่คนธรรมดาคนหนึ่งที่เข้าใจความเป็นจริงของชีวิตและรับมือกับมันอย่างมืออาชีพ ไม่ยอมปล่อยเอาอารมณ์ความรู้สึกมาทำให้อะไรๆ อยู่เหนือการควบคุมฮาโตริ เรียวตะ ลูกชายคนเดียวของแม่ (ฮาโตริ อากิระ) เด็กชายขาดพ่อที่อยู่กันกับแม่แค่สองคน แม่ที่ทำแต่งานและงาน แต่เรียวตะก็เข้าใจแม่ของเขาที่จำเป็นต้องทำงานหนักเพื่อเขาเสมอ เพราะอยากเป็นคนเข้มแข็งคอยปกป้องแม่ เรียวตะที่บังเอิญได้ล่วงรู้ความจริงว่าพวกฮิโกอิจิเป็นยากูซ่า (ปลอมตัวมา) จึงใช้ความลับนี้เป็นข้อต่อรองให้เขาได้เอาตัวเองมาตีซี้กับฮิโกอิจิด้วยการเรียกร้องขอเป็น Shatei (a yaguza term with literally mean younger brother) แม้ไม่ได้รับการยอมรับแต่เรียวตะก็เรียกฮิโกอิจิติดปากว่า "อานิกิ" ด้วยหวังจะได้รับการเสี้ยมสอนให้เป็น Hoodlum ที่แข็งแกร่ง แล้วเพื่อนที่โรงเรียนจะไม่มีใครกล้ามารุมแกล้ง จะได้กลายเป็นคนเข้มแข็งที่ดูแลตัวเองและแม่ของเขาได้ ความสัมพันธ์ของเรียวตะกับฮิโกอิจิไม่ได้ราบรื่นนัก ยากูซ่าจะมาพอใจอะไรกับเด็กน้อยที่คอยมาป้วนเปี้ยนเกาะติดน่ารำคาญ แต่มันก็เป็นความสัมพันธ์ระหว่างเด็กชายตัวน้อยกับยากูซ่าหนุ่มใหญ่ที่ค่อยๆ พัฒนาเป็นความผูกพันทางใจที่มีต่อกันมากขึ้นเรื่อยๆ (แต่อย่าหวังจะเห็นอะไรที่มันออกน่ารัก เพราะเขาคือยากูซ่าที่ไม่ปราถนาแสดงใจดีกับใคร) ตอนที่ฮิโกอิจิตบหัวเรียวตะเป็นฉากที่ทำน้ำตาซึม ตบอย่างแรง (แต่น่าจะเป็นแค่การแสดง เพราะมันต้องเจ็บมากแน่ๆ ถ้าต้องตบจริง) กับเด็กตัวแค่นั้น แทนที่จะช่วย จะปลอบ เขากลับตบเด็กชายอย่างแรง เป็นฉากที่อินอึ้งไปเลย การสะบัดมือตบหัวของฮิโกอิจินี่มันดูเป็นนักเลงจริงๆ คนที่โดนอยู่เรื่อยคือโกโระซัง ที่ก็ไม่ได้ถือสา เพียงแต่ข้า-งง ประมาณว่าลูกพี่ตบผมทำไม พูดไม่สบอารมณ์นิดหน่อยก็ตบหัวกันซะแล้ว (ตลกดี แต่ก็แอบสงสารโกโระ) เคยเห็นคาโต้ในเรื่อง Yamato Nadeshiko Shichi Henge เป็นตัวละครเด่นที่เหมือนถูกผูกติดกันไว้กับพระเอกของเรื่องคือคาเมะ เรื่องนี้ก็เข้าคู่ควบอารมณ์อยู่กับพระเอกยากูซ่าเป็นตัวละครสำคัญอีกเช่นกัน เพราะคาโต้ต้องมีบทบาทอยู่กับทั้งฮิโกอิจิและแม่ของเขาเองที่เป็นตัวละครหลักของเรื่องทั้งสองคน Ninkyo Helper เป็นซีรีย์ที่ชนะผลโหวตประจำปีของนิตยสาร TV life ที่มีทั้งหมด 7 รางวัล กวาดมาได้ 5 รางวัล คือ Best Drama (ในกระทู้เขาเล่าว่า...เฉือนชนะจินหมอทะลุศตวรรษ) Best Actor (Kusanagi Tsuyoshi) Best Supporting Actress (Kuroki Meisa) Best New Comer (Kato Seishiro) และ Best Theme Song (SMAP: Sotto Kyutto) หากเอาความเป็น Best Drama ไปเทียบกับจิน ส่วนตนผู้เขียนคิดว่ามันก็เทียบกันยากเพราะมันคนละสไตล์ แต่ถ้าจะเทียบ ผู้เขียนก็ยกโหวตของตัวเองให้ Ninkyo Helper เหมือนกัน เหตุผลง่ายๆ เพราะผู้เขียนเป็นชนกลุ่มน้อยที่ดู Jin หมอทะลุศตวรรษแล้วไม่ได้สนุกอินชวนติดตามอย่างที่คาดหวังเอาไว้ค่อนข้างมากจากซีรีย์ที่ใครก็ชอบทั้งบ้านทั้งเมือง และก็บอกไม่ถูกนักว่าทำไมถึงได้รู้สึกผิดแผกไปจากคนอื่นๆ ดูค้างไว้ถึงตอนที่ 10 นานแล้ว ยังไม่พร้อมมีใจอยากกลับไปดูให้จบเลย Ninkyo Helper ผู้เขียนก็ไม่ได้ประทับใจอะไรนัก แต่ถ้าว่ากันด้วยเรื่องของการเป็นซีรีย์ที่ดี ก็ถือว่าดีมากและถ้าจะได้รับรางวัลก็สมควร เพราะมีเนื้อหาสาระที่เข้าถึงอารมณ์ มีคนที่ชอบ Jin แต่ก็ชอบ Ninkyo มากกว่า ได้ให้เหตุผลว่าเพราะมันให้ความรู้สึกที่ใกล้ตัวมากกว่าซีรีย์หมอจิน ผู้เขียนก็เห็นคล้อยตามนั้น เรื่องของคนแก่ คนถูกทอดทิ้ง คนแบกรับภาระดูแล ซึ่งบางครั้งมันก็มีความจำเป็นที่ต้องทนตากหน้าเป็นคนอกตัญญู บางทีมันก็เป็นความจริงที่ว่า คนๆ เดียวไม่สามารถแบกรับภาระทุกอย่างได้ทั้งหมด เหมือนที่ลูกๆ ที่ต้องทำงานหาเงิน ต้องเอาพ่อ เอาแม่มาฝากไว้ที่ Taiyo Nursing Home แต่บางทีมันก็ไม่ใช่เหตุผลแต่เป็นแค่คนที่เต็มไปด้วยข้ออ้าง ลูกบางคนอยากจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ทำใจไม่ได้ที่จะเอาแม่มาฝากไว้ที่บ้านพักคนชราซึ่งมันคงไม่ต่างกันนักกับการทอดทิ้ง แต่สุดท้ายก็รับความกดดันในชีวิตไม่ไหวจนนำพาไปสู่การคิดฆ่าแม่ ฆ่าตัวเองให้ตายไปด้วยกัน เรื่องของวัฏจักรชีวิตที่ย่อมมีความเสื่อมถอยทั้งด้านสังขารร่างกาย และสถานะตัวตนที่เคยรุ่งเรืองมีผู้คนแวดล้อมหน้าหลัง แต่ก็ยังมีวันที่ต้องพบกับความตกต่ำไม่เหลือใคร กับแค่เรื่องการใส่ผ้าอ้อม แค่เรื่องผ้าอ้อม มันเป็นเรื่องเป็นราวที่สะท้านใจให้รู้สึกเศร้าได้อย่างมาก คนแก่บางคนต้องตายลงอย่างไร้ญาติขาดมิตร อาจจะมีเจ้าหน้าที่ในบ้านพักคนชราคอยแวดล้อม แต่นั่นก็ไม่ใช่ลูกหลาน สำหรับผู้เขียนแล้วมันดูเป็นเรื่องเศร้าที่สะเทือนความรู้สึก มันเป็นความตายที่เดียวดายจนเกินไป และชวนให้ตั้งคำถามกับตัวเองว่า จะต้องทำอย่างไร ถึงจะไม่ต้องตายอย่างน่าเศร้าแบบนั้นในตอนแก่ ประเด็นของการเลือกผู้นำยากูซ่าที่ดึงดูดความสนใจแต่แรก กลับไม่ใช่ประเด็นสำคัญอีกต่อไป เพราะระหว่างที่เรื่องดำเนินไป ซีรีย์ได้ให้อะไรหลายอย่างจากชีวิตของคนแก่แต่ละคน จากการมีส่วนร่วมของนักแสดงทั้งอาวุโสและไม่อาวุโสที่รับเชิญมาร่วมถ่ายทอดเรื่องราวของคนแก่ในแต่ละตอน สำหรับฝีมือของนักแสดงหลักทั้งสองคน สึโยชิ ได้ชัยกับ Best Actor และเมสะคว้า Best supporting actor จาก TDAA ครั้งที่ 62 มาครอบครองเป็นเกียรติเป็นศรีแก่ซีรีย์เรื่องนี้ คุโรกิ เมสะ ผู้หญิงคนนี้โครงสร้างทางรูปร่างหน้าตาของเธอช่างแจ่มจริงๆ ผู้เขียนไม่ได้ชอบเมสะมาแต่ไหนแต่ไร แต่มันจำเป็นอยู่นั่นเองที่ต้องเห็นเธอ เพราะเธอมักจะได้เล่นซีรีย์ที่น่าสนใจกับพระเอกที่ผู้เขียนชื่นชอบ ความรู้สึกต่อเธอไม่เคยดีขึ้นหรือแย่ลง ก็ยังคงธรรมดาต่อไป แต่ถ้าว่ากันด้วยความสวย ยอมรับอย่างเต็มปากเต็มคำว่าเมสะคนนี้เธอเป็นนางเอกที่สวยจริงๆ ส่วนพระเอก ยังคงยืนยันเจตนารมณ์เดิมว่าไม่มีความปลื้มอะไร แต่ก็ไม่รังเกียจ ถ้าเขาจะแสดงอยู่ในพลอตเรื่องน่าสนใจและถ้ามีหนุ่มๆ รอบข้างเป็นแรงช่วยผลักดันให้น่าดู แต่ถ้าไม่ได้เงื่อนไขเหล่านี้ ก็...นะ.. สึโยชิ ต้องรอไปก่อน ชอบฉากจุดดอกไม้ไฟชมดอกซากุระบานบนแผ่นหลังฉากนี้มากค่ะ บอกความรู้สึกไม่ถูกเลย ต้องเข้าใจว่าพระเอกไม่ใช่คนที่ดีนัก แต่ฉากนี้มันเป็นฉากที่รู้สึกได้เลยว่า เขาก็ไม่ใช่คนเลวจากก้นบึ้งด้วยเหมือนกัน ติดจะมีความอ่อนโยนอยู่ลึกๆ ในหัวใจซะด้วยซ้ำ รอยสัก อันเป็นสัญลักษณ์ของยากูซ่าและต้องคอยปกปิดเป็นความลับ ถือเป็นสิ่งหนึ่งที่ชอบมากในซีรีย์เรื่องนี้ มันมีฉากเท่ๆ เกี่ยวกับรอยสักอยู่หลายฉากไม่ใช่เฉพาะของพระเอก แต่ของคนอื่นๆ ด้วย ทั้งรอยสักของยากูซ่าผู้ชรา หัวหน้ายากูซ่าแก๊งศัตรูที่จับพลัดจับผลูต้องมาอยู่บ้านพักคนชราแห่งนี้เหมือนกัน การเปิดเผยรอยสักของโกโระที่เรียบง่ายแต่ได้ใจในเชิงสื่อความหมาย รอยสักของใครบางคนที่เฉลยความเป็นมา (คันไม้คันมือ อยากพิมพ์เล่าความรู้สึกเกี่ยวกับเรื่องรอยสักมาก แต่ก็ไม่อยากสปอยล์เยอะเกินไป) ยากูซ่าทั้งหก ต้องมาทำงานเป็นเจ้าหน้าที่ Helper คอยดูแลคนแก่ที่บ้านพักคนชรา ต้องไปข้องเกี่ยวกับปัญหาจุกจิกกวนใจ แต่จะทำนิ่งดูดายก็ทำไม่ได้ แถมยังต้องคอยระวังไม่ให้ไปมีเรื่องกับองค์กรยากูซ่าอีกกลุ่มที่เป็นศัตรูกัน (บ้านพักคนชราอยู่ใกล้สำนักยากูซ่าศัตรู) การเป็น Helper มันขัดแย้งกับวิถีของการเป็นยากูซ่าอย่างสิ้นเชิง และสถานะของยากูซ่าเองก็ที่เป็นที่รังเกียจของคนในสังคมด้วย บทสรุปคงไม่ยากจะคาดเดา คือ ใครสักคนต้องได้รับตำแหน่ง Kashira และใครบางคนอาจเปลี่ยนทางตามหัวใจที่เลือกเดิน ในท่ามกลางปัญหาวิกฤตมีความสับสนในบทบาทของตนเองเกิดขึ้นระหว่างการเป็น Helper และการเป็นยากูซ่าที่พวกเขาเรียกตัวเองว่า อันธพาล (Hoodlum) แต่ที่สุดแล้วมันไม่ได้สำคัญที่ว่าพวกเขาเป็นอะไร Helper หรือ Hoodlum มันสำคัญอยู่ที่พวกเขาเลือกจะทำอะไร เลือกจะเป็นใคร ที่พวกเขารู้ย่อมรู้แก่ใจดีว่า ใครคนนั้น ใช่ หรือ ไม่ใช่ ตัวตนของพวกเขาเอง เป็น Helper ใช่ว่าความกรุณาจะช่วยแก้ปัญหาได้ทุกอย่าง แต่เป็น ยากูซ่า ก็ใช่ว่าจะต้องไร้หัวใจ ก็แค่ มันจำเป็นต้องมีทางออก..ที่ดีพอ ขอบคุณ Dramawiki , DramaCrezy.net , ห้องบันเทิงแดนซากุระ (พันทิป
Create Date : 17 มิถุนายน 2555
Last Update : 24 สิงหาคม 2555 7:46:19 น.
Counter : 13684 Pageviews.
Don Quixote / ดอนกิโฆเต้ / อุดมการณ์อัศวินจากชายยากูซ่า
ข้อมูลจาก Dramwiki Title : Don Quixote Episodes: 11 Viewership rating: 10.9% Broadcast : NTV 2011-Jul-09 to 2011-Sep-24 Saturday 21:00 Screenwriter: Oishi Tetsuya, Nemoto Nonji Producer: Yamamoto Yukari, Watanabe Hirohito Director: Nakajima Satoru, Otani Taro Music: Kaneko Takahiro
โชตะคุง あなたがすきです。อะนะตะงะซุคิเดส I love you ฉันรักคุณ ฮ่าฮ่า เป็นปลื้มถึงขั้นต้องบอกรักกันออกสื่อเลยทีเดียวกับผลงานของ มัตสึดะ โชตะ เรื่องนี้ Don Quixote /ดอนกิโฆเต้ ดูเหมือนว่าซีรีย์ญี่ปุ่นทั้งหมดที่ดูผ่านมาครึ่งปี (กี่เรื่องไม่อยากนับ ) ชอบเรื่องนี้ที่สุดเลย เฮฮาสบาย ยิ้มได้เรื่อย หัวเราะก๊ากเป็นระยะ ไม่อัดสาระ ไม่ระดมวาทะแทงใจ ไม่อุดมการณ์จี๋ ไม่จรรยาบรรณจ๋า แต่ว่า...โดน แต่ไม่อัดสาระ ไม่ได้แปลว่าไม่มีนะคะ นี่เป็นซีรีย์เนื้อหาดีเลยทีเดียวล่ะ เพียงแต่ไม่ได้ใส่มาแบบจัดเต็ม ที่บางครั้งก็ให้ความรู้สึกหนักหนา จะยัดเยียดจรรยาบรรณสุดกึ๋นกันไปถึงไหน (แต่ก็ชอบ) ดอนกิโฆเต้ จึงเป็นคอมเมดี้ที่ดูแล้ว feel good ดูแล้วได้หัวเราะผ่อนคลาย (แม้ DramaWiki จะจัดประเภทเป็น Drama ก็ตาม) สงสัยมากมาย ทำไมต้องชื่อเรื่อง Don Quixote มันเกี่ยวอะไรกับ ขุนนางต่ำศักดิ์นักฝัน ดอนกิโฆเต้ อัศวินแห่งลามันซ่า นวนิยายแห่งราชอาณาจักรสเปนที่ได้รับคัดเลือกจากนักเขียนดัง (รางวัลโนเบล) 100 คน จากประเทศต่างๆ 54 ประเทศว่าเป็นนวนิยายที่ดีที่สุดในโลก ได้รับการแปลเป็นภาษาต่างๆ ทั่วโลกกว่า 80 ภาษา กล่าวกันว่าในด้านวรรณคดี ดอนกิโฆเต้นับเป็นนวนิยายเรื่องแรกของโลก มีสถิติการพิมพ์มากที่สุดในโลก(เป็นรองแค่คัมภีร์ไบเบิล) และองค์การยูเนสโกยังระบุว่าเป็นหนังสือที่มีผู้อ่านมากที่สุดในโลกด้วย ดังนั้น บางคนถึงกับว่าดอนกิโฆเต้เป็นความอัปยศแห่งวงการหนังสือไทย เพราะขณะที่ประเทศเพื่อนบ้านของเรามีการแปลกันมานานมากแล้ว ประเทศไทยเราเพิ่งจะมีการแปลให้คนไทยได้อ่านกันเมื่อไม่กี่ปีมานี้เอง (ภาษาสเปน ค.ศ.1605 ภาษาไทย ค.ศ. 2005) เป็นหนังสือที่ไม่กล้าจะถาม เริ่ดขนาดนั้นเทียวรึ ? เนื่องจากนี่เป็นทรัพย์วรรณกรรมอันล้ำค่าของสเปนที่คงจะมีเกียรติยศหลายสิ่งหอย่าง เช่นที่ หนังสือฉบับแปลนี้ รัฐบาลแห่งราชอาณาจักรสเปนก็ได้จัดพิมพ์ขึ้นเป็นพิเศษ เป็นครั้งแรก เนื่องในวาระครบรอบสี่ร้อยปีวรรณกรรมเรื่องดอนกิโฆเต้ จำนวนสองเล่ม - หนึ่งเล่ม เพื่อทูลเกล้าฯ ถวาย พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชฯ สยามินทราธิราช และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถแห่งราชอาณาจักรไทย และอีกหนึ่งเล่ม ทูลเกล้าฯ ถวายเป็นที่ระลึกแด่สมเด็จพระราชาธิบดี ฆวน การ์ลอส ที่ 1 และสมเด็จพระราชินีโซเฟียแห่งราชอาณาจักรสเปนในวโรกาสเสด็จเยืนอ ราชอาณาจักรไทย ( พศ. 2549 / 2005) นั่นคือ ดอนกิโฆเต้ ที่ผู้เขียนเพิ่งรู้ แต่ตอนที่ยังไม่รู้อะไรเลยนะ หนังสือปกนี้ก็ดึงดูดสายตาทันทีตอนที่มันวางอยู่ในร้านหนังสือ ด้วยรูปเล่ม สีสัน ลวดลาย อักขระ และระดับความหนา ที่จัดพิมพ์มาพร้อมกับถ้อยคำโปรโมตหนังสือสุดจี๊ด "....รัฐบาลของอารยประเทศทั้งหลาย ถือเป็นภาระหน้าที่ในอันจะให้คนของตน ได้อ่านวรรณกรรมสำคัญของโลกเรื่องนี้และเรื่องอื่นๆ ขณะผู้คนในบางประเทศ ต้องกระเสือกกระสน ดิ้นรน ขวนขวาย ไขว่คว้า หามา" "ในชั่วชีวิตหนึ่ง หากแม้นสวรรค์ทรงอนุญาตให้อ่านหนังสือได้เพียงเล่มเดียว จงเลือกเล่มนี้เถิด ชีวิตจักไม่ตายเปล่าแน่แท้" เจอถ้อยคำเหล่านี้เข้าไป แม่นางพรายมีหรือจะมองข้ามไปได้ นางเป็นประเภทบ้าความคมแห่งถ้อยคำที่ให้ความรู้สึกยิ่งใหญ่อะไรเทือกนี้อยู่แล้ว แต่ตอนได้ลูบๆ คลำๆ หนังสือปกแข็งที่ดูจะจัดพิมพ์อย่างปราณีตพร้อมด้วยแบบตัวอักษรสวยงามสะอาดตา แลดู "ขลัง" อย่างกับมีมนต์สะกด แต่พอมองราคาแล้วมนต์ก็เริ่มคลาย บังเกิดความยับยั้งชั่งใจขึ้นมานิดนึง ปกติไม่ค่อยจะมีหรอกความยับยั้งที่ว่านี้ แต่ตอนนั้นดันตกอยู่ในภาวะกระเป๋าแห้ง ทำให้ต้องคำนึงถึงหนังสือที่ยังวางเปะปะอยู่ทั่วห้องไม่ว่าจะโต๊ะคอมพิวเตอร์ หัวเตียง โต๊ะหน้าโซฟา หรือแม้กระทั่งบนชั้นตู้หนังสือในกอง หนังสือรออ่าน (นั่นมันเงินทั้งนั้น แต่ถ้าจะเอาไปจำนำก็คงไม่มีใครรับ) ก็เลยตัดใจวางดอนกิโฆเต้ไว้ก่อน หลังจากดูซีรีย์เรื่องนี้ จึงได้นึกถึง และเพิ่งจะรู้ถึงชื่อเสียงระบือนามในฐานะตำนานวรรณกรรมระดับโลกดังที่กล่าวมา ถามหาที่ร้านนายอินทร์สาขาค่อนข้างใหญ่ก็ไม่มีที่ร้านแล้ว ต้องสั่งสื่อทางเน็ตไปยังสำนักพิมพ์ และบัดนี้ได้มีอยู่ในครอบครองกับเขาเหมือนกัน แล้วที่ร่ายมาซะยาวเนี่ย มันเกี่ยวอะไรกับซีรีย์ญี่ปุ่น Don Quixote ? เอ่อ.. นางก็มิทราบตัวเองเหมือนกันค่ะ ถึงได้สงสัยนักหนาไงคะ ^^ เป็นซีรีย์ที่ไม่มีเนื้อหาอะไรมาก ก็แค่เรื่องของข้าราชการหนุ่ม-สำนักงานคุ้มครองสวัสดิภาพเด็กและเยาวชน "Keihin Child Counseling Center กับ ยากูซ่าแก่-หัวหน้ากลุ่มซาบาชิมะ อยู่มาวันหนึ่ง.... โดยไม่รู้ต้นสายปลายเหตุแห่งปาฏิหารย์ ข้าราชการหนุ่ม กับยากูซ่าแก่ ดันเกิดวิญญาณสลับร่างกัน นั่นจึงเป็นจุดเริ่มต้นเรื่องราวความสนุกของดอนกิโฆเต้ ชิโรตะ มาซาทากะ ข้าราชการหนุ่ม วัย 24 ปี ที่เพิ่งโอนย้ายมาทำงานกับสำนักงานคุ้มครองสวัสดิการเด็กไม่นาน ยังเป็นมือใหม่หัวใจเกินร้อยแต่ประสบการณ์น้อยนิดทำให้ประสิทธิผลของงานยังไม่เกิด โดนเด็กๆ หมาง โดนบุพการีเมิน ไล่ตะเพิดแบบไม่เห็นแก่หน้าแหยๆ ที่แอบหล่ออยู่ภายใต้กรอบแว่นหนาเตอะ แต่ด้วยเป็นชายหนุ่มผู้มีจิตใจอ่อนโยน รักเด็ก (แต่เด็กท่าทางจะไม่รักตอบง่ายๆ) เขาจึงมีใจรักในงานนี้และหวังจะทำงานได้อย่างเจ้าหน้าที่มืออาชีพ คือ สามารถจะรับผิดชอบดูแลเด็กแต่ละเคสได้ด้วยตนเอง เพราะช่วงเริ่มต้นของมือใหม่ชิโรตะยังคงทำงานอยู่ภายใต้กรอบการดูแลของบรรดาข้าราชการระดับซีเนียร์ทั้งหลายในสำนักงานซาบาชิมะ ฮิโตชิ หัวหน้ายากูซ่ากลุ่มซาบาชิมะ ที่กำลังอยู่ในวาระรอยต่อของการช่วงชิงตำแหน่ง President คนต่อไปขององค์กรยากูซ่าใหญ่ และหัวหน้ากลุ่มที่มีคุณสมบัติถึงขั้นพอจะลงช่วงชิงตำแหน่งก็มีอยู่เพียงสองคน คือ ซาบาชิมะเอง และหัวหน้ากลุ่มเอจิซาว่า นี่คือช่วงเวลาการเตรียมตัวเข้าประชันผลงานแข่งขันบารมีเพือชี้ชะตาผู้รับช่วงตำแหน่งท่านประธานใหญ่ ผู้จะมีอำนาจและอิทธิพลสูงสุดขององค์กร แต่ ... ยากูซ่าท่าจะโหด ดันสลับร่างกับสุภาพบุรุษสุดเนิร์ด ที่ท่าจะเห่ย แหย ป้อแป้ซะแทบไม่เหลือเค้าแมน จะด้วยพรพหรมอลหม่านหรือคำสาปแช่งอลเวงนี้ ภารกิจในหน้าที่การงานแห่งชีวิตของทั้งคู่ก็ตกอยู่ในภาวะเสี่ยงจะถึงฆาตซะแล้ว เมื่อหนุ่มเนิร์ดสุดเนี้ยบชิโรตะ ต้องกลายมาเป็นยากูซ่าเข้าท้าชิงตำแหน่งบิ๊กบอสของวงการ แถมยังได้หุ่น เอ่อ .. หัวก็ล้าน สูงก็น้อย ถึงจะรวยและมีภรรยาสวยก็แตะต้องไม่ได้ เพราะโดนคุณสามียากูซ่าในร่างตนหมายหัวเอาไว้ ผู้หญิงข้าใครอย่าแตะ ถ้าเอ็งบังอาจแตะต้องเมียข้า .... นั่นไงล่ะ ใครจะกล้าหาเรื่องตายในร่างเตี้ย (ความจริงลุงก็สูงตั้ง 177 cm.แต่ที่ดูสูงน้อยอาจจะเพราะมีหัวสกรีนเฮดล่ะมั้ง) และเมื่อยากูซ่าแก่สุดซ่า ต้องมาทำงานในองค์กรสวัสดิการช่วยเหลือเด็ก ถึงจะได้ร่างสูง หน้าหล่อ และมีผมหนาดกดำอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนก็เหอะ ท่าทางจะไม่คุ้มกับการต้องหงุดหงิดเพราะเรื่องของเด็กๆ นั้น เป็นอะไรที่จุกจิกน่ารำคาญ ชะเอิงเอย เรื่องก็เป็นเช่นนี้แล สองคนที่ต้องสลับร่าง เปลี่ยนสถานะตัวตนแบบกะทันหันและฉันไม่ต้องการ มันต้องวุ่นวายอลวนเป็นธรรมดา ตามธรรมดาของปาฏิหารย์(ไม่รัก)สลับร่าง ที่สองคนจะได้เรียนรู้ซึ่งกันและกันในสิ่งขาด เพื่อแต่งเติมตัวเองให้เต็มบาทเต็มคนเหตุผลนานา ที่ทำให้ชอบซีรีย์เรื่องนี้ มว๊ากกก มัตสึดะ โชตะ รับบทยากูซ่าหน้าเข้มเหมือนพยายามจะโหด แต่นอกจากจะไม่โหดแล้วยังฮา คาแร็คเตอร์ยากูซ่าไม่ยากจะเดา ก็คล้ายๆ กับยากูซ่าในซีรีย์คอมเมดี้ทั่วๆ ไป เก๊กหน้าทำตาดุ มือล้วงกระเป๋ากางเกงต๊ะท่าจุ๊ย แบะขาเดินกร่าง ส่งเสียงโฮกฮากจากลำคอลักษณะจะทำการขู่กรรโชกตลอดเวลา ประมาณนั้น บอกไม่ได้หรอกว่าโชตะเล่นดี เพราะใครที่บุคลิกออกทางนี้คือตัวสูงหน่อยขายาวนิดหน้าไม่หล่อเนี๊ยบนักก็พอจะเล่นได้ แต่จะน่ารักน่าหมั่นไส้เหมือนที่โชตะเล่นหรือเปล่าไม่กล้าการันตี แต่โดยความชอบส่วนตนคนนี้ โชตะเล่นแล้วโดน แม้ว่าจะเปลี่ยนไปจากบทอาคิยามะซังผู้ฉลาดลึกเฉลียวล้ำไปมากจากเรื่อง Liar Game แต่ในหลายๆ เพลากับบทบาทนี้ ก็ยังคงมีเงาคาแรคเตอร์ของอาคิยามะซังปรากฏอยู่นั่นเอง (ตอนทำหน้าตาครุ่นคิด หรืออารมณ์ภาวะเคร่งเครียด) แต่โชตะแบบนี้แหละที่ ช้อบ ชอบ โดยความขัดแย้งของตัวละครและบทบาท หนุ่มเนิร์ดต้องเป็นยากูซ่า และยากูซ่าต้องมาคลุกคลีกับเด็กๆ เมื่อตัวละครต้องทำในสิ่งที่มันสุดแสนจะขัดแย้งกับตัวเอง ความเฮฮาจึงบังเกิด ซีรีย์เรื่องนี้เต็มไปด้วยเด็กมีปัญหา และที่ไม่ควรจะมีปัญหาพ่อแม่ก็ก่อปัญหาให้ เด็กเป็นทรัพยากรที่มีค่า น่ารักน่าถนอม ดังนั้นไม่ว่าเด็กโผล่ที่ไหน จะทำให้ซีรีย์น่าดูเสมอ ไม่ว่าจะแนวดราม่าเครียดๆ , รักใสๆ ในบทบาทส่งเสริมพระเอกนางเอก หรือซีรีย์เบาๆ ไม่ดาร์ก ไม่ดราม่า ไม่รักโรแมนติก (อย่างซีรีย์เรื่องนี้) เด็กๆ ก็มักจะช่วยทำให้อะไรๆ น่าดูชม เพราะระหว่างผู้ใหญ่กับเด็ก ย่อมมีระยะห่างระหว่างวัย (ยิ่งเป็นผู้ใหญ่ยากูซ่าระยะห่างจะยิ่งไกลขึ้นอีกโข) ดังนั้นเมื่อสองวัยได้ใกล้ชิด โดยผู้ใหญ่มีหน้าที่โอบอุ้มดูแลเด็ก จึงมักเกิดเป็นภาพน่ารักที่ทำให้รู้สึกดี เมื่อชายหนุ่มหน้าเคร่งเสียงใหญ่ห้าวอย่างโชตะ ต้องมาคลุกคลีกับเด็กชายเด็กหญิงตัวน้อย และเด็กหนุ่มเด็กสาววัยเยาวชนในสถานการณ์ยุ่งเหยิง ด้วยสีหน้าขมวดมุ่น..กับหน้าตายุ่งยากใจของเขา ฮ่าฮ่า ฮาและน่าเอ็นดู๊! การปรากฏตัวรับเชิญของหนูโอฮาชิ โนโซมิ นางเอกตัวน้อยจาก Shiroi Haru (ฤดูใบไม้ผลีสีขาว) ทำให้ป้าคนนี้รู้สึกปลื้มใจมาก คะแนนความชอบที่เรื่องนี้ได้ดีมีหน้าโดยหนุ่มโชตะอยู่แล้วยิ่งพลอยพุ่งพรวด เพราะหนูโนโซมิเธอมากับความน่ารักจริงๆ ซีรีย์ดำเนินเรื่องด้วยการเดินหน้าแก้ปัญหาเพื่อช่วยเหลือเด็กและเยาวชนแต่ละเคส ตัวละครหลักคือยากูซ่าซาบาชิมะในร่างของชิโระตะซัง เป็นตัวละครที่ทำให้เรื่องราวมีความเบาสมอง ลดทอนเค้าโครงความเป็นซีรีย์อุดมการณ์ช่วยเหลือเด็กเพื่อผดุงจรรยาบรรณของสถานบันผู้พิทักษ์เด็กแห่งนี้ลง เพราะนี่ไม่ใช่ความฝันใฝ่ ไม่ได้เต็มใจอยากทำ แต่จำเป็นต้องทำอย่างจำใจ ทว่าดันได้ผลโดยบังเอิญ "ผล" ที่ทำให้ต้องยิ้มกว้างด้วยความชอบใจ หรือไม่ก็หัวเราะ ฮ่าฮ่าฮ่า ในกรณีที่ถูกใจอย่างยิ่ง เรื่องของเด็ก ข้าไม่สน ข้าไม่เกี่ยว อย่าเอาข้าไปเอี่ยวด้วย แต่ว่าปัญหามันจุกจิกกวนใจ ไหนจะปัญหาพ่อแม่ ปัญหาลูกเต้า อะไรนักหนากันวุ้ย! น่ารำคาญ! พวกอาเฮียอาเจ๊ในสำนักงานนี่อีก จู้จี้จ้ำไชกันเหลือเกิน แต่นั่นยังไม่ชวนหัวเสียเท่าไอ้หนุ่มเนิร์ดที่อาศัยร่างเขาอยู่ ถึงเขาจะเตี้ย หัวล้าน แต่ก็ไม่เคยรู้สึกน่าอนาถเท่ากับการต้องทนมองกริยาอาการของตัวเองในขณะที่ไอ้หนุ่มนั่นครองร่างอยู่ ช่วยเหอะ ช่วยอย่าทำให้หน้าของฉันเป็นอย่างนั้นจะได้ไหม ขอร้อง ...แล้วไอ้หนุ่ม(ในร่างตน) นี่ก็เป็นอีกคนที่ตามเกาะติดไม่ปล่อยกับเรื่องที่ต้องคอยช่วยเหลือดูแล คอยตามแก้ปัญหาเด็กๆ ถูกแวดล้อมด้วยสภาพการณ์และสภาพคนอย่างนี้ มันน่ารำคาญใจจริง ก็เลยต้องทำงานในหน้าที่ช่วยเหลือเด็กแบบส่งๆ ไป ทำ..ก็เหมือนไม่ได้ทำ แต่ว่าดันได้ผลแบบไม่ตั้งใจ ทุกรายไป (ฮ่าฮ่า สุดจะบังเอิญว่าได้ผล) ก็ใช่แต่ยากูซ่าจะลำบากหรอกนะ ชิโรตะตัวจริงในร่างยากูซ่าก็ลำเค็ญมิใช่น้อย ไหนจะคุณเมียที่คลั่งไคล้การเต้นซัลซ่า (salsa) นางผู้ยากแท้จะหยั่งถึงใจในความน่ารัก น่าเกรงใจ และน่าเกรงขาม ขาม ขาม ไหนจะมีลูกน้องทั้งสามที่พาเวิ่นเว้ออยู่กับการรักษาอิทธิพลยากูซ่าสาขาตน และสุดจะภักดี สุดโต่ง (เกิ๊น) กับเดอะมิสชั่น Pretect the boss! เพราะต่างต้องดำเนินชีวิตในแบบที่ไม่ใช่ตัวเอ๊งตัวเอง สองคนจึงแยกจากกันไม่ออก ต้องพัวพันกันอย่างใกล้ชิดเพื่อพิชิตภารกิจของกันและกันบนหนทางของคนสลับร่างที่ลุ่มๆ ดอนๆ และก่อให้เกิดความเข้าใจผิดกับใครๆหลายอย่าง ..อย่างฮาๆ เติมสาระความสนุกด้วยตัวประกอบที่กลมกลืนเพราะความกลมเกลียว ไม่ว่าจะฟากยากูซ่าหรือว่าฝั่งสถาบันพิทักษ์เด็ก โดยชื่อ Keihin Child Counseling Center เหมือนจะเป็นองค์กรให้ความปรึกษาอะไรทำนองนั้น แต่ดูจากภารกิจที่ทำกันอยู่ในเรื่องไม่ว่าจะรับแจ้งเหตุอันตรายที่เกิดขึ้นกับเด็ก หรือเรื่องร้องเรียนพ่อแม่ที่อาจทำให้เด็กตกอยู่ในภาวะปัญหา การให้คำปรึกษาแก่พ่อแม่ หรือครูที่โรงเรียน การนำตัวเด็กที่ถูกทุบตีหรือเหตุทำร้ายอื่นใดมาไว้ที่ศูนย์แห่งนี้และให้การพักพิงชั่วคราว การรับฝากเด็กต้องคดีเพื่อดูแลให้การคุ้มครองสิทธิ หรือแม้แต่การพิจารณายื่นฟ้องร้องเพื่อตัดสิทธิ์การเป็นผู้ปกครองของพ่อแม่ กรณีที่หากปล่อยให้มีสิทธิ์เป็นผู้ปกครองโดยชอบธรรมต่อไปเด็กอาจมีอันตรายถึงขั้นเสียชีวิต ดังนั้น จึงขอเรียกหน่วยงานนี้สั้นๆ ง่ายๆ ในการเขียนว่า ศูนย์พิทักษ์เด็ก ก็แล้วกันนะ ชอบเธอจริงๆ หัวหน้าศูนย์ มิซึโมริ มิเนโกะ , มิเนโกะจังเธอดูหน้าตาเป็นข้าราชการทำงานสามัญมาก ดูเหมือนไม่ใช่ดาราแต่เป็นเจ้าหน้าที่ตัวจริง รู้สึกอย่างนั้น เธอมักจะแต่งตัวในลุคส์สบายๆ ด้วยเสื้อผ้าสีสันสดใส ค่อนข้างดูเข้ากับลักษณะนิสัยคนใจดีใจใสของเธอเอง (เธอมีเค้าหน้าคล้ายผู้ใหญ่คนนึงที่รู้จัก และแน่นอนว่าเป็นคนธัมมะธัมโม เข้าใกล้แล้วรู้สึกร่มเย็น) มิเนโกะเป็นหัวหน้าที่ดีมาก ที่สำคัญพฤติกรรมของตัวละครตัวนี้มีข้อเตือนใจหลายอย่าง โดยเฉพาะเรื่องของปมในใจเกี่ยวกับสิ่งที่เคยได้ตัดสินใจทำลงไปต่อหน้าที่ของเธอในอดีต แต่กับผลของมัน ณ ปัจจุบัน เธอไม่แน่ใจว่าที่เคยทำลงไปเพื่อช่วยเหลือเด็กมันดีที่สุดแล้วหรือเปล่า เมื่อต้องเผชิญกับปัญหาลักษณะเดียวกันอีกครั้งย่อมต้องหวั่นไหวในผลทีจะเกิดตามมาอีกหนกับเด็กอีกคน แต่ว่างานก็ยังเป็นงานที่หลีกเลี่ยงไม่ได้และต้องตัดสินทำมัน แม้ซีรีย์ดูจะไม่ได้พยายามจัดหนักอุดมการณ์อย่างที่บอก แต่ก็ไม่เบากับประเด็นเด็ดๆ ที่ไม่ได้เน้นแต่ก็แสดงให้เห็นถึงคุณค่าของงานเหล่านี้ การถูกข่มขู่จากผู้ปกครอง การถูกแทรกแทรงจากเจ้าหน้าที่ระดับสูง ที่สำคัญคือความยากในการตัดสินใจ เพราะการจัดการกับชีวิตของเด็กคนหนึ่งๆ นั้น มันไม่ใช่เรื่องง่าย ไม่ใช่แค่ดูแล แก้ปัญหา ปิดเคสแล้วจบกัน เพราะการตัดสินใจแต่ละครั้งจะหมายถึงผลพวงยืนยาวในอนาคตของเด็กที่ไม่อาจมีใครรู้ได้ว่าจะดีหรือร้าย จะสุขหรือจะทุกข์ แต่ก็ต้องตัดสินใจ ยกตัวอย่างเช่น การตัดสินใจเลือกพ่อแม่บุญธรรมที่จะรับเด็กไปเลี้ยงดู ส่วนเธอคนนี้ ช้อบชอบ อายูมิ ผู้ครองสถานะ คุณนายยากูซ่า บรรดาลูกสมุนต่างเคารพยำเกรงและเรียกขานเธออย่างน่ารัก นี่ซัง เธอสวมใส่แต่เฉพาะชุดยูกาตะ เธอสวย เธอโนเนะน่ารัก เธอยิ้มแย้มอ่อนหวาน เธอแสนใจดี เธอช่างเอาใจ แต่ว่าเธอก็มีความ..ฮึกเหิมที่ดุดัน (ฮ่าฮ่า) เธอหลงใหลการเต้นซัลซ่าที่คงเป็นกิจวัตรเกือบประจำวันเพราะจะเห็นเต้นกันอยู่ในทุกตอน อันที่จริงก็ใช่แต่เธอเท่านั้น สามียากูซ่าของเธอก็เป็นนักเต้นผู้จัดเจนเวทีด้วยเช่นกัน ส่วนสมุนสามทหารเสือจะทำหน้าที่เป็นเจ้าคณะให้จังหวะดนตรี มันจึงเป็นความสุดกล้ำกลืนของชิโรตะในร่างซาบาชิมะ ที่จำต้องโยกแขนขา สะบัดตัวพลิ้วตามจังหวะซัลซ่าให้เข้าขากันคล่องกับภรรยาอายูมิผู้เป็นนักเต้นเท้าไฟ ... เฮ้อ แต่กับเขาคนนี้ ชอบมว๊ากก! เฮียวโด มือขวาคนสนิทของซาบาชิมะ ผู้เป็น อานิกิ(พี่ใหญ่)ของลูกน้องอีกสองคน ยาสุ และ เคน ไม่ว่าลุงจะโผล่หน้ามาที่ไหนเมื่อไหร่ ทั้งจังหวะโผล่หน้าตา จังหวะดนตรีประกอบ ส่วนใหญ่จะหัวเราะเพราะลุงนี่แหละ เพราะแกมากับความเคร่งเครียดตึงเปรียะ! แต่ว่ามันฮา ถึงขาดโรมานซ์ด้านรักหนุ่มสาว (ถ้าไม่นับรักสุดฮิพของบอสยากูซ่ากับคุณนายอายูมิ) แต่ว่ายังมีความสวยของสาวรุ่นวัย 17 คนนี้ เป็นเครื่องปลอบใจ (ตอนแสดงเรื่องนี้เธอายุ 19) แรกๆ ไม่ชอบเลยเด็กสาวคนนี้ ได้แต่รำพึงกับตัวเองสามคำเบาๆ โห...นิสัย! ซาจิโกะ เป็นเด็กที่ได้รับความช่วยเหลือจากศูนย์แห่งนี้มาตั้งแต่อายุห้าขวบ โดยมีมิเนโกะ (หัวหน้าศูนย์) เป็นคนดูแลเคสของเธอ แต่เธอกลายเป็นเคสตกค้าง ตามที่ซาจิโกะเป็นเด็กถูกทิ้งไว้ที่ศูนย์มานานกว่า 12 ปี และเธอกำลังย่างเข้าสู่วัยสิบแปด และตามกฏเกณฑ์การพ้นวัยเด็ก เธอจะไม่สามารถพักพิงอยู่ที่ศูนย์อีกต่อไปได้ การไม่ชอบพฤติกรรมของเธอ (เด็กอะไร้ !) จะค่อยๆ เปลี่ยนแปลงเป็นความสงสารเมื่อเรื่องราวชีวิตถูกทิ้งของเธอค่อยๆ เปิดเผย จากความรู้สึกนึกคิด ยัยเด็กนี่! เริ่มกลายเป็น ..โถ ซาจิโกะจัง แถมยังเสียน้ำตาให้ซาจิโกะ ทั้งที่เธอไม่ได้อยู่ร่วมในฉากนั้น แต่มันรู้เห็นแล้วรู้สึกเศร้าแทนก่อนตัวละครซาจิโกะจะทันได้รับรู้ตามหลังมาซะอีก ความสัมพันธ์ของซาจิโกะเด็กกำพร้ากับมิเนโกะผู้ดูแล เป็นความสัมพันธ์แบบเด็กอาภัพที่ระบายความขมขื่นด้วยการทำตัวเป็นเด็กขวางโลก หัวก็มีความคิด สายตาจากความรู้สึกในใจก็มีแอบสำนึกต่อความกรุณาของมิเนโกะที่คอยตามล้างตามเช็ดกับปัญหาที่ก่อ แต่ว่า ...ก็จะดึงดันก่อปัญหาอยู่ต่อไป แล้วมิเนโกะก็ช่างเป็นคนที่มีน้ำอดน้ำทนอะไรขนาดนั้น เป็นผู้เขียนล่ะก็มีเฉดหัวส่ง (หุหุ มีนิสัยชอบเอามุมมืดของใจมาระบายใส่บล็อกค่ะ) เหตุผลของมิเนโกะในความอดทนใจเย็น อาจจะเป็นเพราะตัวตนของเธอเอง หรือส่วนหนึ่งเป็นเพราะสิ่งที่เธอได้เคยตัดสินใจ ส่วนซาจิโกะก็รู้แน่อยู่แก่ใจใครที่คอยใส่ใจดูแลมาตลอด 12 ปี แต่ความเคืองขุ่นนั้นก็ตกตะกอนอยู่มากพอจะกระเตื้องตนให้ระบายออกมาเป็นการกระทำต่อต้านทุกกรณี แต่ลึกลงไปมันก็คือ ความผูกพัน ที่พาอินอยู่พอสมควรกับสองนางต่างวัยคู่นี้ ซาจิโกะจังเด็กสาวที่ซาบาชิมะตำหนิว่า Complaining everything all the time พร่ำบ่นติติงทุกสิ่งไปทั่ว แต่ก็เพราะชิโรตะ เจ้าหน้าที่เห่ยๆ ที่เปลี่ยนแปลงตัวตนอย่างกระทันหันไปเป็นห่ามๆ แต่ก็ยังคงเห่ยไม่ต่างกัน เด็กนิสัยเสียอย่างซาจิโกะ กลับค่อยๆ เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีและเติบโตขึ้นเพื่อเตรียมพร้อมรับวัย 18 ที่เธอจะต้องออกจากศูนย์ ชอบมากเลย ตอนสาวหน้างอ แอบเผยรอยยิ้มออกมาให้เห็นเป็นครั้งแรก ชอบความสัมพันธ์ของเพื่อนร่วมงานในศูนย์พิทักษ์เด็ก ดูเหมือนเป็นสำนักงานจริงๆ เป็นเจ้าหน้าที่ทำงานจริงๆ เมาท์มอยกัน มีเรื่องบ่นเรื่องว่า เรื่องปรึกษาหารือกัน นี่อาจจะเป็นฉากบรรยากาศธรรมดาที่เราจะเห็นได้ในซีรีย์ญี่ปุ่น แต่ที่ชอบเรื่องนี้เป็นพิเศษเพราะที่ห้องทำงานนั้นมันให้ความรู้สึกถึงการเป็นสังคมเพื่อนร่วมงานที่ทำงานด้วยกันอย่างถ้อยทีถ้อยอาศัย และมีความเป็นกันเอง (ชอบฉากการประชุมหารือทุกครั้งเลย) ส่วนที่บ้านของครอบครัวยากูซ่าอาจจะต่างกันออกไปเพราะนี่ไม่ใช่ความเนียนแต่เป็นความเว่อร์เพื่อสร้างความตลกให้พอหอมปากหอมคอ ขณะที่ศูนย์พิทักษ์เด็กดูเป็นสังคมเพื่อนร่วมงานดูเนียนเหมือนจริง ที่ครอบครัวยากูซ่าอันประกอบด้วยสมาชิกคือ บอส คุณนายบอส (นี่ซัง) มือขวาหน้าตาเคร่งขรึม (แต่ชวนหัวเราะ) สองสมุนที่ดูอย่างไรก็กิ๊กก๊อก จะดูเป็นสังคมประดิษ์ที่สร้างการอยู่รวมกันเป็นครอบครัวยากูซ่าเล็กๆ ที่เรียกรอยยิ้มได้ และที่เจ๋งสุดๆ ก็ต้องธรรมเนียมการเต้นซัลซ่าของครอบครัวนี่แหละ ไม่เคยเบื่อเลย ทำให้ฉีกยิ้มได้ทุกทีไปสิน่า เมื่อเจ้าหน้าที่พิทักษ์เด็กกลายเป็นบอสยากูซ่า และบอสยากูซ่าไปเป็นผู้พิทักษ์เด็ก ใช่แต่สองคนต้องผูกติดเพื่อดำเนินชีวิตของกันและกันอย่างวุ่นวายเท่านั้น สมาชิกครอบครัวยากูซ่า กับเจ้าหน้าที่ศูนย์พิทักษ์เด็กก็ต้องมีเรื่องราวข้องเกี่ยวกันในบางกรณีด้วยเหมือนกัน ep.9-10 ว่าฮาแล้ว แต่ ep.11 ฮาได้ใจสุด เสียงหัวเราะที่ออกมาดังที่สุดก็อยู่ ep.11 นี่แหละมั้ง เพลงธีมของซีรีย์สุดได้ใจ ซึ่งต้องใช้เวลาหากันอยู่นานกว่าจะหาเจอ เดี๋ยวเขียนบล็อกเสร็จจะโหลดมาเป็นริงโทนโทรศัพท์มือถือ เพลงเดียวนี้เลือกตัดทอนจังหวะมาประกอบได้เข้ากันกับซีรีย์ได้หลายแบบ มีทำต่างจังหวะช้าเร็วต่างเครื่องดนตรี เอามาแปะไว้เพลงแรกในจังหวะที่ชอบสุดค่ะ ขึ้นดนตรีมาเป็นได้ฮาแน่ เสียงดนตรีประกอบอื่นอย่างเช่นการปรากฏตัวของลุงยูทากะ ยากูซ่ามือขวาของบอส ก็ทำได้ขำเอาเรื่อง อีกทั้งเพลงประกอบละครฺชื่อเพลง Beautiful days ของ SPYAIR ก็ฟังติดหูดี ดาวน์โหลดมาเรียบร้อยแล้วเช่นกัน หมดหรือยังนะความดีความชอบ นึกไม่ออกละ เอาเป็นว่าชอบเรื่องนี้ สนุกเฮฮาดี แถมยังมีสาระคละเคล้า ระดับลูกบ้าก็เบาๆ ไม่หนักหนาเหมือน Unubore Deka และน่าจะเบากว่า Samurai Highscool ด้วย คิดว่านะ ถ้าจะมีที่คิดว่าไม่โดนอยู่บ้างก็เห็นจะเป็นเรื่องบทบาทของตัวละครที่เปิดเรื่องมาแป๊บๆ ก็สลับร่าง และก็อยู่อย่างนั้นไปจนจะจบเรื่อง นั่นหมายความว่าโชตะจะอยู่ในบทยากูซ่าโฮกฮากไปตลอด (แม้จะเป็นบทที่ชอบ) บทของชิโรตะในร่างซาบาชิมะนั้นก็ดูจะตุ้งติ้งไปนิ๊ดเกินบุคลิกของหนุ่มเนิร์ดสุดเนี้ยบ นั่งหนีบเข่ากุมมือสนทนาเรียบร้อย นั่งเหนียมรีดผ้าให้เรียบสุดนิ้ง (หุหุ ภาพโชตะนั่งรีดผ้าดูน่ารักเชียว ) หรือแม้แต่การทำหน้าตาวิธีพูดจาก็หน่อมแน้มจัง แต่ก็บอกไม่ได้อยู่ดีว่าขัดกับที่โชตะแสดงเองรึเปล่า เพราะโชตะยังไม่ทันเล่นเป็นตัวเอง (ชิโรตะ) ให้เห็นชินตา ก็เปลี่ยนไปสวมวิญญาณยากูซ่าซะแล้ว บางทีนี่อาจเป็นปัญหาของพลอตสลับร่างล่ะมัง ดูอย่างซีรีย์เกาหลีเรื่อง Secret Garden พระเอกสลับร่างกับนางเอกก็ดูหน่อมแน้มเกินความเป็นตัวนางเอกที่ค่อนข้างจะเป็นสาวห้าว แต่ว่าเถอะนะ ถ้าซีรีย์เรื่องนี้มีการสลับร่างแบบเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาหลายครั้งในจังหวะสถานการ์คับขันบ้าง ก็คงจะได้อรรถรสเพิ่มขึ้นกว่านี้อีกสักหน่อย กลับมาว่ากันด้วยเรื่องของชื่อเรื่อง เข้าใจว่าตัวละครซาจิโกะคือความเกี่ยวข้องกับการตั้งชื่อเรื่อง Don Quixote เด็กหญิงซาจิโกะในวัยละอ่อนที่ประทับใจกับเรื่องราวของอัศวินดอนกิโฆเต้ (ตรงไหน ไม่รู้) และด้วยความคิดที่ว่าถ้าโลกนี้มีอัศวินแบบดอนกิโฆเต้คอยช่วยเหลือเด็กๆ อยู่ ก็คงจะดีไม่น้อย เพราะผู้เขียนยังไม่เคยอ่านหนังสือจึงไม่รู้ว่า อุดมการณ์อัศวินของชายแก่เสียจริตผู้นั้น ไปสั่นคลอนจิตใจของผู้อ่านทั่วหล้าให้ได้รับยกย่องชื่นชมจนกลายเป็นวรรณกรรมระดับโลกและมีอายุยืนยาวมาแล้วกว่าสี่ร้อยปีได้อย่างไร (ซึ่งโดยเนื้อเรื่องย่อๆ ในเน็ตนั้น ดอนกิโฆเต้ไม่น่าจะกลายเป็นวรรณกรรมระดับโลกได้เลย แต่ก็เป็นไปแล้ว จึงเป็นแรงดึงดูดให้เกิดความสนใจใคร่รู้อย่างยิ่ง) อัศวินดอนกิโฆเต้นั้นเจ๋งเป้งอย่างไรไม่รู้ รู้แต่ว่าตอนยากูซ่าในร่างโชตะได้รับรู้เรื่องราวของดอนกิโฆเต้ เขาเอ่ยคำว่าDon-san is a cool dude ไม่แน่ใจว่าควรแปลคำว่า dude อย่างไร แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังขำกิ๊กกับคำแทนตัวอย่างสุภาพ ดอนซัง ขอแสดงความปลื้มอีกที (ทั้งที่ก่อนหน้า ตอนซีรีย์ออกมาใหม่ๆ เคยคิดว่าพล็อตไม่น่าสนใจ ) นี่เป็นซีรีย์ที่ผู้เขียนดูแล้วiรู้สึกสนุกกับมัน เพราะทั้งเนื้อเรื่องทั้งนักแสดงมีทั้งความน่ารักน่าขำ กับคาแร็คเตอร์ขัดแย้งใจในร่างสลับวิญญาณของคนสองคน เรื่องราวคนละด้านของสององค์กร (สำนักยากูซ่ากับศูนย์พิทักษ์คุ้มครองเด็ก) โดยที่ตัวละครโดดเด่นจะเป็นบทยากูซ่าของโชตะ มากว่าบทเจ้าหน้าที่พิทักษ์เด็กของลุงคัตสึมิ (ส่วนตัวคิดว่าออร่านักแสดงนำของลุงน้อยไปนิดสำหรับการรับบทบาทตัวละครสำคัญ) เช่นเดียวกับเนื้อเรื่องก็มีน้ำหนักอยู่ทางฟากฝั่งของการช่วยเหลือดูแลเด็กมากกว่าเรื่องขององค์กรยากูซ่า(บ้าบอ)ด้วย"I really hate you, man" "ฉันล่ะเกลียดนายจริงๆ เลย ไอ้หนุ่ม" ซาบาชิมะซัง (โชตะ) ก็สมควรจะอัดอั้นตันใจหรอกนะ เพราะมันหาได้ยากเย็นที่ชิโรตะในร่างยากูซ่าจะถูกใจกับพฤติกรรมแต่ละสิ่งอย่างที่ชิโรตะ (ลุงคัตสึมิ)ได้กระทำผ่านร่างตนเอง .. หน่อมแน้มอ่ะ รับไม่ได้ อย่ามานั่งรีดผ้า อย่ามาลูบคลำกิ้งก่า (สัตว์เลี้ยงแสนรักของชิโรตะเค้า) อย่ามาทำนิสัย crying out loud เห็นแล้วมันอุจาดตา"We have to switch back soon, or else it will not be enough no matter how much money I got" เราต้องรีบกลับคืนร่างกันให้เร็วที่สุด ไม่งั้น ไม่ว่าฉันจะมีเงินอยู่มากแค่ไหนมันก็ไม่พอ(ให้นายถลุง)หรอก ยากูซ่านั้นหาเงินร่ำรวยตามวิถี(แบบไหนไม่รู้) แต่มันจะอาจจะหมดไปเร็วๆ นี้ก็ได้ ถ้าชิโระตะ (ในร่างซาบาชิมะ) ได้ใช้มันไปช่วยเหลือคนอื่นแบบไม่มีเกรงใจกัน (นั่นมันเงินของข้านะเฟ้ยยยย) ในหนังสือดอนกิโฆเต้ อุดมการณ์อัศวินจากชายแก่วิกลจริต เป็นอย่างไร ขอย้ำอีกทีว่าไม่รู้ (เพราะยังไม่ได้อ่าน) แต่ในซีรีย์เรื่องนี้มีคำหรูๆ เกี่ยวกับชีวิตยังมีหวังได้ถูกกล่าวไว้Remember, as long as there is life, there will always be hope. No matter what the hurdles are, the road is always open Aboslutely, there is hope. Until then we must not give up, there is no giving up. Let us face it together with the light of hope. So, come along with this legendary knigh. ส่วนอุดมการณ์อัศวินจากชายยากูซ่า ในท่ามกลางความอลเวงของสองร่างสลับวิญญาณ อยากจะบอกว่าเข้าใจ แต่ก็ไม่แน่ใจว่าเข้าถึง แด่ ความฝันอันรื่นรมย์ อัศวินจำใจ และยากูซ่าจำเป็น จึงบัญญัติอุดมการณ์ไว้เองว่าจงเก่งกล้า บ้าบอ เป็นตัวของตัวเอง ทำในสิ่งที่เชื่อ เชื่อในสิ่งที่ทำ และทำตามใจปราถนา (ฮ่าฮ่าฮ่า .... ขอหัวเราะส่งท้ายอีกทีเถิด) ** อยากรู้เกี่ยวกับ Don Quixote อีกหน่อย อ่านที่นี่ ** ดอนกิโฆเต้ แห่งลามันช่า ขุนนางต่ำศักดิ์นักฝัน ขอบคุณ Dramacrezy, DramaWiki , Asianwiki .
Create Date : 25 พฤษภาคม 2555
Last Update : 6 กรกฎาคม 2556 20:38:14 น.
Counter : 8444 Pageviews.
จำนวนผู้ชม คน
: Users Online